กติกาที่ว่า คือ การให้โควต้าโค้ชเหลือลูกทีมทีมละหนึ่งคนในรอบสุดท้าย อยากให้เปลี่ยนมาใช้กติกาของอเมริกา คือ จากรอบ knockout เข้ามาถึงรอบ Live จนกลายเป็น Top12 Top10 Top8 อะไรก็แล้วแต่ การแข่งขันต่อจากนี้ จะไม่มีการแยกทีมกันแต่อย่างใด และโค้ชจะไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจใดๆอีก และจะใช้ผลโหวตตัดสินเท่านั้น โดยทุกสัปดาห์ผู้เข้าแข่งขันจะถูกคัดออกทีละ 2 คนโดยเริ่มจาก 12 และจะเหลือ 4 คนสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศ เพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว เอาง่ายๆก็เหมือน the face , survivor , the biggest loser ประมาณนั้นเลย ไม่สามารถการันตีได้เลยว่ารอบสุดจะอยู่ครบทุกทีม คือโค้ชก็มีสิทธิตกรอบด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าจะมาชิงแชมป์ในรอบ final กันง่ายๆ ทั้งโค้ชและลูกทีมต้องดิ้นรนเพื่อให้ทีมตัวเองมีที่ยืนในรอบสุดท้ายให้ได้ด้วย นี่คือการต่อสู้กับทีมอื่นโดยแท้จริง โค้ชพลาดไม่ได้ ไม่ใช่เวลามาลองผิดลองถูก แบบนี้ดุเดือดขึ้นแน่นอน
เพราะการแข่งเพื่อที่จะเป็นแชมป์อย่างเดียวนั้นมันไม่สนุกอีกต่อไป การปะทะกันของโค้ชเพื่อค้นหาว่าที่แชมป์ตั้งแต่รอบแรก มันหมดความสนุกไปตั้งแต่ซีซั่นที่ 3 ในเมื่อโค้ชทุกคนเคยเป็นแชมป์กันหมดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องจริงจัง ไม่กดดัน ไฟในการแข่งขันก็หายไปด้วยเช่นกัน พูดง่ายๆคือหมดไฟ แม้จะเปลี่ยนโค้ชใหม่เข้ามาเสริมก็ไม่ได้ช่วยให้สนุกขึ้น เพราะโค้ชเก่าก็เหมือนจะไม่เอาแล้ว รอสร้างผลงานดีๆสนุกๆ แต่ไม่กระหายในชัยชนะอีกต่อไป การแย่งชิงกันจึงไม่สนุกไม่ลุ้นเป็นเมื่อก่อน ดังนั้นการแข่งแบบไม่แยกทีมน่าจะมาช่วยเติมไฟให้เหล่าโค้ชได้มากขึ้น เพราะมันไม่ใช่แค่การแข่งเพื่อชนะ แต่มันเป็นการแข่งเอาตัวรอดไปจนถึงรอบสุดท้ายให้ได้ แน่นอนมันจะส่งผลให้การแข่งขันของโค้ชเข้มข้นตั้งแต่รอบบลายด์กันเลยทีเดียว จากที่ว่าเคยเป็นแชมป์แล้วไม่ซีเรียส ไม่ได้ เพราะศึกจะเกิดขึ้นปีต่อปี โค้ชจะวางมือหรือปล่อยผ่านไม่ได้ซักปี การตัดสินใจผิดพลาดเพียงนิดเดียวมีผลถึงรอบสุดท้ายอาจไร้ที่ยืน การคัดลูกทีมในแต่ละรอบเรียกได้ว่าโค้ชคงเขี้ยวกันสุดๆแน่นอน
สงสัยว่าถ้าขยายรอบ Live แล้วเวลาจะพอเหรอ? ก็ตัดรอบแรกออกไปบ้างซิครับ รายการเมืองนอกที่ไทยซื้อมาผลิตเป็นเหมือนกันหมด tgt เอยอะไรเอย คือรอบแรกยืดยาว รอบสุดตัดฉับ จาก 16 เหลือ 4 เหลือ 1 จบเลย วิธีที่แนะนำคือ ในรอบบลายด์ ให้ลดโควต้าจากทีมละ 12 คนโดยประมาณ ให้เหลือทีมละ 8 คน หรืออาจจะ 10 แต่คิดว่า 8 จะลงตัวกว่า ผ่านรอบแบทเทิล เหลือ 4 สตีลมาอีก 2 เป็น 6 น็อคเอาท์ เหลือ ทีมละ 3 คน เข้าสู่รอบ Top12 แล้วคัดออกเรื่อยๆแบบไม่แยกทีม สาเหตุที่อยากให้ลดเหลือทีมละ 8 คน เคยเขียนไว้แล้ว ในนี้
http://pantip.com/topic/32832521 แต่ตอนนี้รู้สึกอีกอย่างนึงว่า โค้ชกดกันง่ายจัง ที่ว่างเยอะไปหรือป่าว? เอาเข้าไปเยอะๆก็ไปคัดทิ้งน่าเสียดาย ปีหน้าก็มาแข่งอีกไม่ได้ ถ้าคัดเฟ้นกันตั้งแต่ตรงนี้ไม่ผ่านรอบบลายด์ ปีหน้ายังกลับมาใหม่ได้ อีกอย่างโค้ชคงมาตรฐานสูงขึ้น เจอทีเด็ดคงต้องแย่งกันสุดสุดฤทธิ์ อีกอย่างคือโค้ชสามารถออกแบบทีมตัวเองได้ว่าจะไปในทิศทางไหนได้ด้วย จะร็อคล้วน หรือ หญิงล้วน
บางคนบอกแบบเดิมดีแล้ว แต่ฟีดแบคปีนี้หลายคนก็บอกว่าไม่สนุก ไม่ลุ้น ไม่ตื่นเต้น คนเก่งก็ยังมี ทางรายการก็เปลี่ยนโค้ชไปแล้ว การเปลี่ยนกติกาก็น่าจะช่วยได้ จากรายการประกวดร้องเพลงโลกสวย อวย ออ เออ ที่ไม่แม้แต่จะคอมเม้นท์ตรงๆ ก็จะกลายเป็น singing competitions อย่างแท้จริง เดอะว้อยซ์อเมริกาเปลี่ยนมาใช้กฎนี้ตั้งแต่ซีซั่น 3 และไม่คิดจะเปลี่ยนกลับจนถึงซีซั่น 11 และยังคงสนุกตื่นเต้นเหมือนเดิม ของไทยปีนี้ก็ปีที่ 5 แล้ว the voice ไม่ใช่สิ่งใหม่อีกต่อไป แต่ถ้ามันมีอะไรใหม่ๆเรื่อยๆ อีก 10 ปีก็ยังสนุกเหมือนเดิม
**ไม่ต้องไล่ผมไปดูรายการอื่นนะ ผมยังอยู่ในกลุ่มคนที่ดูแล้วสนุกอยู่ แต่แค่อยากทุกๆคนสนุกและอินไปด้วยกัน ไม่เอาแบบ ชอบก็ดู ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู
The Voice Thailand จุดอิ่มตัว เปลี่ยนโค้ชก็แล้ว ช่วยเปลี่ยนกติกาด้วย
เพราะการแข่งเพื่อที่จะเป็นแชมป์อย่างเดียวนั้นมันไม่สนุกอีกต่อไป การปะทะกันของโค้ชเพื่อค้นหาว่าที่แชมป์ตั้งแต่รอบแรก มันหมดความสนุกไปตั้งแต่ซีซั่นที่ 3 ในเมื่อโค้ชทุกคนเคยเป็นแชมป์กันหมดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องจริงจัง ไม่กดดัน ไฟในการแข่งขันก็หายไปด้วยเช่นกัน พูดง่ายๆคือหมดไฟ แม้จะเปลี่ยนโค้ชใหม่เข้ามาเสริมก็ไม่ได้ช่วยให้สนุกขึ้น เพราะโค้ชเก่าก็เหมือนจะไม่เอาแล้ว รอสร้างผลงานดีๆสนุกๆ แต่ไม่กระหายในชัยชนะอีกต่อไป การแย่งชิงกันจึงไม่สนุกไม่ลุ้นเป็นเมื่อก่อน ดังนั้นการแข่งแบบไม่แยกทีมน่าจะมาช่วยเติมไฟให้เหล่าโค้ชได้มากขึ้น เพราะมันไม่ใช่แค่การแข่งเพื่อชนะ แต่มันเป็นการแข่งเอาตัวรอดไปจนถึงรอบสุดท้ายให้ได้ แน่นอนมันจะส่งผลให้การแข่งขันของโค้ชเข้มข้นตั้งแต่รอบบลายด์กันเลยทีเดียว จากที่ว่าเคยเป็นแชมป์แล้วไม่ซีเรียส ไม่ได้ เพราะศึกจะเกิดขึ้นปีต่อปี โค้ชจะวางมือหรือปล่อยผ่านไม่ได้ซักปี การตัดสินใจผิดพลาดเพียงนิดเดียวมีผลถึงรอบสุดท้ายอาจไร้ที่ยืน การคัดลูกทีมในแต่ละรอบเรียกได้ว่าโค้ชคงเขี้ยวกันสุดๆแน่นอน
สงสัยว่าถ้าขยายรอบ Live แล้วเวลาจะพอเหรอ? ก็ตัดรอบแรกออกไปบ้างซิครับ รายการเมืองนอกที่ไทยซื้อมาผลิตเป็นเหมือนกันหมด tgt เอยอะไรเอย คือรอบแรกยืดยาว รอบสุดตัดฉับ จาก 16 เหลือ 4 เหลือ 1 จบเลย วิธีที่แนะนำคือ ในรอบบลายด์ ให้ลดโควต้าจากทีมละ 12 คนโดยประมาณ ให้เหลือทีมละ 8 คน หรืออาจจะ 10 แต่คิดว่า 8 จะลงตัวกว่า ผ่านรอบแบทเทิล เหลือ 4 สตีลมาอีก 2 เป็น 6 น็อคเอาท์ เหลือ ทีมละ 3 คน เข้าสู่รอบ Top12 แล้วคัดออกเรื่อยๆแบบไม่แยกทีม สาเหตุที่อยากให้ลดเหลือทีมละ 8 คน เคยเขียนไว้แล้ว ในนี้ http://pantip.com/topic/32832521 แต่ตอนนี้รู้สึกอีกอย่างนึงว่า โค้ชกดกันง่ายจัง ที่ว่างเยอะไปหรือป่าว? เอาเข้าไปเยอะๆก็ไปคัดทิ้งน่าเสียดาย ปีหน้าก็มาแข่งอีกไม่ได้ ถ้าคัดเฟ้นกันตั้งแต่ตรงนี้ไม่ผ่านรอบบลายด์ ปีหน้ายังกลับมาใหม่ได้ อีกอย่างโค้ชคงมาตรฐานสูงขึ้น เจอทีเด็ดคงต้องแย่งกันสุดสุดฤทธิ์ อีกอย่างคือโค้ชสามารถออกแบบทีมตัวเองได้ว่าจะไปในทิศทางไหนได้ด้วย จะร็อคล้วน หรือ หญิงล้วน
บางคนบอกแบบเดิมดีแล้ว แต่ฟีดแบคปีนี้หลายคนก็บอกว่าไม่สนุก ไม่ลุ้น ไม่ตื่นเต้น คนเก่งก็ยังมี ทางรายการก็เปลี่ยนโค้ชไปแล้ว การเปลี่ยนกติกาก็น่าจะช่วยได้ จากรายการประกวดร้องเพลงโลกสวย อวย ออ เออ ที่ไม่แม้แต่จะคอมเม้นท์ตรงๆ ก็จะกลายเป็น singing competitions อย่างแท้จริง เดอะว้อยซ์อเมริกาเปลี่ยนมาใช้กฎนี้ตั้งแต่ซีซั่น 3 และไม่คิดจะเปลี่ยนกลับจนถึงซีซั่น 11 และยังคงสนุกตื่นเต้นเหมือนเดิม ของไทยปีนี้ก็ปีที่ 5 แล้ว the voice ไม่ใช่สิ่งใหม่อีกต่อไป แต่ถ้ามันมีอะไรใหม่ๆเรื่อยๆ อีก 10 ปีก็ยังสนุกเหมือนเดิม
**ไม่ต้องไล่ผมไปดูรายการอื่นนะ ผมยังอยู่ในกลุ่มคนที่ดูแล้วสนุกอยู่ แต่แค่อยากทุกๆคนสนุกและอินไปด้วยกัน ไม่เอาแบบ ชอบก็ดู ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู