สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาว BP ทุกท่าน เว้นช่วงจากกระทู้แรกไปนานเลยค่ะ วันนี้กระโดดจากญี่ปุ่นมาปรากฎตัวที่สวิสฯ ค่ะ ^^
[ กระทู้แรก : ไปปั่นจักรยานที่ญี่ปุ่นแบบไม่ต้องเอาจักรยานไปเอง ^_^
http://pantip.com/topic/35503800 ]
ตอนที่สอง พร้อมสรุปค่าใช้จ่ายค่ะ
http://pantip.com/topic/35633994/comment8 ^_^
วันนี้มาเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ด้วยรถไฟค่ะ เราเที่ยวประเทศนี่ 4 วัน ถ้าทริปหลวมๆ ก็กำลังดี (ส่วนมากจะเที่ยวกันแบบ 4 หรือ 7 วัน ถ้า 7 วันน่าจะเน้นทุกๆ เมืองค่ะ) หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
เรามีเวลา 2 สัปดาห์เที่ยวสวิสฯ และ อิตาลีค่ะ อันนี้เปิดที่สวิสฯ ก่อน ประมาณนี้ค่ะ Zurich-Interlaken-Zermatt-Lugano ---> เข้า Italy
รูปจะปนๆ ชัดบ้าง มัวบ้างค่ะ จะใช้กล้องมือถือ โกโปร แล้วก็กล้องดิจิตอล ^^
เริ่มเลยนะคะ ^^
แพลนเที่ยวสวิสฯ ก็จะทำได้สองแบบค่ะ คือเริ่มจากทาง Geneva เฉียงไปทาง Zurich แล้วก็จาก Zurich เฉียงลงมา ทาง Geneva สำหรับเราทริปนี้เริ่มจาก Zurich ค่ะ (การบินไทย บินลงเพียง Zurich เท่านั้น) แต่ถ้าสายการบินอื่นๆ ก็แล้วแต่สะดวก
ส่วนตัวชอบบินลง Geneva มากกว่า ครั้งแรกที่มาเที่ยวสวิสฯ เราบินด้วยสายการบิน Qatar ช่วยเตรียมแลนดิ้ง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในซอกเขา Alps สวยงามมากๆ ค่ะ
ทั้งสองสนามบินนี้ เชื่อมต่อกับรถไฟอยู่แล้ว สะดวกทั้งคู่ค่ะ การเดินทางในสวิสฯ สะดวกสบายมาก ใช้ Swiss Pass ใบเดียว ได้ทั้งรถไฟ รถบัส และเรือค่ะ เราซื้อออนไลน์ ที่นี่
https://www.swiss-pass.ch/swiss-pass/?gclid=Cj0KEQjwyJi_BRDLusby7_S7z-IBEiQAwCVvnwfe2k8y9bfcVP0kzPt7lyynyMYt-1QZefdBwqpLg-0aArae8P8HAQ ซื้อแล้วก็ถือ voucher ไปแลก hard copy ที่สนามบินได้เลย
ในบ้านเราก็มีตัวแทนค่ะ Diethelm แล้วแต่ใครสะดวกแบบไหน ก็จัดแบบนั้นค่ะ ^_^
ตั๋วตอนซื้อ online จะได้คอนเฟิร์มและเลข reference มาแบบนี้
พอถึงปลายทาง ก็ไปออกตั๋วใน ticket office พร้อมยืนพาสปอร์ตยืนยันตัวตนค่ะ แถ่นแถ๊น ได้มาแล้ว
ได้แล้วก็ไปขึ้นรถไฟ มุ่งหน้าที่พักก่อนเลย ขี้เกียจถือกระเป๋าแล้วค่ะ 55
เล่าไปเรื่อยๆ ด้วยภาพนะคะ
บรรยากาศบนรถไฟสวิสฯ จะสบายๆ รู้สึกได้พักผ่อน มีความเป็นส่วนตัวทั้งที่ที่นั่งจะเกือบเต็มค่ะ เงียบ สะอาด กระจกบานใหญ่ พอออกจากเขตเมืองแล้วก็ชมวิวไปเรื่อยๆ ค่ะ
ประเทศนี้อยู่บนเขตเทือกเขาแอลป์ วิวก็จะมีแบบ ไกลภูเขา / ไกล้ภูเขา แล้วก็ในอุโมงค์ลอดภูเขา
และที่สำคัญ ทะเลสาบ
เราไปเดือนเมษายนค่ะ เย็นๆ อุ่นๆ สลับกันไป ดอกไม้ยังบานไม่มาก ถ้าใครชอบดอกไม้เยอะๆ รอให้อากาศอบอุ่นกว่านี้อีกนิดนะคะ
เราตรงจากสนามบินไปที่พักเลยค่ะ ที่ Interlaken
ระหว่างนี้เราเดินทางด้วยรถไฟตลอด ต้องพกแผนที่รถไฟ (rail map) ไว้ค่ะ จะได้ปะติดปะต่อถูก จะไปไหน เปลี่ยนขบวนตรงไหน
เค้ามีแจกให้ตอนรับตั๋วรถไฟค่ะ ^_^
เราพักที่นี่ใน 2 คืนแรกค่ะ Interlaken มี 2 สถานีนะคะ West และ East (Ost) ถ้าลงผิดก็มะเปนไรค่ะ ห่างกันนิดเดียว
Interlaken อยู่ในกลางสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ และมีที่เที่ยวสำคัญๆ ก็คือ Jungfraujoch, Top of Europe. และโดยตัวเมืองเองก็บรรยากาศน่ารักๆ เราเช่าจักรยานปั่นด้วย ของที่พักเลย เราพัก Youth Hostel Interlaken โลเคชั่นดีมาก ออกมาจากสถานีรถไฟก็ถึงโรงแรมเลยค่ะ
self-service จักรยานอยู่ชั้นใต้ดิน เราเป็นแขกโรงแรมก็ไม่ต้องยืนยันอะไรมากค่ะ แจ้งห้องพัก แล้วก็จ่ายเงิน ถือกุญแจมาหยิบรถเลย
อย่าลืมบอกที่พักนะคะ ว่าเอารถตามไซส์คนปั่น ^_^
ค่าเช่าเค้าแบ่งเป็นครึ่งวัน และเต็มวันค่ะ
ปั่นเส้น local road ไปเรื่อยๆ
เข้าป่า into the woods
ไปจนถึงริมทะเลสาบทูน (Lake Thun) ค่ะ
ลืมเล่าไปว่าลงเครื่องตอนเช้า สายๆ ถึงที่พัก บ่ายก็ปั่นเลย แบบว่าฟิต ตอนเย็นขี้เกียจ เลยฝากท้องที่ร้านอาหารจีนไกล้ๆ ที่พักเสียเลย
ข้าวราดผัดเปรี้ยวหวานค่ะ
อิ่มแล้ว ง่วงเร็วเป็นพิเศษ ส่งภาพบรรยากาศจากห้องพักค่ะ
เช้ารุ่งขึ้น ต้องขึ้นเขาค่ะ มาถึงสวิสฯ แล้วก็ต้องสัมผัสภูเขา
Jungfraujoch เป็นที่หมายของวันนี้ค่ะ อ่านว่า ยุงฟราวย๊อค สูงที่สุดของ Switzerland และ Europe ค่ะ
https://en.wikipedia.org/wiki/Jungfraujoch
ขึ้นยุงฟราว ซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟ Interlaken-Ost ได้เลย อย่าลืมโชว์ Swiss Pass ด้วยนะคะ มีส่วนลด หรือจะซื้อพ่วงกันตอนสั่งซื้อ Swiss Pass ออนไลน์ก็ได้ค่ะ
แต่ยังไงถ้ามีเอกสารซื้อแล้ว ก็ต้องมาแลกตั๋วนะคะ .... เอ๊า มีแอบมองกล้อง น้องยังวัยรุ่นอยู่เลย สงสัยมาหารายได้พิเศษ
ยุงฟราวสูงมากค่ะ ต้องไปเปลี่ยนรถไฟ 2 stop ที่แรก Grindelwald มีที่พักเยอะด้วย และน่ารักมากๆ แต่ค่าที่พักที่นี่ไม่น่ารักเลย >.<
stop ที่ 2 Klein-Scheindegg (แก้ไขคำสะกดนะคะ มีคนมาช่วยค่ะ)
[Kleinescheidegg ที่สวิสเราออกเสียงว่า ไคลเน่ไชเด๊ก ค่ะ อ่านที่คุณเขียนเป็นภาษาไทยให้สามีฟังเธอไม่เข้าใจ
ถ้าออกจากVisp ไปLugano โดยไม่ต้องผ่านLocarno ต้องเปลี่ยนรถไฟที่ Göschenen เข้าอุโมงค์Gotthard
ขบวนที่คุณนั่งจากDomodossola-Locarno คือCentovalli Lugano อยูทางใต้ของสวิสค่ะ ไม่ใช่ตะวันออก]
รถไฟที่ขึ้นภูเขาจะไม่คุ้นแบบที่เราๆ เห็นที่บ้านเรานะคะ ด้วยความชันมีมากเลยต้องใช้ cog wheel แทน เป็นเฟืองๆ กันวืดดดค่ะ
ยิ่งสูงหิมะยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ
พอเริ่มชันเข้ามากๆ รถไฟจะไม่วิ่งบนไหล่เข้าแล้ว แต่จะทะลุภูเขาแทน พอไม่มีแดดแค่นั้นแหละ หนาวเลย 555 เค้ามีแวะพักสถานีก่อนถึงยอดค่ะ สถานี Eismeer เย๊นนนน เยน ได้ภาพมา 1 บานค่ะ
ถึงแร้นค่ะ Top of Europe
อย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆ นะคะ ถึงจะหนาวก็เข้าห้องน้ำบ่อยๆ เอา ป้องกันปวดหัวจากขึ้นที่สูง ^_^
มือกลางวันบน Top of Europe ได้เท่านี้ค่ะ ร้านอาหารที่จริงจังไม่สู้ราคา 55
ยุงฟราว ใช้เวลาทั้งวันเลยนะคะ ถ้าใครจะขึ้นแล้วคิดว่าจะไปที่อื่นด้วยในวันเดียว ไม่สามารถ เพราะลำพังรถไฟนั่งไป-กลับ ก็กินเวลาไป 4-5 ชั่วโมงแล้วค่ะ ยังไม่นับที่เดินเล่นข้างบนและเวลาอาหารกลางวันอีก ที่นี่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยค่ะ วิวสวย คนเล่นสกีไม่เยอะ เหมาะกับมาเป็นกลุ่มๆ เลย
episode 2 เดี๋ยวมาเขียนเพิ่มนะคะ จะเป็นการเดินทางไป Zermatt ค่ะ ^ ^
[CR] เที่ยว Switzerland & Italy เที่ยวด้วยรถไฟ และเช่าจักรยานปั่น (แบ่งเป็นตอนๆ) ^^
[ กระทู้แรก : ไปปั่นจักรยานที่ญี่ปุ่นแบบไม่ต้องเอาจักรยานไปเอง ^_^ http://pantip.com/topic/35503800 ]
ตอนที่สอง พร้อมสรุปค่าใช้จ่ายค่ะ http://pantip.com/topic/35633994/comment8 ^_^
วันนี้มาเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ด้วยรถไฟค่ะ เราเที่ยวประเทศนี่ 4 วัน ถ้าทริปหลวมๆ ก็กำลังดี (ส่วนมากจะเที่ยวกันแบบ 4 หรือ 7 วัน ถ้า 7 วันน่าจะเน้นทุกๆ เมืองค่ะ) หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
เรามีเวลา 2 สัปดาห์เที่ยวสวิสฯ และ อิตาลีค่ะ อันนี้เปิดที่สวิสฯ ก่อน ประมาณนี้ค่ะ Zurich-Interlaken-Zermatt-Lugano ---> เข้า Italy
รูปจะปนๆ ชัดบ้าง มัวบ้างค่ะ จะใช้กล้องมือถือ โกโปร แล้วก็กล้องดิจิตอล ^^
เริ่มเลยนะคะ ^^
แพลนเที่ยวสวิสฯ ก็จะทำได้สองแบบค่ะ คือเริ่มจากทาง Geneva เฉียงไปทาง Zurich แล้วก็จาก Zurich เฉียงลงมา ทาง Geneva สำหรับเราทริปนี้เริ่มจาก Zurich ค่ะ (การบินไทย บินลงเพียง Zurich เท่านั้น) แต่ถ้าสายการบินอื่นๆ ก็แล้วแต่สะดวก
ส่วนตัวชอบบินลง Geneva มากกว่า ครั้งแรกที่มาเที่ยวสวิสฯ เราบินด้วยสายการบิน Qatar ช่วยเตรียมแลนดิ้ง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในซอกเขา Alps สวยงามมากๆ ค่ะ
ทั้งสองสนามบินนี้ เชื่อมต่อกับรถไฟอยู่แล้ว สะดวกทั้งคู่ค่ะ การเดินทางในสวิสฯ สะดวกสบายมาก ใช้ Swiss Pass ใบเดียว ได้ทั้งรถไฟ รถบัส และเรือค่ะ เราซื้อออนไลน์ ที่นี่ https://www.swiss-pass.ch/swiss-pass/?gclid=Cj0KEQjwyJi_BRDLusby7_S7z-IBEiQAwCVvnwfe2k8y9bfcVP0kzPt7lyynyMYt-1QZefdBwqpLg-0aArae8P8HAQ ซื้อแล้วก็ถือ voucher ไปแลก hard copy ที่สนามบินได้เลย
ในบ้านเราก็มีตัวแทนค่ะ Diethelm แล้วแต่ใครสะดวกแบบไหน ก็จัดแบบนั้นค่ะ ^_^
ตั๋วตอนซื้อ online จะได้คอนเฟิร์มและเลข reference มาแบบนี้
พอถึงปลายทาง ก็ไปออกตั๋วใน ticket office พร้อมยืนพาสปอร์ตยืนยันตัวตนค่ะ แถ่นแถ๊น ได้มาแล้ว
ได้แล้วก็ไปขึ้นรถไฟ มุ่งหน้าที่พักก่อนเลย ขี้เกียจถือกระเป๋าแล้วค่ะ 55
เล่าไปเรื่อยๆ ด้วยภาพนะคะ
บรรยากาศบนรถไฟสวิสฯ จะสบายๆ รู้สึกได้พักผ่อน มีความเป็นส่วนตัวทั้งที่ที่นั่งจะเกือบเต็มค่ะ เงียบ สะอาด กระจกบานใหญ่ พอออกจากเขตเมืองแล้วก็ชมวิวไปเรื่อยๆ ค่ะ
ประเทศนี้อยู่บนเขตเทือกเขาแอลป์ วิวก็จะมีแบบ ไกลภูเขา / ไกล้ภูเขา แล้วก็ในอุโมงค์ลอดภูเขา
และที่สำคัญ ทะเลสาบ
เราไปเดือนเมษายนค่ะ เย็นๆ อุ่นๆ สลับกันไป ดอกไม้ยังบานไม่มาก ถ้าใครชอบดอกไม้เยอะๆ รอให้อากาศอบอุ่นกว่านี้อีกนิดนะคะ
เราตรงจากสนามบินไปที่พักเลยค่ะ ที่ Interlaken
ระหว่างนี้เราเดินทางด้วยรถไฟตลอด ต้องพกแผนที่รถไฟ (rail map) ไว้ค่ะ จะได้ปะติดปะต่อถูก จะไปไหน เปลี่ยนขบวนตรงไหน
เค้ามีแจกให้ตอนรับตั๋วรถไฟค่ะ ^_^
เราพักที่นี่ใน 2 คืนแรกค่ะ Interlaken มี 2 สถานีนะคะ West และ East (Ost) ถ้าลงผิดก็มะเปนไรค่ะ ห่างกันนิดเดียว
Interlaken อยู่ในกลางสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ และมีที่เที่ยวสำคัญๆ ก็คือ Jungfraujoch, Top of Europe. และโดยตัวเมืองเองก็บรรยากาศน่ารักๆ เราเช่าจักรยานปั่นด้วย ของที่พักเลย เราพัก Youth Hostel Interlaken โลเคชั่นดีมาก ออกมาจากสถานีรถไฟก็ถึงโรงแรมเลยค่ะ
self-service จักรยานอยู่ชั้นใต้ดิน เราเป็นแขกโรงแรมก็ไม่ต้องยืนยันอะไรมากค่ะ แจ้งห้องพัก แล้วก็จ่ายเงิน ถือกุญแจมาหยิบรถเลย
อย่าลืมบอกที่พักนะคะ ว่าเอารถตามไซส์คนปั่น ^_^
ค่าเช่าเค้าแบ่งเป็นครึ่งวัน และเต็มวันค่ะ
ปั่นเส้น local road ไปเรื่อยๆ
เข้าป่า into the woods
ไปจนถึงริมทะเลสาบทูน (Lake Thun) ค่ะ
ลืมเล่าไปว่าลงเครื่องตอนเช้า สายๆ ถึงที่พัก บ่ายก็ปั่นเลย แบบว่าฟิต ตอนเย็นขี้เกียจ เลยฝากท้องที่ร้านอาหารจีนไกล้ๆ ที่พักเสียเลย
ข้าวราดผัดเปรี้ยวหวานค่ะ
อิ่มแล้ว ง่วงเร็วเป็นพิเศษ ส่งภาพบรรยากาศจากห้องพักค่ะ
เช้ารุ่งขึ้น ต้องขึ้นเขาค่ะ มาถึงสวิสฯ แล้วก็ต้องสัมผัสภูเขา
Jungfraujoch เป็นที่หมายของวันนี้ค่ะ อ่านว่า ยุงฟราวย๊อค สูงที่สุดของ Switzerland และ Europe ค่ะ https://en.wikipedia.org/wiki/Jungfraujoch
ขึ้นยุงฟราว ซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟ Interlaken-Ost ได้เลย อย่าลืมโชว์ Swiss Pass ด้วยนะคะ มีส่วนลด หรือจะซื้อพ่วงกันตอนสั่งซื้อ Swiss Pass ออนไลน์ก็ได้ค่ะ
แต่ยังไงถ้ามีเอกสารซื้อแล้ว ก็ต้องมาแลกตั๋วนะคะ .... เอ๊า มีแอบมองกล้อง น้องยังวัยรุ่นอยู่เลย สงสัยมาหารายได้พิเศษ
ยุงฟราวสูงมากค่ะ ต้องไปเปลี่ยนรถไฟ 2 stop ที่แรก Grindelwald มีที่พักเยอะด้วย และน่ารักมากๆ แต่ค่าที่พักที่นี่ไม่น่ารักเลย >.<
stop ที่ 2 Klein-Scheindegg (แก้ไขคำสะกดนะคะ มีคนมาช่วยค่ะ)
[Kleinescheidegg ที่สวิสเราออกเสียงว่า ไคลเน่ไชเด๊ก ค่ะ อ่านที่คุณเขียนเป็นภาษาไทยให้สามีฟังเธอไม่เข้าใจ
ถ้าออกจากVisp ไปLugano โดยไม่ต้องผ่านLocarno ต้องเปลี่ยนรถไฟที่ Göschenen เข้าอุโมงค์Gotthard
ขบวนที่คุณนั่งจากDomodossola-Locarno คือCentovalli Lugano อยูทางใต้ของสวิสค่ะ ไม่ใช่ตะวันออก]
รถไฟที่ขึ้นภูเขาจะไม่คุ้นแบบที่เราๆ เห็นที่บ้านเรานะคะ ด้วยความชันมีมากเลยต้องใช้ cog wheel แทน เป็นเฟืองๆ กันวืดดดค่ะ
ยิ่งสูงหิมะยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ
พอเริ่มชันเข้ามากๆ รถไฟจะไม่วิ่งบนไหล่เข้าแล้ว แต่จะทะลุภูเขาแทน พอไม่มีแดดแค่นั้นแหละ หนาวเลย 555 เค้ามีแวะพักสถานีก่อนถึงยอดค่ะ สถานี Eismeer เย๊นนนน เยน ได้ภาพมา 1 บานค่ะ
ถึงแร้นค่ะ Top of Europe
อย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆ นะคะ ถึงจะหนาวก็เข้าห้องน้ำบ่อยๆ เอา ป้องกันปวดหัวจากขึ้นที่สูง ^_^
มือกลางวันบน Top of Europe ได้เท่านี้ค่ะ ร้านอาหารที่จริงจังไม่สู้ราคา 55
ยุงฟราว ใช้เวลาทั้งวันเลยนะคะ ถ้าใครจะขึ้นแล้วคิดว่าจะไปที่อื่นด้วยในวันเดียว ไม่สามารถ เพราะลำพังรถไฟนั่งไป-กลับ ก็กินเวลาไป 4-5 ชั่วโมงแล้วค่ะ ยังไม่นับที่เดินเล่นข้างบนและเวลาอาหารกลางวันอีก ที่นี่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยค่ะ วิวสวย คนเล่นสกีไม่เยอะ เหมาะกับมาเป็นกลุ่มๆ เลย
episode 2 เดี๋ยวมาเขียนเพิ่มนะคะ จะเป็นการเดินทางไป Zermatt ค่ะ ^ ^