อยากจะหาที่ระบายสักนิดหน่อยครับ จะโพสลง facebook ระบายออกมาก็เกรงว่าเพื่อนๆจะพาลเยาะเย้ยหรือสมน้ำหน้าเอา
อันที่จริงก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มาเป็นภาระของคนแปลกหน้า คนที่ไม่รู้จักกัน แต่ก็ไม่รู้จะพูดกับใครดี จึงขออนุญาติใช้พื้นที่นี้ระบายออกมาสักหน่อยนะครับ
จับมายำเลยละกันนะครับ
ผมคนทำงานออฟฟิศธรรมดา อายุก็ 28 ละ ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทำงานไปวันๆ เงินเดือนออกก็ไม่เหลือใช้ เพราะจ่ายแต่หนี้สิน
เอาเป็นว่าเงินเดือนไม่เยอะให้แม่ 6000 ที่เหลือจ่ายหนี้ เหลือกินเหลือใช้ตกเดือนละ 500-1000 บาท แล้วแต่ว่าหมุนเงินมาใช้มากน้อยแค่ไหน
หมุนเงินมาใช้มากก็จ่ายดอกมาก หมุนน้อยก็จ่ายดอกน้อย วนเวียนแบบนี้ทุกเดือนไป อยากจะพึ่งพาคนรู้จัก ญาติสนิท มิตรสหาย
ผมเป็นคนไม่มีเพื่อน ญาติพี่น้องก็พึ่งพาไม่ได้ รายจ่ายที่บ้านก็เยอะจะลดเงินที่จ่ายให้แม่ก็ไม่ได้ สงสายแม่ ผมอยู่บ้านกับแม่
ผมมีแฟน แฟนก็อยู่ด้วยกันกับผมที่บ้านแม่ผม
หนี้สินที่ผมเป็นผมทำตัวเองทั้งนั้น จากแฟนเก่าตัวแสบซึ่งผมจะไม่เอ่ยถึง
ตอนนี้เรามีกัน 3 คนที่บ้าน คือ ผม แม่ และแฟนปัจจุบันของผม ซึ่งทุกคนมีปัญหาหมด
ปัญหาของผมก็อย่างที่เกริ่นไปแล้ว
ปัญหาอีกหนึ่งคือเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ไม่ดีเท่าไหร่
อันที่จริงผมมีน้องชาย 1 คนแต่ก็ย้ายออกจากบ้านไปแล้ว ไปอยู่กับแฟนของเขา ซึ่งนานๆจะติดต่อมาสักที
น้องชายแทบไม่มีส่วนช่วยเหลือใดๆ
แฟนผม กับ แม่ผม ดูท่าจะไม่ค่อยเข้ากันได้เท่าไหร่
แฟนผมเป็นคนอารมณ์ร้อน ใจร้อน และ คิดอคติง่ายๆ ค่อนข้างมโนนู่นนี่นั่นได้
ส่วนแม่ก็ใจร้อน วู่วาม แต่ลึกๆก็ใจดีอยู่
แม่ก็มีปัญหาเรื่องหนี้สิน แต่ผมกับแม่ไม่ค่อยได้คุยกัน
ตอนเด็กๆตั้งแต่เริ่มจำความได้ผมกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมอยู่บ้านนอกกับยาย กลับมาก็ตอนโตแล้วมาเข้าโรงเรียนที่สมุทรปราการ
บ้านเราอยู่สมุทรปราการครับ แม่ผมถึงจะอายุมากแล้ว แต่ก็มีคนมาติดพันธ์ ดูท่าทางก็ไม่ได้ช่วยอะไรครอบครัวเราเท่าไหร่
ผมไม่อยากจะใส่ใจมาก เพราะผมก็พอเข้าใจบ้างละเรื่องความรัก ความชอบ ห้ามกันไม่ได้ เพราะผมกับแฟน แม่ก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน
สรุปก็คือผมไม่รู้ว่าแม่มีหนี้สินเท่าไหร่ แม่ก็ทำงานโรงงาน แต่เงินเดือนอาจจะน้อยหน่อย แต่แม่อายุเยอะแล้วท่านก็ไม่รู้จะไปทางไหน
ผมก็ไม่เคยปรึกษาแม่เรื่องปัญหาของผมเหมือนกัน เพราะบทสรุปมันคงไม่สวย แม่คงจะเอาเรื่องแฟนมาอ้าง แล้วก็คงทะเลาะกัน
ส่วนผมก็คงจะต้องสู้ด้วยการเอาเรื่องกิ๊กใหม่แม่มาตอกกลับเช่นเดียวกัน
ผมถือคติ ถ้าต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกัน แต่ก็ไม่ถึงขนาดหัวเด็ดตีนขาด แค่บางเรื่องที่ไม่ควรก้าวก่าย
มาทางแฟนผมบ้าง คนนี้หนักเลย ครอบครัวแฟน มี พ่อ แม่ และลูก 4 คน แฟนผมเป็นลูกสาวคนโต มีน้องชาย 2 คน น้องสาว 1 คน
แฟนผมอายุ 34 ละ เป็นเสาหลักของบ้านเขา แต่ปัญหาที่บ้านเขานั้นมากมาย ลูกชาย 2 คน อายุ 29 กับ 24 ไม่ยอมทำงาน
นอนอยู่บ้านรอเงินจากพ่อแม่ ทางพ่อแม่แฟนก็ทำงานขายของที่ตลาดขายของสด
ทางนั้นก็มีหนี้สินมากมาย เนื่องจากใช้เงินฟุ่มเฟือยมากๆ และชอบลงทุนที่ไม่ได้ผลกำไร แล้วยังขาดทุนด้วย
ผมก็บอกแฟนให้วางแผนให้ แต่ก็ไม่ได้ผล ทางน้องสาวของแฟน น้องคนสุดท้องก็เพิ่งเรียนจบ เริ่มทำงานได้ไม่นาน
แฟนผมต้องย้ายออกจากบ้านมาอยู่กับผม เพราะทางบ้านบังคับให้หาเงินให้ ไม่ได้ก็โดนเอ็ดบ้าง โดนต่อว่าบ้าง
ล่าสุดเจ้าหนี้นอกระบบเห็นใจช่วยเหลือทางพ่อแม่แฟนด้วยการให้เอารถไปแลกเป็นเงินได้โดยให้ราคาสูง และเก็บดอกแค่ 3%
โดยที่รถยังมีขับไปตลาดไปขายของได้ แต่เชื่อหรือไมเงินนั้นแค่เดือนเดียวก็มลายหายสิ้น และก็วนมาลูปเดิม
โทรมาให้แฟนผมหาเงินให้อีกคราวนี้มาหลักครึ่งแสนเลย บอกจะเอาไปทำทุนต่อ
ผมเครียดมาก แต่ผมก็รู้ว่าแฟนผมต้องเครียดกว่ามากๆๆๆๆๆ ผมพยายามทุกอย่าง ทั้งๆที่ผมก็มีปัญหา แต่ผมก็มองว่า
ปัญหาของผมคงไม่หนักเท่าเธอ ก่อนหน้านี้เธอก็กู้เงินเรียนด้วย กู้นอกระบบ เพิ่งเรียนจบไป แต่ก็ทำงานมานานแล้วที่บริษัทในนิคม
เดือนที่ผ่านมาแฟนผมเงินเดือนออก แต่ไม่เหลือใช้เลย แถมยังติดลบต้องหาเงินอีกจำนวนหนึ่งให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ไปจ่ายดอกเงินกู้
ที่เธอกู้ให้ทางบ้านเมื่อหลายเดือนก่อน
หนี้นอกระบบนี่ช่างโหดร้าย คนจ่ายก็จ่ายได้แต่ดอก ต้นไม่เคยลด ดอกก็ออกงดงามทุกเดือนๆ
ผมอยากให้แฟนเอาหนี้เข้าระบบเพราะมันจะผ่อนปรนลงได้เยอะกว่า เพราะอย่างน้อยก็จ่ายแบบลดต้นลดดอกได้
แต่แฟนก็ติดแบล็กลิส แฟนไม่มีบัตรเครดิตเลยสักใบ แต่ติดแบล็กลิส เพราะพ่อกับแม่เขาเอาบ้านเข้าจำนอง แล้วให้แฟนผมจ่ายค่าไถ่บ้านให้
ซึ่งมีบางช่วงที่แฟนผมจ่ายไม่ไหวก็หยุดจ่าย ขาดจ่ายติดต่อกันหลายงวด
แฟนผมเป็นคนที่น่าสงสาร เพราะผมทราบข่าวมาว่าเมื่อ 2 เดือนก่อนทางบ้านแฟนถูกหวยหลักแสน แต่ก็เช่นเคย ผลาญหมดทั้งที่ยังไม่ถึงเดือน
ผมไม่เข้าใจเลยว่าเงินแสนนี่ใช้ยังไงให้หมดภายใน 1 เดือน เพราะทุกวันนี้ผมใช้วันละ 60-100 บาท ก็แย่แล้ว เพราะเป็นเงินที่หมุนมาทั้งนั้น
ผมก็ลองคิดนะ ลองคิดว่าตัวเองเป็นคนมีฐานะ มีเงินใช้ ไม่มีหนี้ จะใช้เงินยังไง
แต่ผมคิดไม่ออกหรอก ผมจมอยู่กับหนี้มาหลายปีแล้ว ผมอยากจะพ้นๆจากมันไป และผมก็คิดนะ ว่าลำบากมาขนาดนี้ ไม่กล้าใช้เงินฟุ่มเฟือยเลย
ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงที่พวกเขาถูกหวยแล้วใช้เงินหมดอย่างเดียว แต่พวกเขาเงียบกัน จนน้องสาวของแฟนโทรมาบอกว่าถูกหวย
แบบไม่ได้ตั้งใจบอกแค่คุยกันแล้วเผลอหลุดปากพูด แฟนผมเสียใจมาก เพราะทุกคนได้ของที่ต้องการ ลูกชาย 2 คน ได้นาฬิกา G Shock สุดหรู
อีกคนได้สร้อยคอทองคำ น้องสาวได้ Notebook แฟนผมไม่ได้อะไรเลย
แถมเงินหมดก็โทรมาขออีกต่างหาก ผมหละหนักใจจริงๆ อยากจะเข้าไปพูดคุยให้รู้เรื่องไปเลย แต่ก็ติดที่ไม่ใช่ครอบครัวเรา
อย่าว่าแต่กระนั้นเลยปัญหาของแม่ผม ผมก็ยังไม่กล้าเข้าไปคุยเลย แหะๆๆๆ แต่ทางแม่ผมไม่ค่อยระรานอะไรมาก
ญาติพี่น้องแฟนก็ไม่มีคนพึ่งได้พอๆกันกับผมเลย ยิ่งต้นปีที่ผ่านมายังเข้ามาทำให้ชีวิตผมกับแฟนแทบพังอีกเพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเขา
ผละจากเรื่องหนี้สินมาเรื่องที่ทำงานกันดีกว่า
ผมเคยประสบปัญหาเลิกกับแฟนเก่าคนนึงเมื่อ 3-4 ปีก่อน ตอนนั้นคือสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะออกมาอยู่ข้างนอก สร้างหนี้ด้วยกัน ซื้อนู่นนี่นั่นทุกอย่าง แต่ตอนเลิกกันผมกลับมาเพียงเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย ที่เหลือยกให้หมดเลย แต่ก็ยังไม่เข้าบ้านมาอยู่หอของบริษัท เดือนแรกก็เจอทั้งค่ามัดจำ ค่าห้อง ไหนจะหนี้บัตรที่เป็นอยู่อีก ทำให้เดือนแรกที่เลิกกันผมเหลือเงินใช้ 500 แย่พอๆกับตอนนี้แต่หนักกว่าตรงที่ตอนนั้นผมหมุนไม่ได้ ผมพยายามขอความช่วยเหลือจากทุกคน คนที่ผมเคยช่วยตอนมีอันจะกินแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ใด นั่นจึงเป็น 1 สาเหตุที่ผมเลิกคบกับเพื่อนๆที่บริษัท
เงิน 500 เช่าห้องอยู่คนเดียวลำพัง จิตใจย่ำแย่ ทุกคนหันหน้าหนี ดิ้นรนคนเดียวจนผ่านมาได้ ตลอดทั้งเดือนได้ ข้าวสาร 5 กิโล 1 ถุง หมูหยอง ห่อใหญ่ 1 ถุง ผมหุงข้าวเย็น กิน เย็น กับ เช้า เที่ยงอดบ้าง กินบ้าง นึกออกใช่ไหมครับ กินข้าวกับหมูหยองทั้งเดือน เที่ยงเนี่ยไก่ 1 ไม้ ข้าวเหนียว 1 ห่อ 2-3 วันครั้ง
จากตอนนั้นที่ผอมอยู่แล้วน้ำหนัก 59 ลดมาเหลือ 53-54 แต่ก็อดทนมาจนผ่านเดือนแรกมาได้ เดือนที่ 2 ค่อยดีขึ้น และหาทางออกด้วยการทำบัตรเพิ่ม บัตรกดเงินสด จึงรอดชีวิตมาได้
สักพักก็กลับมาอยู่บ้านหลังจากแผลใจดีขึ้นแล้ว
ที่ทำงานผมแบ่งชนชั้นวรรณะ แบ่งแผนกกันชัดเจน หมายถึงเรื่องพวกพ้องนะครับ เช่น ก๊กโรงงาน ก๊กออฟฟิศ ก๊กแผนกก่อสร้าง
คือแบ่งอย่างกับ 3 ก๊ก ผมนี่อยู่ฝ่ายงานก่อสร้าง ผมทำหน้าที่ ดราฟแมน และ ประมาณราคาบ้าง ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ทำแบบ
หลักๆก็ Autocad / Sketchup+Lumion / Sketchup + Vray / Photoshop บ้าง
อ่อลืมบอกไปผมจบแค่วุฒิ ปวส.สายงานเทคนิคคอมพิวเตอร์ จากเทคนิคสมุทรปราการ แต่ทำไมถึงมาทำงานก่อสร้าง
เพราะตอนเรียนจบไปสมัครบริษัทที่ตรงสาขาแล้วแต่ไม่มีที่ไหนรับ บอกไม่มีประสบการณ์บ้างล่ะ นุ่นนี่นั่น ทั้งๆที่ผมเรียน ปวช.ทวิภาคี แต่ ปวส.ไม่ได้เรียนทวิภาคี
ผมก็เลยตัดสินใจหางานอะไรก็ได้ที่รับเข้าทำงาน แบกหามกรรมกรก็เอา จนมาได้ที่นี่ ตอนแรกผมทำงานในไลน์ผลิต แบกหาม คุมเครื่องรีด จน 4 เดือนจึงได้เข้าออฟฟิศ
ผมขึ้นมาออฟฟิศก่อสร้างแบบพวกไม่เป็นอะไรเลย แค่รู้เรื่องคอม ทำคอมได้ ประกอบ ลงโปรแกรมได้ ไม่รู้จักโปรแกรมเขียนแบบใดๆ แม้แต่ excel ก็ไม่ถนัด
ไม่มีคนสอน ต้องพึ่ง google อยู่อาทิตย์นึงจนทำเป็นหมด ทั้ง Autocad Sketchup Excel Photoshop ถึงจะไม่ได้ทำเก่งกาจเหมือนคนที่เรียนมาโดยเฉพาะ แต่ผมก็ทำได้
ในระดับที่ทำให้ตัวเองทำงานมาได้นานพอสมควรแล้ว ผมรู้สึกว่ามันตัน เจอกีดกัน เจอแบ่งแยก หลายๆอย่าง ไหนจะปัญหาของครอบครัว ของแฟน
ปัญหามันดำเนินมาเนิ่นนานแล้วสำหรับเรื่องที่ทำงาน ต้องต่อสู้กับคนที่ใส่หน้ากากเข้าหาในวันที่เราดูดีมีฐานะ และถอดหน้ากากและเบือนหน้าหนีในวันที่เราอับจนหนทาง
ยังต้องเจอระบบงานที่ยุ่งเหยิง ผมเป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ที่ถูกเบื้องบนสั่งอะไรให้ก็ต้องรับ เหมือนพนักงานรับออร์เดอร์ที่ต้องคอยจดทุกออร์เดอร์ทุกอย่างที่ลูกค้าติดต่อเข้ามา
ผมไม่มีหัวหน้าเฉพาะ ใครตำแหน่งสูงกว่าผมก็สามารถสั่งงานผมได้ งานนี้ด่วนขอแทรกก่อน งานหลักผมก็ถูกกำหนดเวลาไว้แล้ว แล้วยังเอางานด่วนมาแทรก งานบางงานใครๆก็ทำได้แต่ก็ไม่วายเอามาให้ผมทำให้ ผมเป็นพวกปฏิเสธคนไม่ค่อยเก่งก็ได้แต่ก้มหน้ารับกรรมไป อดทน อยากไปที่ใหม่ที่เป็นระบบกว่านี้ บางครั้งผมต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่องานที่ไม่ใช่ของตัวเองก็มี ความสะเพร่าของหน้างานก็มี เคยทำงานจาก 8 โมงเช้าถึง ตี 5 ของอีกวัน และก็ทำงาน ถึง 4 ทุ่ม เที่ยงคืน บ่อยๆ
ช่วงหลังๆมานี้ผมพยายามผละตัวเองออกมาจากลูปนั้นได้บ้างแล้ว เพราะผมมีเป้าหมายอื่นๆที่ต้องทำ
ยังมีปัญหาอีกมากมายที่ผมไม่อยากจะเล่าแล้ว เพราะว่าแค่นี้ก็เวิ่นเว้อมากพอแล้ว
ผมอยากจะเอาสิ่งเหล่านี้โพสลงไปในเฟสบุ๊กบ้างแต่คิดไปคิดมา คนที่รู้จัก พวกเพื่อนในเฟสบุ๊กได้มาอ่านจะรู้สึกยังไงหว่า (ยังมีหน้าไปห่วงความรู้สึกคนอื่นอีก)
ในระหว่างที่ผมพิมพ์สิ่งเหล่านี้ผมก็รู้สึกนะว่าได้รับการปลดปล่อยออกมาบ้างแล้วความอัดอั้นใจ ที่ผมพูดกับใครไม่ได้ (คนที่รู้จัก)
แต่ผมก็ต้องขอโทษ ขอโทษ และ ขอโทษ คนที่ผ่านมา มาเจอข้อความเหล่านี้เข้า มันช่างเหมือนเรื่องไร้สาระยังไงชอบกล เหมือนเด็กประถมหัดเขียนเรียงความ บางทีผมก็คิดนะว่าอยากจะเรียบเรียงให้มันดี ให้มันสละสลวย แต่ถ้าต้องทำถึงขนาดนั้น ผมคงใช้เวลาอีกมาก ซึ่งนั่นจะทำให้ผมยิ่งเครียดไปกว่าเดิม ต้องขออภัยด้วยครับ
หลายๆปัญหามีทางออก ตอนนี้ผมรอ รอ และรอให้ถึงสิ้นปีไวๆเพื่อจะได้โบนัสก้อนหนึ่ง มาแปะ มาโปะ ให้หนี้สินมันเบาลงได้บ้าง เห้อๆๆๆๆ อยากจะร้องเห้อยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผมอาจจะเป็นพวกที่จัดการปัญหาได้ไม่เก่งพอ แต่ผมก็มีทางให้ได้ระบายความเก็บกดอยู่บ้าง และก็เป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายสำหรับผม คือการวิ่ง ผมชอบการวิ่ง และวิ่งมาตลอด ถึงจะมีหยุดเป็นช่วงๆ จากการบาดเจ็บ ปัญหารุมเร้า แต่ก็ต้องกลับมาวิ่งเสมอ ตอนนี้ก็ซ้อมวิ่งมาราธอนเพื่อแข่งงานกรุงเทพมาราธอน 2016 ปลายปีนี้ ระยะ 42 กิโล ปีที่แล้วก็ลงมาแล้วแต่เวลาไม่ดีเท่าไหร่ 5 ชม. 45 นาที ปีนี้อยากให้ต่ำก่า 5 ชม. ถ้าเป็นไปได้ ซ้อมก็ยังไม่ค่อยถึงไหนเพราะปัญหาทั้งนอกและใน กับพวกความคิดมากมายทำให้หมดอาลัยตายอยากไปเป็นช่วงๆเหมือนกัน
ผมว่าถ้าผมเล่ายาวกว่านี้คงออกทะเลแน่เอาเป็นว่าพอแค่นี้ดีกว่าครับ ^.^
ระบายความรู้สึกอัดอั้นใจ/ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร/ไม่รู้จะหาทางออกง่า่ยๆจากที่ไหน
อันที่จริงก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มาเป็นภาระของคนแปลกหน้า คนที่ไม่รู้จักกัน แต่ก็ไม่รู้จะพูดกับใครดี จึงขออนุญาติใช้พื้นที่นี้ระบายออกมาสักหน่อยนะครับ
จับมายำเลยละกันนะครับ
ผมคนทำงานออฟฟิศธรรมดา อายุก็ 28 ละ ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทำงานไปวันๆ เงินเดือนออกก็ไม่เหลือใช้ เพราะจ่ายแต่หนี้สิน
เอาเป็นว่าเงินเดือนไม่เยอะให้แม่ 6000 ที่เหลือจ่ายหนี้ เหลือกินเหลือใช้ตกเดือนละ 500-1000 บาท แล้วแต่ว่าหมุนเงินมาใช้มากน้อยแค่ไหน
หมุนเงินมาใช้มากก็จ่ายดอกมาก หมุนน้อยก็จ่ายดอกน้อย วนเวียนแบบนี้ทุกเดือนไป อยากจะพึ่งพาคนรู้จัก ญาติสนิท มิตรสหาย
ผมเป็นคนไม่มีเพื่อน ญาติพี่น้องก็พึ่งพาไม่ได้ รายจ่ายที่บ้านก็เยอะจะลดเงินที่จ่ายให้แม่ก็ไม่ได้ สงสายแม่ ผมอยู่บ้านกับแม่
ผมมีแฟน แฟนก็อยู่ด้วยกันกับผมที่บ้านแม่ผม
หนี้สินที่ผมเป็นผมทำตัวเองทั้งนั้น จากแฟนเก่าตัวแสบซึ่งผมจะไม่เอ่ยถึง
ตอนนี้เรามีกัน 3 คนที่บ้าน คือ ผม แม่ และแฟนปัจจุบันของผม ซึ่งทุกคนมีปัญหาหมด
ปัญหาของผมก็อย่างที่เกริ่นไปแล้ว
ปัญหาอีกหนึ่งคือเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ไม่ดีเท่าไหร่
อันที่จริงผมมีน้องชาย 1 คนแต่ก็ย้ายออกจากบ้านไปแล้ว ไปอยู่กับแฟนของเขา ซึ่งนานๆจะติดต่อมาสักที
น้องชายแทบไม่มีส่วนช่วยเหลือใดๆ
แฟนผม กับ แม่ผม ดูท่าจะไม่ค่อยเข้ากันได้เท่าไหร่
แฟนผมเป็นคนอารมณ์ร้อน ใจร้อน และ คิดอคติง่ายๆ ค่อนข้างมโนนู่นนี่นั่นได้
ส่วนแม่ก็ใจร้อน วู่วาม แต่ลึกๆก็ใจดีอยู่
แม่ก็มีปัญหาเรื่องหนี้สิน แต่ผมกับแม่ไม่ค่อยได้คุยกัน
ตอนเด็กๆตั้งแต่เริ่มจำความได้ผมกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมอยู่บ้านนอกกับยาย กลับมาก็ตอนโตแล้วมาเข้าโรงเรียนที่สมุทรปราการ
บ้านเราอยู่สมุทรปราการครับ แม่ผมถึงจะอายุมากแล้ว แต่ก็มีคนมาติดพันธ์ ดูท่าทางก็ไม่ได้ช่วยอะไรครอบครัวเราเท่าไหร่
ผมไม่อยากจะใส่ใจมาก เพราะผมก็พอเข้าใจบ้างละเรื่องความรัก ความชอบ ห้ามกันไม่ได้ เพราะผมกับแฟน แม่ก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน
สรุปก็คือผมไม่รู้ว่าแม่มีหนี้สินเท่าไหร่ แม่ก็ทำงานโรงงาน แต่เงินเดือนอาจจะน้อยหน่อย แต่แม่อายุเยอะแล้วท่านก็ไม่รู้จะไปทางไหน
ผมก็ไม่เคยปรึกษาแม่เรื่องปัญหาของผมเหมือนกัน เพราะบทสรุปมันคงไม่สวย แม่คงจะเอาเรื่องแฟนมาอ้าง แล้วก็คงทะเลาะกัน
ส่วนผมก็คงจะต้องสู้ด้วยการเอาเรื่องกิ๊กใหม่แม่มาตอกกลับเช่นเดียวกัน
ผมถือคติ ถ้าต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกัน แต่ก็ไม่ถึงขนาดหัวเด็ดตีนขาด แค่บางเรื่องที่ไม่ควรก้าวก่าย
มาทางแฟนผมบ้าง คนนี้หนักเลย ครอบครัวแฟน มี พ่อ แม่ และลูก 4 คน แฟนผมเป็นลูกสาวคนโต มีน้องชาย 2 คน น้องสาว 1 คน
แฟนผมอายุ 34 ละ เป็นเสาหลักของบ้านเขา แต่ปัญหาที่บ้านเขานั้นมากมาย ลูกชาย 2 คน อายุ 29 กับ 24 ไม่ยอมทำงาน
นอนอยู่บ้านรอเงินจากพ่อแม่ ทางพ่อแม่แฟนก็ทำงานขายของที่ตลาดขายของสด
ทางนั้นก็มีหนี้สินมากมาย เนื่องจากใช้เงินฟุ่มเฟือยมากๆ และชอบลงทุนที่ไม่ได้ผลกำไร แล้วยังขาดทุนด้วย
ผมก็บอกแฟนให้วางแผนให้ แต่ก็ไม่ได้ผล ทางน้องสาวของแฟน น้องคนสุดท้องก็เพิ่งเรียนจบ เริ่มทำงานได้ไม่นาน
แฟนผมต้องย้ายออกจากบ้านมาอยู่กับผม เพราะทางบ้านบังคับให้หาเงินให้ ไม่ได้ก็โดนเอ็ดบ้าง โดนต่อว่าบ้าง
ล่าสุดเจ้าหนี้นอกระบบเห็นใจช่วยเหลือทางพ่อแม่แฟนด้วยการให้เอารถไปแลกเป็นเงินได้โดยให้ราคาสูง และเก็บดอกแค่ 3%
โดยที่รถยังมีขับไปตลาดไปขายของได้ แต่เชื่อหรือไมเงินนั้นแค่เดือนเดียวก็มลายหายสิ้น และก็วนมาลูปเดิม
โทรมาให้แฟนผมหาเงินให้อีกคราวนี้มาหลักครึ่งแสนเลย บอกจะเอาไปทำทุนต่อ
ผมเครียดมาก แต่ผมก็รู้ว่าแฟนผมต้องเครียดกว่ามากๆๆๆๆๆ ผมพยายามทุกอย่าง ทั้งๆที่ผมก็มีปัญหา แต่ผมก็มองว่า
ปัญหาของผมคงไม่หนักเท่าเธอ ก่อนหน้านี้เธอก็กู้เงินเรียนด้วย กู้นอกระบบ เพิ่งเรียนจบไป แต่ก็ทำงานมานานแล้วที่บริษัทในนิคม
เดือนที่ผ่านมาแฟนผมเงินเดือนออก แต่ไม่เหลือใช้เลย แถมยังติดลบต้องหาเงินอีกจำนวนหนึ่งให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ไปจ่ายดอกเงินกู้
ที่เธอกู้ให้ทางบ้านเมื่อหลายเดือนก่อน
หนี้นอกระบบนี่ช่างโหดร้าย คนจ่ายก็จ่ายได้แต่ดอก ต้นไม่เคยลด ดอกก็ออกงดงามทุกเดือนๆ
ผมอยากให้แฟนเอาหนี้เข้าระบบเพราะมันจะผ่อนปรนลงได้เยอะกว่า เพราะอย่างน้อยก็จ่ายแบบลดต้นลดดอกได้
แต่แฟนก็ติดแบล็กลิส แฟนไม่มีบัตรเครดิตเลยสักใบ แต่ติดแบล็กลิส เพราะพ่อกับแม่เขาเอาบ้านเข้าจำนอง แล้วให้แฟนผมจ่ายค่าไถ่บ้านให้
ซึ่งมีบางช่วงที่แฟนผมจ่ายไม่ไหวก็หยุดจ่าย ขาดจ่ายติดต่อกันหลายงวด
แฟนผมเป็นคนที่น่าสงสาร เพราะผมทราบข่าวมาว่าเมื่อ 2 เดือนก่อนทางบ้านแฟนถูกหวยหลักแสน แต่ก็เช่นเคย ผลาญหมดทั้งที่ยังไม่ถึงเดือน
ผมไม่เข้าใจเลยว่าเงินแสนนี่ใช้ยังไงให้หมดภายใน 1 เดือน เพราะทุกวันนี้ผมใช้วันละ 60-100 บาท ก็แย่แล้ว เพราะเป็นเงินที่หมุนมาทั้งนั้น
ผมก็ลองคิดนะ ลองคิดว่าตัวเองเป็นคนมีฐานะ มีเงินใช้ ไม่มีหนี้ จะใช้เงินยังไง
แต่ผมคิดไม่ออกหรอก ผมจมอยู่กับหนี้มาหลายปีแล้ว ผมอยากจะพ้นๆจากมันไป และผมก็คิดนะ ว่าลำบากมาขนาดนี้ ไม่กล้าใช้เงินฟุ่มเฟือยเลย
ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงที่พวกเขาถูกหวยแล้วใช้เงินหมดอย่างเดียว แต่พวกเขาเงียบกัน จนน้องสาวของแฟนโทรมาบอกว่าถูกหวย
แบบไม่ได้ตั้งใจบอกแค่คุยกันแล้วเผลอหลุดปากพูด แฟนผมเสียใจมาก เพราะทุกคนได้ของที่ต้องการ ลูกชาย 2 คน ได้นาฬิกา G Shock สุดหรู
อีกคนได้สร้อยคอทองคำ น้องสาวได้ Notebook แฟนผมไม่ได้อะไรเลย
แถมเงินหมดก็โทรมาขออีกต่างหาก ผมหละหนักใจจริงๆ อยากจะเข้าไปพูดคุยให้รู้เรื่องไปเลย แต่ก็ติดที่ไม่ใช่ครอบครัวเรา
อย่าว่าแต่กระนั้นเลยปัญหาของแม่ผม ผมก็ยังไม่กล้าเข้าไปคุยเลย แหะๆๆๆ แต่ทางแม่ผมไม่ค่อยระรานอะไรมาก
ญาติพี่น้องแฟนก็ไม่มีคนพึ่งได้พอๆกันกับผมเลย ยิ่งต้นปีที่ผ่านมายังเข้ามาทำให้ชีวิตผมกับแฟนแทบพังอีกเพราะความเห็นแก่ตัวของพวกเขา
ผละจากเรื่องหนี้สินมาเรื่องที่ทำงานกันดีกว่า
ผมเคยประสบปัญหาเลิกกับแฟนเก่าคนนึงเมื่อ 3-4 ปีก่อน ตอนนั้นคือสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะออกมาอยู่ข้างนอก สร้างหนี้ด้วยกัน ซื้อนู่นนี่นั่นทุกอย่าง แต่ตอนเลิกกันผมกลับมาเพียงเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย ที่เหลือยกให้หมดเลย แต่ก็ยังไม่เข้าบ้านมาอยู่หอของบริษัท เดือนแรกก็เจอทั้งค่ามัดจำ ค่าห้อง ไหนจะหนี้บัตรที่เป็นอยู่อีก ทำให้เดือนแรกที่เลิกกันผมเหลือเงินใช้ 500 แย่พอๆกับตอนนี้แต่หนักกว่าตรงที่ตอนนั้นผมหมุนไม่ได้ ผมพยายามขอความช่วยเหลือจากทุกคน คนที่ผมเคยช่วยตอนมีอันจะกินแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ใด นั่นจึงเป็น 1 สาเหตุที่ผมเลิกคบกับเพื่อนๆที่บริษัท
เงิน 500 เช่าห้องอยู่คนเดียวลำพัง จิตใจย่ำแย่ ทุกคนหันหน้าหนี ดิ้นรนคนเดียวจนผ่านมาได้ ตลอดทั้งเดือนได้ ข้าวสาร 5 กิโล 1 ถุง หมูหยอง ห่อใหญ่ 1 ถุง ผมหุงข้าวเย็น กิน เย็น กับ เช้า เที่ยงอดบ้าง กินบ้าง นึกออกใช่ไหมครับ กินข้าวกับหมูหยองทั้งเดือน เที่ยงเนี่ยไก่ 1 ไม้ ข้าวเหนียว 1 ห่อ 2-3 วันครั้ง
จากตอนนั้นที่ผอมอยู่แล้วน้ำหนัก 59 ลดมาเหลือ 53-54 แต่ก็อดทนมาจนผ่านเดือนแรกมาได้ เดือนที่ 2 ค่อยดีขึ้น และหาทางออกด้วยการทำบัตรเพิ่ม บัตรกดเงินสด จึงรอดชีวิตมาได้
สักพักก็กลับมาอยู่บ้านหลังจากแผลใจดีขึ้นแล้ว
ที่ทำงานผมแบ่งชนชั้นวรรณะ แบ่งแผนกกันชัดเจน หมายถึงเรื่องพวกพ้องนะครับ เช่น ก๊กโรงงาน ก๊กออฟฟิศ ก๊กแผนกก่อสร้าง
คือแบ่งอย่างกับ 3 ก๊ก ผมนี่อยู่ฝ่ายงานก่อสร้าง ผมทำหน้าที่ ดราฟแมน และ ประมาณราคาบ้าง ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ทำแบบ
หลักๆก็ Autocad / Sketchup+Lumion / Sketchup + Vray / Photoshop บ้าง
อ่อลืมบอกไปผมจบแค่วุฒิ ปวส.สายงานเทคนิคคอมพิวเตอร์ จากเทคนิคสมุทรปราการ แต่ทำไมถึงมาทำงานก่อสร้าง
เพราะตอนเรียนจบไปสมัครบริษัทที่ตรงสาขาแล้วแต่ไม่มีที่ไหนรับ บอกไม่มีประสบการณ์บ้างล่ะ นุ่นนี่นั่น ทั้งๆที่ผมเรียน ปวช.ทวิภาคี แต่ ปวส.ไม่ได้เรียนทวิภาคี
ผมก็เลยตัดสินใจหางานอะไรก็ได้ที่รับเข้าทำงาน แบกหามกรรมกรก็เอา จนมาได้ที่นี่ ตอนแรกผมทำงานในไลน์ผลิต แบกหาม คุมเครื่องรีด จน 4 เดือนจึงได้เข้าออฟฟิศ
ผมขึ้นมาออฟฟิศก่อสร้างแบบพวกไม่เป็นอะไรเลย แค่รู้เรื่องคอม ทำคอมได้ ประกอบ ลงโปรแกรมได้ ไม่รู้จักโปรแกรมเขียนแบบใดๆ แม้แต่ excel ก็ไม่ถนัด
ไม่มีคนสอน ต้องพึ่ง google อยู่อาทิตย์นึงจนทำเป็นหมด ทั้ง Autocad Sketchup Excel Photoshop ถึงจะไม่ได้ทำเก่งกาจเหมือนคนที่เรียนมาโดยเฉพาะ แต่ผมก็ทำได้
ในระดับที่ทำให้ตัวเองทำงานมาได้นานพอสมควรแล้ว ผมรู้สึกว่ามันตัน เจอกีดกัน เจอแบ่งแยก หลายๆอย่าง ไหนจะปัญหาของครอบครัว ของแฟน
ปัญหามันดำเนินมาเนิ่นนานแล้วสำหรับเรื่องที่ทำงาน ต้องต่อสู้กับคนที่ใส่หน้ากากเข้าหาในวันที่เราดูดีมีฐานะ และถอดหน้ากากและเบือนหน้าหนีในวันที่เราอับจนหนทาง
ยังต้องเจอระบบงานที่ยุ่งเหยิง ผมเป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ที่ถูกเบื้องบนสั่งอะไรให้ก็ต้องรับ เหมือนพนักงานรับออร์เดอร์ที่ต้องคอยจดทุกออร์เดอร์ทุกอย่างที่ลูกค้าติดต่อเข้ามา
ผมไม่มีหัวหน้าเฉพาะ ใครตำแหน่งสูงกว่าผมก็สามารถสั่งงานผมได้ งานนี้ด่วนขอแทรกก่อน งานหลักผมก็ถูกกำหนดเวลาไว้แล้ว แล้วยังเอางานด่วนมาแทรก งานบางงานใครๆก็ทำได้แต่ก็ไม่วายเอามาให้ผมทำให้ ผมเป็นพวกปฏิเสธคนไม่ค่อยเก่งก็ได้แต่ก้มหน้ารับกรรมไป อดทน อยากไปที่ใหม่ที่เป็นระบบกว่านี้ บางครั้งผมต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่องานที่ไม่ใช่ของตัวเองก็มี ความสะเพร่าของหน้างานก็มี เคยทำงานจาก 8 โมงเช้าถึง ตี 5 ของอีกวัน และก็ทำงาน ถึง 4 ทุ่ม เที่ยงคืน บ่อยๆ
ช่วงหลังๆมานี้ผมพยายามผละตัวเองออกมาจากลูปนั้นได้บ้างแล้ว เพราะผมมีเป้าหมายอื่นๆที่ต้องทำ
ยังมีปัญหาอีกมากมายที่ผมไม่อยากจะเล่าแล้ว เพราะว่าแค่นี้ก็เวิ่นเว้อมากพอแล้ว
ผมอยากจะเอาสิ่งเหล่านี้โพสลงไปในเฟสบุ๊กบ้างแต่คิดไปคิดมา คนที่รู้จัก พวกเพื่อนในเฟสบุ๊กได้มาอ่านจะรู้สึกยังไงหว่า (ยังมีหน้าไปห่วงความรู้สึกคนอื่นอีก)
ในระหว่างที่ผมพิมพ์สิ่งเหล่านี้ผมก็รู้สึกนะว่าได้รับการปลดปล่อยออกมาบ้างแล้วความอัดอั้นใจ ที่ผมพูดกับใครไม่ได้ (คนที่รู้จัก)
แต่ผมก็ต้องขอโทษ ขอโทษ และ ขอโทษ คนที่ผ่านมา มาเจอข้อความเหล่านี้เข้า มันช่างเหมือนเรื่องไร้สาระยังไงชอบกล เหมือนเด็กประถมหัดเขียนเรียงความ บางทีผมก็คิดนะว่าอยากจะเรียบเรียงให้มันดี ให้มันสละสลวย แต่ถ้าต้องทำถึงขนาดนั้น ผมคงใช้เวลาอีกมาก ซึ่งนั่นจะทำให้ผมยิ่งเครียดไปกว่าเดิม ต้องขออภัยด้วยครับ
หลายๆปัญหามีทางออก ตอนนี้ผมรอ รอ และรอให้ถึงสิ้นปีไวๆเพื่อจะได้โบนัสก้อนหนึ่ง มาแปะ มาโปะ ให้หนี้สินมันเบาลงได้บ้าง เห้อๆๆๆๆ อยากจะร้องเห้อยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผมอาจจะเป็นพวกที่จัดการปัญหาได้ไม่เก่งพอ แต่ผมก็มีทางให้ได้ระบายความเก็บกดอยู่บ้าง และก็เป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายสำหรับผม คือการวิ่ง ผมชอบการวิ่ง และวิ่งมาตลอด ถึงจะมีหยุดเป็นช่วงๆ จากการบาดเจ็บ ปัญหารุมเร้า แต่ก็ต้องกลับมาวิ่งเสมอ ตอนนี้ก็ซ้อมวิ่งมาราธอนเพื่อแข่งงานกรุงเทพมาราธอน 2016 ปลายปีนี้ ระยะ 42 กิโล ปีที่แล้วก็ลงมาแล้วแต่เวลาไม่ดีเท่าไหร่ 5 ชม. 45 นาที ปีนี้อยากให้ต่ำก่า 5 ชม. ถ้าเป็นไปได้ ซ้อมก็ยังไม่ค่อยถึงไหนเพราะปัญหาทั้งนอกและใน กับพวกความคิดมากมายทำให้หมดอาลัยตายอยากไปเป็นช่วงๆเหมือนกัน
ผมว่าถ้าผมเล่ายาวกว่านี้คงออกทะเลแน่เอาเป็นว่าพอแค่นี้ดีกว่าครับ ^.^