สวัสดีเพื่อนๆนะคะ .... เราจะมาเล่าประสบการณ์อันเลวร้ายที่สุดในชีวิต เกี่ยวกับโรงพยาบาล ศิริราชปิยมหาราชการุณย์
เราได้พาสามีไปตรวจและรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะที่ 4. ซึ่งได้กระจายตัวไปยังตับและต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
การรักษาเริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน 2558 ด้วยการผ่าตัดลำไส้ส่วนที่เป็นเนื้อร้ายทิ้งไป ซึ่งอาจารย์ผู้ผ่าตัดเก่งมากและมีประสบการณ์อย่างมาก หลังจากนั้นก็ถูกส่งมาที่ศูนย์มะเร็งเพื่อการให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งจะเป็นแพทย์อีกคนหนึ่ง( ไม่ขอใช้คำว่า "ท่าน" เพราะไม่สมควร) หลังจากให้ยาเคมีฯแบบพุ่งเป้าหมดคอส 8 ครั้ง หมดเงินไปทั้งหมด 2 ล้านบาท ประกันจ่าย 8 แสนบาท ที่เหลือเงินตัวเองล้วนๆ หลังจากครบคอสปรากฎว่า เซลล์มะเร็งในตับมีขนาดเล็กลง ที่ต่อมน้ำเหลืองเกือบไม่เห็น ที่อื่นๆก็เล็กลงจนไม่สามารถวัดขนาดได้ หมอจึงถามว่าจะเอายังงัยต่อ ระหว่างการให้ยาไปเรื่อยๆ กับการหยุดยาแล้วติดตามผลทุก 3 เดือน เราและสามีจึงถามหมอไปว่า
ผู้ป่วย : หมอคะ ถ้าให้ยาต่อไป จะให้ถึงเมื่อไหร่และอีกกีเข็ม
หมอ : ก็ให้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเชื้อจะดื้อยาไปเอง แล้วค่อยเปลี่ยนยาให้แรงขึ้น
ผู้ป่วย : แล้วถ้าเราหยุดยาแล้วติดตามผล ทุก 3 เดือน จะมีผลยังงัยบ้าง แตกต่างกันหรือไม่
หมอ : ก็ได้นะ เพราะผลมันก็เหมือนกัน วันหนึ่งเซลล์มันก็จะตื่นขึ้นมาเอง เราค่อยให้ยาใหม่เพื่อคุมต่อไป
ผู้ป่วย : ถ้างั้นขอเป็นหยุด แล้วติดตามผล เพื่อไปรักษาร่างกายให้แข็งแรงและต่อสู้ต่อไปดีกว่า
สรุปติดตามผลทุก 3 เดือน แต่เรื่องมีอยู่ว่า เราเคยถามเรื่องผลการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจนั้น ผลของชิ้นเนื้อส่วนอื่นๆที่ตัดไปนั้นเป็นอย่างไร เราไม่เคยได้รับคำตอบ และเมือเวลาที่มาพบหมอคนนี้ เราก็ถามทุกครั้งว่าเป็นยังงัยบ้างเรื่องผลแลบป์ จนสุดท้ายเมื่อเดือน มิถุนายน 2559 เราขอแกมบังคับว่าต้องการผลแลบป์เพื่อส่งกลับไปให้หมอที่ประเทศสวิสฯ ( สามีเป็นชาวสวิสฯ) สุดท้ายหมอส่งชิ้นเนื้อตรวจ เราต้องจ่ายค่าแลบป์เพิ่มประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ซึ่งก็แอบสงสัยว่าไม่ได้ทำการตรวจก่อนที่จะส่งชิ้นเนื้อตรวจหรือยังงัย หลังจากนั้นหมอนัด 2 อาทิตย์ให้มาฟังผลและรับผลแลบป์ พอถึงเวลานัด เราและสามีซึ่งอาศัยอยู่ที่ภูเก็ตก็ขึ้นไปพบหมอ ปรากฎว่าหมอให้พยาบาลเอาผลตรวจมาให้ เราจึงแจ้งว่า หมอนัดฟังผลนะคะ แต่พยาบาลแจ้งกลับว่าหมอให้แค่รับผลไม่ได้นัดฟัง
ตอนนี้เริ่มอารมณ์ขึ้นละ เราถามกลับไปว่า แล้วถ้าให้แค่มารับเอกสารแค่ 3 ใบ น่าจะส่งไปให้นะคะ นี่ทำไมต้องให้เดินทางข้ึนมาเพื่อมารอรับผล แล้วใครจะอธิบายให้ฟังว่าผลมันเป็นอย่างไร สุดท้ายต้องนัดใหม่อีก 3 เดือน
ถึงวันนัด วันที่ 17 กันยายน 2559 นัดเจาะเลือด และทำ CT.
วันที่ 18 กันยายน 2559 พบหมอ ( เรื่องกำลังจะเกิดละ)
หมอ : รอแป๊บนะ พอดี รพ.เพิ่งเปลี่ยนระบบคอมฯใหม่ ข้อมูลเก่าไม่มีต้องหาใหม่
คนป่วย ....... ค่ะ/ครับ
หมอ : ผลเลือดไม่ดีนะ สูงขึ้น และเซลล์ก็ใหญ่ขึ้นด้วย คุณต้องให้ยาคีโมอีกครั้ง
คนป่วย : ก่อนอื่นขอถามก่อนว่า ผลตรวจชิ้นเนื้อที่ให้ไปครั้งก่อนมันคืออะไร เรามีเซลล์มะเร็งแบบไหน แบบเซลล์กระจายที่แตกตัวช้า หรือว่าเป็นแบบที่แตก
ตัวเร็ว เรายังไม่ทราบเลยอะไรเลย เรื่องให้ยาค่อยคุย
หมอ : อธิบายไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก มันเป็นภาษาทางแพทย์ ( หันมามองหน้าดิฉัน แล้วบอกว่า คุณอธิบายให้เค้าฟังละกัน)
ดิฉัน : เอ่อ...คุณหมอคะ ดิฉันไม่ใช่หมอ แล้วเอกสารก็เป็นศัพท์ทางแพทย์ ดิฉันจะอธิบายอย่างไรคะ รบกวนคุณหมอช่วยอธิบายเป็นภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้มัยคะ แล้วดิฉันจะได้อธิบายให้คนป่วยฟังได้
หมอ : เห็นมั้ย คุณยังอธิบายไม่ได้ แล้วจะให้ผมมานั่งอธิบายให้คุณฟังคนเดียว งานผมก็ไม่เสร็จ เอาเป็นว่าคนป่วยต้องให้ยาอีกครั้งหนึ่ง
คนป่วย : หมอครับ ถึงผมจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ผมอาศัยอยู่ในประเทศไทย ทำงานรับเงินเดือนเป็นเงินบาท ผมไม่สามารถที่จะแบกรับค่ายาที่แพงขนาดนี้ได้ ผมอยากทราบว่าผมีมีทางเลือกทางไหนบ้าง ( พูดเรื่องเงินไปเท่านั้น เกมส์เปลี่ยน)
หมอ : เรื่องผลตรวจผมคงอธิบายให้คุณฟังไม่ได้หรอกนะ ถ้าคุณต้องการคำอธิบายมากกว่านี้ คุณก็เปลี่ยนหมอแล้วกัน ผมคงรักษาคุณต่อไปไม่ได้แล้ว
พยาบาล ช่วยพิมพ์ประวัติทั้งหมดแล้วให้คนป่วยไปเลยนะ แล้วไม่ต้องนัดแล้ว. จบการสนทนา
ดิฉัน : หมอคะ อาจารย์หมอไฟโรจน์ ลงตรวจที่นี่มั้ยคะ
หมอ : ไม่. เค้าเป็นอาจารย์ผมเอง อยู่ที่ธนบุรี 1 คุณไปหาเค้าแล้วกัน เค้าคงอธิบายคุณและรักษาคุณได้ จบ....ไม่มีเสียงใดๆอีกเลย
ดิฉัน / สามี เดินออกจาห้องด้วยอารมณ์ที่โกรธและหมดหวัง หมดศรัทธา หมดสิ้นกำลังใจ หมดแรง ที่สำคัญคือ หมดเงิน ฮ่าๆๆๆๆชีวิต หมดเงินปุ๊บ มันก็หมาดีๆนี่แหละ
บ่ายวันเดียวกัน ลองมาเสี่ยงดวงที่ รพ.ธนบุรี นัดอาจารย์ไพโรจน์ โชคดีอาจารย์ลงตรววันรุ่งขึ้น คือวันจันทร์ เอาวะ. ลองอีกรอบ อย่าได้ท้อ. จัดการนัดเรียบร้อย
วันรุ่งขึ้น ณ. รพ ธนบุรี เวลา 08.30 น. รอพบแพทย์ ยื่นประวัติเรียบร้อย......รอๆๆๆๆๆๆ
อาจารย์ : อ้าว. ทำไมไม่รักษากับหมอ.....ต่อหล่ะครับ
ดิฉัน : ไม่มีเงินจะรักษา ที่นั่นเค้าไล่มาค่ะ
อาจารย์ ...... ถอนหายใจไป 1 ครั้งเฮือก . ไม่เป็นรัย ขออ่านประวัติแป๊บนะ
เป็นระยะที่ 4 นะ ตอนนี้ส่วนที่เคยกระจายไปนั้นมันใหญ่ขึ้น ยังงัยก็ต้องให้ยานะ แต่โอกาสหายขาดไม่มีนะ ต้องทำใจเพราะว่าถ้ามันกลับมาอีกอาจจะแค่คุมได้ระยะหนึ่งแล้วหลังจากนั้นก็จะจบ อาจจะมีระยะเวลาที่ 6 เดือน หรือ 1ปีครึ่ง ถ้าไม่ให้ยา หรือถ้าให้ยา อาจจะได้ประมาณ 2-3 ปี เท่านั้น ไม่นานกว่านั้นนะ ( กำลังใจที่มีอยู่ หายแว๊บไปเลย...น้ำตามาละ)
คนป่วย : แล้วยาที่จะให้ มันรุนแรงกับร่างกายแค่ไหน เพราะว่าตอนที่ให้ครั้งแรกมันผลกระทบน้อยมาก ผมอยากทราบจะได้ประเมิณถูกว่าควรจะให้หรือไม่
อาจารย์ : ก็ที่แน่ๆ ผมร่วง, อาจมีท้องเสีย, เม็ดเลือดขาวจะต่ำติดเชื้อง่าย, อ่อนเพลียช่วงแรกๆ แต่ต้องฝืนกินให้เยอะ ( อาจารย์อธิบายเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนครบถ้วน ในขณะนที่ หมอคนเก่าเป็นถึง รศ.นพ.อธิบายอะไรไม่ไ่ด้เลย)
คนป่วย : ขอผมกลับไปคิดและเตรียใตัวก่อนได้มั้ยครับ แล้วจะโทรกลับมานัด.
อาจารย์ : ได้ซิครับ ผมจะอธิบายตัวยาก่อนนะว่าต้องใช้อะไรมั่ง 1.....2....3....4..... ส่วนเรื่องราคา เดี๋ยวให้ทางฝ่ายยาเค้าคิดให้นะ ผมไม่ทราบหรอก.
ดิฉัน : อาจารย์คะ ดิฉันไม่มีได้มีเงินมากนะคะ แต่ก็อยากรักษายืดเวลาออกไปซักนิด รบกวนขอความกรุณาอาจารย์ด้วยนะคะ....
อาจารย์ : เดี๋ยวดูให้นะ กลับไปคิดก่อน
เพื่อนๆอาจจะคิดว่า สามีดิฉัน ผู้ป่วยมะเร็งระยะที่ 4 กระจายตัวไปที่ตับคงจะเป็นคนป่วยที่โทรมมากๆ แต่ไม่เลยนะคะ ผู้ป่วยเป็นคนสนุกสนาน มีความสุข ไม่เครียดและที่สำคัญเค้าดูสดชื่นขึ้นมาก ไม่มีวี่แววว่าเค้าป่วยหรืออะไรเลย ถ้าไม่ตรวจก็ไม่รู้เลยว่าเป็นมะเร็ง ดังนั้นเพื่อนๆอย่าประมาทนะคะ หมั่นตรวจสุขภาพและสังเกตุตัวเรา ร่างกายเรานะคะ
สุดท้าย... อยากจะสอบถามเพื่อนๆว่า ถ้าเราจะไปรักษาตัวที่ รพ.ศิริราช มันจะยุ่งยากมากมั้ย จะติดต่อฝ่ายไหน เลือกหมอได้หรือไม่ การรักษาเป็นอย่างไรสำหรับเรื่องการรักษาโรคมะเร็ง
รบกวนแจ้งข่าวหน่อยนะคะ เรายังมีความหวังว่าเค้าจะอยู่นานกว่า 2-3 ปี เราจะไม่ท้อเด็ดขาด
ขอบคุณค่ะ
ลาก่อน ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
เราได้พาสามีไปตรวจและรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะที่ 4. ซึ่งได้กระจายตัวไปยังตับและต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง
การรักษาเริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายน 2558 ด้วยการผ่าตัดลำไส้ส่วนที่เป็นเนื้อร้ายทิ้งไป ซึ่งอาจารย์ผู้ผ่าตัดเก่งมากและมีประสบการณ์อย่างมาก หลังจากนั้นก็ถูกส่งมาที่ศูนย์มะเร็งเพื่อการให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งจะเป็นแพทย์อีกคนหนึ่ง( ไม่ขอใช้คำว่า "ท่าน" เพราะไม่สมควร) หลังจากให้ยาเคมีฯแบบพุ่งเป้าหมดคอส 8 ครั้ง หมดเงินไปทั้งหมด 2 ล้านบาท ประกันจ่าย 8 แสนบาท ที่เหลือเงินตัวเองล้วนๆ หลังจากครบคอสปรากฎว่า เซลล์มะเร็งในตับมีขนาดเล็กลง ที่ต่อมน้ำเหลืองเกือบไม่เห็น ที่อื่นๆก็เล็กลงจนไม่สามารถวัดขนาดได้ หมอจึงถามว่าจะเอายังงัยต่อ ระหว่างการให้ยาไปเรื่อยๆ กับการหยุดยาแล้วติดตามผลทุก 3 เดือน เราและสามีจึงถามหมอไปว่า
ผู้ป่วย : หมอคะ ถ้าให้ยาต่อไป จะให้ถึงเมื่อไหร่และอีกกีเข็ม
หมอ : ก็ให้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเชื้อจะดื้อยาไปเอง แล้วค่อยเปลี่ยนยาให้แรงขึ้น
ผู้ป่วย : แล้วถ้าเราหยุดยาแล้วติดตามผล ทุก 3 เดือน จะมีผลยังงัยบ้าง แตกต่างกันหรือไม่
หมอ : ก็ได้นะ เพราะผลมันก็เหมือนกัน วันหนึ่งเซลล์มันก็จะตื่นขึ้นมาเอง เราค่อยให้ยาใหม่เพื่อคุมต่อไป
ผู้ป่วย : ถ้างั้นขอเป็นหยุด แล้วติดตามผล เพื่อไปรักษาร่างกายให้แข็งแรงและต่อสู้ต่อไปดีกว่า
สรุปติดตามผลทุก 3 เดือน แต่เรื่องมีอยู่ว่า เราเคยถามเรื่องผลการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจนั้น ผลของชิ้นเนื้อส่วนอื่นๆที่ตัดไปนั้นเป็นอย่างไร เราไม่เคยได้รับคำตอบ และเมือเวลาที่มาพบหมอคนนี้ เราก็ถามทุกครั้งว่าเป็นยังงัยบ้างเรื่องผลแลบป์ จนสุดท้ายเมื่อเดือน มิถุนายน 2559 เราขอแกมบังคับว่าต้องการผลแลบป์เพื่อส่งกลับไปให้หมอที่ประเทศสวิสฯ ( สามีเป็นชาวสวิสฯ) สุดท้ายหมอส่งชิ้นเนื้อตรวจ เราต้องจ่ายค่าแลบป์เพิ่มประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ซึ่งก็แอบสงสัยว่าไม่ได้ทำการตรวจก่อนที่จะส่งชิ้นเนื้อตรวจหรือยังงัย หลังจากนั้นหมอนัด 2 อาทิตย์ให้มาฟังผลและรับผลแลบป์ พอถึงเวลานัด เราและสามีซึ่งอาศัยอยู่ที่ภูเก็ตก็ขึ้นไปพบหมอ ปรากฎว่าหมอให้พยาบาลเอาผลตรวจมาให้ เราจึงแจ้งว่า หมอนัดฟังผลนะคะ แต่พยาบาลแจ้งกลับว่าหมอให้แค่รับผลไม่ได้นัดฟัง
ตอนนี้เริ่มอารมณ์ขึ้นละ เราถามกลับไปว่า แล้วถ้าให้แค่มารับเอกสารแค่ 3 ใบ น่าจะส่งไปให้นะคะ นี่ทำไมต้องให้เดินทางข้ึนมาเพื่อมารอรับผล แล้วใครจะอธิบายให้ฟังว่าผลมันเป็นอย่างไร สุดท้ายต้องนัดใหม่อีก 3 เดือน
ถึงวันนัด วันที่ 17 กันยายน 2559 นัดเจาะเลือด และทำ CT.
วันที่ 18 กันยายน 2559 พบหมอ ( เรื่องกำลังจะเกิดละ)
หมอ : รอแป๊บนะ พอดี รพ.เพิ่งเปลี่ยนระบบคอมฯใหม่ ข้อมูลเก่าไม่มีต้องหาใหม่
คนป่วย ....... ค่ะ/ครับ
หมอ : ผลเลือดไม่ดีนะ สูงขึ้น และเซลล์ก็ใหญ่ขึ้นด้วย คุณต้องให้ยาคีโมอีกครั้ง
คนป่วย : ก่อนอื่นขอถามก่อนว่า ผลตรวจชิ้นเนื้อที่ให้ไปครั้งก่อนมันคืออะไร เรามีเซลล์มะเร็งแบบไหน แบบเซลล์กระจายที่แตกตัวช้า หรือว่าเป็นแบบที่แตก
ตัวเร็ว เรายังไม่ทราบเลยอะไรเลย เรื่องให้ยาค่อยคุย
หมอ : อธิบายไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก มันเป็นภาษาทางแพทย์ ( หันมามองหน้าดิฉัน แล้วบอกว่า คุณอธิบายให้เค้าฟังละกัน)
ดิฉัน : เอ่อ...คุณหมอคะ ดิฉันไม่ใช่หมอ แล้วเอกสารก็เป็นศัพท์ทางแพทย์ ดิฉันจะอธิบายอย่างไรคะ รบกวนคุณหมอช่วยอธิบายเป็นภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้มัยคะ แล้วดิฉันจะได้อธิบายให้คนป่วยฟังได้
หมอ : เห็นมั้ย คุณยังอธิบายไม่ได้ แล้วจะให้ผมมานั่งอธิบายให้คุณฟังคนเดียว งานผมก็ไม่เสร็จ เอาเป็นว่าคนป่วยต้องให้ยาอีกครั้งหนึ่ง
คนป่วย : หมอครับ ถึงผมจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ผมอาศัยอยู่ในประเทศไทย ทำงานรับเงินเดือนเป็นเงินบาท ผมไม่สามารถที่จะแบกรับค่ายาที่แพงขนาดนี้ได้ ผมอยากทราบว่าผมีมีทางเลือกทางไหนบ้าง ( พูดเรื่องเงินไปเท่านั้น เกมส์เปลี่ยน)
หมอ : เรื่องผลตรวจผมคงอธิบายให้คุณฟังไม่ได้หรอกนะ ถ้าคุณต้องการคำอธิบายมากกว่านี้ คุณก็เปลี่ยนหมอแล้วกัน ผมคงรักษาคุณต่อไปไม่ได้แล้ว
พยาบาล ช่วยพิมพ์ประวัติทั้งหมดแล้วให้คนป่วยไปเลยนะ แล้วไม่ต้องนัดแล้ว. จบการสนทนา
ดิฉัน : หมอคะ อาจารย์หมอไฟโรจน์ ลงตรวจที่นี่มั้ยคะ
หมอ : ไม่. เค้าเป็นอาจารย์ผมเอง อยู่ที่ธนบุรี 1 คุณไปหาเค้าแล้วกัน เค้าคงอธิบายคุณและรักษาคุณได้ จบ....ไม่มีเสียงใดๆอีกเลย
ดิฉัน / สามี เดินออกจาห้องด้วยอารมณ์ที่โกรธและหมดหวัง หมดศรัทธา หมดสิ้นกำลังใจ หมดแรง ที่สำคัญคือ หมดเงิน ฮ่าๆๆๆๆชีวิต หมดเงินปุ๊บ มันก็หมาดีๆนี่แหละ
บ่ายวันเดียวกัน ลองมาเสี่ยงดวงที่ รพ.ธนบุรี นัดอาจารย์ไพโรจน์ โชคดีอาจารย์ลงตรววันรุ่งขึ้น คือวันจันทร์ เอาวะ. ลองอีกรอบ อย่าได้ท้อ. จัดการนัดเรียบร้อย
วันรุ่งขึ้น ณ. รพ ธนบุรี เวลา 08.30 น. รอพบแพทย์ ยื่นประวัติเรียบร้อย......รอๆๆๆๆๆๆ
อาจารย์ : อ้าว. ทำไมไม่รักษากับหมอ.....ต่อหล่ะครับ
ดิฉัน : ไม่มีเงินจะรักษา ที่นั่นเค้าไล่มาค่ะ
อาจารย์ ...... ถอนหายใจไป 1 ครั้งเฮือก . ไม่เป็นรัย ขออ่านประวัติแป๊บนะ
เป็นระยะที่ 4 นะ ตอนนี้ส่วนที่เคยกระจายไปนั้นมันใหญ่ขึ้น ยังงัยก็ต้องให้ยานะ แต่โอกาสหายขาดไม่มีนะ ต้องทำใจเพราะว่าถ้ามันกลับมาอีกอาจจะแค่คุมได้ระยะหนึ่งแล้วหลังจากนั้นก็จะจบ อาจจะมีระยะเวลาที่ 6 เดือน หรือ 1ปีครึ่ง ถ้าไม่ให้ยา หรือถ้าให้ยา อาจจะได้ประมาณ 2-3 ปี เท่านั้น ไม่นานกว่านั้นนะ ( กำลังใจที่มีอยู่ หายแว๊บไปเลย...น้ำตามาละ)
คนป่วย : แล้วยาที่จะให้ มันรุนแรงกับร่างกายแค่ไหน เพราะว่าตอนที่ให้ครั้งแรกมันผลกระทบน้อยมาก ผมอยากทราบจะได้ประเมิณถูกว่าควรจะให้หรือไม่
อาจารย์ : ก็ที่แน่ๆ ผมร่วง, อาจมีท้องเสีย, เม็ดเลือดขาวจะต่ำติดเชื้อง่าย, อ่อนเพลียช่วงแรกๆ แต่ต้องฝืนกินให้เยอะ ( อาจารย์อธิบายเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนครบถ้วน ในขณะนที่ หมอคนเก่าเป็นถึง รศ.นพ.อธิบายอะไรไม่ไ่ด้เลย)
คนป่วย : ขอผมกลับไปคิดและเตรียใตัวก่อนได้มั้ยครับ แล้วจะโทรกลับมานัด.
อาจารย์ : ได้ซิครับ ผมจะอธิบายตัวยาก่อนนะว่าต้องใช้อะไรมั่ง 1.....2....3....4..... ส่วนเรื่องราคา เดี๋ยวให้ทางฝ่ายยาเค้าคิดให้นะ ผมไม่ทราบหรอก.
ดิฉัน : อาจารย์คะ ดิฉันไม่มีได้มีเงินมากนะคะ แต่ก็อยากรักษายืดเวลาออกไปซักนิด รบกวนขอความกรุณาอาจารย์ด้วยนะคะ....
อาจารย์ : เดี๋ยวดูให้นะ กลับไปคิดก่อน
เพื่อนๆอาจจะคิดว่า สามีดิฉัน ผู้ป่วยมะเร็งระยะที่ 4 กระจายตัวไปที่ตับคงจะเป็นคนป่วยที่โทรมมากๆ แต่ไม่เลยนะคะ ผู้ป่วยเป็นคนสนุกสนาน มีความสุข ไม่เครียดและที่สำคัญเค้าดูสดชื่นขึ้นมาก ไม่มีวี่แววว่าเค้าป่วยหรืออะไรเลย ถ้าไม่ตรวจก็ไม่รู้เลยว่าเป็นมะเร็ง ดังนั้นเพื่อนๆอย่าประมาทนะคะ หมั่นตรวจสุขภาพและสังเกตุตัวเรา ร่างกายเรานะคะ
สุดท้าย... อยากจะสอบถามเพื่อนๆว่า ถ้าเราจะไปรักษาตัวที่ รพ.ศิริราช มันจะยุ่งยากมากมั้ย จะติดต่อฝ่ายไหน เลือกหมอได้หรือไม่ การรักษาเป็นอย่างไรสำหรับเรื่องการรักษาโรคมะเร็ง
รบกวนแจ้งข่าวหน่อยนะคะ เรายังมีความหวังว่าเค้าจะอยู่นานกว่า 2-3 ปี เราจะไม่ท้อเด็ดขาด
ขอบคุณค่ะ