สวัสดีครับ จากที่ได้อ่านหลายๆกระทู้ ที่เกี่ยวกับบัตรเครดิตอิออน สินเชื่อเช่าซื้อ และการผ่อนสินค้า ของบัตรเจ้านี้
จะชอบมีคอมเม้นท์บ่นๆเรื่อง โทรไปเช็ควงเงินผ่อนสินค้ากับ Call Center แล้วมักจะถูกพนักงาน Call Center ไล่ให้ไปรูดหรือถามที่หน้าร้านเพื่อดูยอดเอง
ผมเชื่อว่าเกือบทุกคนก็คงสงสัย? แต่ก็ไม่มั่นใจว่า บัตรอื่นเป็นมั้ย....
ซึ่งผมค่อนข้าง "งง" กับ "ตรรกะ หรือ นโยบาย" ในกระบวนการนี้ ของอิออน จริงๆ ที่ให้ไปถามกับร้านเอาเอง ว่าเรามีวงเงินผ่อนสินค้าเท่าไหร่
แทนที่จะ บอกเราเลย หรือถ้าเบื่อหรือตัดความลำคาญที่ลูกค้าจะโทรเข้าคอลฯ เพราะเรื่องนี้บ่อยๆ ก็ให้แจ้งข้อมูลส่วนนี้ให้เห็นในระบบออนไลน์ไปเลย เหมือน รายละเอียดยอดวงเงินค่าใช่จ่ายของบัตรเครดิต เพื่อที่เราจะได้รู้ตัวและวางแผนถูกว่า เรามีวงเงินเท่านี้ จะซื้ออะไรได้บ้าง ซื้ออะไรดี
แทนที่จะไปถามเอาที่ร้าน ซึ่งมันเสียเวลาหากไปแล้ว วงเงินไม่พอ หรือวงเงินไม่ถึงกับสินค้าที่เราอยากได้ ก็ต้องกลับบ้านด้วยความเซ็ง
ซึ่งธรรมชาติของคน ก่อนจะซื้ออะไร ก็ต้องวางแผนก่อน ว่าเรามีวงเงินเท่าไหร่ จะซื้ออะไรได้ในวงเงินของเราบ้าง เราจึงตัดสินใจไปที่ร้านเพื่อไปซื้อสินค้านั้นๆ(ในกรณีที่หาจากเน็ต หรือเคยไปสำรวจราคาที่ร้านมาแล้ว) ไม่ใช่ ไม่รู้ว่าเรามีวงเงินเท่าไหร่ แล้วให้ไปถามที่ร้าน ใครจะกล้าเข้าร้าน ถ้าเราไม่รู้ว่าเรามีเงินพอจะซื้อของชิ้นที่อยากได้หรือเปล่า ซึ่งจุดนี้มีนัยสำคัญที่หลายคนเจอบ่อยคือ
เรายังตัดสินใจไม่ได้ ไม่มั่นใจว่าวงเงินเราจะพอซื้อของชิ้นนั้นมั้ย แล้วยื่นบัตรให้ร้าน ร้านหลายร้านมักจะมีคำพูด ขู่ไว้ก่อนเลย ว่า จะซื้อของร้านเราแน่ๆใช่มั้ย ถ้าซื้อ จะรูดเช็คให้ ถ้าไม่ จะเสียค่ารูด(เช็ควงเงิน) 1-3 ร้อยบาท เป็นค่าเสียเวลาของร้าน ซึ่งก็นะ ทำให้เราเป้วๆอยู่เหมือนกัน
แค่ลุ้นว่าจะได้วงเงินเท่าไหร่ พอซื้อของมั้ย ก็กังวลจะแย่อยู่แล้ว มาเจอพนักงานที่ร้านพูดแบบนี้อีก ถ้าวงเงินถึง ก็โชคดีไป ถ้าไม่ถึง ก็มีเซ็งจริงๆ
แล้วอีกอย่าง พนักงานที่ร้าน เคยบ่นๆให้ฟังว่า บางที เครื่องรูดเช็คไม่ได้ เครื่องขึ้นสถานะแจ้งให้โทรเช็คกับทางอิออน (call center) เองอีกอยู่ดี ก็ต้องนั่งรอคอลฯ รับสายเป็นสิบๆนาทีกว่าจะรับสาย (เคสผมรอเกือบครึ่งชั่วโมง) (นี่แหล่ะ อาจเป็นเหตุผลหลักที่พนักงานขายไม่ค่อยอยากจะเช็ควงเงินให้ลูกค้า เพราะบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า รอไปเถอะ) ก็ต้องลุ้นอีกอยู่ดีว่า ได้วงเงินเท่าไหร่ พอกับราคาของสินค้าที่จะซื้อมั้ย ตามเคย
ซึ่งพนักงานที่ร้านที่ผมเคยไปถาม ก็บอกผมอีกนะ ว่า บางทีลูกค้าที่ร้านได้วงเงินมา พอจะรูดซื้อจริงๆ กลับไม่ผ่านการอนุมัติก็มี อันนี้ไม่รู้จริงมั้ย
ซึ่งจริงๆคอลมีข้อมูลส่วนนี้อยู่แล้ว ทำไมกลับบอกไม่ได้ แล้วให้ไปเช็คที่ร้านเอง เราจะได้วางแผนถูก จริงมั้ยครับ
มีครั้งนึงผมโทรไปถามคอล แล้วพนักงานคอล เคยหลุดปากบอกผมมาเลยว่าผมมีวงเงินเท่าไหร่ เพื่อจะไปซื้อ แอร์ เพราะก่อนนี้ผมโทรไปถามเรื่อง ผมผ่อนสินค้าไอทีใกล้หมดแล้ว ต้องรอให้ปิดยอดก่อนมั้ยถึงจะไปซื้ออย่างอื่น(แอร์)ได้ คอลฯคนนั้นก็ถามว่า ลูกค้าดูไว้ราคาประมาณเท่าไหร่ ผมก็บอกว่า 2 หมื่นนิดๆ ทางคอลฯก็เลยแจ้งว่า ลูกค้ามีวงเงินเท่านี้นะคะ สามารถไปติดต่อร้านค้าได้เลย ไม่ต้องรอให้ปิดยอดเก่า เพราะคนละส่วนกัน ผมก็ไปที่ร้านเลย แล้วก็เลือกแอร์ตามวงเงินที่มี ซึ่งตอนนั้นรู้สึกโอเคกับพนักงานคนนั้นมาก ที่บอกเลย ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่ข้อมูลที่จะมาปิดบังอะไร อยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ (แต่ผมเคยถามพนักงานคอลฯ ท่านนึง เค้าบอกว่า มันบอกไม่ได้ว่าเราได้วงเงินตายตัวเท่าไหร่ เราต้องเช็คที่ร้านเอง ซึ่งก็งงที่ร้านก็ต้องถามยอดกับคอลอีกอยู่ดี)
จริงมั้ยครับ
ผมอยากให้เรื่องนี้ถึงผู้บริหารและบุคคลที่เกี่ยวข้องมากเลยครับ
ไม่ใช่เป็นการติเตียน แต่อยากให้เปิดเผยให้ลูกค้าไปเลยจะดีกว่ามั้ย เพราะลูกค้าของคุณจะได้วางแผนถูก ไม่เสียเวลาร้านค้า ไม่เสียเวลาเรา ไม่เสียเวลาคอลด้วยครับ
อิออน กับ การกระบวนการเช็ควงเงินผ่อนสินค้าที่แปลกๆ
จะชอบมีคอมเม้นท์บ่นๆเรื่อง โทรไปเช็ควงเงินผ่อนสินค้ากับ Call Center แล้วมักจะถูกพนักงาน Call Center ไล่ให้ไปรูดหรือถามที่หน้าร้านเพื่อดูยอดเอง
ผมเชื่อว่าเกือบทุกคนก็คงสงสัย? แต่ก็ไม่มั่นใจว่า บัตรอื่นเป็นมั้ย....
ซึ่งผมค่อนข้าง "งง" กับ "ตรรกะ หรือ นโยบาย" ในกระบวนการนี้ ของอิออน จริงๆ ที่ให้ไปถามกับร้านเอาเอง ว่าเรามีวงเงินผ่อนสินค้าเท่าไหร่
แทนที่จะ บอกเราเลย หรือถ้าเบื่อหรือตัดความลำคาญที่ลูกค้าจะโทรเข้าคอลฯ เพราะเรื่องนี้บ่อยๆ ก็ให้แจ้งข้อมูลส่วนนี้ให้เห็นในระบบออนไลน์ไปเลย เหมือน รายละเอียดยอดวงเงินค่าใช่จ่ายของบัตรเครดิต เพื่อที่เราจะได้รู้ตัวและวางแผนถูกว่า เรามีวงเงินเท่านี้ จะซื้ออะไรได้บ้าง ซื้ออะไรดี
แทนที่จะไปถามเอาที่ร้าน ซึ่งมันเสียเวลาหากไปแล้ว วงเงินไม่พอ หรือวงเงินไม่ถึงกับสินค้าที่เราอยากได้ ก็ต้องกลับบ้านด้วยความเซ็ง
ซึ่งธรรมชาติของคน ก่อนจะซื้ออะไร ก็ต้องวางแผนก่อน ว่าเรามีวงเงินเท่าไหร่ จะซื้ออะไรได้ในวงเงินของเราบ้าง เราจึงตัดสินใจไปที่ร้านเพื่อไปซื้อสินค้านั้นๆ(ในกรณีที่หาจากเน็ต หรือเคยไปสำรวจราคาที่ร้านมาแล้ว) ไม่ใช่ ไม่รู้ว่าเรามีวงเงินเท่าไหร่ แล้วให้ไปถามที่ร้าน ใครจะกล้าเข้าร้าน ถ้าเราไม่รู้ว่าเรามีเงินพอจะซื้อของชิ้นที่อยากได้หรือเปล่า ซึ่งจุดนี้มีนัยสำคัญที่หลายคนเจอบ่อยคือ
เรายังตัดสินใจไม่ได้ ไม่มั่นใจว่าวงเงินเราจะพอซื้อของชิ้นนั้นมั้ย แล้วยื่นบัตรให้ร้าน ร้านหลายร้านมักจะมีคำพูด ขู่ไว้ก่อนเลย ว่า จะซื้อของร้านเราแน่ๆใช่มั้ย ถ้าซื้อ จะรูดเช็คให้ ถ้าไม่ จะเสียค่ารูด(เช็ควงเงิน) 1-3 ร้อยบาท เป็นค่าเสียเวลาของร้าน ซึ่งก็นะ ทำให้เราเป้วๆอยู่เหมือนกัน
แค่ลุ้นว่าจะได้วงเงินเท่าไหร่ พอซื้อของมั้ย ก็กังวลจะแย่อยู่แล้ว มาเจอพนักงานที่ร้านพูดแบบนี้อีก ถ้าวงเงินถึง ก็โชคดีไป ถ้าไม่ถึง ก็มีเซ็งจริงๆ
แล้วอีกอย่าง พนักงานที่ร้าน เคยบ่นๆให้ฟังว่า บางที เครื่องรูดเช็คไม่ได้ เครื่องขึ้นสถานะแจ้งให้โทรเช็คกับทางอิออน (call center) เองอีกอยู่ดี ก็ต้องนั่งรอคอลฯ รับสายเป็นสิบๆนาทีกว่าจะรับสาย (เคสผมรอเกือบครึ่งชั่วโมง) (นี่แหล่ะ อาจเป็นเหตุผลหลักที่พนักงานขายไม่ค่อยอยากจะเช็ควงเงินให้ลูกค้า เพราะบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า รอไปเถอะ) ก็ต้องลุ้นอีกอยู่ดีว่า ได้วงเงินเท่าไหร่ พอกับราคาของสินค้าที่จะซื้อมั้ย ตามเคย
ซึ่งพนักงานที่ร้านที่ผมเคยไปถาม ก็บอกผมอีกนะ ว่า บางทีลูกค้าที่ร้านได้วงเงินมา พอจะรูดซื้อจริงๆ กลับไม่ผ่านการอนุมัติก็มี อันนี้ไม่รู้จริงมั้ย
ซึ่งจริงๆคอลมีข้อมูลส่วนนี้อยู่แล้ว ทำไมกลับบอกไม่ได้ แล้วให้ไปเช็คที่ร้านเอง เราจะได้วางแผนถูก จริงมั้ยครับ
มีครั้งนึงผมโทรไปถามคอล แล้วพนักงานคอล เคยหลุดปากบอกผมมาเลยว่าผมมีวงเงินเท่าไหร่ เพื่อจะไปซื้อ แอร์ เพราะก่อนนี้ผมโทรไปถามเรื่อง ผมผ่อนสินค้าไอทีใกล้หมดแล้ว ต้องรอให้ปิดยอดก่อนมั้ยถึงจะไปซื้ออย่างอื่น(แอร์)ได้ คอลฯคนนั้นก็ถามว่า ลูกค้าดูไว้ราคาประมาณเท่าไหร่ ผมก็บอกว่า 2 หมื่นนิดๆ ทางคอลฯก็เลยแจ้งว่า ลูกค้ามีวงเงินเท่านี้นะคะ สามารถไปติดต่อร้านค้าได้เลย ไม่ต้องรอให้ปิดยอดเก่า เพราะคนละส่วนกัน ผมก็ไปที่ร้านเลย แล้วก็เลือกแอร์ตามวงเงินที่มี ซึ่งตอนนั้นรู้สึกโอเคกับพนักงานคนนั้นมาก ที่บอกเลย ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่ข้อมูลที่จะมาปิดบังอะไร อยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ (แต่ผมเคยถามพนักงานคอลฯ ท่านนึง เค้าบอกว่า มันบอกไม่ได้ว่าเราได้วงเงินตายตัวเท่าไหร่ เราต้องเช็คที่ร้านเอง ซึ่งก็งงที่ร้านก็ต้องถามยอดกับคอลอีกอยู่ดี)
จริงมั้ยครับ
ผมอยากให้เรื่องนี้ถึงผู้บริหารและบุคคลที่เกี่ยวข้องมากเลยครับ
ไม่ใช่เป็นการติเตียน แต่อยากให้เปิดเผยให้ลูกค้าไปเลยจะดีกว่ามั้ย เพราะลูกค้าของคุณจะได้วางแผนถูก ไม่เสียเวลาร้านค้า ไม่เสียเวลาเรา ไม่เสียเวลาคอลด้วยครับ