ขายของเหมือนกันแต่ถูกคู่แข่งขอให้เลิกขายทั้งที่เราขายมาก่อน

เราเปิดร้านขายน้ำ เริ่มแรกเราขายในบ้าน แต่พอดีน้าเราทำห้องแถว เราเลยบอกให้น้าทำให้เรา 1 ห้อง ที่เหลือน้าก่เปิดให้เช่า เราเปิดขายร้านแรก น้ายกของที่น้าขายให้เรามาขายเอง (ลืมบอกว่าเป็นปั้มน้ำมัน) ก็จะมี ตู้แช่เครื่องดื่มและขนมต่างๆ ส่วนเราก็เอาของที่เราขายในบ้านมาตั้งขาย ก็จะมี ชาไข่มุก น้ำแข็งใส  ไก่ป็อบ น้ำผลไม้ปั่น และกาแฟสำเร็จรูปของเนสกาแฟ  รับพิมงาน ปริ้นงาน ถ่ายเอกสาร (ทำทุกอย้างจริงๆ) ขายมาได้ 1 เดือน ก็มีคนหมู่บ้านใกล้ๆเขาเอากาแฟสดมาขาย เขาเลือกที่จะเช่า 2 ห้อง ห้องแถวมีทั้งหมด 4 ห้อง  เราห้องแรก พี่เขาเอา 2 ห้องกลาง อีกห้องถัดจากของพี่เขาเป็นส้มตำไก่ย่าง เราก็ไม่ได้คิดอะไรมากและไม่คิดว่ามันจะเกิดปัญหาตามมา เรื่องมีอยู่ว่า แรกๆร้านของเราก็ธรรมดาๆ เพราะเราอาศัยทุกอย่างทำเอง เพื่อลดต้นทุน ของเขาเป็นเฟรนไชน์ ซึ่งเราสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว พอเขามาเปิดร้าน ลูกค้าเราหายไปซื้อร้านเขาเกือบหมด แต่เราก็ไม่ท้อนะ ก่เลยคิดพัฒนาร้านให้มันดูดีขึ้น (อาศัยสามีช่วยทำให้ทั้งนั้น ลดต้นทุตตามเคย)จากโต๊ะธรรมดาเราก็ดัดแปลงทำเป็นเคาเตอร์สวยๆ อุปกรณ์เครื่องมือที่เราเคยมีเราก็เอาออกมาใช่ ของขึ้นชื่อร้านเราคือ ไก้ป็อบ ขายหมดทุกวัน จนลูกค้ามารอซื้อ น้ำเป็นเรื่องรองไปเลยแต่ก็ขายได้ระดับหนึ่งเพราะลูกค้าของเราเป็นเด็กๆ คือเราทำทุกอย่างเองหมดเลย ทำป็อบครอนขาย วาฟเฟิล เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ซื้อ  แล้วเราก็พัฒนากาแฟให้ดีขึ้นจากกาแฟที่เป็น 3 อิน 1 เราก็เป็นเครื่องชงกาแฟของเนสกาแฟ (ส่วนน้อยที่ขายได้) เพื่อให้ดูดีขึ้น แต่ร้านข้างๆกลับไม่พอใจ ไม่บอกน้าเราว่าเราขายของซ้ำเขา น้าเราก็อยากให้อยู่ด้วยกันได้อย่างพี่น้อง เขาอยากให้เราเลิกขายกาแฟ คือพูดไม่ออกเลยงะ เราเลือกลงทุนน้อย พัฒนาสินค้าตลอดเวลาลูกค้าจะได้ไม่เบื่อ ร้านเขาเอาอะไรไม่ได้ขายสักพักก็เลิกขาย (ทั้งๆทีลูกค้าบางคนยังซื้ออยู่) คือร้านเขาขายอะไรไม่ได้ก็เลิกขาย เน้นขายกาแฟอย่างเดียว ทำเค้กมาขายก็แพงมากชิ้นละ 50 (สำหรับบ้านนอกมันแพงมากเลย)แล้วใครจะมีกำลังซื้อ น้ำร้านเรายังขายแก้วละ 10 บาทเลย(แก้วเล็กสำหรับเด็กๆนะ) เล่าเรื่องยาวหน่อย ตอนนี้ร้านข้างๆเขาบอกว่าเขาไม่ไหวแล้ว ขายได้ไม่เยอะเลย สาเหตุเขาบอกว่า เราขายของเหมือนกับเขา ทั้งที่เราขายก่อน เขามาขอให้เราเลิกขายกาแฟเราจะทำยังไงดี เครียดมาก ยอดขายแต่ละวันก่ไม่เยอะเท่าไหร่ ค่าเช่าก็ต้องจ่ายนะ ไม่ใช่ไม่ได้เช่า เช่าเหมือนกัน ต่างกันที่การลงที่การลงทุนเราเน้นลงทุนน้อย ร้านเขามี 2 ห้อง ห้องหนึ่งจัดโต๊ะให้ลูกค้านั่งกิน ส่วนอีกห้องสำหรับขายติดกับร้านส้มตำ ลูกค้าร้านส้มตำซื้อร้านเขาหมดเลย ไม่ผ่านมาร้านเราสักคนเลย กลางวันนี้อย่าพูดเลยเราไม่ได้ขายสักแก้ว เขาขายได้เป็น 20-30 แก้ว แต่ตอนเย็นเราได้ขายเพราะ รร.เลิก เยอะไม่เยอะแล้วแต่บางวัน เขาขายได้บ้าง ร้านเราเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า ปิดร้าน 18.00-19.00 ร้านเขา เปิด 9.00 บางวัน 10.00 ปิด 17.00 ใครมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้างช่วยแนะนำที