ต้องทำความเข้าใจความขยายตอนนี้ให้ดี ทั่งเล่ม9 กับ 11 ที่นำมาอธิบาย จะสอดรับกัน พูดเรื่องเดียวกันอยู่
เเต่ผมจะอธิบายเล่ม9ให้จบเลยทีเดียว เกี่ยวกับการ อุบัติของ มหาพรหม แล้วจะต่อเล่ม11ในตอนถัดไป
ในพระสูตรอธิบายว่า
ในช่วงที่โลกกำลังพินาศอยู่ หรือเรียกว่า ในช่วงเวลาที่จักรวาลไม่มีโลก
จะมีสมัยบางครั้งบางคราว ยืดยาวนาน "ที่โลกจะกลับมาเจริญ"
ตอนที่โลกจะกลับมาเจริญอีกนี้ละ
โดยมาก(สัตว์ส่วนมากจะเริ่มถยอยจุติจากชั้นอาภัสสรมาอาศัย บนโลกมนุษย์)
สุตตันตะเล่ม11 พูดถึงสัตว์จุติมาบนโลก. (สัตว์ที่มาอาศัยบนโลก สภาพพรหม กายทิพย์ มีปิติเป็นอาหาร อาศัยอยู่วิมารอันว่างเปล่า)
มีอธิบายว่า "สมัยนั้นจักรวาลทั้งหมดมืดมน มีแต่น้ำ ดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ ยังไม่ปรากฏ. ยังไม่มี วัน เดือน ปี หรือ ผู้ชาย หญิง ทั่งหมดถือเรียกกันว่าสัตว์เพียงอย่างเดียว"
ส่วนเล่ม9 มีอธิบายเหมือนกัน คือ อธิบายอีกว่า ตอนโลกจะกลับมาเจริญ นี้ละ
ปรากฏวิมานพรหมว่างเปล่า(หมายถึงที่อาศัยของพหรมปรากฏ)
คือ มีการปรากฏ ของวิมารพรหม พร้อมกับ การเจริญขึ้นของโลก นั้นเอง
(ชั้นพรหมกายิกา มีอายุ1กัป มีกายต่างกัน สัญญาต่างกัน สภาวะเหมือน ปฐมฌาน)
มีอธิบายว่า สัตว์ที่จุติก่อนจากชั้นอาภัสสร มาอุบัติในชั้นนี้จะเป็น สภาพของพรหม มีปิติ เป็นอาหาร สัตว์ที่มาอุบัติ ทีนี้ิ ผู้เเรก ได้อยู่คนเดียวมายาวนานมาก(ให้เข้าใจตามสภาวะธรรม เหมือนคนที่ถอนจาก ทุติยฌาน เป็นปฐมฌาน )
คือ เริ่มมี วิตก วิจาร ขึ้นมา
"ความรู้สึกว่ายาวนาน" เริ่มมีขึ้น
อธิบายต่อว่า เพราะสัตว์นี้อยู่เเต่ผู้เดียว นี้พูดในฐานะสัตว์ ที่จุติมาก่อนเพื่อน
เริ่มมีความกระสัน ความดิ้นรน และความคิดว่า "แม้สัตว์เหล่าอื่นก็พึงมาเป็นแบบนี้บ้าง" แล้วต่อมาสัตว์อื่นๆก็เริ่มทยอยจุติจากชั้น อาภัสสร เพราะสิ้นกรรม หรือ บุญ ไม่เกี่ยวกับสัตว์คนแรก เนรมิตนะ แต่ไม่ใช่เช่นนั้น บรรดาลสัตว์ที่จุติมาทีหลัง กลายเป็นเข้าใจกันผิดว่า สัตว์ผู้แรกนี้เนรมิตเราขึ้น เลยยกให้เป็นอิศวร เป็นผู้สร้าง เพราะสัตว์ผู้แรก จะมีกายใหญ่ มียศมากกว่า เเล้วทั้งหมดเรียกกันว่า เป็น มหาพรหม หรือ ผู้สร้าง นั้นเอง และ มหาพรหมก็เข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้เนรมิต สรรพสิ่ง ทั่งโลก หรือ สัตว์ ขึ้นมาเองจริงๆ
มีอธิบายอีกว่า พรหมจะมองไม่เห็นกายที่สูงกว่า นั้นก็คือ กายอาภัสสระ
จักรวาลของสัตว์ทั้งหลาย ตอน2
เเต่ผมจะอธิบายเล่ม9ให้จบเลยทีเดียว เกี่ยวกับการ อุบัติของ มหาพรหม แล้วจะต่อเล่ม11ในตอนถัดไป
ในพระสูตรอธิบายว่า
ในช่วงที่โลกกำลังพินาศอยู่ หรือเรียกว่า ในช่วงเวลาที่จักรวาลไม่มีโลก
จะมีสมัยบางครั้งบางคราว ยืดยาวนาน "ที่โลกจะกลับมาเจริญ"
ตอนที่โลกจะกลับมาเจริญอีกนี้ละ
โดยมาก(สัตว์ส่วนมากจะเริ่มถยอยจุติจากชั้นอาภัสสรมาอาศัย บนโลกมนุษย์)
สุตตันตะเล่ม11 พูดถึงสัตว์จุติมาบนโลก. (สัตว์ที่มาอาศัยบนโลก สภาพพรหม กายทิพย์ มีปิติเป็นอาหาร อาศัยอยู่วิมารอันว่างเปล่า)
มีอธิบายว่า "สมัยนั้นจักรวาลทั้งหมดมืดมน มีแต่น้ำ ดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ ยังไม่ปรากฏ. ยังไม่มี วัน เดือน ปี หรือ ผู้ชาย หญิง ทั่งหมดถือเรียกกันว่าสัตว์เพียงอย่างเดียว"
ส่วนเล่ม9 มีอธิบายเหมือนกัน คือ อธิบายอีกว่า ตอนโลกจะกลับมาเจริญ นี้ละ
ปรากฏวิมานพรหมว่างเปล่า(หมายถึงที่อาศัยของพหรมปรากฏ)
คือ มีการปรากฏ ของวิมารพรหม พร้อมกับ การเจริญขึ้นของโลก นั้นเอง
(ชั้นพรหมกายิกา มีอายุ1กัป มีกายต่างกัน สัญญาต่างกัน สภาวะเหมือน ปฐมฌาน)
มีอธิบายว่า สัตว์ที่จุติก่อนจากชั้นอาภัสสร มาอุบัติในชั้นนี้จะเป็น สภาพของพรหม มีปิติ เป็นอาหาร สัตว์ที่มาอุบัติ ทีนี้ิ ผู้เเรก ได้อยู่คนเดียวมายาวนานมาก(ให้เข้าใจตามสภาวะธรรม เหมือนคนที่ถอนจาก ทุติยฌาน เป็นปฐมฌาน )
คือ เริ่มมี วิตก วิจาร ขึ้นมา
"ความรู้สึกว่ายาวนาน" เริ่มมีขึ้น
อธิบายต่อว่า เพราะสัตว์นี้อยู่เเต่ผู้เดียว นี้พูดในฐานะสัตว์ ที่จุติมาก่อนเพื่อน
เริ่มมีความกระสัน ความดิ้นรน และความคิดว่า "แม้สัตว์เหล่าอื่นก็พึงมาเป็นแบบนี้บ้าง" แล้วต่อมาสัตว์อื่นๆก็เริ่มทยอยจุติจากชั้น อาภัสสร เพราะสิ้นกรรม หรือ บุญ ไม่เกี่ยวกับสัตว์คนแรก เนรมิตนะ แต่ไม่ใช่เช่นนั้น บรรดาลสัตว์ที่จุติมาทีหลัง กลายเป็นเข้าใจกันผิดว่า สัตว์ผู้แรกนี้เนรมิตเราขึ้น เลยยกให้เป็นอิศวร เป็นผู้สร้าง เพราะสัตว์ผู้แรก จะมีกายใหญ่ มียศมากกว่า เเล้วทั้งหมดเรียกกันว่า เป็น มหาพรหม หรือ ผู้สร้าง นั้นเอง และ มหาพรหมก็เข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้เนรมิต สรรพสิ่ง ทั่งโลก หรือ สัตว์ ขึ้นมาเองจริงๆ
มีอธิบายอีกว่า พรหมจะมองไม่เห็นกายที่สูงกว่า นั้นก็คือ กายอาภัสสระ