งบน้อย เวลาก็ไม่ค่อยมี แต่อยากหนีเที่ยว
เป็นพวกว่างไม่ได้ เป็นอันต้องไปเที่ยวไหนสักที่
ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ใช้เวลาเดินทางแค่ 40 นาทีเองอ่าแกร
กับงบไม่เกิน 150 บาท
ห๊ะๆๆ #ถูกอะไรเบอร์น๊านนนนน

ทริปนี้เป็นทริปง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องแพลน อยากไปก็ไปเลย ที่สำคัญ ครึ่งวันก็ไปได้
พระราชวังบางประอิน มีอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อ
ตามมาครับ วันนี้ จัง หวะ จะ เดิน ขอเชิญทัศนาและพาเที่ยวชม
การเดินทาง
นี่คงเป็นกระทู้ที่สามสิบล้านของการรีวิวรถไฟ เพราะฉะนั้นจะไม่ลำใยเวิ่นเว้อ ว่าต้องขึ้นยังไง รับตั๋วยังไง ข้ามตรงนี้ไปเลย
เวลา 10.30 ออกเดินทางจากสถานีรถไฟดอนเมือง ใช้เวลา 40 นาที
ขากลับมีรถเที่ยวล่องเวลา 16.15 ไปถึงสถานีแล้วแนะนำให้ซื้อตั๋วขากลับไว้เลยก็ได้ สบายใจกว่า จะได้รู้เวลากลับ ไม่ต้องตกรถ
-รถไฟสายเหนือ ลงสถานีบางปะอิน มีทั้งรถไฟฟรี และต้องซื้อตั๋ว ราคาตั๋วไม่เกิน 30 บาท
-จากสถานีรถไฟ มีวินมอไซค์ บอกพี่สุชาติว่าไปวังบางปะอิน ค่ารถ20บาท หรือจะเดินก็ได้ถ้าอึดพอ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
-ค่าเข้าชมพระราชวังบางปะอิน 30 บาทครับ
เวลา 10.00 ถึงสถานีดอนเมือง ฝนตกปรอยๆ แต่ไม่ใช่อุปสรรค ตั้งใจจะไปก็ต้องไป
ถึงสถานีก็ไปรับตั๋ว เป็นตัวฟรีสำหรับประชาชนคนไทย เพียงยื่นบัตรประชาชน แล้วยืนยิ้มสวยๆรอ ถึงแม้พนักงานจะไม่ยิ้มตอบกลับมาก็เถอะ

ได้ตั๋วมาแล้ว ก็รอครับ ระหว่างนั้นก็ทำธุระส่วนตัว เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย
เพราะอย่าไปหวังอะไรกับห้องน้ำรถไฟฟรี

ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ แต่จะว่าไป ก็ได้บรรยากาศเหงาๆไปอีกแบบ

รถไฟไทย แอบช้านิดหน่อย เวลา 10.45 รถก็มา ช้าไป15นาที พอให้อภัยได้

ขึ้นรถแล้วก็นั่งกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ

ถ้าใครหิวน้ำ หิวข้าว ก็จะมีพ่อค้าแม่ขาย เดินบริการตลอด ขีดเส้นใต้คำว่าตลอด เพราะเดินไปมา แบบไม่ขาดสายกันเลย

ไม่ช้าไม่นาน ก็มาถึงสถานีบางปะอิน ใช้เวลาจากดอนเมือง-บางปะอิน ประมาณ 40 นาที

เมื่อถึงสถานีแล้ว แนะนำให้เช็คเวลารถไฟกลับ แล้วซื้อตั๋วไว้เลยก็ได้

จากสถานีรถไฟ มีวินมอไซค์ข้างหน้าเลย บอกว่าไปวังบางปะอิน ค่ารถ20บาท หรือจะเดินก็ได้ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
ไปจ้ะ พี่สุชาติ

ไม่ถึง 10 นาที พี่สุชาติก็พามาส่งถึงหน้าวัง

ค่าเข้าชม 30 บาท สำหรับคนไทย

ข้อปฏิบัติ เน้นย้ำว่า ต้องแต่ตัวให้สุภาพ เรียบร้อย เพราะเป็นเขตพระราชฐาน
มาถึงตรงนี้ ขอเล่าประวัติ พระราชวังบางปะอินก่อนนะ
หรือใครพอทราบมาบ้าง ก็ Skip ได้เลย
พระราชวังบางปะอิน ตั้งอยู่ในตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจากเกาะเมืองลงมาทางทิศใต้ประมาณ 18 กิโลเมตรเป็นพระราชวังโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เนื่องจากเป็นที่ประสูติของพระองค์ ใช้เป็นสถานที่ที่ทรงใช้ประทับแรม ของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ด้วยเป็นพระราชวังใกล้พระนครนั่นเอง
หลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พระราชวังบางปะอินถูกปล่อยให้รกร้างมาระยะหนึ่ง แต่กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งโดยสุนทรภู่ซึ่งได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรีได้ประพันธ์ถึงพระราชวังบางปะอินไว้ในนิราศพระบาท จนกระทั่ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้เริ่มการบูรณะพระราชวังขึ้น และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้บูรณะครั้งใหญ่ โดยสร้างพระที่นั่ง พระตำหนัก และตำหนักต่าง ๆ ขึ้นมากมายเพื่อใช้เป็นที่ประทับรับรองพระราชอาคันตุกะ และพระราชทานเลี้ยงในโอกาสต่าง ๆ
ปัจจุบัน พระราชวังบางปะอินอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง และยังใช้เป็นสถานที่แปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย แต่ได้เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ โดยต้องแต่งกายให้สุภาพ
***โดยส่วนมากภายในพระที่นั้งต่างๆ ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ***
เมื่อเข้ามาแล้ว เนื่องจากพื้นที่ของวังค่อนข้างกว้าง ถ้าคิดว่าเดินไม่ไหว ก็มีรถกล์อฟให้บริการด้วย

ค่าบริการ และข้อปฏิบัติ ดังแสดงครับ แต่วันนี้ เรามาทริปสุดแสนประหยัด เลยขอเดินเอาดีกว่า
เวลาตอนนี้ 12.30 แล้ว และต้องไปต่ออีกสถานที่หนึ่ง แล้วต้องกลับไปให้ทันรถไฟรอบ 16.15 ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ ต้องรีบเดินแต่ข้อมูลต้องครบ หรือเก็บภาพให้ได้เยอะที่สุด
เริ่มครับ

เมื่อเข้ามาแล้ว สถานที่แรกเลยที่ท่านจะได้ชม คือ หอเหมมณเฑียรเทวราช

้หอเหมมณเฑียรเทวราช เป็นปรางค์ศิลา ยอดทรงปราสาทแบบขอม พระบาทสมเดจพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2423 เพื่อทรงอุทิศแดาประเจ้าปราสาททอง
สภาคารราชประยูร
เป็นตึกสองชั้นริมน้ำ สร้างเมื่อ พ.ศ.2419 สำหรับเป็นที่พระทับของเจ้านายฝ่ายหน้าและข้าราชบริพารในอดีต
พระที่นั่งวโรภาษพิมาน

เป็นพระที่นั่งทรงตึกชั้นเดียว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างแล้วเสร็จเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๑๙ ตรงบริเวณที่ประทับเดิมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อแรกสร้างเป็นอาคารตึก ๒ ชั้น ต่อมาได้ดัดแปลงรื้อลงเป็นชั้นเดียว ใช้เป็นที่ประทับและมีท้องพระโรงเสด็จออกว่าราชการ

ภายในห้องโถงรับรองและห้องทรงพระสำราญ ประดับภาพเขียนสีน้ำมัน ภาพพระราชพงศาวดารประกอบโคลงบรรยายภาพอันงดงามทรงคุณค่า เป็นภาพเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย และฉากต่าง ๆ จากวรรณคดีไทยหลายเรื่อง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วาดภาพเหล่านี้ขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๓๐

ปัจจุบันพระที่นั่งองค์นี้ยังใช้เป็นที่ประทับเมื่อมีการเสด็จแปรพระราชฐานยังพระราชวังบางปะอิน ในอดีตภายในพระที่นั่งองค์นี้ เคยมีพระราชอาสน์องค์หนึ่งอยู่เดิม แต่ในปัจจุบันได้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร

ปัจจุบันพระที่นั่งองค์นี้ยังใช้เป็นที่ประทับเมื่อมีการเสด็จแปรพระราชฐานยังพระราชวังบางปะอิน ในอดีตภายในพระที่นั่งองค์นี้ เคยมีพระราชอาสน์องค์หนึ่งอยู่เดิม แต่ในปัจจุบันได้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร
*** ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายใน ***
พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์
เป็นพระที่นั่งปราสาทโถงกลางน้ำ สร้างในแบบจตุรมุข พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จำลองแบบมาจาก พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2419 และพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์" ตามนามพระที่นั่งองค์แรก ซึ่งสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ณ พระราชวังบางปะอินแห่งนี้

ปัจจุบัน เป็นสถานที่ประดิษฐาน รูปหล่อสัมฤทธิ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์เต็มยศจอมพลทหารบก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์จัดได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเคยได้รับเกียรติให้สร้างจำลองแบบไปแสดงในงานมหกรรมนานาชาติ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อ พ.ศ. 2501
***อยู่ในช่วงบูรณะ***
อย่าเพิ่งท้อ เดินต่อครับ ปาดเหงื่อแป็บ
ประตูเทวราชครรไล
เดิมเรียก ประตูเทวราชดำรงศร ตั้งอยู่แนวกำแพงด้านใต้ เป็นอาคารตึกชั้นเดียว อาคารโค้งครึ่งวงกลม ใช้เป็นเส้นทางสำหรับเสด็จพระราชดำเนินเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน

จากพระที่นั่งวโรภาษฯ หากเดินไปตามทางขวามือ ข้ามสะพานไม้เล็กๆที่มีเสาและลวดลายฉลุอย่างสวยงามไป ก็จะเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน ที่ชวนมองด้วยรูปปั้นเทพธิดาท่ามกลางฉากหลังเป็นประตูเทวราชครรไล(ด้านใน)อันงดงาม

สะพานไม้เล็กๆที่มีเสาและลวดลายฉลุ
พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร

พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ตรงข้ามกับสระทางด้านตะวันออก ของพระราชวังบางปะอิน พระที่นั่งองค์นี้สร้างด้วยไม้ สไตล์ยุโรป แบบสวิสชาเล่ต์ 2 ชั้น มีกำแพงแก้ว

จดหมายเหตุได้กล่าวไว้ว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานเงิน 90 ชั่งเพื่อสร้างพระที่นั่งองค์นี้ และรั้วพระราชวังบางปะอิน เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2420

ต่อมา พ.ศ. 2481 ได้มีการซ่อมแซมใหญ่พระราชวังบางปะอิน แต่ผู้รับเหมาประมาทเลินเล่อ ทำให้เกิดไฟไหม้พระที่นั่งทั้งองค์ คงเหลือแต่หอยุโรปข้าง ๆ เท่านั้น หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2537 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต สร้างพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรขึ้นใหม่ ปัจจุบัน พระที่นั่งองค์นี้ไม่เปิดให้เข้าชม
[CR] งบ 150 บาท one day trip นั่งรถไฟฟรี ไปพระราชวังบางปะอิน+วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร
เป็นพวกว่างไม่ได้ เป็นอันต้องไปเที่ยวไหนสักที่
ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ใช้เวลาเดินทางแค่ 40 นาทีเองอ่าแกร
กับงบไม่เกิน 150 บาท
ห๊ะๆๆ #ถูกอะไรเบอร์น๊านนนนน
พระราชวังบางประอิน มีอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อ
ตามมาครับ วันนี้ จัง หวะ จะ เดิน ขอเชิญทัศนาและพาเที่ยวชม
การเดินทาง
นี่คงเป็นกระทู้ที่สามสิบล้านของการรีวิวรถไฟ เพราะฉะนั้นจะไม่ลำใยเวิ่นเว้อ ว่าต้องขึ้นยังไง รับตั๋วยังไง ข้ามตรงนี้ไปเลย
เวลา 10.30 ออกเดินทางจากสถานีรถไฟดอนเมือง ใช้เวลา 40 นาที
ขากลับมีรถเที่ยวล่องเวลา 16.15 ไปถึงสถานีแล้วแนะนำให้ซื้อตั๋วขากลับไว้เลยก็ได้ สบายใจกว่า จะได้รู้เวลากลับ ไม่ต้องตกรถ
-รถไฟสายเหนือ ลงสถานีบางปะอิน มีทั้งรถไฟฟรี และต้องซื้อตั๋ว ราคาตั๋วไม่เกิน 30 บาท
-จากสถานีรถไฟ มีวินมอไซค์ บอกพี่สุชาติว่าไปวังบางปะอิน ค่ารถ20บาท หรือจะเดินก็ได้ถ้าอึดพอ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
-ค่าเข้าชมพระราชวังบางปะอิน 30 บาทครับ
เวลา 10.00 ถึงสถานีดอนเมือง ฝนตกปรอยๆ แต่ไม่ใช่อุปสรรค ตั้งใจจะไปก็ต้องไป
ถึงสถานีก็ไปรับตั๋ว เป็นตัวฟรีสำหรับประชาชนคนไทย เพียงยื่นบัตรประชาชน แล้วยืนยิ้มสวยๆรอ ถึงแม้พนักงานจะไม่ยิ้มตอบกลับมาก็เถอะ
ได้ตั๋วมาแล้ว ก็รอครับ ระหว่างนั้นก็ทำธุระส่วนตัว เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย เพราะอย่าไปหวังอะไรกับห้องน้ำรถไฟฟรี
ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ แต่จะว่าไป ก็ได้บรรยากาศเหงาๆไปอีกแบบ
รถไฟไทย แอบช้านิดหน่อย เวลา 10.45 รถก็มา ช้าไป15นาที พอให้อภัยได้
ขึ้นรถแล้วก็นั่งกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ
ถ้าใครหิวน้ำ หิวข้าว ก็จะมีพ่อค้าแม่ขาย เดินบริการตลอด ขีดเส้นใต้คำว่าตลอด เพราะเดินไปมา แบบไม่ขาดสายกันเลย
ไม่ช้าไม่นาน ก็มาถึงสถานีบางปะอิน ใช้เวลาจากดอนเมือง-บางปะอิน ประมาณ 40 นาที
เมื่อถึงสถานีแล้ว แนะนำให้เช็คเวลารถไฟกลับ แล้วซื้อตั๋วไว้เลยก็ได้
จากสถานีรถไฟ มีวินมอไซค์ข้างหน้าเลย บอกว่าไปวังบางปะอิน ค่ารถ20บาท หรือจะเดินก็ได้ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
ไปจ้ะ พี่สุชาติ
ไม่ถึง 10 นาที พี่สุชาติก็พามาส่งถึงหน้าวัง
ค่าเข้าชม 30 บาท สำหรับคนไทย
ข้อปฏิบัติ เน้นย้ำว่า ต้องแต่ตัวให้สุภาพ เรียบร้อย เพราะเป็นเขตพระราชฐาน
หรือใครพอทราบมาบ้าง ก็ Skip ได้เลย
พระราชวังบางปะอิน ตั้งอยู่ในตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจากเกาะเมืองลงมาทางทิศใต้ประมาณ 18 กิโลเมตรเป็นพระราชวังโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เนื่องจากเป็นที่ประสูติของพระองค์ ใช้เป็นสถานที่ที่ทรงใช้ประทับแรม ของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ด้วยเป็นพระราชวังใกล้พระนครนั่นเอง
หลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พระราชวังบางปะอินถูกปล่อยให้รกร้างมาระยะหนึ่ง แต่กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งโดยสุนทรภู่ซึ่งได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรีได้ประพันธ์ถึงพระราชวังบางปะอินไว้ในนิราศพระบาท จนกระทั่ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้เริ่มการบูรณะพระราชวังขึ้น และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้บูรณะครั้งใหญ่ โดยสร้างพระที่นั่ง พระตำหนัก และตำหนักต่าง ๆ ขึ้นมากมายเพื่อใช้เป็นที่ประทับรับรองพระราชอาคันตุกะ และพระราชทานเลี้ยงในโอกาสต่าง ๆ
ปัจจุบัน พระราชวังบางปะอินอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง และยังใช้เป็นสถานที่แปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย แต่ได้เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ โดยต้องแต่งกายให้สุภาพ
***โดยส่วนมากภายในพระที่นั้งต่างๆ ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ***
เมื่อเข้ามาแล้ว เนื่องจากพื้นที่ของวังค่อนข้างกว้าง ถ้าคิดว่าเดินไม่ไหว ก็มีรถกล์อฟให้บริการด้วย
ค่าบริการ และข้อปฏิบัติ ดังแสดงครับ แต่วันนี้ เรามาทริปสุดแสนประหยัด เลยขอเดินเอาดีกว่า
เวลาตอนนี้ 12.30 แล้ว และต้องไปต่ออีกสถานที่หนึ่ง แล้วต้องกลับไปให้ทันรถไฟรอบ 16.15 ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ ต้องรีบเดินแต่ข้อมูลต้องครบ หรือเก็บภาพให้ได้เยอะที่สุด
เมื่อเข้ามาแล้ว สถานที่แรกเลยที่ท่านจะได้ชม คือ หอเหมมณเฑียรเทวราช
สภาคารราชประยูร
เป็นตึกสองชั้นริมน้ำ สร้างเมื่อ พ.ศ.2419 สำหรับเป็นที่พระทับของเจ้านายฝ่ายหน้าและข้าราชบริพารในอดีต
พระที่นั่งวโรภาษพิมาน
เป็นพระที่นั่งทรงตึกชั้นเดียว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างแล้วเสร็จเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๑๙ ตรงบริเวณที่ประทับเดิมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อแรกสร้างเป็นอาคารตึก ๒ ชั้น ต่อมาได้ดัดแปลงรื้อลงเป็นชั้นเดียว ใช้เป็นที่ประทับและมีท้องพระโรงเสด็จออกว่าราชการ
ภายในห้องโถงรับรองและห้องทรงพระสำราญ ประดับภาพเขียนสีน้ำมัน ภาพพระราชพงศาวดารประกอบโคลงบรรยายภาพอันงดงามทรงคุณค่า เป็นภาพเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย และฉากต่าง ๆ จากวรรณคดีไทยหลายเรื่อง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วาดภาพเหล่านี้ขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๓๐
ปัจจุบันพระที่นั่งองค์นี้ยังใช้เป็นที่ประทับเมื่อมีการเสด็จแปรพระราชฐานยังพระราชวังบางปะอิน ในอดีตภายในพระที่นั่งองค์นี้ เคยมีพระราชอาสน์องค์หนึ่งอยู่เดิม แต่ในปัจจุบันได้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร
ปัจจุบันพระที่นั่งองค์นี้ยังใช้เป็นที่ประทับเมื่อมีการเสด็จแปรพระราชฐานยังพระราชวังบางปะอิน ในอดีตภายในพระที่นั่งองค์นี้ เคยมีพระราชอาสน์องค์หนึ่งอยู่เดิม แต่ในปัจจุบันได้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร
*** ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายใน ***
พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์
เป็นพระที่นั่งปราสาทโถงกลางน้ำ สร้างในแบบจตุรมุข พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จำลองแบบมาจาก พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2419 และพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์" ตามนามพระที่นั่งองค์แรก ซึ่งสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ณ พระราชวังบางปะอินแห่งนี้
ปัจจุบัน เป็นสถานที่ประดิษฐาน รูปหล่อสัมฤทธิ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์เต็มยศจอมพลทหารบก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์จัดได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเคยได้รับเกียรติให้สร้างจำลองแบบไปแสดงในงานมหกรรมนานาชาติ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อ พ.ศ. 2501
***อยู่ในช่วงบูรณะ***
อย่าเพิ่งท้อ เดินต่อครับ ปาดเหงื่อแป็บ
ประตูเทวราชครรไล
เดิมเรียก ประตูเทวราชดำรงศร ตั้งอยู่แนวกำแพงด้านใต้ เป็นอาคารตึกชั้นเดียว อาคารโค้งครึ่งวงกลม ใช้เป็นเส้นทางสำหรับเสด็จพระราชดำเนินเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน
จากพระที่นั่งวโรภาษฯ หากเดินไปตามทางขวามือ ข้ามสะพานไม้เล็กๆที่มีเสาและลวดลายฉลุอย่างสวยงามไป ก็จะเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน ที่ชวนมองด้วยรูปปั้นเทพธิดาท่ามกลางฉากหลังเป็นประตูเทวราชครรไล(ด้านใน)อันงดงาม
สะพานไม้เล็กๆที่มีเสาและลวดลายฉลุ
พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร
พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ตรงข้ามกับสระทางด้านตะวันออก ของพระราชวังบางปะอิน พระที่นั่งองค์นี้สร้างด้วยไม้ สไตล์ยุโรป แบบสวิสชาเล่ต์ 2 ชั้น มีกำแพงแก้ว
จดหมายเหตุได้กล่าวไว้ว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานเงิน 90 ชั่งเพื่อสร้างพระที่นั่งองค์นี้ และรั้วพระราชวังบางปะอิน เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2420
ต่อมา พ.ศ. 2481 ได้มีการซ่อมแซมใหญ่พระราชวังบางปะอิน แต่ผู้รับเหมาประมาทเลินเล่อ ทำให้เกิดไฟไหม้พระที่นั่งทั้งองค์ คงเหลือแต่หอยุโรปข้าง ๆ เท่านั้น หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2537 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต สร้างพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรขึ้นใหม่ ปัจจุบัน พระที่นั่งองค์นี้ไม่เปิดให้เข้าชม