สนพ.เล็งหาวิธีช่วยสปป.ลาวปลดหนี้ค่าไฟ กฟผ.เกือบ 6,000 ล้านบาท โดยจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาแนวทางโดยเฉพาะ เผยยังมีโครงการที่มีศักยภาพที่อยู่ในระหว่างการเจรจาอีก6โครงการกำลังการผลิตรวมประมาณ 2,700 เมกะวัตต์
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยภายหลังการร่วมสัมมนาเรื่อง”คุณูปการของศ.ดร.บุญรอด บิณฑสันต์ ต่อสังคมไทย” ที่ห้อง105 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ซึ่งจัดโดยมูลนิธินิสิตเก่า จุฬาฯ เมื่อวันที่ 21ก.ย.2559 ที่ผ่านมา ว่า ศ.ดร.บุญรอด บิณฑสันต์ เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยคนแรกของประเทศไทย เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติและอดีตเลขาธิการสำนักงานพลังงานแห่งชาติ ถือเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาพลังงานและไฟฟ้า
โดยเฉพาะการรวมกิจการ 3 การไฟฟ้าก่อตั้งเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2512 และพัฒนาความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างกฟผ.และการไฟฟ้าลาว จนนำไปสู่การซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกัน
โดยปัจจุบันไทยมีการลงนามเอ็มโอยูกับสปป.ลาวเพื่อขยายปริมาณรับซื้อไฟฟ้าจาก 7,000 เมกะวัตต์เป็น 9,000 เมกะวัตต์เมื่อวันที่ 6ก.ย.2559 โดยมีโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบแล้ว 5 โครงการได้แก่โครงการเทิน-หินบุน โครงการห้วยเฮาะ โครงการน้ำเทิน2 โครงการน้ำงึม2 และโครงการหงสาลิกไนต์ ซึ่งเป็นโรงฟ้าถ่านหิน รวมกำลังการผลิตทั้งหมด3,578 เมกะวัตต์
มีโครงการที่ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)แล้วแต่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 3โครงการ คือโครงการเซเปียน-เซน้ำน้อย โครงการน้ำเงี๊ยบ1 โครงการไซยะบุรี รวมกำลังการผลิต 1,843 เมกะวัตต์ และโครงการที่มีการลงนามTariff MOU เพื่อนำไปสู่การทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า อีก1โครงการ คือโครงการ น้ำเทิน1 กำลังการผลิต 515 เมกะวัตต์
ทั้งนี้หากรวมปริมาณไฟฟ้าจากโครงการทั้งหมดเข้าด้วยกันจะคิดเป็นกำลังการผลิตรวม 5,936เมกะวัตต์ ซึ่งยังคงเหลือปริมาณฟ้าที่ทางสปป.ลาว จะส่งขายให้กับไทยได้อีกประมาณ 3,064 เมกะวัตต์ โดยยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาและโครงการที่มีศักยภาพที่จะผลิตไฟฟ้าเพื่อขายไฟฟ้าให้กับไทย อีก6โครงการ รวมกำลังการผลิต 2,693 เมกะวัตต์
โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 5โครงการคือโครงการปากเบ่ง โครงการเซกอง4 โครงการเซกอง5 โครงการน้ำกง1 โครงการเซนาคาม ส่วนอีก1โครงการเป้นโรงไฟฟ้าถ่านหิน คือโครงการเซกอง ของกลุ่มบริษัทพอนสัก ขนาดกำลังการผลิต 590 เมกะวัตต์
นอกเหนือจากการรับซื้อไฟฟ้าภายใต้กรอบเอ็มโอยู 9,000 เมกะวัตต์แล้ว ไทยกับสปป.ลาว ยังมีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่างกฟผ.และการไฟฟ้าลาว อีกรวม 494 เมกะวัตต์ ซึ่งภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว หากสปป.ลาวผลิตไฟฟ้าได้มากเกินกว่าความต้องการใช้ในประเทศ ก็จะส่งไฟฟ้าส่วนที่เหลือขายมายังประเทศไทยผ่านระบบสายส่ง ในขณะเดียวกัน หากสปป.ขาดแคลนไฟฟ้า ไทยก็จะส่งไฟฟ้าขายกลับคืนไปให้สปป.ลาว ผ่านระบบสายส่งเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามภายใต้กรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าดังกล่าวทำให้สปป.ลาวมีภาระหนี้สะสมต่อ กฟผ.อยู่ประมาณเกือบ6,000 ล้านบาท เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าที่ไทยส่งขายให้กับสปป.ลาวนั้นสูงกว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่สปป.ลาวขายให้กับไทย เพราะต้องบวกค่าต้นทุนของระบบสายส่งเข้าไปด้วย เพราะจุดขายไฟฟ้าที่ สปป.ลาวส่งให้กับไทยนั้นมีเพียง เพียง2จุด แต่จุดที่ทางสปป.ลาวต้องการซื้อไฟฟ้ากลับไปใช้ มีถึง6จุด ซึ่ง กฟผ.ต้องมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบสายส่งโดยประเด็นดังกล่าว ทางการไฟฟ้าลาว มีความเข้าใจดี
นายทวารัฐ กล่าวว่า ประเด็นภาระหนี้เกือบ 6,000 ล้านบาทนั้น จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อทบทวนกรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่าง กฟผ.กับการไฟฟ้าลาว เพื่อหาแนวทางที่จะช่วยปลดภาระหนี้ดังกล่าว โดยอาจจะเปิดให้ทางสปป.ลาวขายไฟฟ้าผ่านจุดที่มีระบบสายส่ง 2จุดในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อไปชดเชยกับค่าไฟฟ้าที่สปป.ลาวต้องซื้อไฟฟ้ากลับคืนในอัตราที่สูงกว่า เป็นต้น
http://www.tcijthai.com/tcijthainews/view.php?ids=6424
เห็นว่าเเต่ก่อนเราก็เคยยกหนี้ให้เขาไปหลายรอบล่ะ ไม่รู้ว่ามีข้อเเลกเปลี่ยนอะไรบ้าง
หลายโครงการหลายอย่างเราช่วยเหลือรัฐบาลลาว
แต่เรากลับเเทบไม่ได้อะไร หรือได้กลับมาแต่เข้ากระเป๋าใครรึเปล่าก็ไม่รู้
มีแต่จีนกับเวียดนามที่ตักตวงเอาผลประโยชน์จากลาวมากที่สุด การปฎิบัติกับคนไทยของลาวรู้สึกจะต่างจากทำกับคนจีนและเวียดนามมาก
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะทบทวนนโยบายต่างประเทศกับลาวให้เหมือนจีนกับเวียดนามทำกับลาว คนไทยจะได้รู้สึกมีศักดิ์ศรีหน่อย ถ้าจะให้ช่วยต่อไปต้องมีข้อเเลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่งั้นย่ามใจตลอด
ปล คนไทยกว่าจะเข้าไปเหยียบลาวได้นั้นหลายขั้นตอนมาก แต่คนลาวเข้ามาเหยียบไทยรู้สึกจะง่ายนิดเดียว แล้วอีกอย่างผมว่าห้ามรถยนต์คนไทยกับคนลาวข้ามฝั่งดีกว่าครับ เราขับรถคนละเลนส์กันกับเขา อุบัติเหตุเกิดง่ายมากแถมสอบใบขับขี่ก็ไม่รู้ทางเขาได้มาตรฐานหรือเปล่า จอดรถมั่วมากแถวๆห้างอุดร หนองคาย สองสามปีก่อนเห็นมาชนคนไทยตายเเถวอิสาน เร็วๆนี้ก็พกกัญชาฝ่าด่านตำรวจอีก ส่วนของเราก็ไม่รู้ว่าไปชนคนของเขาที่ประเทศเขาบ้างรึเปล่า
สปป.ลาว เป็นหนี้ค่าไฟ กฟผ. ของไทยเกือบ 6 พันล้านบาท
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยภายหลังการร่วมสัมมนาเรื่อง”คุณูปการของศ.ดร.บุญรอด บิณฑสันต์ ต่อสังคมไทย” ที่ห้อง105 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ซึ่งจัดโดยมูลนิธินิสิตเก่า จุฬาฯ เมื่อวันที่ 21ก.ย.2559 ที่ผ่านมา ว่า ศ.ดร.บุญรอด บิณฑสันต์ เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยคนแรกของประเทศไทย เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติและอดีตเลขาธิการสำนักงานพลังงานแห่งชาติ ถือเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาพลังงานและไฟฟ้า
โดยเฉพาะการรวมกิจการ 3 การไฟฟ้าก่อตั้งเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2512 และพัฒนาความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างกฟผ.และการไฟฟ้าลาว จนนำไปสู่การซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกัน
โดยปัจจุบันไทยมีการลงนามเอ็มโอยูกับสปป.ลาวเพื่อขยายปริมาณรับซื้อไฟฟ้าจาก 7,000 เมกะวัตต์เป็น 9,000 เมกะวัตต์เมื่อวันที่ 6ก.ย.2559 โดยมีโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบแล้ว 5 โครงการได้แก่โครงการเทิน-หินบุน โครงการห้วยเฮาะ โครงการน้ำเทิน2 โครงการน้ำงึม2 และโครงการหงสาลิกไนต์ ซึ่งเป็นโรงฟ้าถ่านหิน รวมกำลังการผลิตทั้งหมด3,578 เมกะวัตต์
มีโครงการที่ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)แล้วแต่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 3โครงการ คือโครงการเซเปียน-เซน้ำน้อย โครงการน้ำเงี๊ยบ1 โครงการไซยะบุรี รวมกำลังการผลิต 1,843 เมกะวัตต์ และโครงการที่มีการลงนามTariff MOU เพื่อนำไปสู่การทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า อีก1โครงการ คือโครงการ น้ำเทิน1 กำลังการผลิต 515 เมกะวัตต์
ทั้งนี้หากรวมปริมาณไฟฟ้าจากโครงการทั้งหมดเข้าด้วยกันจะคิดเป็นกำลังการผลิตรวม 5,936เมกะวัตต์ ซึ่งยังคงเหลือปริมาณฟ้าที่ทางสปป.ลาว จะส่งขายให้กับไทยได้อีกประมาณ 3,064 เมกะวัตต์ โดยยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาและโครงการที่มีศักยภาพที่จะผลิตไฟฟ้าเพื่อขายไฟฟ้าให้กับไทย อีก6โครงการ รวมกำลังการผลิต 2,693 เมกะวัตต์
โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 5โครงการคือโครงการปากเบ่ง โครงการเซกอง4 โครงการเซกอง5 โครงการน้ำกง1 โครงการเซนาคาม ส่วนอีก1โครงการเป้นโรงไฟฟ้าถ่านหิน คือโครงการเซกอง ของกลุ่มบริษัทพอนสัก ขนาดกำลังการผลิต 590 เมกะวัตต์
นอกเหนือจากการรับซื้อไฟฟ้าภายใต้กรอบเอ็มโอยู 9,000 เมกะวัตต์แล้ว ไทยกับสปป.ลาว ยังมีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่างกฟผ.และการไฟฟ้าลาว อีกรวม 494 เมกะวัตต์ ซึ่งภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว หากสปป.ลาวผลิตไฟฟ้าได้มากเกินกว่าความต้องการใช้ในประเทศ ก็จะส่งไฟฟ้าส่วนที่เหลือขายมายังประเทศไทยผ่านระบบสายส่ง ในขณะเดียวกัน หากสปป.ขาดแคลนไฟฟ้า ไทยก็จะส่งไฟฟ้าขายกลับคืนไปให้สปป.ลาว ผ่านระบบสายส่งเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามภายใต้กรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าดังกล่าวทำให้สปป.ลาวมีภาระหนี้สะสมต่อ กฟผ.อยู่ประมาณเกือบ6,000 ล้านบาท เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าที่ไทยส่งขายให้กับสปป.ลาวนั้นสูงกว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่สปป.ลาวขายให้กับไทย เพราะต้องบวกค่าต้นทุนของระบบสายส่งเข้าไปด้วย เพราะจุดขายไฟฟ้าที่ สปป.ลาวส่งให้กับไทยนั้นมีเพียง เพียง2จุด แต่จุดที่ทางสปป.ลาวต้องการซื้อไฟฟ้ากลับไปใช้ มีถึง6จุด ซึ่ง กฟผ.ต้องมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบสายส่งโดยประเด็นดังกล่าว ทางการไฟฟ้าลาว มีความเข้าใจดี
นายทวารัฐ กล่าวว่า ประเด็นภาระหนี้เกือบ 6,000 ล้านบาทนั้น จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อทบทวนกรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่าง กฟผ.กับการไฟฟ้าลาว เพื่อหาแนวทางที่จะช่วยปลดภาระหนี้ดังกล่าว โดยอาจจะเปิดให้ทางสปป.ลาวขายไฟฟ้าผ่านจุดที่มีระบบสายส่ง 2จุดในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อไปชดเชยกับค่าไฟฟ้าที่สปป.ลาวต้องซื้อไฟฟ้ากลับคืนในอัตราที่สูงกว่า เป็นต้น
http://www.tcijthai.com/tcijthainews/view.php?ids=6424
เห็นว่าเเต่ก่อนเราก็เคยยกหนี้ให้เขาไปหลายรอบล่ะ ไม่รู้ว่ามีข้อเเลกเปลี่ยนอะไรบ้าง
หลายโครงการหลายอย่างเราช่วยเหลือรัฐบาลลาว
แต่เรากลับเเทบไม่ได้อะไร หรือได้กลับมาแต่เข้ากระเป๋าใครรึเปล่าก็ไม่รู้
มีแต่จีนกับเวียดนามที่ตักตวงเอาผลประโยชน์จากลาวมากที่สุด การปฎิบัติกับคนไทยของลาวรู้สึกจะต่างจากทำกับคนจีนและเวียดนามมาก
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะทบทวนนโยบายต่างประเทศกับลาวให้เหมือนจีนกับเวียดนามทำกับลาว คนไทยจะได้รู้สึกมีศักดิ์ศรีหน่อย ถ้าจะให้ช่วยต่อไปต้องมีข้อเเลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่งั้นย่ามใจตลอด
ปล คนไทยกว่าจะเข้าไปเหยียบลาวได้นั้นหลายขั้นตอนมาก แต่คนลาวเข้ามาเหยียบไทยรู้สึกจะง่ายนิดเดียว แล้วอีกอย่างผมว่าห้ามรถยนต์คนไทยกับคนลาวข้ามฝั่งดีกว่าครับ เราขับรถคนละเลนส์กันกับเขา อุบัติเหตุเกิดง่ายมากแถมสอบใบขับขี่ก็ไม่รู้ทางเขาได้มาตรฐานหรือเปล่า จอดรถมั่วมากแถวๆห้างอุดร หนองคาย สองสามปีก่อนเห็นมาชนคนไทยตายเเถวอิสาน เร็วๆนี้ก็พกกัญชาฝ่าด่านตำรวจอีก ส่วนของเราก็ไม่รู้ว่าไปชนคนของเขาที่ประเทศเขาบ้างรึเปล่า