วันที่ 6 ตะลุย KYOTO กันค่าาาาาาาาาา! ! !
08.00 น. ออกจากที่พักเตรียมตัวไปศาลเจ้า Fusiimi Inari Shrine กันค่า

(เส้นทางการเดินทางเช้านี้ค่ะ)
>> ออกจากสถานีเดินมาอีกนิดเดียวก็จะเจอศาลเจ้าเลยค่ะ หาไม่ยาก และภาพทแรกที่เราเห็นคือภาพนี้ค่ะ

(บริเวณทาเข้าประตู Homon ข้ามถนนจากสถานีรถไฟมาก็เจอเลยค่ะ)
>> อ่อลืมบอก...ศาลเจ้านี้เข้าฟรี ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายนะคะ

(นี่คืออาคารหลัก Honden มีสุนัขจิ้งจอก Kitsune เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูด้วยค่ะ)

(เดินเข้ามาอีกนิดจะเจอกับจุดขายแผ่นป้ายเขียนขอพร และพวกเครื่องรางต่างๆ เพียบเลยค่ะ :ในภาพเป็นป้ายขอพรเสาโทริอิ)

(ถึงแล้วค่า...ทางเดินเข้าสู่เสาโทริอิพันต้น )

(เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอเสาโทริอิขนาดเล็ก ตั้งขนานกันอยู่นสองทางนะคะ)
>> เราสามารถเดินเข้าฝั่งไหนก็ได้ค่ะ

(พอเดินเข้าไปจนสุด ก็จะเจอจุดชำระล้างร่างกายค่ะ อย่าลืมล้างมือ / บ้วนปากกันนะคะ

)

(มองไปอีกทางจะเห็นมีแผ่นป้ายขอพรเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกขายอยู่ค่ะ)
>> แผ่นป้ายขอพรจะเป็นแผ่นป้ายโล่งๆ มีแต่คิ้วให้อย่างเดียว ให้เราวาดเติมหน้าลงไป
ส่วนด้านหลังเขียนคำขอพรค่ะ อินี่ยืนดูเพลินๆ เลย น่ารักดีค่ะ...ชอบบบบ!! แล้วก็แอบคิดอยู่ในใจว่า
คนประเทศนี้เค้าเกิดมาวาดรูปสวยแทบทุกคนเลยหรือเปล่านะ (เหมือนทุกคนเกิดมามีพรสวรรค์ทางด้านนี้><)
เกือบทุกอันที่เป็นภาษาญี่ปุ่น วาดออกมาสวยแทบทุกอันเลยค่ะ ^^"
>> จากบริเวณนี้เราสามารถเดินขึ้นไปต่อได้นะคะ...แต่แกงค์เราไม่ไปละค่ะ...เ
พราะรู้สึกว่าจะต้องเดินไปอีกไกลพอสมควร....แกงค์เรา...เดินกลับละค่ะ!!!! (ไม่สู้ ><)

(ถ่ายเสาโทริอิขากลับ ที่เสาจะเห็นตัวหนังสือด้วยค่ะ (จริงๆ ไม่ต้องรอขากลับก็ได้ ตอนมาแค่หันหลังก็เห็นละค่ะ) จะพูดทำไม -*-)
>> แท่น...แท๊นนนนน.....ทางเดินออกของศาลเจ้ามีของร้านรวงเพียบเลยค๊าาาาาา (อินี่แฮปปี้มาก!!!)

(อันนี้เป็นเนื้อสไลด์บางๆ ห่อข้าวอยู่ข้างในค่ะ : ราคาประมาณ 500 เยน : ไม้นี้อร่อยมาก..ต้องลองค่ะ!!)

(ไดฟุกุค่ะ : ราคา 250 เยน/ลูก : อันนี้ก็ต้องลองค่ะ อร่อยมากกกกกกกกกกกกกเช่นกันค่ะ ลองให้ได้นะคะ ^^')

(ร้านนี้เป็นมันม่วงทอด แล้วเคลือบน้ำตาลค่ะ : ราคามี 2 Size คือ 400 เยน กับ 600 เยนค่ะ ตามภาพคือ 400 เยนค่ะ)
>> อันนี้สำหรับเราเฉยๆ ค่ะ (เราว่ามันแห้งไปหน่อยอ่าค่ะ)

(ร้านนี้ดึงดูดมากค่ะ เป็นเหมือนลูกชิ้นเนื้อปูย่างเสียบไม้ : ไม้ละ 500 เยน : สำหรับเรารสชาติเฉยๆ ทั่วไปค่ะไม่โดดเด่นอะไรมาก)

(พอออกมาจากศาลเจ้าก็เดินเข้าสถานีรถไฟ Inari แล้วให้เดินข้ามสะพานลอยมารอรถไฟที่อีกฝั่งนึงนะคะ)
10.30 น. Next Station Kinkakuji Temple หรือวัดทองค่ะ
>> จากสถานี Inari ให้นั่งรถไฟกลับมาที่สถานีเกียวโตค่ะ

>> เมื่อถึงสถานีเกียวโตให้เดินออกมาจากสถานี แล้วไปที่ป้ายรสบัสนะคะ (เค้าจะมีบอกค่ะว่าเป็นป้ายรสบัสที่ไปวัด Kinkakuji)
>> แนะนำให้ซื้อตั๋ว Kyoto City Bus & Kyoto Bus One day Pass นะคะ ราคา 500 เยนค่ะ
เนื่องจากวันนี้เราจะใช้บริการรสบัสค่อนข้างเยอะ และ JR Pass ที่มีอยู่ในมือก็ใช้ไม่ได้ค่ะ
สามารถหากดได้ที่ตู้บริเวณป้ายรสบัสเลยค่ะ (บัตรนี้เป็นตั๋ววันของเกียวโต
เราสามารถนั่งรถประจำทางคันไหนก็ได้ไม่จำกัดภายใน1 วันค่ะ)

(หน้าตาบัตรจะเป็นแบบนี้ค่ะ...ได้บัตรมาแล้วก็ต่อแถวเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่วัดทองโลดค่ะ!!!!)
>> อ่อลืมบอกค่ะ!! สายรสบัสที่จะพาเราไปวัด Kinkakuji มีบัสสาย 101, 102, 204 และ205 นะคะ
>> พอลงจากรสบัสที่ป้าย Kinkakuji ปุ๊บให้ลองมองหาร้าน Yojiya นะคะ

(อันนี้ยืมรูปบล๊อคคุณ paribut&month อีกทีนะคะ : สาวๆ อย่าลืมแวะเข้าไปดูในร้านสักนิดนะคะ)
>> ร้านนี้เป็นเครื่องสำอางค์แบรนด์ของเกียวโตค่ะ เราเข้าไปลองมาค่ะ (มันดีงามมากค่ะ)
>> ผลิตภัณฑ์อันที่เราคิดว่าโอเคเลย ก็มี ครีมทามือ แป้ง และสบู่ล้างหน้าของเค้าค่ะ
(ร้านนี้เค้าจะมีให้ลองทุกอย่าง ลองดูก่อนนะคะว่าชอบมั้ย)
อ่อ...มีกระดาษซับมันค่ะที่เค้าว่าดีๆ กัน (แต่เราไม่ได้เป็นคนหน้ามันอ่าค่ะ
ติดจะหน้าแห้งด้วยซ้ำ เลยไม่ได้ซื้อมาลองค่ะ ><)
>> ชอปปิ้งเพลินๆ เสร็จแล้วก็เดินเข้าวัดกันค่ะ (อินี่เสียตังค์ตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้เข้าวัดเลย...สบายใจละ ^^')

(ยังค่ะ ยังไม่ถึงวัดซะที ทัวร์แวะทุกร้านทุกที่ตลอดทางก็มา -*- อินี่แว่บมากินไอติมชาเขียวก่อนค่ะ)
>> ก่อนถึงวัดจะมีร้านไอติมอยู่ร้านนึงค่ะ (แบบ BG ด้านหลังภาพไอติมเราเลย) โคนนี้ราคา 300 เยนได้
เราจะบอกว่าให้อดใจไว้ก่อน อย่างเพิ่งซื้อที่ร้านนี้ค่ะ!!!! (อย่ารีบเหมือนเรา T^T)
เดินไปอีกนิดค่ะ จะเจอร้านไอติมอีกร้านที่โอเคกว่า
ที่ว่าโอเคกว่าคือ ตัวโคนไอติมโอเคกว่าค่ะ ราคา 400 เยน
(อินี่เสียดายอยากชิมร้านนี้มากเลย แต่อิโคนในมือก็ยังไม่หมด..อยากจะร้อง!! T^T)
>> พอค่ะพอๆๆ แวะนิดแวะหน่อยตลอดทาง ไม่ถึงวัดซักทีค่ะ -*-
ไปค่ะ เดินหน้ากันต่อค่ะ (เราจะไม่วอกแวกละ ><)

(ก่อนเข้าต้องเสียค่าเข้าก่อนค่ะ : ผู้ใหญ่ 400 เยน / เด็ก 300 เยน
แล้วจะได้บัตรผ่านทาง พร้อมโบรชัวร์แนะนำสถานที่แบบนี้ค่ะ)

(เดินเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอศาลาทองที่พำนักของท่านโชกุนอะชิกะงะ โยะชิมิสึแบบนี้เลยค่ะ)
>> จะบอกว่าตัวศาลาทองของจริงนั้นทองอร่ามดูสว่างไสวสวยมากๆ ค่ะ (รูปนี่ดรอปไปเลยบอกตรงๆ)

(พอเดินวนขวามาหน่อยจะถึงบริเวณด้านหลังของตัวศาลาทอง : ลองถ่ายภาพศาลาทองจากมุมนี้ก็สวยดีนะคะ)
>> ขาเดินออกมาจะเห็นเค้าตั้งซุ้มขายถั่วแบบนี้ค่ะ

(แบบนี้ค่ะ..จริงๆ มีหลายรส แต่เราซื้อมารสเดียว อันนี้รสวาซาบิค่ะ : ซื้อมาเถอะค่ะ อร่อยมาก!!)
14.30 น. Next Station Kiyomizu-dera Temple (วัดน้ำใส)
>> การเดินทางจากวัดทองมาวัดน้ำใสไม่ยากเลยค่ะ ให้เดินมาที่ป้ายรถบัสแล้วรอสาย 12 นั่งมาลงที่ป้าย Gion
ระหว่านี้แอบงีบได้นิดหน่อยนะคะ เพราะใช้เวลาพอสมควร
พอลงที่ป้าย Gion แล้วให้ยืนรอสาย 100 นั่งต่ออีกแปบเดียวก็ลงที่ป้าย Kiyomizu ได้เลยค่ะ

(ลงรูปเพลิน ลืมบอกว่าอย่าลืมซื้อบัตรเข้านะคะ บัตรหน้าตาแบบนี้ราคา 300 เยนค่ะ)

(ต่อค่ะต่อ...กำลังลงรูปเพลินๆ เวลานี้เริ่มจะเย็นแล้ว ได้แสงประมาณนี้จะบอกว่าย้อนแสงมากๆ ถ่ายภาพลำบากจุง ><)

(เดินขึ้นมาด้านบนก็จะเจอวิวแบบนี้ค่ะ วันที่เราไปคนเยอะมากค่ะ เหมือนจะเจอทัวร์ เดินชนกันเปะปะเลย -_-" )

(มาถึงด้านบนแล้ว..เราสามารถมองเห็นวิวเบื้องล่างได้ทั่วเลยค่ะ สวยดีนะคะ ^^)

(วิวเบื้องล่างอีกสักภาพค่ะ)

(เดินลงมาด้านล่างจะเจอน้ำตกโอตะวะ ที่ผู้มาเยี่ยมชมแทบทุกคนต้องมาต่อแถวดื่มน้ำ และขอพรกันค่ะ)
>> น้ำตกโอตะวะเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ มีความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ อายุยืนยาว และความสำเร็จในการศึกษาค่ะ
>> แต่จะแอบบอกว่าของจริงน้ำตกนี้เล็กมากค่ะ ตอนเดินลงมาแรกๆ ก็เงิบๆ งงๆ ว่าอ้าว...มันอันเท่านี้เองหรอ ><

(ดื่มน้ำกันเสร็จแล้ว เดินออกมาอีกนิด อย่าลืมมองบนค่ะ มองบนกันนิด จะเจอมุมสวยๆ แบบนี้ค่ะ)

(พอได้ลองมองบน...งานต้นไม้ใบหญ้าก็มาอีกแล้วค่ะ ขอนิดนึงค่ะ แฮ่ ><)

(ออกมาจากวัดก็เดินผ่านซอยวัดคิโยมิสึเหมือนเดิมค่ะ...จะบอกว่าเป็นแหล่งละลายทรัพย์ดีๆ
นี่เองค่ะ อินี่ก็แวะกินตลอดทางท้องจะแตกค่ะ -*-)
------ ยังไม่หมดนะคะ เดี๋ยวต่อด้านล่าง มันเยอะ -----
>>> ด้านล่างนี้เป็น Link สำหรับกระทู้ก่อนหน้านี้นะคะ เผื่อใครมาไม่ทันค่ะ <<<
:: (1) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 1 : เตรียมอะไรบ้างก่อนไปญี่ปุ่น –
http://pantip.com/topic/35479682
:: (2) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 2.1 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) –
http://pantip.com/topic/35491703
:: (3) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 2.2 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) –
http://pantip.com/topic/35491777
:: (4) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 3.1 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) –
http://pantip.com/topic/35495546
:: (5) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 3.2 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) -
http://pantip.com/topic/35499053
:: (6) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 4 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) –
http://pantip.com/topic/35499139
:: (7) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 5 : เก็บข้าวเก็บของไป TAKAYAMA - SHIRAKAWAGO กันค่าาาา...... -
http://pantip.com/topic/35514837
:: (8) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 6 : ทัวร์กินที่ TAKAYAMA - KYOTO กันนะ! ! ! -
http://pantip.com/topic/35518537
[CR] - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 7 : ตะลุย KYOTO กันค่าาาาาาาาาา! ! ! -
08.00 น. ออกจากที่พักเตรียมตัวไปศาลเจ้า Fusiimi Inari Shrine กันค่า
(เส้นทางการเดินทางเช้านี้ค่ะ)
>> ออกจากสถานีเดินมาอีกนิดเดียวก็จะเจอศาลเจ้าเลยค่ะ หาไม่ยาก และภาพทแรกที่เราเห็นคือภาพนี้ค่ะ
(บริเวณทาเข้าประตู Homon ข้ามถนนจากสถานีรถไฟมาก็เจอเลยค่ะ)
>> อ่อลืมบอก...ศาลเจ้านี้เข้าฟรี ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายนะคะ
(นี่คืออาคารหลัก Honden มีสุนัขจิ้งจอก Kitsune เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูด้วยค่ะ)
(เดินเข้ามาอีกนิดจะเจอกับจุดขายแผ่นป้ายเขียนขอพร และพวกเครื่องรางต่างๆ เพียบเลยค่ะ :ในภาพเป็นป้ายขอพรเสาโทริอิ)
(ถึงแล้วค่า...ทางเดินเข้าสู่เสาโทริอิพันต้น )
(เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอเสาโทริอิขนาดเล็ก ตั้งขนานกันอยู่นสองทางนะคะ)
>> เราสามารถเดินเข้าฝั่งไหนก็ได้ค่ะ
(พอเดินเข้าไปจนสุด ก็จะเจอจุดชำระล้างร่างกายค่ะ อย่าลืมล้างมือ / บ้วนปากกันนะคะ
(มองไปอีกทางจะเห็นมีแผ่นป้ายขอพรเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกขายอยู่ค่ะ)
>> แผ่นป้ายขอพรจะเป็นแผ่นป้ายโล่งๆ มีแต่คิ้วให้อย่างเดียว ให้เราวาดเติมหน้าลงไป
ส่วนด้านหลังเขียนคำขอพรค่ะ อินี่ยืนดูเพลินๆ เลย น่ารักดีค่ะ...ชอบบบบ!! แล้วก็แอบคิดอยู่ในใจว่า
คนประเทศนี้เค้าเกิดมาวาดรูปสวยแทบทุกคนเลยหรือเปล่านะ (เหมือนทุกคนเกิดมามีพรสวรรค์ทางด้านนี้><)
เกือบทุกอันที่เป็นภาษาญี่ปุ่น วาดออกมาสวยแทบทุกอันเลยค่ะ ^^"
>> จากบริเวณนี้เราสามารถเดินขึ้นไปต่อได้นะคะ...แต่แกงค์เราไม่ไปละค่ะ...เ
พราะรู้สึกว่าจะต้องเดินไปอีกไกลพอสมควร....แกงค์เรา...เดินกลับละค่ะ!!!! (ไม่สู้ ><)
(ถ่ายเสาโทริอิขากลับ ที่เสาจะเห็นตัวหนังสือด้วยค่ะ (จริงๆ ไม่ต้องรอขากลับก็ได้ ตอนมาแค่หันหลังก็เห็นละค่ะ) จะพูดทำไม -*-)
>> แท่น...แท๊นนนนน.....ทางเดินออกของศาลเจ้ามีของร้านรวงเพียบเลยค๊าาาาาา (อินี่แฮปปี้มาก!!!)
(อันนี้เป็นเนื้อสไลด์บางๆ ห่อข้าวอยู่ข้างในค่ะ : ราคาประมาณ 500 เยน : ไม้นี้อร่อยมาก..ต้องลองค่ะ!!)
(ไดฟุกุค่ะ : ราคา 250 เยน/ลูก : อันนี้ก็ต้องลองค่ะ อร่อยมากกกกกกกกกกกกกเช่นกันค่ะ ลองให้ได้นะคะ ^^')
(ร้านนี้เป็นมันม่วงทอด แล้วเคลือบน้ำตาลค่ะ : ราคามี 2 Size คือ 400 เยน กับ 600 เยนค่ะ ตามภาพคือ 400 เยนค่ะ)
>> อันนี้สำหรับเราเฉยๆ ค่ะ (เราว่ามันแห้งไปหน่อยอ่าค่ะ)
(ร้านนี้ดึงดูดมากค่ะ เป็นเหมือนลูกชิ้นเนื้อปูย่างเสียบไม้ : ไม้ละ 500 เยน : สำหรับเรารสชาติเฉยๆ ทั่วไปค่ะไม่โดดเด่นอะไรมาก)
(พอออกมาจากศาลเจ้าก็เดินเข้าสถานีรถไฟ Inari แล้วให้เดินข้ามสะพานลอยมารอรถไฟที่อีกฝั่งนึงนะคะ)
10.30 น. Next Station Kinkakuji Temple หรือวัดทองค่ะ
>> จากสถานี Inari ให้นั่งรถไฟกลับมาที่สถานีเกียวโตค่ะ
>> เมื่อถึงสถานีเกียวโตให้เดินออกมาจากสถานี แล้วไปที่ป้ายรสบัสนะคะ (เค้าจะมีบอกค่ะว่าเป็นป้ายรสบัสที่ไปวัด Kinkakuji)
>> แนะนำให้ซื้อตั๋ว Kyoto City Bus & Kyoto Bus One day Pass นะคะ ราคา 500 เยนค่ะ
เนื่องจากวันนี้เราจะใช้บริการรสบัสค่อนข้างเยอะ และ JR Pass ที่มีอยู่ในมือก็ใช้ไม่ได้ค่ะ
สามารถหากดได้ที่ตู้บริเวณป้ายรสบัสเลยค่ะ (บัตรนี้เป็นตั๋ววันของเกียวโต
เราสามารถนั่งรถประจำทางคันไหนก็ได้ไม่จำกัดภายใน1 วันค่ะ)
(หน้าตาบัตรจะเป็นแบบนี้ค่ะ...ได้บัตรมาแล้วก็ต่อแถวเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่วัดทองโลดค่ะ!!!!)
>> อ่อลืมบอกค่ะ!! สายรสบัสที่จะพาเราไปวัด Kinkakuji มีบัสสาย 101, 102, 204 และ205 นะคะ
>> พอลงจากรสบัสที่ป้าย Kinkakuji ปุ๊บให้ลองมองหาร้าน Yojiya นะคะ
(อันนี้ยืมรูปบล๊อคคุณ paribut&month อีกทีนะคะ : สาวๆ อย่าลืมแวะเข้าไปดูในร้านสักนิดนะคะ)
>> ร้านนี้เป็นเครื่องสำอางค์แบรนด์ของเกียวโตค่ะ เราเข้าไปลองมาค่ะ (มันดีงามมากค่ะ)
>> ผลิตภัณฑ์อันที่เราคิดว่าโอเคเลย ก็มี ครีมทามือ แป้ง และสบู่ล้างหน้าของเค้าค่ะ
(ร้านนี้เค้าจะมีให้ลองทุกอย่าง ลองดูก่อนนะคะว่าชอบมั้ย)
อ่อ...มีกระดาษซับมันค่ะที่เค้าว่าดีๆ กัน (แต่เราไม่ได้เป็นคนหน้ามันอ่าค่ะ
ติดจะหน้าแห้งด้วยซ้ำ เลยไม่ได้ซื้อมาลองค่ะ ><)
>> ชอปปิ้งเพลินๆ เสร็จแล้วก็เดินเข้าวัดกันค่ะ (อินี่เสียตังค์ตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้เข้าวัดเลย...สบายใจละ ^^')
(ยังค่ะ ยังไม่ถึงวัดซะที ทัวร์แวะทุกร้านทุกที่ตลอดทางก็มา -*- อินี่แว่บมากินไอติมชาเขียวก่อนค่ะ)
>> ก่อนถึงวัดจะมีร้านไอติมอยู่ร้านนึงค่ะ (แบบ BG ด้านหลังภาพไอติมเราเลย) โคนนี้ราคา 300 เยนได้
เราจะบอกว่าให้อดใจไว้ก่อน อย่างเพิ่งซื้อที่ร้านนี้ค่ะ!!!! (อย่ารีบเหมือนเรา T^T)
เดินไปอีกนิดค่ะ จะเจอร้านไอติมอีกร้านที่โอเคกว่า
ที่ว่าโอเคกว่าคือ ตัวโคนไอติมโอเคกว่าค่ะ ราคา 400 เยน
(อินี่เสียดายอยากชิมร้านนี้มากเลย แต่อิโคนในมือก็ยังไม่หมด..อยากจะร้อง!! T^T)
>> พอค่ะพอๆๆ แวะนิดแวะหน่อยตลอดทาง ไม่ถึงวัดซักทีค่ะ -*-
ไปค่ะ เดินหน้ากันต่อค่ะ (เราจะไม่วอกแวกละ ><)
(ก่อนเข้าต้องเสียค่าเข้าก่อนค่ะ : ผู้ใหญ่ 400 เยน / เด็ก 300 เยน
แล้วจะได้บัตรผ่านทาง พร้อมโบรชัวร์แนะนำสถานที่แบบนี้ค่ะ)
(เดินเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอศาลาทองที่พำนักของท่านโชกุนอะชิกะงะ โยะชิมิสึแบบนี้เลยค่ะ)
>> จะบอกว่าตัวศาลาทองของจริงนั้นทองอร่ามดูสว่างไสวสวยมากๆ ค่ะ (รูปนี่ดรอปไปเลยบอกตรงๆ)
(พอเดินวนขวามาหน่อยจะถึงบริเวณด้านหลังของตัวศาลาทอง : ลองถ่ายภาพศาลาทองจากมุมนี้ก็สวยดีนะคะ)
>> ขาเดินออกมาจะเห็นเค้าตั้งซุ้มขายถั่วแบบนี้ค่ะ
(แบบนี้ค่ะ..จริงๆ มีหลายรส แต่เราซื้อมารสเดียว อันนี้รสวาซาบิค่ะ : ซื้อมาเถอะค่ะ อร่อยมาก!!)
14.30 น. Next Station Kiyomizu-dera Temple (วัดน้ำใส)
>> การเดินทางจากวัดทองมาวัดน้ำใสไม่ยากเลยค่ะ ให้เดินมาที่ป้ายรถบัสแล้วรอสาย 12 นั่งมาลงที่ป้าย Gion
ระหว่านี้แอบงีบได้นิดหน่อยนะคะ เพราะใช้เวลาพอสมควร
พอลงที่ป้าย Gion แล้วให้ยืนรอสาย 100 นั่งต่ออีกแปบเดียวก็ลงที่ป้าย Kiyomizu ได้เลยค่ะ
(ลงรูปเพลิน ลืมบอกว่าอย่าลืมซื้อบัตรเข้านะคะ บัตรหน้าตาแบบนี้ราคา 300 เยนค่ะ)
(ต่อค่ะต่อ...กำลังลงรูปเพลินๆ เวลานี้เริ่มจะเย็นแล้ว ได้แสงประมาณนี้จะบอกว่าย้อนแสงมากๆ ถ่ายภาพลำบากจุง ><)
(เดินขึ้นมาด้านบนก็จะเจอวิวแบบนี้ค่ะ วันที่เราไปคนเยอะมากค่ะ เหมือนจะเจอทัวร์ เดินชนกันเปะปะเลย -_-" )
(มาถึงด้านบนแล้ว..เราสามารถมองเห็นวิวเบื้องล่างได้ทั่วเลยค่ะ สวยดีนะคะ ^^)
(วิวเบื้องล่างอีกสักภาพค่ะ)
(เดินลงมาด้านล่างจะเจอน้ำตกโอตะวะ ที่ผู้มาเยี่ยมชมแทบทุกคนต้องมาต่อแถวดื่มน้ำ และขอพรกันค่ะ)
>> น้ำตกโอตะวะเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ มีความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ อายุยืนยาว และความสำเร็จในการศึกษาค่ะ
>> แต่จะแอบบอกว่าของจริงน้ำตกนี้เล็กมากค่ะ ตอนเดินลงมาแรกๆ ก็เงิบๆ งงๆ ว่าอ้าว...มันอันเท่านี้เองหรอ ><
(ดื่มน้ำกันเสร็จแล้ว เดินออกมาอีกนิด อย่าลืมมองบนค่ะ มองบนกันนิด จะเจอมุมสวยๆ แบบนี้ค่ะ)
(พอได้ลองมองบน...งานต้นไม้ใบหญ้าก็มาอีกแล้วค่ะ ขอนิดนึงค่ะ แฮ่ ><)
(ออกมาจากวัดก็เดินผ่านซอยวัดคิโยมิสึเหมือนเดิมค่ะ...จะบอกว่าเป็นแหล่งละลายทรัพย์ดีๆ
นี่เองค่ะ อินี่ก็แวะกินตลอดทางท้องจะแตกค่ะ -*-)
------ ยังไม่หมดนะคะ เดี๋ยวต่อด้านล่าง มันเยอะ -----
>>> ด้านล่างนี้เป็น Link สำหรับกระทู้ก่อนหน้านี้นะคะ เผื่อใครมาไม่ทันค่ะ <<<
:: (1) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 1 : เตรียมอะไรบ้างก่อนไปญี่ปุ่น –
http://pantip.com/topic/35479682
:: (2) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 2.1 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) –
http://pantip.com/topic/35491703
:: (3) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 2.2 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) –
http://pantip.com/topic/35491777
:: (4) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 3.1 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) –
http://pantip.com/topic/35495546
:: (5) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 3.2 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) -
http://pantip.com/topic/35499053
:: (6) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 4 : จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว) –
http://pantip.com/topic/35499139
:: (7) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 5 : เก็บข้าวเก็บของไป TAKAYAMA - SHIRAKAWAGO กันค่าาาา...... -
http://pantip.com/topic/35514837
:: (8) - วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น อย่างละเอียด ตอนที่ 6 : ทัวร์กินที่ TAKAYAMA - KYOTO กันนะ! ! ! -
http://pantip.com/topic/35518537