สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
.
สุดท้าย ปัจจัยชี้ขาดแพ้ชนะตามความเห็นส่วนตัวของผม ถ้าเราบุกไปนำเร็ว ก็มีโอกาสที่จะไหลยาวๆ เพราะแนวป้องกันของสวอนซีก็ใช่ว่าจะดีนัก เพียงแต่ผมไม่ได้ลงข้อมูลในส่วนนี้เลย แต่ให้น้ำหนักไปที่จุดเด่นของสวอนซีที่ผมคิด วิเคราะห์แล้วค่อนข้างเป็นกังวลในจุดนี้มากกว่า แต่ถ้าจะให้สรุปแล้ว ก็จะได้ข้อสรุปว่า แม้ต้องไปเล่นนอกบ้านโอกาศชนะก็ยังมีสูง ถ้าลิเวอร์พูลสามารถยิงขึ้นนำได้ก่อน แต่ถ้ายังยิงขึ้นนำได้ช้าหรือยิงไม่ได้ ก็ขอให้นัดนี้ผู้รักษาประตูเป็นคาริอุสก็แล้วกันนะครับสำหรับนัดนี้ แนวโน้มที่จะแบ่งแต้มกลับมาได้ก็ยังมี
สำหรับผมในนัดนี้ ผู้รักษาประตูของเราต้องลุ้นกันหนักก่อนจะรู้ว่าใครจะได้ลงทำหน้าที่ และจะทำได้ดีขนาดไหน เรียกว่าลุ้นเสียวกว่าลุ้นให้ผู้เล่นในแนวรุกของเราทำประตูซะอีก และผมขอคาดการณ์ว่า ผู้รักษาประตูของเราในนัดนี้แหละ จะเป็น Key Man คนสำคัญรวมกับวิงแบ๊คทั้งสองข้างของเรา อย่างที่วิเคราะห์มาตั้งแต่ต้น ที่จะเป็นคนตัดสินเกมส์นัดนี้ ว่าความยินดีจะแสดงออกบนใบหน้าของแฟนบอลหงส์แดงหรือเปล่า เมื่อนกหวีดเป่าจบเกมส์
ขอวกกลับไปสักหน่อย ที่เมื่อพูดถึงแล้วก็ต้องสรุปเป็นจุดเด่นจุดด้อยของ สวอนซีสักหน่อย ซึ่งผมขอยกขี้ปากฝรั่งที่ทำงานด้านการเก็บ Statistics ของแต่ล่ะทีมในพรีเมียร์ลีคบนโลกออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตมาทั้งดุ้นเลยก็แล้วกันนะครับ

ที่แปลเป็นไทยให้กระชับแต่ได้ความหมายถ้วนว่า
(ผมไม่ได้แปลความหมายตามคำศัพทเป๊ะๆ นะครับแต่ใช้คำที่สื่อความหมายในภาษาไทยได้เหมือนๆกัน)
จุดเด่นของสวนซี
ขึ้นเกมส์บุกทางด้านปีกได้ดี
มีทีเด็ดที่การดวลลูกกลางอากาศ
แข็งแกร่งทนทายาทเมื่อต้องป้องกันในยามที่ขึ้นนำแล้ว เรียกง่ายว่า อุดเก่ง เมื่อนำแล้วนั้นเอง
จุดด้อยของสวอนซี
ใช้โอกาศเปลืองในการทำประตู
มีความสามารถในระดับอ่อนแอในการหยุดฝ่ายตรงข้ามจากการสร้างโอกาส
เสียฟาลว์ง่ายในพื้นที่อันตราย
การป้องกันลูกสวนกลับ หรือโต้กลับฉับผลันค่อนข้างแย่
การบีบพื้นที่เพื่อแย่งสกัดบอลจากคู่แข่งไม่ดี
ซึ่งมันจะสอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ที่อิงข้อมูลสถิติของผมหรือไม่ อย่างไร ก็คงเป็นหน้าที่ของคนที่เข้ามาอ่านที่ต้องตัดสินแล้วกันนะครับ เพราะทุกคนมีความคิดเป็นของตนเอง บางทีการรับฟังคนอื่นหรือ่านที่ใครมาเขียนแสดงความเห็นไว้ ก็อาจเป็นแค่หนึ่งในทางเลือกอีกนับร้อยที่จะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจเชื่อหรือไม่ของตนเอง ก็เท่านั้นครับ
สถิติตัวเลขก็เช่นกัน มันเป็นเพียงบันทึกเรื่องราวในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว จะมาคาดหวังในการทำนายสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นให้ถูกต้องทุกครั้งนั้น ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่มีโอกาสหรือมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแบบนั้น แบบนี้ มากกว่า หากว่านักเตะยังคงรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ให้ใกล้เคียงกับที่เคยถูกบันทึกไว้ด้วยตัวเลข
และนั้นคือนัยยะที่แท้จริงของการเอาสถิติมาร่วมวิเคราะห์เกมส์การแข่งขัน
ป.ล.เขียนบทความนี้มาลงก่อนเวลาที่ควรจะเป็นหนึ่งวัน เพราะผมคาดกราณ์ว่า วันนี้และพรุ่งนี้ของผมอาจมีภาระกิจหน้าที่การงานรัดตัวจนไม่มีเวลาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนสมาชิกบางคนได้ จึงเร่งมือจัดการทำซะเลยในตอนที่ยังพอมีเวลาอยู่
ขอบคุณครับ
สุดท้าย ปัจจัยชี้ขาดแพ้ชนะตามความเห็นส่วนตัวของผม ถ้าเราบุกไปนำเร็ว ก็มีโอกาสที่จะไหลยาวๆ เพราะแนวป้องกันของสวอนซีก็ใช่ว่าจะดีนัก เพียงแต่ผมไม่ได้ลงข้อมูลในส่วนนี้เลย แต่ให้น้ำหนักไปที่จุดเด่นของสวอนซีที่ผมคิด วิเคราะห์แล้วค่อนข้างเป็นกังวลในจุดนี้มากกว่า แต่ถ้าจะให้สรุปแล้ว ก็จะได้ข้อสรุปว่า แม้ต้องไปเล่นนอกบ้านโอกาศชนะก็ยังมีสูง ถ้าลิเวอร์พูลสามารถยิงขึ้นนำได้ก่อน แต่ถ้ายังยิงขึ้นนำได้ช้าหรือยิงไม่ได้ ก็ขอให้นัดนี้ผู้รักษาประตูเป็นคาริอุสก็แล้วกันนะครับสำหรับนัดนี้ แนวโน้มที่จะแบ่งแต้มกลับมาได้ก็ยังมี
สำหรับผมในนัดนี้ ผู้รักษาประตูของเราต้องลุ้นกันหนักก่อนจะรู้ว่าใครจะได้ลงทำหน้าที่ และจะทำได้ดีขนาดไหน เรียกว่าลุ้นเสียวกว่าลุ้นให้ผู้เล่นในแนวรุกของเราทำประตูซะอีก และผมขอคาดการณ์ว่า ผู้รักษาประตูของเราในนัดนี้แหละ จะเป็น Key Man คนสำคัญรวมกับวิงแบ๊คทั้งสองข้างของเรา อย่างที่วิเคราะห์มาตั้งแต่ต้น ที่จะเป็นคนตัดสินเกมส์นัดนี้ ว่าความยินดีจะแสดงออกบนใบหน้าของแฟนบอลหงส์แดงหรือเปล่า เมื่อนกหวีดเป่าจบเกมส์
ขอวกกลับไปสักหน่อย ที่เมื่อพูดถึงแล้วก็ต้องสรุปเป็นจุดเด่นจุดด้อยของ สวอนซีสักหน่อย ซึ่งผมขอยกขี้ปากฝรั่งที่ทำงานด้านการเก็บ Statistics ของแต่ล่ะทีมในพรีเมียร์ลีคบนโลกออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตมาทั้งดุ้นเลยก็แล้วกันนะครับ

ที่แปลเป็นไทยให้กระชับแต่ได้ความหมายถ้วนว่า
(ผมไม่ได้แปลความหมายตามคำศัพทเป๊ะๆ นะครับแต่ใช้คำที่สื่อความหมายในภาษาไทยได้เหมือนๆกัน)
จุดเด่นของสวนซี
ขึ้นเกมส์บุกทางด้านปีกได้ดี
มีทีเด็ดที่การดวลลูกกลางอากาศ
แข็งแกร่งทนทายาทเมื่อต้องป้องกันในยามที่ขึ้นนำแล้ว เรียกง่ายว่า อุดเก่ง เมื่อนำแล้วนั้นเอง
จุดด้อยของสวอนซี
ใช้โอกาศเปลืองในการทำประตู
มีความสามารถในระดับอ่อนแอในการหยุดฝ่ายตรงข้ามจากการสร้างโอกาส
เสียฟาลว์ง่ายในพื้นที่อันตราย
การป้องกันลูกสวนกลับ หรือโต้กลับฉับผลันค่อนข้างแย่
การบีบพื้นที่เพื่อแย่งสกัดบอลจากคู่แข่งไม่ดี
ซึ่งมันจะสอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ที่อิงข้อมูลสถิติของผมหรือไม่ อย่างไร ก็คงเป็นหน้าที่ของคนที่เข้ามาอ่านที่ต้องตัดสินแล้วกันนะครับ เพราะทุกคนมีความคิดเป็นของตนเอง บางทีการรับฟังคนอื่นหรือ่านที่ใครมาเขียนแสดงความเห็นไว้ ก็อาจเป็นแค่หนึ่งในทางเลือกอีกนับร้อยที่จะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจเชื่อหรือไม่ของตนเอง ก็เท่านั้นครับ
สถิติตัวเลขก็เช่นกัน มันเป็นเพียงบันทึกเรื่องราวในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว จะมาคาดหวังในการทำนายสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นให้ถูกต้องทุกครั้งนั้น ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่มีโอกาสหรือมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแบบนั้น แบบนี้ มากกว่า หากว่านักเตะยังคงรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ให้ใกล้เคียงกับที่เคยถูกบันทึกไว้ด้วยตัวเลข
และนั้นคือนัยยะที่แท้จริงของการเอาสถิติมาร่วมวิเคราะห์เกมส์การแข่งขัน
ป.ล.เขียนบทความนี้มาลงก่อนเวลาที่ควรจะเป็นหนึ่งวัน เพราะผมคาดกราณ์ว่า วันนี้และพรุ่งนี้ของผมอาจมีภาระกิจหน้าที่การงานรัดตัวจนไม่มีเวลาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนสมาชิกบางคนได้ จึงเร่งมือจัดการทำซะเลยในตอนที่ยังพอมีเวลาอยู่
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
เปิดปูมก่อนแข่ง เค้นพลังแฝงเพื่อรับมือ สวอนซี ทีมที่อาจเหมือนเป็นขนมกรุบแต่อาจจะสอดไส้ก้าง
ตามที่ได้ให้สัญญาใจกับเพื่อนๆแฟงหงส์แดงชาวบ้าน TIA ไว้ว่า ก่อนแข่งพรีเมียร์ลีคทุกนัด ผมจะทำหน้าที่หาข้อมูลปูมหลังของทีมคุ่แข่ง มาแจกแจงรายละเอียดให้เห็นกันว่า คู่แข่งทีมต่อมาที่ลิเวอร์พูลต้องเจอนั้น มีสถิติปูมหลังเป็นอย่างไร
ขอชี้แจงก่อนว่าการที่ใช้คำว่า “ขนมกรุบ” ในการจั่วหัวกะทู้นั้น อาจเหมือนเป็นการดูถูกคู่แข่งอย่างสวอนซีเกินไปหรือเปล่า ซึ่งต้องขอออกตัวอธิบายว่าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเลยนะครับ เพราะยังมีคำว่า "ก้าง" อยู่ด้วย ซึ่งมันแค่เป็นการเปรียบเปรยว่า ทีมที่เล่นอย่างสวอนซีนี้แหละ คือของโปรดปรานของทีมบ้าคลั่งเกมส์บุกอย่างลิเวอร์พูล และอาจเป็นของแสลงสำหรับลิเวอร์พูลด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะจากสถิติที่ค้นหาและนำรายละเอียดมาลงในกะทู้นี้ ให้ท่านที่เข้ามาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นแฟนหงส์หรือไม่ก็ตาม คงพอจะตัดสินได้ด้วยตนเอง ว่าคำเปรียบเปรยที่ผมใช้นั้น เหมาะสมหรือไม่
โดยที่ผ่านมา 8 นัดล่าสุด และเป็นการลงแข่งในพรีเมียร์ลีคใน EPLปีนี้ สวอนซีนั้นมีผลงานดังนี้
ซึ่งเป็นการชนะ 2 นัด เสมอ 1 นัด และแพ้ 5 นัด
แต่ถ้านับเฉพาะในรายการ พรีเมียร์ลีค สวอนซี ก็จะมีผลงาน ชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 5 นัด โดยยิงได้ 5 ประตู และเสียไปแล้ว 10 ประตู เล่นในบ้าน 3 นัด เสมอ 1 แพ้ ออกไปเยือนนอกบ้าน 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 2 ซึ่งรวมผลงานตอนนี้ อยู่อันดับที่ 17 ของตาราง มี 4 คะแนน
เห็นแบบนี้ แฟนหงส์บางส่วนอาจจะสบายใจที่เหมือนจะไม่เจองานหนักมากนัก
แต่เมื่อไล่ไปดู Head to Head กับลิเวอร์พูล 6 นัดล่าสุด มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายผ่ายแพ้ คือในนัดล่าสุดที่พบกันในพรีเมียร์ลีคปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 01-15-2016 ที่สวอนซีเปิดบ้านเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ 3 ประตู ต่อ 1 ซึ่งอยู่ในช่วงแรกๆของการเข้ามาคุมทีมหงส์แดงของนายใหญ่คนใหม่ Jurgen Kloppและใช้นักเตะชุดสำรองเกือบครึ่งทีม แข่งขันกับสวอนซีนัดนี้ ลองไล่รายชื่อให้ดูหน่อยว่ามีใครได้ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูลในนัดที่ว่านี้บ้าง
ซึ่งมีWard , Clyne , Lovren , Skrtel , Smith , Ojo , Chirivella , Stewart , Ibe , Coutinho , Sturridge และ 2 ประตูจาก 3 ลูกที่สวอนซีทำได้ในนัดนี้ ก็มาจากความผิดพลาดของ 2ผู้เล่นชุดเยาวชนของหงส์แดงในตอนนั้น อย่าง Chirivella , Stewart ที่ทำผิดพลาดจนเป็นเหตุให้ลิเวอร์พูลเสียประตูไปคนล่ะลูก
ดังนั้นหากจะเอาผลการแข่งขันในนัดนี้เพียงนัดเดียวมาเป็นเครดิตของสวอนซี ก็ควรต้องคิดให้มากๆ เพราะผู้เล่นปัจจุบันของหงส์แดงในตอนนี้ กำลังมีผลงานและศักยภาพเหนือกว่าชุดที่พลาดท่าผ่ายแพ้ในปีก่อนอยู่มากโข เป็นทีมที่มีแนวรุกดุดันในระดับต้นๆของลีค
แต่เอาเถอะ เอาข้อมูลเก่าที่นานมาแล้ว มาดูก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรมากนัก สู้เอาข้อมูลใหม่ๆที่เกิดขึ้นในการแข่งขันพรีเมียร์ลีคตอนนี้ของสวอนซีมาประเมินดีกว่า ว่าโอกาสและแนวโน้มของรูปเกมส์จะออกมาเช่นไร
สวอนซีเล่นในระบบ 4-2-3-1 ในยามเกมส์รุก และสามารถปรับเป็น 4-5-1 ได้ในยามตั้งรับ แต่ถ้าดูจากเปอร์เซ็นการครองบอล เฉลี่ยแต่ล่ะนัดแล้ว ที่มีเปอร์การครองบอลต่อเกมส์สูงถึง 49% นั้นแสดงออกกลายๆว่า สวอนซี ไม่ใช่ทีมทีเน้นตั้งรับเป็นหลัก แต่เป็นที่ที่พร้อมจะเปิดเกมส์แลกเข้าใส่คู่แข่งทุกทีม ในนัดล่าสุดที่เจอกับโคตรทีมของเป็บ กราวดิโอล่าอย่างแมนซิตี้ สวอนซีก็เปิดเกมส์แลกอย่างไม่กลัวศักดิ์ศรีบารมีกุนซืนโคตรกุนซือแต่อย่างใด
ดังนั้นใครที่แอบคิดไปก่อนว่า สวอนซีจะเล่นแบบรถบัสกับลิเวอร์พูลนั้น ลืมๆไปได้เลยครับ เพราะสวอนซีถ้าเปรียบเป็นรถ ก็จัดเป็นรถแต่งที่พร้อมจะแข่งกับรถทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่ความแรงของเครื่องยนต์อาจจะยังไม่มากพอหรือดีพอที่จะนำผลการแข่งขันเป็นชัยชนะ ทำผลงานให้กับทีม
แต่ของแบบนี้มันไม่แน่ สวอนซีอาจจะจูนเครื่องติดในนัดที่พบกับลิเวอร์พูลก็เป็นได้ ใครจะไปรู้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่รู้กัน ว่าหากหงส์แดงต้องเจอกับทีมที่เปิดเกมส์รุกเข้าแลก ผู้เล่นในแนวรุกอย่าง มาเน่ คูตินโญ่ ฟีมีโน่ ลัลลาน่า ไวนาดุม มักทำผลงงานได้ดีเสมอ ซึ่งเกมส์รุกถือว่าเป็นจุดแข็งของลิเวอร์พูลอยู่แล้ว
ดังนั้นสิ่งเดียวที่ผมห่วง หรือกังวลกับนัดนี้ กลับเป็นแนวรับและผู้รักษาประตู ที่ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ของลิเวอร์พูลต่างหาก และอาจเป็นงานยากที่จะรักษาคลีนชีทให้ได้ในเกมส์นัดนี้ ถ้าฟอร์มการเล่นของแนวรับยังหาจุดลงตัวที่ว่านั้นไม่เจอ
จุดที่ผมกังวลใจนอกจากเกมส์รับของเราที่ยังหาจุดลงตัวไม่ได้อีกอย่างก็คือ ลักษณะการเข้าทำเกมส์รุกของสวอนซีซึ่งดูแล้วน่ากลัวเอาเรื่องอยู่ ถึงจะทำสกอร์ในนัดก่อนๆที่ผ่านมาได้น้อย แต่ลักษณะการเข้าทำและวิธีเล่นของพวกเขาก็ทำเอาฝ่ายตรงข้ามอย่าง แมนซิ ในนัดล่าสุดย่ำแย่มาแล้ว เมื่อ ผู้รักษาประตูตัวความหวังของเป็บอย่าง บราโว่ ต้องออกแรงเชฟถึง 4 ครั้ง เพื่อสกัดกั้นไม่ให้สวอนซีได้ประตูมากไปกว่าที่ได้ไป 1 ลูก
มันอันตรายที่ในเกมส์ล่าสุดที่สวอนซีพบกับแมนซิตี้นั้น โอกาสเข้าทำประตูของพวกเขาทำได้ 13 ครั้งนั้น เป็นการยิงประตูในกรอบเขตโทษ 16 หลา ถึง 10 ครั้ง เพียงแต่พวกเขากลับยิงไม่ตรงกรอบหลุดออกไปเองถึง 6 ครั้ง ส่วนอีก 4 ครั้งที่เหลือก็ถูก บราโว่ซึ่งจัดเป็นผู้รักษาประตูชั้นดี เซฟไว้ได้
และหากย้อนไปดูปูมหลังไล่มาทั้งหมด 6 นัดในพรีเมียร์ลีคปีนี้ สวนอซีมีโอกาสสับไกยิง 76 ครั้ง เป็นการยิงจากนอกกรอบ แค่เพียง 15 ครั้ง ในกรอบ 6 หลา 21 ครั้ง และในกรอบเขตโทษ อีก 49 ครั้ง นั้นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ลิเวอร์พูลนัดนี้ อาจเจอรูปแบบการบุกเข้าใส่แบบที่ตนเองไม่ถนัดในการตั้งรับเสียด้วย ดูได้จาก การยิงในกรอบ 6 หลา นั้นมันบ่งบอกว่า อาจจะเป็นการขึ้นโหม่งจากลูกครอสหรือลูกตั้งเตะก็ได้ ซึ่งเราต่างรู้ดี ว่าเป็นจุดอ่อนที่ยังแก้ไม่หายของทีมเรา
ส่วนการยิงในกรอบเขตโทษ 16 หลา 49 ครั้งนั้น เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เกมส์รุกของสวอนซี คือฟุตบอลที่เล่นจ่ายบอลทะลุช่อง หรือทำชิ่ง 1-2 เข้าไปยิง คำถามคือ ผู้รักษาประตูของเราตอนนี้เชื่อใจได้แค่ไหนที่จะป้องกันการเข้าทำของสวอนซี ผมว่าแฟนลิเวอรืพูลคงมีคำตอบในใจที่ไม่ต่างไปจากผม
ซึ่งที่ผ่านมาสร้างปัญหาให้กับผู้รักษาประตูและแนวรับฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก ดูได้จากทั้ง 6 นัดที่ผ่านมา มีเพียงนัดเดียวที่เสมอกับเซลซี 2-2 เท่านั้น ที่ผู้รักษาประตูและแนวรับทีมคู่แข่งไม่ต้องออกแรงเหนื่อยนัก
(รูปภาพข้อมูลประกอบ และได้ลงไฮไลท์สีแดงเอานั้นแหละ คือนัดเดียวที่ผู้รักษาประตูทีมคู่ต่อสู้ของสวอนซี ไม่ต้องทำงานหนัก)
และตัวเลขเช่นนี้บ่งชี้ว่า ประสิทธิภาพของศูนย์หน้าหรือแนวรุกของสวอนซีนั้น ใช่ว่าจะไม่ดี แม้พวกเขาจะไม่สร้างสรรค์โอกาสในการยิงประตูในแต่ละนัดมากนัก เฉลี่ย 12.8 ครั้งต่อ1 เกมส์ แต่ก็สร้างความหนักใจให้ผู้รักษาประตูของฝ่ายคู่แข่งได้ทุกครั้ง การที่ทำประตูได้น้อย อาจไม่ใช่สัญญาณบ่งชี้ว่าแนวรุกไม่ดีพอ แต่บังเอิญไปเจอแนวรับฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะผู้รักษาประตูที่ท็อปฟอร์มแข็งแกร่งในนัดนั้นๆพอดีก็ได้
คำถามคือ ผู้รักษาประตูของเรา ดีพอที่จะทำได้เหมือนคู่แข่งทีมอื่นๆที่ผ่านไปของสวอนซีหรือเปล่า..?
ผมว่าหลายท่าน คงเอาเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผาก แล้วคิดหนักอย่างผมแน่ๆ
เพื่อไม่เป็นการตอกย้ำเกินไปนัก ผมจึงไม่เอาสถิติตัวเลขอันน่าสลดหดหู่ของผู้รักษาประตูทีมลิเวอร์พูลมาลง แต่จะขอเบี่ยงประเด็นไปที่ลักษณะการเข้าจู่โจมของสวอนซีที่นำมาซึ่งผลงานเอาน่าทึ่งที่หลุดเข้าไปยิงในกรอบได้บ่อยครั้งเหลือเกิน มาแสดงแทนแล้วกัน
อย่างที่บอกว่าสวอนซีเป็นทีมที่เปิดเกมส์เข้าแลก แม้กระทั่งเจอทีมแนวรุกโหดๆ เพราะพวกเขาเองเชื่อว่าการที่ฝ่ายตรงข้ามเล่นเกมส์รุก นั้นก็เป็นโอกาสของพวกเขาเช่นกัน ที่จะฝ่าพวกแนวรับของทีมเหล่านั้น ที่ต้องขึ้นสูงยกกำลังมาสนับสนุนแนวรุกของทีมตนเอง หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “หลังลอยสูง” และลูกทีมในแนวรับของคล้อปเอง ก็เติมขึ้นสูงซะด้วยในทุกนัดที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิงแบ๊คทั้งสองข้าง อย่าง มิลเนอร์และไคลน์ ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวรุกของทีมไปด้วยทุกครั้งที่ลงสนาม
ดังภาพตัวอย่างที่ยกมาแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งการเคลื่อนที่ของสองแบ๊ค ซ้ายขวาของเรา จะเห็นได้ว่า ในยามที่เจอกับทีมที่เปิดแลก ทั้งไคลน์และมิลเนอรืนั้นดูจากการเคลื่อนที่แล้วทำหน้าที่ในเกมส์รุกมากกว่ารับ ซึ่งมันก็ดีถ้าลิเวอร์พูลสามารถพับสนามบุกจนอีกฝ่ายโงหัวไม่ขึ้น แต่ถึงกระนั้นลูกโต้กลับฉับผลันจากอีกฝ่ายก็ยังอันตรายเสมอ ซึ่งผมคาดการณ์ว่า สวอนซีจะใช้เป็นไม้เด็ดในการทิ้งบอลยาวไปด้านข้างซึ่งเปิดโล่งเมื่อยามแบ๊คของหงส์แดงขึ้นเติม ใช้จุดนี้เปิดเกมส์เข้าแลกกับทีมที่คลั่งเกมส์บุกอย่างลิเวอร์พูลแน่ๆ ซึ่งในภาพตัวอย่างผมเอานัดที่เจอกับ สเปอร์และเลสเตอร์มาแสดง ที่ไม่เอาทีมอย่างอาเซนอลหรือเซลซีที่เจอกับเราไปแล้วก็เพราะ ระดับของทีมเหนือกว่าสวอนซีเกินไป
เมื่อดูของเราแล้วก้ต้องไปดูของสวอซีกันบ้าง
เพราะเมื่อดูตำแหน่งการเคลื่อนที่ในแนวรุกด้านข้างทั้งซ้ายและขวาของสวอนซี ในนัดที่พบกับเซลซีและแมนซิตี้ที่ถือว่าระดับใกล้เคียงกับทีมของเราแล้ว ก็แทบอยากจะเอาเท้าขึ้นไปก่ายหน้าผากอีกรอบ เพราะคิดภาพออกว่าหากโดนสวนกลับในขณะที่แบ๊คทั้งสองข้างอย่างไคลน์และมิลเนอร์ลอยขึ้นไปสูงแล้ว ขึ้นไปช่วยเติมเกมส์รุกแล้วกลับลงมาตั้งรับไม่ทัน มันจะเกิดอะไรขึ้น ท่านที่เข้ามาอ่านก็คงจะทราบใช่ไหมครับ
และกลายเป็นว่าบทวิเคราะห์นี้ดูอาจเหมือนออกแนวเอาข้อมูลมาขู่แฟนบอลทีมตัวเองซะอย่างนั้น ทั้งๆที่ขึ้นต้นเหมือนว่า สวอนซี จะเป็นแค่ทีมขนมกรุบกรอบ เคี้ยวเล่นเพลินๆตืที่ไหนได้กลับดันมีก้างแหลมคอยทิ่มแทงคนกินอยู่ด้วย หากไม่ระมัดระวังให้ดี
ซึ่งนั้นคือใจความสำคัญของบทวิเคราะห์คู่แข่งในสัปดาห์นี้ ผมไม่สนใจหรอกนะครับ หากแฟนบอลทีมอื่นจะเข้ามาอ่านและหาว่าผมโอเวอร์ยกระดับคู่แข่งจนเกินจริง เหมือนอย่างที่โดนเหน็บแนมจากแฟนบอลบางทีมที่สนใจข่าวทีมเรามากกว่าทีมตัวเอง เมื่อครั้งที่ทำวิเคราะห์ครั้งก่อนตอนก่อนแข่งกับฮัลด์
เพราะผมเชื่อว่าการมองจุดแข็งของคู่แข่งให้มากไว้ และใสใจกับจุดด้อยของทีมตัวเอง นั้นคือจุดเริ่มต้นที่ดีก่อนทำการแข่งขัน ซึ่งผมเองก็เข้าใจว่าเจเก้น คล็อปนั้นเข้าใจในจุดนี้ลึกซึ้งกว่าผมมาก จึงไม่วิตกกังวลในส่วนนี้จนเกินไปนัก อาจแค่เป็นความรู้สึกเล็กๆ เป็นเศษเสี้ยวของความกังวลที่ปะปนอยู่กับความหวังที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ต่อผลการแข่งขันของลิเวอร์พูลในนัดนี้และทุกๆนัดของลิเวอร์พูลก็เท่านั้นเอง
รับฟังที่ผมบ่นออกนอกเรื่องเสร็จ ก็กลับเข้าเรื่องต่อได้โดยอ่านต่อด้านล่างครับ
V
V
V
*แก้ไขคำผิด