Incredible India Leh-ladakh EP.1 (เห้ย! เหลือเชื่อว่าอินเดีย)
22 กันยายน 2016
ฮัลโหลลลลลลลลลล! ตื่นๆๆๆ เช้าแล้วๆๆๆ ความพีคคคคที่แท้จริงกำลังจะเเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 2 ของการเยือนแดนโรตี โปรแกรมวันนี้เราจะมุ่งหน้าที่ Nubra Valley และจะค้างกันที่นั้น 1 คืน ซึ่งจากตัวเมืองเลห์ไปถึงนูบร้าวอลเล่ย์จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง......
ว่าแล้วการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เราทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จสับ พร้อมออกเดินทางแล้วโว้ยยยยย!! ต้องบอกว่าคนขับรถของเรามาตรงเวลาเป๊ะ ประมาณสัก 08.30 น. ก็มีพนักงานมาช่วยขนกระเป๋าขึ้นรถ และด้วยความที่เราเป็นสยามเมืองยิ้ม แขกยกกระเป๋าเลยยิ้มใส่เราประหนึ่งว่ารออะไรบางอย่าง...คิดในใจเออๆ ก็ได้วะ 100 รูปีฟอร์ยู ทิปค่ายกกระเป๋าขึ้นรถ สบายใจแขกเดินยิ้มแล้วจากเราเข้าโรงแรมไปในบัดดล...
09.00 น. ช่วงเวลาแห่งการผจญภัยของนักเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อล้อรถโตโยต้าอินโนวาแบบ 5 ประตูค่อยๆ เคลื่อนตัวสู่เส้นทางอันหฤโหดที่เราเองก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีอยู่บนโลกใบนี้..... ออกจากตัวเมืองเลห์สักพักเส้นทางเริ่มเป็นทางเหมือนขับขึ้นเนิน แต่แค่เนินมันสูงไปแค่นั้นเอง!!! จะบ้าเหรอนี่มันเขาทั้งลูกเลยนะยูว เส้นทางค่อยๆ เพิ่มความแอดเวนเจอร์ไปอีกเมื่อขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ด้วยความสูงชันบนถนนที่มีความกว้างไม่มากนัก ประกอบกับโค้งหักศอกแบบ 180 องศาและหน้าผาอันสูงชัน คือถ้าล้อใดล้อหนึ่งพลาดนะ คุณเอ้ยยยยยยย!! ไม่ต้องถามว่ารอดมั้ย.....
ขับมาสักพักก็ถึงจุดที่พีคคคคคคคคค มากๆ คือจุดที่เห็นแล้วต้องบอกคนขับว่า ยูๆ สต็อปๆ ไอขอถ่ายรูปก่อน คือ มันพีคมากจริงๆ วิวที่อยู่ตรงหน้าของพวกเราสี่คน ณ ตอนนี้คือวิมานชั้นไหน สวยอะไรขนาดนั้น มองเห็นภูเขาหลายๆ ลูกเรียงซ้อนทับกันตัดกับสีฟ้าสดใสดูแปลกตาแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน.....
หลังจากที่ถ่ายรูปกันจนหนำใจก็ออกเดินทางกันต่อ... จากจุดนี้ก็เหมือนเดิม เรายังคงอยู่บนเส้นทาวที่ค่อนข้างหวาดเสียวและอันตราย หน้าผากับล้อรถอยู่ติดกันยิ่งกว่าเพื่อนสนิท แต่เอาว่ะ!!! มาแล้วก็ต้องสุด.. คุณได้ไปต่อครับ ขับมาสักพักก็มาถึงจุดคล้ายๆ จะเป็นที่พักรถและเป็นจุดตรวจ permit และพาสปอร์ท...
.......เราก็เหมือนทุกๆ คัน คือ ต้องจอดและตรวจเอกสารก่อนเดินทางต่อ ทันใดนั้นคนขับรถก็หันมาถามเราว่า "ํYour passport?" หลังจากคำถามนั้นจบลง โลกทั้งเหมือนถูกหยุด ทุกคนในรถหันมองหน้ากัน และคิดในใจชิหายแล้วววววว... "พาสสปอร์ทอยู่ที่โรงแรม" พีคคคคคคคคคคคค แล้วการที่กรูนั่งรถไต่เขามาสองชั่วโมงคืออะไร ทำไง ยังไงดีๆ......
แต่ แต่ แต่!! ทันใดนั้นพี่คนขับรถก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรกลับไปที่โรงแรมซึ่งกว่าจะติดต่อกันได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ หลังจากติดต่อโรงแรมได้แล้วคนขับก็เดินมาบอกเราว่าเดี๋ยวทางโรงแรมจะเอาขึ้นมาให้ แต่ให้ไปเจอกันคนละครึ่งทาง นั้นหมายความว่าเราก็ต้องนั่งรถลงไปเอาอีกเหรอ ชีวิตกรูต้องเสี่ยงตายลงไปอีกรอบเหรอ ฮือออๆ แต่คนขับใจดีบอกเราว่า ยูรอที่นี่แหละเดี๋ยวไอจะขับรถลงไปเอาเอง...ว่าแล้วนางก็ขับรถออกไปทันที ทิ้งพวกเรา 4 คน เคว้งคว้างอ้างว้างเดียวดาย ยิ่งกว่าเพลงเศร้าของพี่ลุลา...ท่ามกลางอุณหภูมิที่น่าจะเป็นเลขตัวเดียว เราเลยคุยกันว่าโอเคเดี๋ยวต้องหาที่หลบหนาว และจากการเซอเวย์ดูแล้วเจอร้านอาหารใกล้ๆ จุดรอคนขับรถ เลยเดินไปร้านนั้นทันที แต่พีคคคคคคคคนางปิดร้านจ้า เราจึงทำได้เพียงยืนรออยู่หน้าร้านของนางเท่านั้น....
ระหว่างนี้เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลา รอไรล่ะ!! หาโลเคชั่นในการถ่ายรูปชิคๆ กันหน่อยยยยย...... ต้องบอกว่าอากาศ ณ ตอนนั้นหนาวมากกกกชนิดที่ว่าปากสั่น หน้าชา แต่ ณ จุดนี้เราก็โชคเพราะ ที่นี่ทำให้เราเจอหิมะแรกของทริป ตกลงมาปรอยๆ ให้เราได้พออิมเอมและทรมานไขกระดูกและหลังหูกันเลยทีเดียว..
และด้วยอากาศที่หนาวเหน็บบวกกับการนั่งรถมาเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้เราอยากจะปลดทุกข์ โชคดีที่หลังร้านอาหารมีห้องน้ำไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 4 ห้อง เขียนแยกหญิง - ชาย ไว้เรียบร้อย เพื่อนเราคนแรกเลยไปพิสูจน์ความพีคที่ว่ากันว่ามาอินเดียแล้วต้องเจอ.....ว่าแล้วนางก็เดินไปเข้าห้องหน้าสักพักก็เดินกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉย....ทำให้เราคิดในใจว่า เห้ยยยย! แสดงว่าห้องน้ำมันต้องดีซินะ เพื่อนเราถึงไม่บ่นสักคำ...สิ้นสุดความคิดนั้นถึงตาเราที่ต้องไปพิสูจน์บ้างแล้วแหละ โอ้ววววววแม่เจ้า!!!!! พีคคคคคคค!!!! ตามคำเตือนของหลายๆ กระทู้ที่เราเคยอ่านมา คือ พื้นห้องน้ำจะมีการเจาะรูเป็นสี่เหลี่ยม เพื่อให้สิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงไปเบื้องล่าง แต่! แต่! แต่! ภาพที่เห็นอยู่เบื้องล่างนี่พีคกว่าวิวไปอีก กองที่เราออกเอาจากตัวไปทั้งน้ำทั้งเนื้อผสมกันอากาศที่เย็นจัดกองอยู่เบื้องมองลอดใต้ช่อง 4 เหลี่ยม เห็นเป็นภูเขาเวเรสกองยักษ์ พาขึ้นเลย......แทบพุ่งงงงงงงงง วิ่งออกจากห้องน้ำแทบไม่ทัน
รอไปรอมาสักพักคนขับก็มา ณ จุดนี้คือ ดีใจสุดๆ สี่คนรีบวิ่งไปที่รถประหนึ่งว่า เด็กอนุบาลที่รอคอยผู้ปกครองมารับกลับบ้าน...คิดในใจกรูรอดแล้วเว้ยยยยย! หลังจากตรวจเอกสารเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันต่อ เส้นทางแบบเดิม คือ ไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวลงไปเรื่อยๆ และความสูงที่เพิ่มขึ้น นี่ทำให้เราเห็นวิวที่แปลกตา สวยพีคคคคคคคคคคคคคคมากกกกกกกกกกกกกกกกก.........
เดินทางต่อมาสักพักก็แวะกันต่อที่จุดที่ 2 จุดนี้จำได้ว่าคนเยอะมาก โดยเฉพาะคนที่ขับมอร์เตอร์ไซที่มักจะมาพิชิตความฟินกันบนเส้นทางหลวง ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางหลวงที่สูงที่สุดในโลก นอกจากจะสูงแบบพีคสุดๆ แล้ว ที่นี่ยังหนาวสุดๆ อีกด้วย หนาวจนหิมะตกใส่หัว หนาวจนปากเกร็ง หนาวจนต้องร้องขอชีวิต......
จอดอยู่นานพอที่จะให้ได้ถ่ายรูปกับแบบร้อยแอค พร้อมกับกรุ๊ปช็อคชนิดที่ว่าบีก็ทำไม่ได้ คริสเหรออย่าหวังเลย.... แล้วเราก็ออกเดินกันต่อ เส้นทางต่างจากช่วงต้นๆ คือจากที่ไม่ค่อยเห็นหิมะปกคลุม เราเลยจุดนั้นมาแล้ว เพราะเส้นทางต่อจากนี้คือความสวยงาม ความพีคคคคคระดับล้านกระโหลก เห็นหิมะปกคลุมบนยอดเขาบางๆ สลับหนาทึบแบบกลาเซีย ประหนึ่งว่าเราอยู่สวิตเซอร์แลนด์แดนมหัสจรรญ์กันเลยทีเดียว แต่พีคกว่านั้นคือโค้งที่เพิ่มขึ้นและความสูงที่เพิ่มขึ้น แบบตกลงไปไม่มีเวลาเจ็บแน่นอน....
ผ่านจุดนี้รถก็ค่อยๆ วิ่งลงเขาแบบวนรอบเขา ค่อยๆ ลดระดับความสูงไปเรื่อยๆ จนขนานกับพื้นดิน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราใกล้ถึง Nubra Valley แล้วสินะ ซึ่งเส้นทางจุดนี้ก็มีความพีคไม่แพ้กันกัน คือ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภูเขาน้อยใหญ่โอบล้อมเราแบบ 360 องศา บนเส้นทางรถวิ่งขนานไปกับแม่น้ำที่ไหลผ่นหุบเขา มีหินเล็กใหญ่เรียงรายอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด สวยอลังการดาวล้านดวงมากๆ
หลังจากขับรถกันมาพักใหญ่ๆ ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงประมาณ 4 โมงเย็น เราก็มาถึงที่พักในคืนนี้กันแล้วววววว.....ซึ่งที่พีคคือ นอนเต๊นท์ ห้ะ!! นอนเต๊นท์ในอุณหภูมิ 2-3 องศาเนี่ยนะ ใช่ครับ! คุณอ่านไม่ผิด พวกเรานอนเต๊นท์กันแบบชิคๆ คูลๆ ท้าทายความเร้าร้อนในตัวไปเลยว่าจะมาดับความเย็นได้รึเปล่า... ซึ่งในทริปนี้เราเปิด 2 เต๊นท์ นอนเต๊นท์ละ 2 คน ซึ่งต้องบอกว่าดีมาก เพราะ เป็นเต๊นท์ที่มีห้องน้ำในตัว และมีเตียง 2 เตียง ผ้าห่ม 4 ผืน ซึ่งคืนนี้เราจะนอนกันที่นี่แหละเว้ยยยยยแกร! อิจฉาสินะ!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ
หลังจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย!! ก็มาถึงกิจกรรมไฮท์ไลท์ของวันนี้ คือ.....แถ่น แถ้น แถ๊น!!!! การขี่อูฐนั่นเอง ว่าแล้วคนขับรถก็พาเราไปจุดที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน Nubra ทุกคนต้องไปคือ จุดขี่อุฐ ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักเราไปไกลมากนักใช่เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงจุดขี่อูฐ พวกเราทั้งสี่คนไม่รีรอรีบมุ่งหน้าไปติดต่อขอซื้อตั๋วจากคนขาย ซึ่งราคาก็น่ารัก 350 รูปีต่อ 30 นาที จัดไปอย่าให้เสีย! สี่ใบกับตั๋วขี่อูฐครั้งแรกในชีวิตผม....ว่าแล้วเราก็เดินไปเลือกอูฐพร้อมขี่จ้าาาาา น้องอูฐที่นี่ดูเป็นมิตร ใจดี ขนตางอลยิ่งกว่าปัดมาสคาร่าเมเบอลีน นางยอมให้เราขี่แต่โดยดีโดยมีเจ้าหน้าที่คอยจูงอูฐพาไปรอบๆ ตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ซึ่งแน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของการขี่อูฐคือ การถ่ายรูปแบบชิคๆ สไตล์กรุ๊ปช็อตแอนด์ส่วนตัวช็อต เราจึงเริ่มปฏิบัติการนี้ทันที......พีค.........
หลังจากที่พวกเราขี่อูฐจนหนำใจและบวกกับหญิงถึกหนึ่งเดียวในทริปโดนอูฐร้องใส่หน้าขณะที่ไปขอถ่ายเซลฟี่กับนาง ประหนึ่งว่าหมดเวลาทำงานแล้วโว้ยยยยยย!! นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราควรกลับที่พักเนอะ เล็ทโกๆ เข้าที่พักกันเถอะ หวังใจว่าจะกลับมาอาบน้ำแปลงฟันให้สดชื่นหลังจากที่โดนอูฐกรี๊ดใส่หน้า ฮ่าๆๆๆๆ ถึงเต๊นท์ที่พักปุ๊ปเดินไปหาพนักงานขอน้ำอุ่นจะมาอาบน้ำ แต่แขกบอกโนวววววว น้ำอุ่นจะมีเฉพาะตอน 06.30 น. เท่านั้น ซึ่งนั้นหมายความว่าาาาาา กรูต้องอาบน้ำในอุณหภูมิ 2-3 องศาเหรอ เห้ยยยยยย บ้าไปแล้วววววววว!!! แล้วก็มีคนบ้าจริงๆ หญิงถึงหนึ่งเดียวของเราอาบจ้าาา แต่นางบอกว่าอย่าเรียกกว่าอาบเลย เรียกว่าพรหมดีกว่า หนาวจนยอมแพ้ ทุกส่วนในล่างการชาไปหมด หดไปหมด บอกเลยว่าที่นี้ไม่เหมาะกับการผสมพันธ์ุเป็นอย่างยิ่ง......
และทุกอย่างของค่ำคืนนี้ก็สงบลง ด้วยการมีถุงน้ำร้อนมาช่วยบรรเทาความหนาวแบบพีคๆ กับผ้าที่พันตามตัวรวมแล้วประมาณ 7 ชั้น ก็สามารถช่วยให้เราคลายหนาวลงไปได้บ้างแม้จะไม่มากก็ตามมมมมมม......
และแล้วเราก็หลับไปพร้อมกับทุกอย่างที่เงียบสงบแบบสโลไลฟ์ของแท้ พร้อมเก็บแรงไว้ลุยกันต่อในวันพรุ่งนี้......รอติดตามต่อใน ep.3 นะจ๊ะ
บัยยยยแยกกกกกกก.....
มาแล้วจ้าาาาาา........
EP.1
http://pantip.com/topic/35639843
EP.2
http://pantip.com/topic/35641248
EP.3
http://pantip.com/topic/35647446
EP.4
http://pantip.com/topic/35653018
[CR] Incredible India Leh-ladakh EP.2 (เห้ย! เหลือเชื่อว่าอินเดีย)
22 กันยายน 2016
ฮัลโหลลลลลลลลลล! ตื่นๆๆๆ เช้าแล้วๆๆๆ ความพีคคคคที่แท้จริงกำลังจะเเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 2 ของการเยือนแดนโรตี โปรแกรมวันนี้เราจะมุ่งหน้าที่ Nubra Valley และจะค้างกันที่นั้น 1 คืน ซึ่งจากตัวเมืองเลห์ไปถึงนูบร้าวอลเล่ย์จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง......
ว่าแล้วการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เราทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จสับ พร้อมออกเดินทางแล้วโว้ยยยยย!! ต้องบอกว่าคนขับรถของเรามาตรงเวลาเป๊ะ ประมาณสัก 08.30 น. ก็มีพนักงานมาช่วยขนกระเป๋าขึ้นรถ และด้วยความที่เราเป็นสยามเมืองยิ้ม แขกยกกระเป๋าเลยยิ้มใส่เราประหนึ่งว่ารออะไรบางอย่าง...คิดในใจเออๆ ก็ได้วะ 100 รูปีฟอร์ยู ทิปค่ายกกระเป๋าขึ้นรถ สบายใจแขกเดินยิ้มแล้วจากเราเข้าโรงแรมไปในบัดดล...
09.00 น. ช่วงเวลาแห่งการผจญภัยของนักเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อล้อรถโตโยต้าอินโนวาแบบ 5 ประตูค่อยๆ เคลื่อนตัวสู่เส้นทางอันหฤโหดที่เราเองก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีอยู่บนโลกใบนี้..... ออกจากตัวเมืองเลห์สักพักเส้นทางเริ่มเป็นทางเหมือนขับขึ้นเนิน แต่แค่เนินมันสูงไปแค่นั้นเอง!!! จะบ้าเหรอนี่มันเขาทั้งลูกเลยนะยูว เส้นทางค่อยๆ เพิ่มความแอดเวนเจอร์ไปอีกเมื่อขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ด้วยความสูงชันบนถนนที่มีความกว้างไม่มากนัก ประกอบกับโค้งหักศอกแบบ 180 องศาและหน้าผาอันสูงชัน คือถ้าล้อใดล้อหนึ่งพลาดนะ คุณเอ้ยยยยยยย!! ไม่ต้องถามว่ารอดมั้ย.....
ขับมาสักพักก็ถึงจุดที่พีคคคคคคคคค มากๆ คือจุดที่เห็นแล้วต้องบอกคนขับว่า ยูๆ สต็อปๆ ไอขอถ่ายรูปก่อน คือ มันพีคมากจริงๆ วิวที่อยู่ตรงหน้าของพวกเราสี่คน ณ ตอนนี้คือวิมานชั้นไหน สวยอะไรขนาดนั้น มองเห็นภูเขาหลายๆ ลูกเรียงซ้อนทับกันตัดกับสีฟ้าสดใสดูแปลกตาแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน.....
หลังจากที่ถ่ายรูปกันจนหนำใจก็ออกเดินทางกันต่อ... จากจุดนี้ก็เหมือนเดิม เรายังคงอยู่บนเส้นทาวที่ค่อนข้างหวาดเสียวและอันตราย หน้าผากับล้อรถอยู่ติดกันยิ่งกว่าเพื่อนสนิท แต่เอาว่ะ!!! มาแล้วก็ต้องสุด.. คุณได้ไปต่อครับ ขับมาสักพักก็มาถึงจุดคล้ายๆ จะเป็นที่พักรถและเป็นจุดตรวจ permit และพาสปอร์ท...
.......เราก็เหมือนทุกๆ คัน คือ ต้องจอดและตรวจเอกสารก่อนเดินทางต่อ ทันใดนั้นคนขับรถก็หันมาถามเราว่า "ํYour passport?" หลังจากคำถามนั้นจบลง โลกทั้งเหมือนถูกหยุด ทุกคนในรถหันมองหน้ากัน และคิดในใจชิหายแล้วววววว... "พาสสปอร์ทอยู่ที่โรงแรม" พีคคคคคคคคคคคค แล้วการที่กรูนั่งรถไต่เขามาสองชั่วโมงคืออะไร ทำไง ยังไงดีๆ......
แต่ แต่ แต่!! ทันใดนั้นพี่คนขับรถก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรกลับไปที่โรงแรมซึ่งกว่าจะติดต่อกันได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ หลังจากติดต่อโรงแรมได้แล้วคนขับก็เดินมาบอกเราว่าเดี๋ยวทางโรงแรมจะเอาขึ้นมาให้ แต่ให้ไปเจอกันคนละครึ่งทาง นั้นหมายความว่าเราก็ต้องนั่งรถลงไปเอาอีกเหรอ ชีวิตกรูต้องเสี่ยงตายลงไปอีกรอบเหรอ ฮือออๆ แต่คนขับใจดีบอกเราว่า ยูรอที่นี่แหละเดี๋ยวไอจะขับรถลงไปเอาเอง...ว่าแล้วนางก็ขับรถออกไปทันที ทิ้งพวกเรา 4 คน เคว้งคว้างอ้างว้างเดียวดาย ยิ่งกว่าเพลงเศร้าของพี่ลุลา...ท่ามกลางอุณหภูมิที่น่าจะเป็นเลขตัวเดียว เราเลยคุยกันว่าโอเคเดี๋ยวต้องหาที่หลบหนาว และจากการเซอเวย์ดูแล้วเจอร้านอาหารใกล้ๆ จุดรอคนขับรถ เลยเดินไปร้านนั้นทันที แต่พีคคคคคคคคนางปิดร้านจ้า เราจึงทำได้เพียงยืนรออยู่หน้าร้านของนางเท่านั้น....
ระหว่างนี้เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลา รอไรล่ะ!! หาโลเคชั่นในการถ่ายรูปชิคๆ กันหน่อยยยยย...... ต้องบอกว่าอากาศ ณ ตอนนั้นหนาวมากกกกชนิดที่ว่าปากสั่น หน้าชา แต่ ณ จุดนี้เราก็โชคเพราะ ที่นี่ทำให้เราเจอหิมะแรกของทริป ตกลงมาปรอยๆ ให้เราได้พออิมเอมและทรมานไขกระดูกและหลังหูกันเลยทีเดียว..
และด้วยอากาศที่หนาวเหน็บบวกกับการนั่งรถมาเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้เราอยากจะปลดทุกข์ โชคดีที่หลังร้านอาหารมีห้องน้ำไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 4 ห้อง เขียนแยกหญิง - ชาย ไว้เรียบร้อย เพื่อนเราคนแรกเลยไปพิสูจน์ความพีคที่ว่ากันว่ามาอินเดียแล้วต้องเจอ.....ว่าแล้วนางก็เดินไปเข้าห้องหน้าสักพักก็เดินกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉย....ทำให้เราคิดในใจว่า เห้ยยยย! แสดงว่าห้องน้ำมันต้องดีซินะ เพื่อนเราถึงไม่บ่นสักคำ...สิ้นสุดความคิดนั้นถึงตาเราที่ต้องไปพิสูจน์บ้างแล้วแหละ โอ้ววววววแม่เจ้า!!!!! พีคคคคคคค!!!! ตามคำเตือนของหลายๆ กระทู้ที่เราเคยอ่านมา คือ พื้นห้องน้ำจะมีการเจาะรูเป็นสี่เหลี่ยม เพื่อให้สิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงไปเบื้องล่าง แต่! แต่! แต่! ภาพที่เห็นอยู่เบื้องล่างนี่พีคกว่าวิวไปอีก กองที่เราออกเอาจากตัวไปทั้งน้ำทั้งเนื้อผสมกันอากาศที่เย็นจัดกองอยู่เบื้องมองลอดใต้ช่อง 4 เหลี่ยม เห็นเป็นภูเขาเวเรสกองยักษ์ พาขึ้นเลย......แทบพุ่งงงงงงงงง วิ่งออกจากห้องน้ำแทบไม่ทัน
รอไปรอมาสักพักคนขับก็มา ณ จุดนี้คือ ดีใจสุดๆ สี่คนรีบวิ่งไปที่รถประหนึ่งว่า เด็กอนุบาลที่รอคอยผู้ปกครองมารับกลับบ้าน...คิดในใจกรูรอดแล้วเว้ยยยยย! หลังจากตรวจเอกสารเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันต่อ เส้นทางแบบเดิม คือ ไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวลงไปเรื่อยๆ และความสูงที่เพิ่มขึ้น นี่ทำให้เราเห็นวิวที่แปลกตา สวยพีคคคคคคคคคคคคคคมากกกกกกกกกกกกกกกกก.........
เดินทางต่อมาสักพักก็แวะกันต่อที่จุดที่ 2 จุดนี้จำได้ว่าคนเยอะมาก โดยเฉพาะคนที่ขับมอร์เตอร์ไซที่มักจะมาพิชิตความฟินกันบนเส้นทางหลวง ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางหลวงที่สูงที่สุดในโลก นอกจากจะสูงแบบพีคสุดๆ แล้ว ที่นี่ยังหนาวสุดๆ อีกด้วย หนาวจนหิมะตกใส่หัว หนาวจนปากเกร็ง หนาวจนต้องร้องขอชีวิต......
จอดอยู่นานพอที่จะให้ได้ถ่ายรูปกับแบบร้อยแอค พร้อมกับกรุ๊ปช็อคชนิดที่ว่าบีก็ทำไม่ได้ คริสเหรออย่าหวังเลย.... แล้วเราก็ออกเดินกันต่อ เส้นทางต่างจากช่วงต้นๆ คือจากที่ไม่ค่อยเห็นหิมะปกคลุม เราเลยจุดนั้นมาแล้ว เพราะเส้นทางต่อจากนี้คือความสวยงาม ความพีคคคคคระดับล้านกระโหลก เห็นหิมะปกคลุมบนยอดเขาบางๆ สลับหนาทึบแบบกลาเซีย ประหนึ่งว่าเราอยู่สวิตเซอร์แลนด์แดนมหัสจรรญ์กันเลยทีเดียว แต่พีคกว่านั้นคือโค้งที่เพิ่มขึ้นและความสูงที่เพิ่มขึ้น แบบตกลงไปไม่มีเวลาเจ็บแน่นอน....
ผ่านจุดนี้รถก็ค่อยๆ วิ่งลงเขาแบบวนรอบเขา ค่อยๆ ลดระดับความสูงไปเรื่อยๆ จนขนานกับพื้นดิน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราใกล้ถึง Nubra Valley แล้วสินะ ซึ่งเส้นทางจุดนี้ก็มีความพีคไม่แพ้กันกัน คือ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภูเขาน้อยใหญ่โอบล้อมเราแบบ 360 องศา บนเส้นทางรถวิ่งขนานไปกับแม่น้ำที่ไหลผ่นหุบเขา มีหินเล็กใหญ่เรียงรายอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด สวยอลังการดาวล้านดวงมากๆ
หลังจากขับรถกันมาพักใหญ่ๆ ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงประมาณ 4 โมงเย็น เราก็มาถึงที่พักในคืนนี้กันแล้วววววว.....ซึ่งที่พีคคือ นอนเต๊นท์ ห้ะ!! นอนเต๊นท์ในอุณหภูมิ 2-3 องศาเนี่ยนะ ใช่ครับ! คุณอ่านไม่ผิด พวกเรานอนเต๊นท์กันแบบชิคๆ คูลๆ ท้าทายความเร้าร้อนในตัวไปเลยว่าจะมาดับความเย็นได้รึเปล่า... ซึ่งในทริปนี้เราเปิด 2 เต๊นท์ นอนเต๊นท์ละ 2 คน ซึ่งต้องบอกว่าดีมาก เพราะ เป็นเต๊นท์ที่มีห้องน้ำในตัว และมีเตียง 2 เตียง ผ้าห่ม 4 ผืน ซึ่งคืนนี้เราจะนอนกันที่นี่แหละเว้ยยยยยแกร! อิจฉาสินะ!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ
หลังจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย!! ก็มาถึงกิจกรรมไฮท์ไลท์ของวันนี้ คือ.....แถ่น แถ้น แถ๊น!!!! การขี่อูฐนั่นเอง ว่าแล้วคนขับรถก็พาเราไปจุดที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน Nubra ทุกคนต้องไปคือ จุดขี่อุฐ ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักเราไปไกลมากนักใช่เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงจุดขี่อูฐ พวกเราทั้งสี่คนไม่รีรอรีบมุ่งหน้าไปติดต่อขอซื้อตั๋วจากคนขาย ซึ่งราคาก็น่ารัก 350 รูปีต่อ 30 นาที จัดไปอย่าให้เสีย! สี่ใบกับตั๋วขี่อูฐครั้งแรกในชีวิตผม....ว่าแล้วเราก็เดินไปเลือกอูฐพร้อมขี่จ้าาาาา น้องอูฐที่นี่ดูเป็นมิตร ใจดี ขนตางอลยิ่งกว่าปัดมาสคาร่าเมเบอลีน นางยอมให้เราขี่แต่โดยดีโดยมีเจ้าหน้าที่คอยจูงอูฐพาไปรอบๆ ตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ซึ่งแน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของการขี่อูฐคือ การถ่ายรูปแบบชิคๆ สไตล์กรุ๊ปช็อตแอนด์ส่วนตัวช็อต เราจึงเริ่มปฏิบัติการนี้ทันที......พีค.........
หลังจากที่พวกเราขี่อูฐจนหนำใจและบวกกับหญิงถึกหนึ่งเดียวในทริปโดนอูฐร้องใส่หน้าขณะที่ไปขอถ่ายเซลฟี่กับนาง ประหนึ่งว่าหมดเวลาทำงานแล้วโว้ยยยยยย!! นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราควรกลับที่พักเนอะ เล็ทโกๆ เข้าที่พักกันเถอะ หวังใจว่าจะกลับมาอาบน้ำแปลงฟันให้สดชื่นหลังจากที่โดนอูฐกรี๊ดใส่หน้า ฮ่าๆๆๆๆ ถึงเต๊นท์ที่พักปุ๊ปเดินไปหาพนักงานขอน้ำอุ่นจะมาอาบน้ำ แต่แขกบอกโนวววววว น้ำอุ่นจะมีเฉพาะตอน 06.30 น. เท่านั้น ซึ่งนั้นหมายความว่าาาาาา กรูต้องอาบน้ำในอุณหภูมิ 2-3 องศาเหรอ เห้ยยยยยย บ้าไปแล้วววววววว!!! แล้วก็มีคนบ้าจริงๆ หญิงถึงหนึ่งเดียวของเราอาบจ้าาา แต่นางบอกว่าอย่าเรียกกว่าอาบเลย เรียกว่าพรหมดีกว่า หนาวจนยอมแพ้ ทุกส่วนในล่างการชาไปหมด หดไปหมด บอกเลยว่าที่นี้ไม่เหมาะกับการผสมพันธ์ุเป็นอย่างยิ่ง......
และทุกอย่างของค่ำคืนนี้ก็สงบลง ด้วยการมีถุงน้ำร้อนมาช่วยบรรเทาความหนาวแบบพีคๆ กับผ้าที่พันตามตัวรวมแล้วประมาณ 7 ชั้น ก็สามารถช่วยให้เราคลายหนาวลงไปได้บ้างแม้จะไม่มากก็ตามมมมมมม......
และแล้วเราก็หลับไปพร้อมกับทุกอย่างที่เงียบสงบแบบสโลไลฟ์ของแท้ พร้อมเก็บแรงไว้ลุยกันต่อในวันพรุ่งนี้......รอติดตามต่อใน ep.3 นะจ๊ะ
บัยยยยแยกกกกกกก.....
มาแล้วจ้าาาาาา........
EP.1 http://pantip.com/topic/35639843
EP.2 http://pantip.com/topic/35641248
EP.3 http://pantip.com/topic/35647446
EP.4 http://pantip.com/topic/35653018