ขี่ มอ ไซค์ ไป เที่ยว “กาญฯ”

เซย์ ไฮ เอวีบอดี้ ทุกๆท่าน
ปกติถนัดแต่อ่าน วันนี้เลยอยากจะมา แชร์ เรื่องของตัวเองบ้าง
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่า ที่ขึ้นหัวข้อว่า ขี่ มอไซต์ ไม่ใช่ว่า พวกผม ติสท์ หรือ ทำตัวเท่ นะ
ที่ต้องขี่มอไซต์ เพราะเรายังไม่มีปัญญาซื้อรถกันอะ แต่ทำไงได้ใจมันอยากเที่ยว ก็ลุยเลยหละกัน

สมัยนี้ถ้านึกถึงมอไซต์ ส่วนใหญ่คนจะมองว่า ถ้าขี่ไปเที่ยว คงต้องเป็นมอไซต์คันใหญ่ๆ
เท่ๆ ท่อเสียงดังๆ(ไม่รู้แมร่งจะดังไปไหน) ขับผ่านที่หูแทบตึง
แต่เอาละไม่เดือดร้อนและทำอันตรายให้กับคนอื่น ผมก็ว่าไม่ผิด แล้วแต่ความชอบ
แต่มอไซต์ของพวกผม คันไม่ใหญ่ ท่อไม่ดัง เน้นควัน 555 ที่บอกว่าเน้นควัน คือ มอไซต์อายุเผลอๆแก่กว่าผมอีก 20+


รถแรงจอดอยู่อู่ รถบ้านเอาไว้เที่ยว

Day 1
ทริปนี้พวกเราตั้งตนกันแถวบ้าน(ย่านถนนเอกชัย)  นัดกันว่า เราจะออกค่ำๆประมาณ 3 ทุ่ม แต่ด้วยนิสัยที่ตรงต่อเวลาของพวกเรา ปาเข้าไป 5ทุ่ม ถึงจะได้ออกเดินทางกัน ซึ่งเวลาแบบนี้แมร่งควรนอนได้แล้ว ทริปนี้ พวกเราเอามอไซต์ไป 5 คัน โดยจุดหมายแรก คือ สถานีรถไฟน้ำตกไทรโยค ซึ่งถ้าขับรถไปไม่น่าจะเกิน 2 ชม.นิดๆก็ถึง แต่นี่พวกเรา ขี่มอไซต์ ไปไง เลยเล่นซะเกือบ 5 ชั่วโมง แต่เรื่องมันส์ๆมันเพิ่งเริ่มต้น ในช่วงแรกของการซ้อนท้ายมอไซต์(ผมซ้อน เพื่อนขับ) รู้สึกว่า ฟิวส์ แมร่งได้หว่ะ เหมือนในหนังฝรั่งเลย ขี่จากแคลิฟอร์เนีย ไป ฟอริดา ประมาณนั้น โครตเวอร์ 555 นั่งไปได้ซักพัก แมร่งไม่ใช่หละ แมร่งเมื่อไรจะถึงหวะเนี่ย โครตไกลลลลลลลลลลลลลลลลล


(บวกเวลาเพิ่มจากแผนที่อีก 2-3 ชม กรณีเอามอไซค์ไป)

ช่วงขาออกจากกรุงเทพฯ พวกเราก็ขี่รถกันมาเรื่อยๆ มีแซงกันบ้าง รอกันบ้างบางจุด
พอเข้าเขตตัวเมือง กาญจนบุรี เหมือนโดนรับน้องซะอย่างนั้นๆ อยู่เพื่อนที่ขี่ตามกันมาในกลุ่ม หายไปไหนไม่รู้!!!

เฮ้ย! รอไอ้เจมส์ก่อน (เสียงจากคันต่อคันส่งมาถึงหูผม)

อ้าวเฮ้ย(ไม่ใช่เพลง ยิ้ม) เป็นคำอุทานที่เมื่อได้ยินเสียงแล้วต้องพูดออกมา : แล้วไอ้เจมส์ไปไหนวะ

พวกเราเลยขี่รถย้อนกับไปดูทางที่ผ่านมา ปรากฏว่า ไอ้เจมส์กำลังหาที่ตบเกียร์ อยู่ นึกสภาพมอไซต์ที่ไม่ใช่โอโต้นะครับ(มันจะมีที่ตบเกียร์ฝั่งซ้าย) แมร่งหล่นหายไปไหนไม่รู้ เกียร์หายนี่ผมว่าแย่พอๆกับยิ้ม เลยนะครับ เพราะมอไซต์ไม่มีเกียร์มันจะไปได้ไงหว้า ทั้งฮ่าทั้งง่วง พวกเราไม่รอช้า ต่างฝ่ายต่างช่วยกันหาเกียร์ นึกสภาพเด็กวัยรุ่นมันขี่รถหาอะไรกันตอนประมาณ ตี1 ที่สำคัญแมร่งมืดๆด้วย คนแถวนั้นคง จะงง ไม่ใช่น้อย


(เกียร์หายนี่ แย่กว่าชิ..หาย แน่นอนฮะ)

สักพัก เพื่อน คนหนึ่งแมร่งยิ้มเจอเกียร์ คิดในใจโครตเก่ง มืดก็มืด ดันหาเจออีก จัดการเร่งประกอบเข้าที่เพราะจะได้เดินทางกันต่อ เอาหละ ลุยเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


จากตัวเมืองกาญจนบุรี เราตรงขึ้น ถนนหมายเลข 323 ทางขึ้นเนินและเขาเป็นบางช่วง เป็นการวัดพละกำลังรถและกำลังคนไปตามๆกัน เพราะอากาศก็หนาวๆ รถก็มีอายุแล้ว ตี2 โดยประมาณ ถนน นี่เรียกได้ว่า โครตโล่ง ขี่เกาะกลุ่มกันไปเรื่อยๆ แวะพักบ้าง ใกล้ถึงแล้วเว้ย เสียงจากคนในกลุ่ม ซึ่งรถแมร่งน้ำมันกำลังจะหมด บันเทิงหละพวก ก่อนจะถึงสถานีรถไฟน้ำตก ถ้าจำไม่ผิดมันจะมีปั้มเว้ย ว่าแล้วพวกเราก็ขี่กันมาเรื่อยๆ ปั้มอะมีแต่ที่ไม่มีคือคนเติมน้ำมัน โอ้โห้พะโล้จ้า(เสียงอุทาน) เสียงจากเพื่อนซึ่งน้ำมันรถมันได้หมดลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้วหละ ยันรถไปก่อนแล้วกันเด๋วพรุ่งนี้ตื่นค่อยมาเติม เดชะบุญมันไม่ไกลมาก เรามาถึงแล้วเว้ยยยยย เกือบตี3ครึ่ง อย่ารอช้า หาที่นอนดิวะ นอนไหน? นอนป้ายรถเมย์ตื่นเช้ามาก็กลัวชาวบ้านจะแตกตื่น งั้นนอนบนสถานีรถไฟไทรโยคหละกัน มีลานกว้างๆพอกางเต็นท์ได้ ลงมือคนละไม้คนละมือ เสร็จปุ๊ปกระโดดเข้าเต็นท์ นอนหลับฝันดี แต่ก่อนที่จะหลับ โครตปวดหลังเลยเว้ยยยย นั่งมอไซต์นานไปหน่อย แต่เอาวะเพื่อความมันส์  ที่สำคัญฟันไม่แปรง นอนมันแบบดิบๆนี่หละวะ วิถีฮิปสะเตอรรรรรร์


ุ(ถนนเป็นของเรา ไชโย)

Day 2
6หรือ7โมงเข้า ผมจำไม่ได้ แต่มีความรู้สึกว่า ไมมันไวอย่างงี้วะ เสียงเพื่อน ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา ตื่นเว้ยๆๆๆ เออตื่นแล้ว ไปฟิตกันมาจากไหนกันวะ(คิดในใจ) ผมจัดการเก็บเต็นท์ มองหาห้องน้ำ แถวนั้นไม่ต้องกลัวที่อาบน้ำ ห้องสุขา เพรียบ จัดการธุระตัวเองเรียบร้อย เพื่อนก็ไปเติมน้ำมันกันมาเรียบร้อย แบกเป้ ผูกเต็นท์ เดินทางต่อกันเลย


(น้ำมันพร้อม คนพร้อม ไปกันต่อ)



(คนโสดจะตายทันที เมื่อเห็นไอ้คนที่มาเป็นคู่มันสวีทกัน หื้ออออ)

เช้านี้เราออกจากน้ำตกไทรโยค มุ่งหน้าสู่เหมืองเก่า ปิล็อค อากาศช่วงเช้าๆดีไม่ใช่น้อย ระหว่างทางเห็นแปลงปลูกสตรอเบอร์รี่บ้างประปราย คงฟิวเหมือนประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปพร้อมกับเก็บกินสตรอเบอร์รี่กันแบบสดๆ แต่ที่ต่างกันตรงที่ว่า นี่มันเมืองกาญฯนะเว้ย แดดนี่โครตร้อน สตรอเบอร์รี่มันก็เก่งจริงๆที่ขึ้นได้ เช้านี้เราแวะร้านอาหารริมทางสไตล์แบบครอบครัวๆ เป็นลูกค้ากลุ่มแรกของร้าน เข้าไปถึงสั่งกระเพราหมูไข่ดาว 11 จานรวด ตอน 8โมงกว่าๆ เรียกได้ว่า แม่ค้าแทบจะป้ากระทะใส่เลยทีเดียว
อิ่มท้องแล้วก็พร้อมลุย คราวนี้ซัดกันยาวๆยันแยกที่จะแยกไป อ.สังขละบุรี ก่อนถึงแยก มีปั้ม ปตท.อยู่ปั้มเดียวเท่านั้น ที่รวมศูนย์ความเจริญก่อนขึ้นไปลุยตามโชคชะตา เราเติมน้ำมันกันเต็มถัง ใส่ถังแกรอนอีกคนละแกรอน ที่นี่คับคั่งไปด้วยชาวไบเกอร์เป็นอย่างมาก เจอรถรุ่น The ของกลุ่มเราไป อึ้งอะดิ แมร่งมาถึงได้ไงวะ 55


(แปลงสตรอเบอร์รี่ กาญจนบุรี)

เที่ยงตรง มุ่งหน้าสู่ ปิล็อค ระยะทางช่วงนี้ขึ้นเขายาวๆ รถที่แรกๆตามๆกันมาเริ่มหายไปเลื่อยๆ เหลือกลุ่มเราเพียงกลุ่มเดียว ขี่กันมาได้พักใหญ่ ได้ยินเสียง เฮ้ย!รถกูท่อหลุดวะ ท่อหลุดดดดดดดดด โห้แมร่งงานมาอีกแล้วยิ้มง จัดการหาที่จอดข้างทาง เอาสายยางรัดท่อให้แน่น ท่อนี่สั่นพรั่บๆ ถ้าท่อมันพูดได้ คงตะโกนออกมาแล้วว่า กูเหนื่อยเว้ยยยย กูแก่แล้วนะ ฯลฯ ใช้ระยะเวลาอยู่พักใหญ่ จัดการมัดเจ้าท่อเรียบร้อย ก็ลุยกันต่อ ประมาณ 4โมงเรามาถึงอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ คนอย่างเยอะ ไม่รู้ว่าไปอดยากการเที่ยวอุทยานฯ กันมาจากไหน อย่างว่าหละ มนุษย์สุดท้ายก็โหยหาธรรมชาติทุกคน หลังจากตกลงกันว่า เด๋วเราขึ้นไปปิล็อคก่อนแล้วค่อยลงมากางเต็นท์ข้างล่าง หนทางขึ้นปิล็อคนี่เรียกได้ว่า ถ้าเผลอหลับก็พร้อมพุ่งลงเหวไปเลย ถนนบ้างช่วงดีบ้างช่วงยังเป็นหินกรวด หนาๆล้มไปมีเลือดแน่นอน ขึ้นเขาล้วนๆ เพราะปิล็อคนั้นเหมือนกับเป็นที่ตั้งอยู่ในหุบเขา ใช้ระยะเวลาประมาณ40 นาทีเราก็มาถึงปิล็อคแล้วคร้าบบบบบ ระหว่างทางด้วยมอไซค์ที่เราทำตระกร้าหน้าโดยใช้ถังพลาสติกมาทำเอาไว้เก็บอุปกรณ์ พอเจอถนนหินกรวดเข้าไป อะไหล่ ปะแจ้ แกรอนน้ำมันขนาดเล็ก แมร่งกระเด็นกระโด๊นตลอดทาง เล่นเอาผมซึ่งเป็นคนซ้อนต้องวิ่งตามไปเก็บอยู่เป็นระยะๆ  


(ท่อคงอยากจะบอกว่า ตรูเหนื่อยนะเว้ยยย)


(ขอทำก่อนแปร๊บ เด๋วไปกันต่อ)


(พร้อมแล้ว Go tooooo ปิล็อค)

เหมืองเก่าแห่งนี้ ปัจจุบันไม่ได้เป็นเหมืองแล้ว กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเสียมากกว่า มีคนมากางเต็นท์นอน มีร้านขายขนม ก๋วยเตี๋ยว อยู่บ้าง ไม่ต้องกลัวหิว น้ำไฟเข้าถึง ขึ้นมาเสร็จกินน้ำกินก๋วยเตี๋ยวแล้วลงไปกันดีกว่า เด๋วที่ข้างล่างจะเต็ม ผมได้แต่ จ๊ะเอาไงก็ว่ากัน อยากจะด่ามันเหมือนกันว่า ยิ้มไม่ให้เวลากูเสพธรรมชาติ เสพวิถีชีวิตของ ที่ปิล็อค นี่หน่อยหรอ แต่อย่างว่า คนข้างล่างก็เยอะจริง ถ้าไปช้าเด๋วจะได้นอนกันริมถนนเป็นแน่แท้ ลงมาถึงอุทยานฯ มหกรรมการจองที่ก็เริ่มขึ้น โซนใกล้ของกินเต็ม โซนที่สามารถไปเข้าห้องน้ำได้เต็ม เต็มๆๆๆๆๆๆๆ ตายหละ เอาหวะ เหลือโซนหน้าป้ายติดถนน เนี่ยแหละ จัดแมร่งเลย และเราก็ได้ที่นั้นมาครอบครอง เป็นอาณาจักรเล็กๆที่แวดล้อมไปด้วยเสียงกรน55


(ถนน มันส์ใช้ได้เลย)


ตอนมืดเนี่ยแหละ ของจริง อากาศกลางหุบเขานี่ อย่างหนาวววววววว ต้องฝืนใจอาบน้ำ เพราะเมื่อวาน เน่าไปแล้ว มื้อนี้ดีหน่อยเจอเพื่อนของเพื่อน แมร่งเตรียมของกิน ปิ้งย่างมาเต็ม เลยขอแชร์ค่าใช้จ่ายและกินด้วย หวานปากเลยทีเดียว เรียกว่ากินกันชนิดเพื่อนของเพื่อนคงอยากจะเลิกครบกับพวกผมเลยแหละ แต่มิตรภาพย่อมเกิดจากการเดินทางเสมอ55 ปิดท้ายค่ำคืนนั้นด้วยการบอกว่า ขอบคุณนะ พร้อมกับฝากบอกว่า ว่านเก็บที ตรูไปหละ!! นิสัยแมร่งโครตน่าคบ


(มหกรรมการหาที่นอนท่ามกลางธรรมชาติ)


-------------ยังมีอะไรมันส์ๆอีกเพียบ สมาชิกท่านใดอยากอ่านต่อ เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ฮะ------------------

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่