สวัสดีครับ เนื่องจากผมได้เรียนวิชาพุทธศาสนาจากโรงเรียน (ผมไม่ได้นับถือพุทธนะครับ) ซึ่งได้มีการสอนเรื่อง ศีล 5
เริ่มจากศีลข้อที่ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการฆ่าสัตว์มีชีวิต
ผมสงสัยประเด็นหนึ่งขึ้นมาคือ มนุษย์ที่กินเนื้อสัตว์นั้น ถึงจะไม่ได้ฆ่าเอง ผิดศีลหรือเปล่า คุณครูท่านตอบว่า ไม่ผิด เพราะเราไม่ได้เป็นคนฆ่า
แต่ว่า ถึงเราไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่เราก็รู้อยู่แก่ใจว่า สัตว์นั้นเคยมีชีวิต แล้วเราก็มีเจตนาที่จะบริโภคมัน
นั่นก็หมายความว่า เรามีเจตนาให้สัตว์บางตัวต้องตาย เพื่อมาเป็นอาหารให้เรา จริงอยู่ว่าไม่ได้ไปสั่งให้ใครฆ่า แต่เราก็ยังซื้อเนื้อสัตว์มากิน
และการซื้อขายเนื้อสัตว์ เป็นการกระตุ้นให้เกิดการฆ่าเพื่อเอามาขาย แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นความพยายามจากเจตนาหรือ?
คุณครูก็ตอบเพียงแค่ว่า เอาเป็นว่า เราไม่ได้มีเจตนาฆ่าจากความสนุกหรือความโกรธ เราเพียงต้องการบริโภคเพื่อชีวิตเราเท่านั้น จึงไม่ผิดศีล
ผมก็สงสัยว่า เจตนาบริโภค มันก็คือการเบียดเบียนชีวิตอื่นเพื่อยืดชีวิตเราอยู่ดีไม่ใช่หรอ คุณครูก็ตอบด้วยคำเดิมว่าไม่ผิด แต่ก็ไม่อธิบายให้เคลียร์
แล้วผมก็ถามต่อว่า ถ้าแบบนี้ มันจะไม่ยุติธรรมกับคนที่เขาทำงานในโรงฆ่าสัตว์ไปหน่อยหรือครับ เพราะเขาก็เหมือนคนที่เสียสละ
ยอมผิดศีล เพื่อให้คนอื่นได้บริโภคเนื้อสัตว์โดยไม่ผิดศีล คุณครูก็ตอบว่า ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาอีกนั่นแหละ ถ้าเขาทำเพราะมันเป็นอาชีพ มันจำเป็น
ก็ไม่ผิดศีล ผมก็เลยสงสัยว่า ถ้ามันเป็นอาชีพ รับจ้างฆ่าสัตว์ มันจะต่างอะไรกับอาชีพมือปืนรับจ้างฆ่าคน
แล้วก็วนกลับมาที่ การฆ่าด้วยความโกรธแค้นเกลียดชัง กับเพื่อการบริโภคมันต่างกัน... ผมก็ไม่เคลียร์อยู่ดี
คุณครูก็บอกผมว่า ถ้าเธอกลัวว่าจะผิดศีล สนใจหันมาบริโภคแต่ผักไหมล่ะ ผมก็ตอบไปว่า ไม่เป็นไรครับ ผมไม่กลัวผิดศีลหรอก ผมแค่สงสัยเท่านั้นเอง
แต่พอคุณครูพูดเรื่องผักขึ้นมา ทำให้ผมสงสัยอีกเรื่องหนึ่ง คือ พืชผักก็มีชีวิต มีความรู้สึก แค่กรีดร้องไม่ได้ การนำมาบริโภคก็ทำให้มันตาย
ไม่ผิดศีลหรือครับ คุณครูตอบว่า ศีลบอกไว้ว่า "ห้ามฆ่าสัตว์" เท่านั้นจ้ะ
ไม่ยุติธรรมกับสิ่งมีชีวิตอื่นเลยแฮะ = ="
เอาเป็นว่า ผมอยากได้คำอธิบายเพิ่มครับ ว่าทำไมการบริโภคเนื้อสัตว์ถึงไม่ผิดศีล ผมรู้ว่าเหตุและผลค่อนข้างกำกวม
ถ้าผมทำผิดพลาดหรือไปลบหลู่อะไรก็ขออภัยด้วยนะครับ
อ่อ ผมบริโภคเนื้อสัตว์ตามปกตินะครับ ผมแค่ถามหาเหตุผลเพื่อทำความเข้าใจคำสอนของศาสนาเท่านั้นครับ ขอบคุณครับ
มีข้อสงสัยเกี่ยวกับศีลข้อ 1 ของศาสนาพุทธครับ
เริ่มจากศีลข้อที่ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการฆ่าสัตว์มีชีวิต
ผมสงสัยประเด็นหนึ่งขึ้นมาคือ มนุษย์ที่กินเนื้อสัตว์นั้น ถึงจะไม่ได้ฆ่าเอง ผิดศีลหรือเปล่า คุณครูท่านตอบว่า ไม่ผิด เพราะเราไม่ได้เป็นคนฆ่า
แต่ว่า ถึงเราไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่เราก็รู้อยู่แก่ใจว่า สัตว์นั้นเคยมีชีวิต แล้วเราก็มีเจตนาที่จะบริโภคมัน
นั่นก็หมายความว่า เรามีเจตนาให้สัตว์บางตัวต้องตาย เพื่อมาเป็นอาหารให้เรา จริงอยู่ว่าไม่ได้ไปสั่งให้ใครฆ่า แต่เราก็ยังซื้อเนื้อสัตว์มากิน
และการซื้อขายเนื้อสัตว์ เป็นการกระตุ้นให้เกิดการฆ่าเพื่อเอามาขาย แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นความพยายามจากเจตนาหรือ?
คุณครูก็ตอบเพียงแค่ว่า เอาเป็นว่า เราไม่ได้มีเจตนาฆ่าจากความสนุกหรือความโกรธ เราเพียงต้องการบริโภคเพื่อชีวิตเราเท่านั้น จึงไม่ผิดศีล
ผมก็สงสัยว่า เจตนาบริโภค มันก็คือการเบียดเบียนชีวิตอื่นเพื่อยืดชีวิตเราอยู่ดีไม่ใช่หรอ คุณครูก็ตอบด้วยคำเดิมว่าไม่ผิด แต่ก็ไม่อธิบายให้เคลียร์
แล้วผมก็ถามต่อว่า ถ้าแบบนี้ มันจะไม่ยุติธรรมกับคนที่เขาทำงานในโรงฆ่าสัตว์ไปหน่อยหรือครับ เพราะเขาก็เหมือนคนที่เสียสละ
ยอมผิดศีล เพื่อให้คนอื่นได้บริโภคเนื้อสัตว์โดยไม่ผิดศีล คุณครูก็ตอบว่า ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาอีกนั่นแหละ ถ้าเขาทำเพราะมันเป็นอาชีพ มันจำเป็น
ก็ไม่ผิดศีล ผมก็เลยสงสัยว่า ถ้ามันเป็นอาชีพ รับจ้างฆ่าสัตว์ มันจะต่างอะไรกับอาชีพมือปืนรับจ้างฆ่าคน
แล้วก็วนกลับมาที่ การฆ่าด้วยความโกรธแค้นเกลียดชัง กับเพื่อการบริโภคมันต่างกัน... ผมก็ไม่เคลียร์อยู่ดี
คุณครูก็บอกผมว่า ถ้าเธอกลัวว่าจะผิดศีล สนใจหันมาบริโภคแต่ผักไหมล่ะ ผมก็ตอบไปว่า ไม่เป็นไรครับ ผมไม่กลัวผิดศีลหรอก ผมแค่สงสัยเท่านั้นเอง
แต่พอคุณครูพูดเรื่องผักขึ้นมา ทำให้ผมสงสัยอีกเรื่องหนึ่ง คือ พืชผักก็มีชีวิต มีความรู้สึก แค่กรีดร้องไม่ได้ การนำมาบริโภคก็ทำให้มันตาย
ไม่ผิดศีลหรือครับ คุณครูตอบว่า ศีลบอกไว้ว่า "ห้ามฆ่าสัตว์" เท่านั้นจ้ะ
ไม่ยุติธรรมกับสิ่งมีชีวิตอื่นเลยแฮะ = ="
เอาเป็นว่า ผมอยากได้คำอธิบายเพิ่มครับ ว่าทำไมการบริโภคเนื้อสัตว์ถึงไม่ผิดศีล ผมรู้ว่าเหตุและผลค่อนข้างกำกวม
ถ้าผมทำผิดพลาดหรือไปลบหลู่อะไรก็ขออภัยด้วยนะครับ
อ่อ ผมบริโภคเนื้อสัตว์ตามปกตินะครับ ผมแค่ถามหาเหตุผลเพื่อทำความเข้าใจคำสอนของศาสนาเท่านั้นครับ ขอบคุณครับ