สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวพันทิปทุกท่าน
ก่อนจะเข้าเรื่องก็อยากจะขออนุญาตแนะนำตัวก่อน ผมคือแอดมินเพจ "ตั๋วหนังมันแพง" (ที่โผล่มารีวิวหนังโรงอยู่บ่อยๆน่ะ) ซึ่ง Game of Thrones ก็เป็นหนึ่งในนวนิยาย+ทีวีซีรีย์โปรดของผมเช่นกัน
และหลังจากที่ได้อ่าน A Song of Ice and Fire จนไปถึง Dance of the Dragons เป็นรอบที่สามแล้วก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า "ในจักรวาลของ GOT ยังมีอะไรที่น่าสนุกและน่าสนใจอีกเยอะ" ที่ทีวีซีรีย์ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้เนื่องจากกรอบของเวลา ทำให้ในหลายๆประเด็นนั้นมันดู 'ตื้นเขิน' เกินไป จนน่าเสียดายวัตถุดิบต้นฉบับที่ถูกคิดมาอยากคมคาย ดังนั้นสำหรับบทความ "Tales of Thrones" ของผมนั้นจะขอนำเสนอเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นส่วนที่น่าสนใจมาให้ติดตามอ่านกันครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
EP01 : ที่มาของเพลง The Rain of Castamere
.... หากใครยังจำได้ถึงเพลงที่เป็นสัญญานสังหารหมู่ชาวเหนือซึ่งรวมไปถึงราชาแห่งแดนเหนืออย่าง 'ร็อบ สตาร์ค' และพระมารดาอย่าง 'แคทเธอลีน สตาร์ค' ในเหตุการณ์The Red Wedding กันได้ ก็คงจะนึกภาพออกถึงเสียงเชลโลทุ้มต่ำที่มอบความสิ้นหวังให้แก่เหล่าศัตรูของแลนนิสเตอร์ทั้งหลายออก ซึ่งต้นกำเนิดเพลงนี้ก็มีที่มาที่ไปที่สุดแสนอลังการเหลือเกิน

ท้าวความไปถึงสมัยที่แดนตะวันตกอยู่ภายใต้การปกครองของ 'ลอร์ด ไททอส แลนนิสเตอร์', บิดาของไทวิน แลนนิสเตอร์ ซึ่งมีสมยาว่าเป็นผู้ปกครองที่มากด้วยเมตตา (ผิดกับลูกชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเยือกเย็นและความโหดเหี้ยม)
แต่อะไรที่มากไปก็ย่อมไม่ดี ด้วยความเมตตาและนิสัยที่ไม่เด็ดขาดของลอร์ดไททอสนั้นทำให้บรรดาลอร์ดและบริวารทั้งหลายต่างเริ่มมองว่าผู้นำของตนนั้น 'อ่อนแอ' และเริ่มมีการแข็งข้อ ... ซึ่งแกนนำการกบฏแข็งข้อก็คือตระกูลเรน (Reyne) แห่งปราสาทคาสตาเมียร์ (Castamere) นั่นเอง
ขอขยายความอีกนิด ในบรรดาตระกูลทั้งหลายที่ตั้งรกรากอยู่ในแดนตะวันตกนั้น ล้วนก็สืบทอดเชื้อสายมาจากต้นตระกูลอย่าง แลนน์ผู้ปราดเปรื่อง (Lann the Clever) ที่แย่งชิงปราสาทศิลาคาสเตอลี(Casterly Rock) มาจากตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งแห่งปฐมบุรุษ, ดังนั้นชื่อตระกูลทั้งหลายในแดนตะวันตกนั้นเลยมีชื่อที่คล้ายคลึงกันเช่น แลนนิสพอร์ท, แลนนิส และหัวตระกูลใหญ่อย่าง แลนนิสเตอร์ .. และแน่นอนว่าตระกูลเรนก็อาจจะนับได้ว่าเป็นญาติห่างๆเช่นกัน
ในแดนตะวันตกนั้นมีความมั่งคั่งอันเกิดมาจากเหมืองแร่ขุดทองคำ (ซึ่งนำไปหลอมเป็นเหรียญที่มีค่าสูงสุดอย่าง Golden Dragon) ด้วยเหตุนี้ทำให้บรรดาตระกูลทั้งหลายเฟื่องฟูกันมาก ซึ่งตระกูลเรนก็โชคดีหน่อยที่มีเหมืองทองคำขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ทำให้สามารถสั่งสมกองทัพและทรัพย์สินจำนวนมากพอที่จะก่อกบฏได้
อยู่มาวันหนึ่งตระกูลเรนก็เกิดห้าวเป้ง ประกาศตนเป็นเอกราชและมุ่งหมายจะโค่นล้มผู้ปกครองที่อ่อนแออย่างลอร์ดไททอส พร้อมกล่าวอ้างว่าตนเองก็เป็นราชสีห์คนหนึ่งเหมือนกัน (ตราตระกูลของเรนและแลนนิสเตอร์เป็นราชสีห์เหมือนกัน ต่างกันแค่สี) เหตุใดจึงต้องก้มหัวให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่าด้วย
สมดังวรรคนึงของเพลงที่สื่อถึงการท้าทายอำนาจของแลนนิสเตอร์ว่า;
Only a cat of a different coat, (เป็นเพียงแมวน้อยภายใต้หนังสีอื่น)
that's all the truth I know. (นั่นคือความจริงที่ข้ารู้)
In a coat of gold or a coat of red, (จะหนังสีทอง หรือหนังสือแดง)
a lion still has claws, (ราชสีห์ก็ยังมีเขี้ยวเล็บ)
And mine are long and sharp, my lord, (และเขี้ยวเล็บข้านั้นก็ยาวและแหลมคมเหลือเกินนายท่าน)
as long and sharp as yours. (ทั้งยาวทั้งแหลมคมไม่ต่างจากท่านเลย)
ร้อนไปถึงคาสเตอร์ลีร็อคที่ต้องออกมาปราบกบฏโดยไทวิน แลนนิสเตอร์ ในวัยหนุ่มนั้นก็อาสานำทัพกำราบศัตรูด้วยตนเอง .. แน่นอนด้วยกำลังและความสามารถที่ต่างกัน ตระกูลเรนก็มิอาจต้านทานทัพหลวงของแลนนิสเตอร์ได้
ถึงคราปราบกบฏสำเร็จแล้ว ลอร์ดไทวินเองก็เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้คนที่ลบหลู่แลนนิสเตอร์ไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง, เลยสั่งการให้ 'ฆ่าล้างโคตร' ตระกูลเรนทุกคนทั้งลูกเล็กเด็กแดงจนไปถึงผู้หญิง พร้อมกับเผาปราสาทคาสตาเมียร์ทิ้งซะ ไม่ให้เหลือซากเหง้าของกบฏบนแผ่นดินตะวันตกอีก
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ลอร์ดไทวินก็ถูกยำเกรงในฐานะผู้ปกครองที่มากด้วยความสามารถและเหี้ยมโหด และเหล่ากวีต่างก็แห่กันสดุดีวีรกรรมสุดโหดด้วยเพลง 'สายฝนแห่งคาสตาเมียร์' (The Rain of Castamere) ซึ่งเป็นการเล่นคำมาจากตระกูล Reyne นั่นเอง
มีเรื่องเล่าว่าในเวลาต่อมา ลอร์ดฟาร์แมนแห่งปราสาทงาม (Faircastle) เริ่มมีการแข็งข้อ, ลอร์ดไทวินก็ได้ส่งนักกวีพร้อมเครื่องสายไปหนึ่งคนเพื่อเล่นเพลง 'หยาดฝนแห่งคาสตาเมียร์' ให้ลอร์ดทั้งหลายฟัง ... หลังจากนั้นตระกูลนี้ก็ไม่ก่อปัญหาอีกเลย (แบดแอสไปอีก)
ป.ล. หลายคนยังเข้าใจผิดจากการดูซีรีย์ว่าเพลงนี้เป็นเพลง 'อัปมงคล' ที่ถูกใช้ใน The Red Wedding .. แต่อันที่จริงแล้วเพลงนี้ถือเป็นเพลงชาติย่อมๆของเหล่าชาวตะวันตกที่สามารถร้องอวยลอร์ดไทวิน แลนนิสเตอร์ได้ในทุกโอกาสเฉลิมฉลองเช่นกัน
อ้างอิงถึงฉากหนึ่งใน Season 1 ที่บรอนน์กับทหารแลนนิสเตอร์แหกปากร้องเพลงนี้ด้วยกันขณะก๊งเหล้า
จบไปแล้วครับสำหรับเรื่องราวของเพลงธรรมดาๆเพลงหนึ่งที่มีที่มาที่ไปที่คูลสุดๆ ถ้าชื่นชอบกันรอบหน้าจะสรรหามาให้อ่านอีกนะครับ ^^
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
ปทานุกรม :
สำหรับคนที่อยากฟังในเวอร์ชั่นเต็ม
And who are you, the proud lord said,
that I must bow so low?
Only a cat of a different coat,
that's all the truth I know.
In a coat of gold or a coat of red,
a lion still has claws,
And mine are long and sharp, my lord,
as long and sharp as yours.
And so he spoke, and so he spoke,
that Lord of Castamere,
But now the rains weep o'er his hall,
with no one there to hear.
Yes now the rains weep o'er his hall,
and not a soul to hear.
[Spoils] Tales of Thrones EP01 : ที่มาของเพลง The Rain of Castamere by ตั๋วหนังมันแพง
ก่อนจะเข้าเรื่องก็อยากจะขออนุญาตแนะนำตัวก่อน ผมคือแอดมินเพจ "ตั๋วหนังมันแพง" (ที่โผล่มารีวิวหนังโรงอยู่บ่อยๆน่ะ) ซึ่ง Game of Thrones ก็เป็นหนึ่งในนวนิยาย+ทีวีซีรีย์โปรดของผมเช่นกัน
และหลังจากที่ได้อ่าน A Song of Ice and Fire จนไปถึง Dance of the Dragons เป็นรอบที่สามแล้วก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า "ในจักรวาลของ GOT ยังมีอะไรที่น่าสนุกและน่าสนใจอีกเยอะ" ที่ทีวีซีรีย์ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้เนื่องจากกรอบของเวลา ทำให้ในหลายๆประเด็นนั้นมันดู 'ตื้นเขิน' เกินไป จนน่าเสียดายวัตถุดิบต้นฉบับที่ถูกคิดมาอยากคมคาย ดังนั้นสำหรับบทความ "Tales of Thrones" ของผมนั้นจะขอนำเสนอเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นส่วนที่น่าสนใจมาให้ติดตามอ่านกันครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
EP01 : ที่มาของเพลง The Rain of Castamere
.... หากใครยังจำได้ถึงเพลงที่เป็นสัญญานสังหารหมู่ชาวเหนือซึ่งรวมไปถึงราชาแห่งแดนเหนืออย่าง 'ร็อบ สตาร์ค' และพระมารดาอย่าง 'แคทเธอลีน สตาร์ค' ในเหตุการณ์The Red Wedding กันได้ ก็คงจะนึกภาพออกถึงเสียงเชลโลทุ้มต่ำที่มอบความสิ้นหวังให้แก่เหล่าศัตรูของแลนนิสเตอร์ทั้งหลายออก ซึ่งต้นกำเนิดเพลงนี้ก็มีที่มาที่ไปที่สุดแสนอลังการเหลือเกิน
ท้าวความไปถึงสมัยที่แดนตะวันตกอยู่ภายใต้การปกครองของ 'ลอร์ด ไททอส แลนนิสเตอร์', บิดาของไทวิน แลนนิสเตอร์ ซึ่งมีสมยาว่าเป็นผู้ปกครองที่มากด้วยเมตตา (ผิดกับลูกชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเยือกเย็นและความโหดเหี้ยม)
แต่อะไรที่มากไปก็ย่อมไม่ดี ด้วยความเมตตาและนิสัยที่ไม่เด็ดขาดของลอร์ดไททอสนั้นทำให้บรรดาลอร์ดและบริวารทั้งหลายต่างเริ่มมองว่าผู้นำของตนนั้น 'อ่อนแอ' และเริ่มมีการแข็งข้อ ... ซึ่งแกนนำการกบฏแข็งข้อก็คือตระกูลเรน (Reyne) แห่งปราสาทคาสตาเมียร์ (Castamere) นั่นเอง
ขอขยายความอีกนิด ในบรรดาตระกูลทั้งหลายที่ตั้งรกรากอยู่ในแดนตะวันตกนั้น ล้วนก็สืบทอดเชื้อสายมาจากต้นตระกูลอย่าง แลนน์ผู้ปราดเปรื่อง (Lann the Clever) ที่แย่งชิงปราสาทศิลาคาสเตอลี(Casterly Rock) มาจากตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งแห่งปฐมบุรุษ, ดังนั้นชื่อตระกูลทั้งหลายในแดนตะวันตกนั้นเลยมีชื่อที่คล้ายคลึงกันเช่น แลนนิสพอร์ท, แลนนิส และหัวตระกูลใหญ่อย่าง แลนนิสเตอร์ .. และแน่นอนว่าตระกูลเรนก็อาจจะนับได้ว่าเป็นญาติห่างๆเช่นกัน
ในแดนตะวันตกนั้นมีความมั่งคั่งอันเกิดมาจากเหมืองแร่ขุดทองคำ (ซึ่งนำไปหลอมเป็นเหรียญที่มีค่าสูงสุดอย่าง Golden Dragon) ด้วยเหตุนี้ทำให้บรรดาตระกูลทั้งหลายเฟื่องฟูกันมาก ซึ่งตระกูลเรนก็โชคดีหน่อยที่มีเหมืองทองคำขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ทำให้สามารถสั่งสมกองทัพและทรัพย์สินจำนวนมากพอที่จะก่อกบฏได้
อยู่มาวันหนึ่งตระกูลเรนก็เกิดห้าวเป้ง ประกาศตนเป็นเอกราชและมุ่งหมายจะโค่นล้มผู้ปกครองที่อ่อนแออย่างลอร์ดไททอส พร้อมกล่าวอ้างว่าตนเองก็เป็นราชสีห์คนหนึ่งเหมือนกัน (ตราตระกูลของเรนและแลนนิสเตอร์เป็นราชสีห์เหมือนกัน ต่างกันแค่สี) เหตุใดจึงต้องก้มหัวให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่าด้วย
สมดังวรรคนึงของเพลงที่สื่อถึงการท้าทายอำนาจของแลนนิสเตอร์ว่า;
Only a cat of a different coat, (เป็นเพียงแมวน้อยภายใต้หนังสีอื่น)
that's all the truth I know. (นั่นคือความจริงที่ข้ารู้)
In a coat of gold or a coat of red, (จะหนังสีทอง หรือหนังสือแดง)
a lion still has claws, (ราชสีห์ก็ยังมีเขี้ยวเล็บ)
And mine are long and sharp, my lord, (และเขี้ยวเล็บข้านั้นก็ยาวและแหลมคมเหลือเกินนายท่าน)
as long and sharp as yours. (ทั้งยาวทั้งแหลมคมไม่ต่างจากท่านเลย)
ร้อนไปถึงคาสเตอร์ลีร็อคที่ต้องออกมาปราบกบฏโดยไทวิน แลนนิสเตอร์ ในวัยหนุ่มนั้นก็อาสานำทัพกำราบศัตรูด้วยตนเอง .. แน่นอนด้วยกำลังและความสามารถที่ต่างกัน ตระกูลเรนก็มิอาจต้านทานทัพหลวงของแลนนิสเตอร์ได้
ถึงคราปราบกบฏสำเร็จแล้ว ลอร์ดไทวินเองก็เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้คนที่ลบหลู่แลนนิสเตอร์ไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง, เลยสั่งการให้ 'ฆ่าล้างโคตร' ตระกูลเรนทุกคนทั้งลูกเล็กเด็กแดงจนไปถึงผู้หญิง พร้อมกับเผาปราสาทคาสตาเมียร์ทิ้งซะ ไม่ให้เหลือซากเหง้าของกบฏบนแผ่นดินตะวันตกอีก
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ลอร์ดไทวินก็ถูกยำเกรงในฐานะผู้ปกครองที่มากด้วยความสามารถและเหี้ยมโหด และเหล่ากวีต่างก็แห่กันสดุดีวีรกรรมสุดโหดด้วยเพลง 'สายฝนแห่งคาสตาเมียร์' (The Rain of Castamere) ซึ่งเป็นการเล่นคำมาจากตระกูล Reyne นั่นเอง
มีเรื่องเล่าว่าในเวลาต่อมา ลอร์ดฟาร์แมนแห่งปราสาทงาม (Faircastle) เริ่มมีการแข็งข้อ, ลอร์ดไทวินก็ได้ส่งนักกวีพร้อมเครื่องสายไปหนึ่งคนเพื่อเล่นเพลง 'หยาดฝนแห่งคาสตาเมียร์' ให้ลอร์ดทั้งหลายฟัง ... หลังจากนั้นตระกูลนี้ก็ไม่ก่อปัญหาอีกเลย (แบดแอสไปอีก)
ป.ล. หลายคนยังเข้าใจผิดจากการดูซีรีย์ว่าเพลงนี้เป็นเพลง 'อัปมงคล' ที่ถูกใช้ใน The Red Wedding .. แต่อันที่จริงแล้วเพลงนี้ถือเป็นเพลงชาติย่อมๆของเหล่าชาวตะวันตกที่สามารถร้องอวยลอร์ดไทวิน แลนนิสเตอร์ได้ในทุกโอกาสเฉลิมฉลองเช่นกัน
อ้างอิงถึงฉากหนึ่งใน Season 1 ที่บรอนน์กับทหารแลนนิสเตอร์แหกปากร้องเพลงนี้ด้วยกันขณะก๊งเหล้า
จบไปแล้วครับสำหรับเรื่องราวของเพลงธรรมดาๆเพลงหนึ่งที่มีที่มาที่ไปที่คูลสุดๆ ถ้าชื่นชอบกันรอบหน้าจะสรรหามาให้อ่านอีกนะครับ ^^
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
ปทานุกรม :
สำหรับคนที่อยากฟังในเวอร์ชั่นเต็ม
And who are you, the proud lord said,
that I must bow so low?
Only a cat of a different coat,
that's all the truth I know.
In a coat of gold or a coat of red,
a lion still has claws,
And mine are long and sharp, my lord,
as long and sharp as yours.
And so he spoke, and so he spoke,
that Lord of Castamere,
But now the rains weep o'er his hall,
with no one there to hear.
Yes now the rains weep o'er his hall,
and not a soul to hear.