ต้องยอมรับว่าการตลาดออนไลน์ กับธุรกิจโรงแรมเป็นของคู่กัน เป็นสองธุรกิจที่ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันเป็นอย่างดี ทำไมนะหรอ
ลองนึกดูว่า ถ้าคุณกำลังหาที่พักซักที่นึง ให้กับวันหยุดของคุณ สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไร หลายๆคนคงเลือกถามอากู๋ เข้าพันทิป ดูรีวิว เปิดเพจ เข้าไปดูคะแนนใน Tripadvisor และเว็บที่ให้คะแนนอื่นๆ แล้วกลับไปดูที่เว็บของโรงแรมใหม่ โพสในเฟสบุ๊ค รูปในไอจี ไหนจะเข้าไปดูราคากับรีวิวที่ Agoda, Booking.com หรือเว็บอื่นๆ เปิดไปเปิดมาอยู่หลายเว็บไซด์ อ่านไปหลายสิบรีวิว เทียบราคาแล้ว เทียบราคาอีก ยุ่งวุ่นวายไปหลายวันกว่าจะตัดสินใจได้ซักโรงแรมนึง
สำหรับผู้ที่กำลังทำการตลาดให้กับโรงแรมอยู่ คงต้องกลับไปคิดดูแล้วว่าควรที่จะใช้ช่องทางไหนบ้าง ช่องทางออนไลน์ช่องไหน เหมาะสม คุ้มค่าที่สุด และทำให้ถึงกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการมากที่สุด
หากคิดแค่ว่า โรงแรมนี้ทำแบบนี้ งั้นเราทำเหมือนเขาเลย คงเป็นความคิดที่ง่ายเกินไป และอาจทำให้สูญเสียงบทางการตลาดไปโดยใช่เหตุ เพราะแต่ละโรงแรม มีกลุ่มลูกค้าคนละกลุ่ม มีหลักการที่จะทำการตลาดไม่เหมือนกัน และที่สำคัญงบประมาณ ไม่เท่ากันอีกต่างหาก
ช่องทางนึงที่สำคัญมากสำหรับโรงแรม นั้นคือเว็บไซด์ของโรงแรมเอง
การทำเว็บไซด์ นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกว่าที่หลายๆคนคิด และใช้เงินลงทุนก็ไม่น้อย เพราะเว็บไซด์ก็เป็นหน้าตาของโรงแรมเหมือนกัน ถ้าให้เทียบกับคนแล้ว น่าจะเหมือนรูป Profile ของแต่ละคน เราอยากขายอะไรในตัวเรา อยากให้คนเห็นเราแบบไหน อยากให้คนสนใจเรายังไง คิดเราว่าเราเป็นคนแบบไหน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยพบเรา ไม่รู้จักเรามาก่อน พอเค้าเห็นชื่อเรา เค้าก้อต้องรีบตามหารูปของเราว่าเราหน้าตาเป็นอย่างไรนะ
ดังนั้นการที่จะออกแบบเว็บไซด์ ก็ต้องกลับไปดูที่แบรนด์ดิ้งของโรงแรม ว่าโรงแรมของเราเป็นแบบไหน สไตล์ไหน กลับมาดูกลุ่มลูกค้าของคุณว่าคือกลุ่มไหน ชอบแบบไหน แล้วเราควรจะสื่อสารกับเค้าอย่างไร
การจัดเรียงข้อมูลในเว็บไซด์นั้นสำคัญไปไม่น้อยกว่ารูปร่างหน้าตาของเว็บเลย เพราะข้อมูลในเว็บไซด์นั้น ประกอบไปด้วยรูปภาพ และข้อความ แน่นอนว่ารูปภาพที่สวย ทำให้ดึงดูดความสนใจคนมากกว่าตัวอักษร แต่การที่จะใส่แต่รูปภาพแล้วไม่ใส่ตัวอักษรเลย คนก็ไม่สามารถค้นหาเราเจอได้ เพราะเราไม่มีข้อความที่ตรงกับคำที่ลูกค้ากำลังค้นหาอยู่ อีกทั้งการทำ SEO หรือ SEM นั้นก็มากจากการระบุคำ หรือข้อความที่สำคัญในการค้นหา ดังนั้นควรที่จะวิเคราะห์ข้อมความที่จะใส่ลงไปด้วย
หลังจากมีเว็บไซด์สวยงาม ข้อมูลครบถ้วน ก็ต้องหาวิธีการนำเสนอเว็บไซด์ของเราให้ผู้คนค้นเจอ ไม่ควรนั่งรอเฉยๆ รอคนมาเจอเอง โดยส่วนมาก ก็จะจ้าง Online หรือ Digital Agency มาช่วยจัดการให้ ยอมเสียเงิน หลายหมื่นต่อเดือน เพื่อลงทุนกับการซื้อโฆษณาของ Google หรือที่คุ้นกันในชื่อ Google AdWords พอเงินในการซื้อคีย์เวิร์ดหมด ยอดการค้นหาเว็บไซด์ของคุณก็หายไป หรือเงินที่คุณแบ่งสรรไว้ต่อเดือนอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้โฆษณาขึ้นบนหน้าแรกได้ เพราะคีย์เวิร์ดที่คุณเลือกมีคนยอมจ่ายแพงกว่า หรืออาจเป็นคำที่ปกติแล้วคนไม่ค้นหาเลย
การทำออนไลน์มาร์เกตติ้งนั้น เป็นช่องทางหนึ่งที่โรงแรมทุกโรงแรมควรทำ เพราะตอบสนองนิสัยลูกค้าในปัจจุบัน แต่การทำออนไลน์มาร์เกตติ้งนั้น ไม่ได้มีแค่การทำเว็บที่สวยงาม หรือการซื้อโฆษณาใน Google หากต้องการทำให้สำเร็จเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคุณค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จะลงทุนไป หลักการในการทำนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก การลอกเลียนแบบคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่น การที่จ้างบริษัทมาทำไม่ได้หมายความว่า คุณจะไว้ใจและปล่อยให้เขาทำไปตามงบประมาณที่ตั้งไว้ การคิดวิเคราะห์เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก
ในฐานะของผู้ที่ดูการตลาดให้กับโรงแรม คุณไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญ และรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทุกช่องทางการตลาด แต่คุณควรที่จะรู้ทัน เข้าใจ และวิเคราะห์เป็นว่าคนที่กำลังทำการตลาดให้คุณนั้น กำลังใช้เงินคุณอย่างฉลาดรึเปล่า และกำลังพาคุณไปหาลูกค้าที่ถูกคนรึเปล่า
สำหรับโรงแรม ต้องทำการตลาดออนไลน์อย่างไร แค่ทำเว็บไซด์ให้สวยงาม พอแล้วหรือไม่
ลองนึกดูว่า ถ้าคุณกำลังหาที่พักซักที่นึง ให้กับวันหยุดของคุณ สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไร หลายๆคนคงเลือกถามอากู๋ เข้าพันทิป ดูรีวิว เปิดเพจ เข้าไปดูคะแนนใน Tripadvisor และเว็บที่ให้คะแนนอื่นๆ แล้วกลับไปดูที่เว็บของโรงแรมใหม่ โพสในเฟสบุ๊ค รูปในไอจี ไหนจะเข้าไปดูราคากับรีวิวที่ Agoda, Booking.com หรือเว็บอื่นๆ เปิดไปเปิดมาอยู่หลายเว็บไซด์ อ่านไปหลายสิบรีวิว เทียบราคาแล้ว เทียบราคาอีก ยุ่งวุ่นวายไปหลายวันกว่าจะตัดสินใจได้ซักโรงแรมนึง
สำหรับผู้ที่กำลังทำการตลาดให้กับโรงแรมอยู่ คงต้องกลับไปคิดดูแล้วว่าควรที่จะใช้ช่องทางไหนบ้าง ช่องทางออนไลน์ช่องไหน เหมาะสม คุ้มค่าที่สุด และทำให้ถึงกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการมากที่สุด
หากคิดแค่ว่า โรงแรมนี้ทำแบบนี้ งั้นเราทำเหมือนเขาเลย คงเป็นความคิดที่ง่ายเกินไป และอาจทำให้สูญเสียงบทางการตลาดไปโดยใช่เหตุ เพราะแต่ละโรงแรม มีกลุ่มลูกค้าคนละกลุ่ม มีหลักการที่จะทำการตลาดไม่เหมือนกัน และที่สำคัญงบประมาณ ไม่เท่ากันอีกต่างหาก
ช่องทางนึงที่สำคัญมากสำหรับโรงแรม นั้นคือเว็บไซด์ของโรงแรมเอง
การทำเว็บไซด์ นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกว่าที่หลายๆคนคิด และใช้เงินลงทุนก็ไม่น้อย เพราะเว็บไซด์ก็เป็นหน้าตาของโรงแรมเหมือนกัน ถ้าให้เทียบกับคนแล้ว น่าจะเหมือนรูป Profile ของแต่ละคน เราอยากขายอะไรในตัวเรา อยากให้คนเห็นเราแบบไหน อยากให้คนสนใจเรายังไง คิดเราว่าเราเป็นคนแบบไหน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยพบเรา ไม่รู้จักเรามาก่อน พอเค้าเห็นชื่อเรา เค้าก้อต้องรีบตามหารูปของเราว่าเราหน้าตาเป็นอย่างไรนะ
ดังนั้นการที่จะออกแบบเว็บไซด์ ก็ต้องกลับไปดูที่แบรนด์ดิ้งของโรงแรม ว่าโรงแรมของเราเป็นแบบไหน สไตล์ไหน กลับมาดูกลุ่มลูกค้าของคุณว่าคือกลุ่มไหน ชอบแบบไหน แล้วเราควรจะสื่อสารกับเค้าอย่างไร
การจัดเรียงข้อมูลในเว็บไซด์นั้นสำคัญไปไม่น้อยกว่ารูปร่างหน้าตาของเว็บเลย เพราะข้อมูลในเว็บไซด์นั้น ประกอบไปด้วยรูปภาพ และข้อความ แน่นอนว่ารูปภาพที่สวย ทำให้ดึงดูดความสนใจคนมากกว่าตัวอักษร แต่การที่จะใส่แต่รูปภาพแล้วไม่ใส่ตัวอักษรเลย คนก็ไม่สามารถค้นหาเราเจอได้ เพราะเราไม่มีข้อความที่ตรงกับคำที่ลูกค้ากำลังค้นหาอยู่ อีกทั้งการทำ SEO หรือ SEM นั้นก็มากจากการระบุคำ หรือข้อความที่สำคัญในการค้นหา ดังนั้นควรที่จะวิเคราะห์ข้อมความที่จะใส่ลงไปด้วย
หลังจากมีเว็บไซด์สวยงาม ข้อมูลครบถ้วน ก็ต้องหาวิธีการนำเสนอเว็บไซด์ของเราให้ผู้คนค้นเจอ ไม่ควรนั่งรอเฉยๆ รอคนมาเจอเอง โดยส่วนมาก ก็จะจ้าง Online หรือ Digital Agency มาช่วยจัดการให้ ยอมเสียเงิน หลายหมื่นต่อเดือน เพื่อลงทุนกับการซื้อโฆษณาของ Google หรือที่คุ้นกันในชื่อ Google AdWords พอเงินในการซื้อคีย์เวิร์ดหมด ยอดการค้นหาเว็บไซด์ของคุณก็หายไป หรือเงินที่คุณแบ่งสรรไว้ต่อเดือนอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้โฆษณาขึ้นบนหน้าแรกได้ เพราะคีย์เวิร์ดที่คุณเลือกมีคนยอมจ่ายแพงกว่า หรืออาจเป็นคำที่ปกติแล้วคนไม่ค้นหาเลย
การทำออนไลน์มาร์เกตติ้งนั้น เป็นช่องทางหนึ่งที่โรงแรมทุกโรงแรมควรทำ เพราะตอบสนองนิสัยลูกค้าในปัจจุบัน แต่การทำออนไลน์มาร์เกตติ้งนั้น ไม่ได้มีแค่การทำเว็บที่สวยงาม หรือการซื้อโฆษณาใน Google หากต้องการทำให้สำเร็จเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคุณค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จะลงทุนไป หลักการในการทำนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก การลอกเลียนแบบคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่น การที่จ้างบริษัทมาทำไม่ได้หมายความว่า คุณจะไว้ใจและปล่อยให้เขาทำไปตามงบประมาณที่ตั้งไว้ การคิดวิเคราะห์เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก
ในฐานะของผู้ที่ดูการตลาดให้กับโรงแรม คุณไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญ และรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทุกช่องทางการตลาด แต่คุณควรที่จะรู้ทัน เข้าใจ และวิเคราะห์เป็นว่าคนที่กำลังทำการตลาดให้คุณนั้น กำลังใช้เงินคุณอย่างฉลาดรึเปล่า และกำลังพาคุณไปหาลูกค้าที่ถูกคนรึเปล่า