🇨🇳-- คัง-หย่ง-เฉียน ความรุ่งเรืองแห่งต้าชิง --🇨🇳

กระทู้คำถาม
คัง-หย่ง-เฉียน ยุครุ่งเรื่องแห่งต้าชิง

ในกระทู้นี้จะกล่าวถึง 1 ในยุครุ่งเรืองของต้าชิง คือยุคของฮ่องเต้หย่งเจิ้งผู้วางรากฐานให้แก่จักรพรรดิ์เฉียนหลง

คนไทยจะรู้จักฮ่องเต้หย่งเจิ้นจากบทบาทองค์ชาย 4 ที่ต้องห่ำหั่นชิงบัลลังกับพี่น้องร่วมสายโลหิต

series หนังจีนศึกสายเลือด


เนื้อเรื่องคร่าวๆ
- องค์ชายสี่ ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ์หย่งเจิ้นเพราะฆ่าฮ่องเต้คังซีและปลอมแปลงราชองค์การเพื่อขึ้นเป็นฮ่องเต้ซะเอง
- องค์ชายสิบสี่ ผู้ที่เป็นรัชทายาทตัวจริงตามราชองค์การที่ฮ่องเต้คังซีร่างไว้

ข้อขัดแย้งของนักประวัติศาสตร์

แต่ย้อนหลังมานักประวัติศาสตร์ ไม่เชื่อว่าจะมีการปลอมแปลงราชโองการได้ เนื่องจาก ภาษาจีนในยุคนั้น น่าจะมีการกำกับด้วยภาษาแมนจู ซึ่งปลอมแปลงได้ยาก

14 十四 → shísì ไปเป็น 4 于四 → yúsì หรือ 第四 → dìsì

แต่ถ้าจะว่ากันตามหลักฐานจริงๆก็ยากที่จะเชื่อ เพราะในสมัยชิงนั้นตัวอักษร 于 นั้น ใช้กันน้อยเหลือเกิน

คังซีเป็นฮ่องเต้ที่มีความสามารถ และครองราชย์อย่างยาวนาน มีโอรสหลายองค์ ทำให้ปลายรัชสมัย ก็มีความกังวลว่าบุตรจะแย่งชิงราชบัลลังก์กัน

ก่อนที่องค์คังซีจะสิ้นพระชนม์ ไดเรียกให้องค์ชายสี่ผู้ที่พระองค์หมายมั่นว่าจะให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไปขึ้นเฝ้า โดยได้สั่งเสียไว้ก่อนสิ้นพระชมน์ในสิ่งที่พระองค์ยังทรงเป็นห่วง คือ

1. ให้พี่น้องรักใคร่ ปรองดองกัน
2. ให้ดำเนินการปฎิรูปให้สำเร็จด้วย

การปฎิรูปในที่นี้คือ การสร้างระบบเก็บภาษีอากรแบบใหม่เนื่องจากในรัชสมัยของคังซี ท้องพระคลังมีเงินลดลงจนอยู่ในขั้นวิกฤต จนต้องมีราชองค์การให้องค์ชายสี่ (หย่งเจิ้น) เป็นคนจัดเก็บเงินกู้ที่ทั้งเชื้อพระวงศ์และข้าราชการที่กู้เงินจากท้องพระคลังไป

ในรัชสมัยของคังซีได้มีการตั้งแต่องค์รัชทายาทขึ้น ก็คือองค์ชายสอง ซึ่งต่อมาก็ถูกปลดเนื่องจากมีความประพฤติที่ไม่เหมาะสม และคังซีมีราชประสงค์ที่จะปกปิดชื่อขององค์ชายที่ทรงจะแต่ตั้งขึ้นเป็นรัชทายาท เพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างเหล่าองค์ชาย โดยราชองค์การแต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่นี้ถูกร่างไว้โดยมี หลงเค้อตัว ถูกเลือกไว้ให้เป็นผู้นำราชองค์การนี้ไปประกาศเมื่อองค์คังซีสวรรคต

ในสมัยกลางค่อนปลายของรัชกาลคังซี (ค.ศ. 1704) แม่น้ำฮวงโหเกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้น ประชาชนประสบกับความลำบากอย่างแสนสาหัส องค์คังซีจึงมีราชโองการให้องค์ชายสี่ และองค์ชายสิบสามเป็นผู้แทนพระองค์ ลงไปช่วยชาวใต้ผู้ซึงประสบกับวาตภัยครั้งนี้

แต่ปัญหาที่สำคัญก็คือท้องพระคลังในตอนนั้นแทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เนื่องจากถูกให้ยืมแก่มณฑลต่างๆ และเหล่าขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ องค์ชายสี่จึงได้รับหน้าที่ในการจัดท้วงหนี้เหล่านี้ให้คืนมาด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่แม้จะต้องขัดแย้งกับเหล่าผู้มีอิทธิพลในสมัยนั้น แต่ก็ดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม ภายหลังจึงได้รับการเลื่อนขึ้นให้เป็นอ๋องหย่งเจิ้น

คังซีมองเห็นว่าราชสำนักมีเงินในท้องพระคลังไม่พอเพียง จะต้องทำการปฎิรูประบบการจัดเก็บรายได้ใหม่ แต่การปฏิรูปนี้มิได้เกิดขึ้นทันในสมัยคังซี หน้าที่นี้จึงได้ถูกมอบหมายให้หย่งเจิ้นเป็นผู้สานต่อ

เนื่องจากการในระบบการจัดเก็บภาษีของราชสำนักเดิมนั้นผู้เสียภาษีส่วนใหญ่คือ ราษฎรทั่วไป แต่เหล่าบัณฑิตและขุนนางนั้นไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งหย่งเจิ้นมองว่า ขุนนางควรจะเสียภาษีด้วย หย่งเจิ้น ไม่เป็นที่ชอบ พอใจของขุนนางในยุคนั้นมากนัก เนื่องจากการปกครองที่เข้มงวด ทำให้ขุนนางใส่ร้ายว่าปลอมแปลงราชโองการ

อีกข้อหนึ่ง ช่วงก่อนที่องค์คังซีจะสววรคตนั้นองค์ชายสิบสี่(หยิ่งถี้) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพควบคุมกองกำลังที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ นักประวัติศาตร์บ้างท่านได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า การส่งองค์ชายสิบสี่ไปเป็นแม่ทัพในครั้งนี้เพื่อต้องการฝึกฝนองค์ชายสิบสี่เพื่อต่อไปจะได้ขี้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป หรือในทางตรงกันข้าม เพื่อให้องค์ชายสี่(หย่งเจิ้น) ขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างสะดวก จึงส่งองค์ชายสิบสี่ไปเป็นแม่ทัพในที่ที่ห่างไกลจากปักกิ่ง

ในด้านการบริหารรัชสมัยหย่งเจิ้ง

สมัยหย่งเจิ้นครองราชย์ใหม่ๆ มีเงินคงคลังแค่ 5 ล้านตำลึง ก็การทำสงครามที่ซีเป่ยกับพวกมองโกล เหนียนเกินเหยา ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่บอกว่าต้องใช้เงินถึง 10 ล้านตำลึง กองทัพสามแสนคน ถึงจะอยู่ได้

ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง จึงปฏิวัติระบบการเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า ใครมีที่นามาก เสียมากมีน้อยเสียน้อย เร่งปราบขุนนางที่ฉ้อฉล เก็บหนี้หลวงมาคืนคลัง ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่เป็นตาของฮ่องเต้เอง จนกระทั่งได้ชัยชนะที่ซีเป่ย ราชวงศ์ชิงในสมัยนั้นจึงสงบสุข ว่ากันว่า ช่วงรอยต่อจักรพรรดิหย่งเจิ้งกับจักรพรรดิเฉียนหลง มีเงินในท้องพระคลังถึง 50 ล้านตำลึง

รัชกาลของฮ่องเต้หย่งเจิ้งนั้นไม่นานเนื่องจากเพียง 12 ปี 285 วัน การสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน

โดยมีสาเหตุคล้ายกับการสิ้นพระชนม์ของจิ๋นซีอ่องเต้  ส่วนสาเหตุที่มีคนคาดเดาก็มีจากหลากหลายที่มาทั้งเรื่องทรงงานหนัก

หรือจะถูกลอบปลงพระชนม์ จากกลุ่มขุนนางที่เสียประโยชน์จากการกวดขันในการบริหารของพระองค์

อีกหนึ่ง series ที่เล่าถึงในมุมความรักของฮ่องเต้หย่งเจิ้ง กับหญิงที่เดินทางข้ามเวลาจากอนาคต

Bu Bu Jing Xin

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
- สาเหตุหลักๆที่ทำให้ราชวงศ์ชิงสามารถปกครองชาวฮั่นได้ยาวนาน เพราะความเอาใจใส่และเรียนรู้ความผิดพลาดของราชวงศ์หยวน
ฮ่องเต้หย่งเจิ้งถือได้ว่าเป็นผู้วางรากฐานความเจริญให้กับยุครุ่งเรืองที่สุดคือยุคเฉินหลง (หลังจากนั้นก็เข้าสู่ยุคเสื่อมถอยจากปัจจัยหลายอย่างรวมทั้งจากเฉินหลงเอง)

* มีคำประโยคนึงจากตอนจบในหนังจีนอุ้ยเสี่ยวป้อที่กล่าวกับแม่ชี ( องค์หญิงของราชวงศ์หมิง ) ก่อนที่กำลังจะลงมือสังหารคังซี

อุ้ยเสี่ยวป้อได้ถามแม่ชีว่าถ้าสังหารคังซีแล้วเรื่องจะจบไหม ราชวงศ์หมิงจะกลับมาปกครองไหม แล้วจะปกครองได้ดีเท่ากับคังซีไหม

หรือจะได้แมนจูคนใหม่แทนคังซีที่เลวร้ายกว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการคือความกินดีอยู่ดี

ไม่ต้องรบราฆ่าฝัน ดังนั้นฮ่องเต้ที่ดีไม่สำคัญว่าจะมาจากไหน แต่คือคนที่ใส่ใจทุกข์สุขของประชาชน


ขอบคุณ credit
คุณ ต็กโกวคิ้วป้าย pantip
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=398892
http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=40520.0
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
กระทู้ถูกใจ มารออ่านเพิ่มความรู้ค่ะ โอปป้าโอปป้าโอปป้า


ตอนแรกรู้จักแค่เฉียนหลงฮ่องเต้องค์เดียว เพราะถูกนำมาสร้างเป็นหนังบ่อยสุด มักจะรับบทเป็นฮ่องเต้เจ้าสำราญ เป็นยุคที่ราชวงศ์ชิงรุ่งเรื่อง

ต่อมาค่อยรู้ว่าเริ่มมาตั้งแต่ยุคคังซี (ปู่ของเฉียนหลง) ที่วางรากฐานไว้ คัง-หย่ง-เฉียน จึงเป็นยุคทองของต้าชิงจริงๆ

คังซี ---> หย่งเจิ้ง ---> เฉียนหลง




คังซี
ปรีชาสามารถตั้งแต่ยังเด็ก แต่ช่วงนั้นราชวงศ์ชิงยังลำบากอยู่เพราะต้องรับมือกับชาวฮั่นบางส่วนที่ต้องการกู้ราชวงศ์หมิง และยังมีกบฏหลายครั้ง เหมือนเป็นยุคก่อร่างสร้างตัวอีกครั้ง จุดเด่นคือทรงศึกษาความผิดพลาดของพวกมองโกล เช่น ในช่วงที่มองโกลปกครองชาวฮั่นที่ใช้ไม้แข็งแล้วถูกต่อต้าน จึงเปลี่ยนจากการใช้ไม้แข็งเป็นไม้อ่อน เกลี้ยกล่อมให้พวกนักปราชญ์ที่หนีภัยกลับมารับราชการใหม่ เน้นสร้างสัมพันธไมตรีแว่นแคว้นต่างๆ และฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรม

หย่งเจิ้ง
ทรงงานหนัก ปฏิรูปการปกครอง ล้างบางพวกฉ้อราษฎร์บังหลวง จัดการระบบภาษี หาเงินเข้าท้องพระคลัง

เฉียนหลง
เข้ายุครุ่งเรือง เฟื่องฟู ขยายอาณาเขตแมนจู คบหาต่างชาติแต่เข้มงวด รักษาผลประโยชน์ของชาติ มีการทำสารานุกรมซึ่งถือเป็นมรดกโลกชิ้นหนึ่ง


สรุปว่าบ้านเมืองจะเป็นปึกแผ่นรุ่งเรือง ผู้ปกครองต้องปรีชาสามารถ รู้จักเรียนรู้ข้อผิดพลาดในอดีต และต้องกำจัดพวกขุนนางกังฉิน คอรัปชั่น กดขี่ประชาชน


ขยายความประเด็นที่พี่วัชรานนท์ถามเรื่องหย่งเจิ้งสลับลูกตัวเองกับอำมาตย์ แต่ไม่ทราบข้อสรุปจริงๆ เหมือนกัน ต้องรอผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์มาตอบ

เท่าที่อ่านมา เป็นประมาณนี้ค่ะ

ว่ากันว่า ตอนคังซีมองหาตัวรัชทายาท ไม่ได้มองแค่รุ่นลูก แต่มองไปถึงรุ่นหลานด้วย ตอนนั้นหย่งเจิ้งที่เป็นองค์ชาย 4 ถือเป็นตัวเต็ง แถมพระชายาก็ตั้งครรภ์อยู่ หากได้ลูกชาย โอกาสจะได้เป็นรัชทายาทก็สูงมาก แต่ชายากลับคลอดมาเป็นลูกสาว หย่งเจิ้งเลยปรึกษาอำมาตย์ "เฉินหยวนหลง" ซึ่งมีเมียที่คลอดลูกออกมาในเวลาใกล้เคียงกันแต่เป็นบุตรชาย แล้วก็สลับตัวกัน เด็กชายนั้นก็คือองค์ชาย "หงลี่" หรือคือ เฉียนหลง นั่นเอง

เฉียนหลงมีแววเฉลียวฉลาดตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ปู่ คือจักรพรรดิ์คังซีโปรดปรานมาก พอหย่งเจิ้งขึ้นครองราชย์ เฉินหยวนหลงก็ลากลับไปพำนักที่บ้านเกิด

ต่อมาหย่งเจิ้งรู้สึกผิดที่หากเฉียนหลงจะขึ้นครองราชย์ เพราะเป็นเชื้อสายฮั่นไม่ใช่แมนจูแท้ๆ ก็เลยส่งเฉียนหลงไปทำภารกิจแดนใต้ แล้วส่งคนไปลอบสังหาร โดยเดิมพันกับฟ้าดินว่า หากเฉียนหลงรอดกลับมาได้ก็ถือว่าฟ้าดินต้องการให้เฉียนหลงได้เป็นฮ่องเต้ ก็ปรากฏว่าเฉียนหลงรอดกลับมาจริงๆ และยังได้รู้ชาติกำเนิดตน หลังจากนั้นมา เฉียนหลงก็เดินทางไปเที่ยวแดนใต้ (กังหนำ) บ้านเกิดของเฉินหยวนหลงบ่อยๆ




แต่เขาบอกว่ามันเป็นตำนานน่ะค่ะ เพราะไม่มีหลักฐานชี้ชัดเจน และหย่งเจิ้งไม่น่ายอมให้สลับตัวกับสายเลือดฮั่นตั้งแต่แรก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่