อ่านกระทู้เรื่องแรกๆเมื่อเช้าพบว่ามีคำตอบเข้ามาเรื่อย ซึ่งเกี่ยวกับการรับประทานตามธรรมชาติ และการฆ่าสัตว์กินเนื้อได้ตามใจชอบ! สังเกตอ่านตามไปเรื่อย แต่มองหานำมาแค่โดยรวมในถาม-ตอบ ว่า ดูแล้วเหมือนสิ่งที่อธิบายมาจะให้เข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่ลอยตัวไปสู่ทิศทางที่ถูก และยังพากลับมาสู่บทบาทหน้าที่ๆคลุมเครือเหมือนเดิม หมายถึงว่าข้อถาม-ตอบมันจะลอยไปถึงคำถามที่เป็นตัวกลั่นแท้ๆ แต่มันก็ไม่ไป สู่ที่เป็นประโยชน์ยิ่งกว่านั้น หรือที่เป็นประโยชน์พอประมาณ อธิบายวงจรอย่างนี้ ว่า
สัตว์กินเนื้อ - กินสัตว์กินพืช
สัตว์กินพืช - กินสัตว์กินแร่ธาตุ(พืช)
สัตว์แร่ธาตุ - กินสัตว์พลังงาน
สัตวพลังงาน - กินนิพพาน(เต๋า)
เข้าสู่ห่วงวัฏฏวน แต่ เต๋า หรือนิพพานนั้น เห็นจะวนมากินเนื้อได้อีก เพราะว่านิพพานนั้นมีไปตลอด และเพราะวัฏฏสงสารเองก็มีไปตลอดเหมือนกัน ทีนี้ข้อนี้อยากถามเพื่อนๆว่า? ความไม่ประมาทควรอยู่ตรงไหนในระหว่างห่วงโซ่อาหาร และบัณฑิตควรอยู่ตรงไหนในระหว่างห่วงโซ่อาหาร และพระอรหันต์เองควรอยู่ตรงไหนระหว่างความไม่ประมาท กับการเป็นไปด้วยกับความประพฤติแห่งบัณฑิต
พูดต่อไปถึง ความเกลียดชัง, ติเตียน, นินทา. ในหมู่ภิกษุในธรรมวินัยย่อมจะกล่าวว่ามีอาบัติเกิดขึ้น (ด้วยข้อน่ารังเกียจ) อยากทราบว่าทำไมภิกษุสงฆ์สาวกจึงปรับ อาบัติพระอรหันต์ เทียบเท่ากับคนบ้า คนป่วย และ อาทิกัมมิกะ ว่าท่านไม่ผิด ฉะนั้นเมื่อเหตุการณ์มันเป็นไปตลอด ดูๆคนที่ไปปรับอาบัตินั่นจะผิด (ทำไมต้องปรับกันแบบนั้น?) เพราะถ้าปรับ! ก็เหมือนหนึ่งว่าจะไปเปรียบพระอรหันต์ว่าเป็นดั่งคนบ้า เพราะหมวดการยกเว้นให้นั้นท่านอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันคนที่สูญเสียความปรกติสมบูรณ์ แต่ว่ายังมีหน้าที่บทบาทเกี่ยวข้องกับคนทั่วๆไป
สัตว์กินเนื้อ!
สัตว์กินเนื้อ - กินสัตว์กินพืช
สัตว์กินพืช - กินสัตว์กินแร่ธาตุ(พืช)
สัตว์แร่ธาตุ - กินสัตว์พลังงาน
สัตวพลังงาน - กินนิพพาน(เต๋า)
เข้าสู่ห่วงวัฏฏวน แต่ เต๋า หรือนิพพานนั้น เห็นจะวนมากินเนื้อได้อีก เพราะว่านิพพานนั้นมีไปตลอด และเพราะวัฏฏสงสารเองก็มีไปตลอดเหมือนกัน ทีนี้ข้อนี้อยากถามเพื่อนๆว่า? ความไม่ประมาทควรอยู่ตรงไหนในระหว่างห่วงโซ่อาหาร และบัณฑิตควรอยู่ตรงไหนในระหว่างห่วงโซ่อาหาร และพระอรหันต์เองควรอยู่ตรงไหนระหว่างความไม่ประมาท กับการเป็นไปด้วยกับความประพฤติแห่งบัณฑิต
พูดต่อไปถึง ความเกลียดชัง, ติเตียน, นินทา. ในหมู่ภิกษุในธรรมวินัยย่อมจะกล่าวว่ามีอาบัติเกิดขึ้น (ด้วยข้อน่ารังเกียจ) อยากทราบว่าทำไมภิกษุสงฆ์สาวกจึงปรับ อาบัติพระอรหันต์ เทียบเท่ากับคนบ้า คนป่วย และ อาทิกัมมิกะ ว่าท่านไม่ผิด ฉะนั้นเมื่อเหตุการณ์มันเป็นไปตลอด ดูๆคนที่ไปปรับอาบัตินั่นจะผิด (ทำไมต้องปรับกันแบบนั้น?) เพราะถ้าปรับ! ก็เหมือนหนึ่งว่าจะไปเปรียบพระอรหันต์ว่าเป็นดั่งคนบ้า เพราะหมวดการยกเว้นให้นั้นท่านอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันคนที่สูญเสียความปรกติสมบูรณ์ แต่ว่ายังมีหน้าที่บทบาทเกี่ยวข้องกับคนทั่วๆไป