ผมไปถามอาจารย์มาแล้วครับ ได้คำตอบมาดังนี้

ผมขออธิบาย Concept คร่าวๆก่อนนะครับ
- เราสามารถแบ่งเสียงพยัญชนะได้ออกเป็น 2 ประเภท ตามความก้องของเสียง ได้แก่ เสียงก้อง (Voiced) และ เสียงไม่ก้อง (Voiceless)
- ในการผลิตเสียงก้องนั้น เส้นเสียงจะสั่น โดยเส้นเสียงจะสั่นเมื่อมีการเปิดปิดเส้นเสียงอย่างต่อเนื่อง (ลมจากปอดดันเส้นเสียงออกมา เหมือนคนแย่งเข้างานคอนเสิร์ต) ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำให้เส้นเสียงสั่น
- เสียง /t/ คือเสียงไม่ก้อง ส่วน เสียง /d/ นั้นคือเสียงก้อง



สาเหตุที่เสียง /d/ ท้ายคำว่า 'and' ฟังคล้ายเสียง /t/ เกิดจากการที่เสียงก้อง /d/ มีความก้องน้อยลง (Devoicing) ย้ำว่าก้องน้อยลงเท่านั้น แต่ยังไม่ได้เป็นเสียงไม่ก้องนะครับ คือเป็นเสียงพยัญชนะที่มีค่าระหว่างเสียงก้องและเสียงไม่ก้อง (Devoiced consonant)

สาเหตุที่เสียงก้องที่อยู่ท้ายคำมีความก้องน้อยลง (Final devoicing) เพราะว่า การที่เส้นเสียงสั่นต้องอาศัยเวลาในการทำให้สั่น แต่เมื่อเสียงก้อง /d/ อยู่ท้ายคำ เราหยุดพูดเร็ว จึงทำให้เวลาไม่เพียงพอทำให้เสียงนั้นเป็นเสียงก้อง (Fully voiced) จึงเป็น Devoiced แทน

อย่างไรก็ตาม เสียง /d/ ที่มีความก้องน้อยลง (คล้ายเสียง /t/ มากขึ้น) ก็ยังไม่เหมือนเสียง /t/ ซะทีเดียวซึ่งเป็นเสียง Fully voiceless และเป็นเสียงที่มีความเป็นพยัญชนะสูง (Strong consonant) เห็นได้จากเสียง /t/ ในคำว่า 'ant' จะชัดมากๆ

ปรากฎการณ์นี้จะไม่เกิดกับเสียง /d/ ที่อยู่ต้นคำ เนื่องจากมีเวลาเพียงพอทำให้เส้นเสียงสั่น (Fully voiced)