การได้ลองเป็น BACKPACKER ครั้งแรก เป็นทริปที่เปิดมุมมองเรามากๆ
ผู้หญิงเที่ยวคนเดียว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เราเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์
เตรียมตัวยังไง ไปไหนมาบ้าง เอามาบอกกันแบบหมดเปลือก
........................................................
ลองคิดกันเล่นๆ
ถ้าขอ schengen visa ได้ 70 วัน
จะเลือกเดินทางไปประเทศอะไร ?
........................................................
หลังเรียนจบ ส่งทีสีส
แล้วมีโอกาสได้ป้วนเปี้ยนในโฮสเทลอยู่พักนึง
พูดคุยกับนักเดินทางจากทั่วโลก เก็บข้อมูลบวกกับแรงบันดาลใจ
เลยอยาก 'ลอง' เป็นแบคแพคเกอร์กับเค้าบ้าง การเดินทางครั้งนี้จึงเริ่มขึ้น
: -)
ปล. ขอบคุณทุกคนที่ชมว่าภาพสวยนะคะ
รูปทั้งหมดเราถ่ายจาก iphone 5S แล้วแต่งเพิ่มใน Lightroom 5.7.1
PREFACE –
ว่ากันว่า schengen visa ขึ้นชื่อว่าเป็นวีซ่าที่ขอยากมากๆ ซึ่งก็จริงค่า เรายื่นไปครั้งแรกโดนซองขาวปฏิเสธกลับมา เลยต้องรวบรวมความกล้ายื่นอุทรณ์ไปอีกรอบ แล้วสุดท้ายก็ผ่านมาได้ โชคดีที่มีญาติอยู่ที่สวีเดน เราเลยให้พี่เขียนจดหมายเชิญมาให้ บวกกับพึ่งเรียนจบแล้วยังมีสภาพเป็นนศ. เราก็แนบไปรับรองนศ.จากทางมหาลัยไปด้วย เพื่อยืนยันว่าหนูไม่หนีไปเก็บเบอรี่แน่นอนค่า 5555
แล้วสุดท้ายเราก็ได้วีซ่ามา 70 วัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพิ่มเติมเรื่องขอวีซ่า
- ในทริปทั้งหมด เราอยู่ประเทศไหนนานที่สุด ให้ยื่นวีซ่ากับสถานทูตประเทศนั้นๆนะ
- เรายื่นผ่าน VFS GLOBAL เหมือนเป็นตัวกลางระหว่างเรากับสถานทูต ก็สะดวกดีนะ ค่าธรรมเนียมประมาณ 500 บาท รอ 5-7 วันก็รู้ผล
โอ้ว ! มีเวลา 70 วันที่จะพาตัวเองไปอยู่ในยุโรป แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
คำถามคือ จะไปไหนดี๊ ?? เริ่มจากรายชื่อประเทศในเชงเก้นแล้วหลับตาจิ้มแผนที่โลก สรุปว่าได้ประเทศแถบสแกนดิเนเวียเกือบทั้งหมด คือชอบเมืองหนาว เลยอยากไปสวีเดน นอร์เวย์ แล้วก็ชอบหนังเรื่อง THE SECRET LIFE OF WALTER MITTY เลยใส่ไอซ์แลนด์ลงไปในทริปนี้ด้วย ตามมาด้วยเมืองชิคๆอย่าง COPENHAGEN แล้วก็อยากไปกินช็อคโกแลตกับฟองดูชีส ที่สวิสเซอแลนด์ จ้าาาา เลือกแบบตามใจตัวเองล้วนๆ จนลืมคิดเรื่องค่าครองชีพ ลืมว่าตัวเองก็มีงบจำกัด แต่เอาน่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีกันง่ายๆเนอะ อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไร ก็ลงมือเลย!
........................................................
เราจองตั๋วไปกลับ BANGKOK – STOCKHOLM ของการบินไทยบินกันยาวๆประมาณ 10 ชั่วโมง เริ่มทริปด้วยการมาเยี่ยมญาติที่สวีเดนก่อน คุยกับพี่ไว้ว่าจะไปปีนเขากันแล้วหลังจากนั้นเราจะแยกไปเที่ยวเองคนเดียว
........................................................
/ 001 /
SWEDEN
22 JUNE 2016
ช่วงที่เราไปถึงเป็นช่วง summer ของยุโรป อากาศกำลังเย็นสบายเลย มีแดดนะแต่ก็มีลมเย็นๆพัดผ่าน แล้วก็โชคดีมากที่เราไปตรงกับเทศกาล MIDSUMMER พอดี คือเป็นช่วงที่คนสวีเดนกำลังตื่นเต้นกับแสงแดด แล้วก็จะทำมงกุฎดอกไม้มาใส่ แล้วก็ฉลองซัมเมอร์ด้วยการร้องเพลงแล้วก็จับมือเต้นกันรอบๆเสา เป็นช่วงเวลาที่น่ารักมากๆ
/ 002 /
HIKING
จำได้ว่าปีนเขาจริงจังครั้งล่าสุด คือตอนไปภูกระดึงกับเพื่อนเมื่อ 2 ปีก่อน
แล้วตัดภาพมาอีกทีตัวเองก็กำลังจะเริ่มทริปปีนเขาอีกรอบที่ HELAGS ยอดเขาที่สูง 1,797 เมตรจากระดับน้ำทะเล
วันแรกนี่เดินป่ากันครึ่งวันจนมาถึง BASE CAMP เป็นที่พักก่อนจะเริ่มปีนเขาในเช้าวันถัดไป
นอนเตียงสองชั้น ส้วมซึมแบบธรรมชาติ ห้องน้ำแบบไม่มีม่านกั้น ซาวน่าที่มองเห็นวิวยอดเขา และอาหารค่ำที่ทำจากเนื้อเรนเดียร์
/ 003 /
NORWAY
หลังจบทริปปีนเขา เรากับพี่ญาติก็ขับรถข้ามมาที่นอร์เวย์กัน
จาก Ljungdalen ข้ามเขตสวีเดน ผ่านเมือง Røros - Knutshø มุ่งหน้าลงใต้
ระหว่างทางเราแวะเที่ยวตามเมืองบ้าง แล้วก็พักที่ campsite ก่อนจะขับรถมาขึ้นเรือเฟอรี่กันที่ Kaupanger
แล้วขับรถต่อไป OSLO แล้วก็เดินเล่นในเมืองกัน
/ 004 /
OSLO
เมืองหลวงของชาวไวกิ้ง อิอิ เรามีเวลาให้ออสโล 2 วัน เดินเล่นในเมืองแล้วก็ไปเดินดู museum
1. Viking Ship Museum
2. Kon-Tiki Museum
3. The Fram Museum
ทั้ง 3 ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันหมดเลย เที่ยวง่ายมากๆ ใครมีเวลาแล้วชอบเดินดู museum + gallery แนะนำๆ
//// กีสส อันนี้ส่วนตัวล้วนๆ ////
อย่าหวั่นไหวกับผู้ชายเมืองหนาวโนะ อิอิ
/ 005 /
แล้วก็ถึงเวลาเริ่มต้นเที่ยวเองคนเดียว แผนคือ
" มีเวลาในไอซ์แลนด์ 10 วัน ยังไม่รู้จะไปไหน คือมีแค่ตั๋วเครื่องบิน + จองโฮสเทลไว้คืนแรก แค่นั้น "
เราแยกกับพี่ที่ออสโล แล้วแยกมาขึ้นเครื่องจากสนามบิน Oslo - Gardermoen
บินกับ Iceland Air มาลงสนามบิน Keflavik ไฟลท์เช้า 08:35 ไปถึงไอซ์แลนด์ตอน 09:05 น.
* more info.
- ไอซ์แลนด์ใช้เงิน Icelandic Krona ซึ่งไม่มีให้แลกในไทยนะ แนะนำให้แลกเงินยูโรเผื่อไว้ แล้วไปแลกที่สนามบินใครมีบัตรก็รูดบัตรได้ปกติจ้า
- จากสนามบิน เข้าเมืองยังไงดี?
ตอนแรกกะจะไปยืนโบกรถ Hitchhiking แบบในหนังแต่สภาพการขึ้นเครื่องไฟลท์เช้า คืออ่อนล้ามาก
เราเลยเลือกนั่งรสบัสเข้าเมือง ที่สนามบินมี 2 บริษัทใหญ่ๆ คือ Grayline กับ Flybus ราคาประมาณ 2100 ISK ( 600 บาท)
เราบอกคนขับได้ว่าพักที่ไหน เค้าจะจอดส่งที่ๆใกล้ที่สุด บอกเค้าได้เลย : -)
/ 006 /
นี่มาทำอะไรที่ไอซ์แลนด์ ?
ก็ยังถามตัวเองซ้ำๆ เพราะไม่มีแผนอะไรเลย มองไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน
แล้วเห็นความเวิ้งว้างอันว่างเปล่า อ้าว เห้ย! เป็นประเทศที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ โล่งมากกกกกกกกกกก
มองหาต้นไม้ซักต้นยังไม่มี แล้วพาตัวเองมาทำอะไรที่นี่ ไอซ์แลนด์หน้าร้อน ไม่มีหิมะ ไม่ได้ล่าแสงเหนือ
แถมยังมีเวลาตั้ง 10 วัน ตั๋วเครื่องบินก็ซื้อไปแล้วด้วย ช็อตนั้นคือทะเลาะกับตัวเองขั้นสุด
แต่สุดท้ายเป็นชะนีต้องมีสติค่ะ เที่ยวคนเดียวต้องมีสติ
งั้นไปเดินเล่นในเมืองก่อน นอนโฮสเทลคืนนึง เดี๋ยวก็เจอเพื่อน : -)
*more info.
- เราพักที่ Hlemmur Square hostel mixed dorm 10เตียง คืนละประมาณ 5100 ISK (1500 บาท)
- มีอีกที่ที่ฮิตมากๆ ชื่อ Kex Hostel ดีเหมือนกัน เพื่อนแนะนำมา วิวสวย ตกแต่งดี
/ 007 /
Reykjavík
หลังจากไม่รู้จะทำอะไร เราเริ่มต้นวันแรกด้วยการออกมาเดินเล่นในเมือง
Reykjavík เป็นเมืองหลวงที่ขนาดเล็กจิ๋วมากๆ ของขึ้นชื่อก็มีเสื้อขน wool ที่เป้นลายเฉพาะของที่นี่
แล้วก็เป็นเมืองศิลปะ มีร้านเล็กๆ ขายของจุ๊กจิ๊ก น่ารักมาก แต่! บอกแล้วว่าต้องมีสติ กฏข้อแรกๆของการเป็น backpacker
คือช็อปปิ้งให้น้อยที่สุด 5555อย่าลืมว่าเราต้องแบกกระเป๋าไปกันต่อ
*more info.
ที่เที่ยวแนะนำในReykjavík
- โบสถ์ Hallgrímskirkja ที่ตั้งอยู่กลางเมืองเลย ด้านในเปิดให้เข้าชมได้ตลอด แล้วอย่าลืมแวะขึ้นไปดูวิวแบบ 360 องศาที่ชั้นบนสุดนะ
- The Harpa Concert Hall ตึกที่ดูจะสะดุดตาที่สุดในเมือง ลองเดินไปถ่ายรูปกันได้
- เดินเล่นในเมือง อย่างที่เราบอกว่าร้านค้า ขายของกุ๊กกิ๊กเยอะมาก เดินเล่นเพลินๆได้ทั้งวันก็ไม่เบื่อ อิอิ
/ 008 /
RIDE SHARING ตามหาเพื่อนเที่ยว
...............................
คืนแรกที่โฮสเทล เราเจอเพื่อนเยอะมาก เรานั่งคุยกันที่ lobby ด้านล่าง
JOE มาจากอเมริกา พึ่งกลับจากทริป RING ROAD คือไปขับรถรอบไอซ์แลนด์มา เดี๋ยวพรุ่งนี้จะบินไปอังกฤษ
เห้ย! เจ๋งว่ะ นี่เรามีเวลาอีก 9 วัน JOE บอกให้ลองหาเพื่อนในเวปไซต์ดูดิ มีคนอยากหารค่ารถกันเยอะมาก ลองดูๆ
อ่ะะะะ รออะไร จัดไปค่ะ เราเจอเพื่อนใน couchsurfing 2 คนที่มาเที่ยว Iceland ช่วงเดียวกัน ส่งเมลคุยกันไปมา
แล้วตกลงว่า ป่ะ เช่ารถขับรอบไอซ์แลนด์กัน !!
เว็ปที่เราใช้
1.
https://www.couchsurfing.com/
2.
http://www.samferda.is/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้couchsurfing คืออะไร มันเป็นเว็ปไซต์ที่ฮิตมากๆในยุโรป มันเริ่มจากเรามีโซฟาว่างๆ หรือมีห้องว่าง เราก็เปิดให้นักเดินทางมาค้างกับเราได้ฟรีโดยเราสามารถเป็นได้ทั้ง host แล้วก็คนที่ตามหาที่พัก ซึ่งก็เหมือนเราได้เพื่อนใหม่ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันก็ว่ากันไป ถ้ายังไงลองเข้าไปดูนะ
/ 009 /
เพื่อนใหม่ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
............................................
แค่คุยกันในเวปไซต์ เราจะไว้ใจเค้าได้เหรอ?
มันก็จริงนะ เราว่ามันก็เป็นความเสี่ยงอย่างนึง เราแนะนำว่าให้อ่าน profile ของแต่ละคนดีๆ ดูคนที่มีข้อมูลอัพเดท มีรูปเห็นหน้าชัดเจน
แล้วก็เลือกผู้หญิงไว้ก่อน เพื่อนใหม่ที่ตกลงจะร่วมทริปกับเรามี 2 คน
- ROBERT มาจากนอร์เวย์ คือแบบเช่ารถไว้แล้ว คือคิดว่าถ้าไม่เจอคนหารก็จะขับเที่ยวคนเดียว โอ้วโหว เหงาไปอีก งั้นดีเลยมาเที่ยวด้วยกัน
- LUCIE มาจากสวิสเซอแลนด์ เป็นคนเดียวที่พก lonely planet มาด้วย แล้วก็เป็นคนนำทางตลอดทริป อิอิ นิสัยดี น่ารักมาก
แล้วเราสองสามคนก็หารค่ารถกัน เฉลี่ยแล้วคนละ 250 Euro
/ 010 /
ไส้กรอกแบบ Icelanddic
ไส้กรอกหน้าตาบ้านๆ แต่มันอร่อยมากๆๆๆๆ หากินได้ทั่วไป
อารมณ์แบบไส้กรอกที่ IKEA อ่ะ แต่ที่นี่จะใส่หอมหัวใหญ่
หอมเจียว แล้วก็ราดซอส ราคาประมาณ 440 ISK (130 บาท)
/ 011 /
BLUE LAGOON
ไฮไลท์สำคัญของไอซ์แลนด์ !! บลูลากูนนน คือน้ำสีฟ้าน่าลงไปว่ายมากจิงๆ แต่ต้องแย่งชิงกับ อากงอาม่ากันนิดนึงนะ
คือจะมีความวุ่นวายมากกกกก ใน Hall ทางเข้า แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้า แล้วก็เช็คสภาพอากาศให้ดี
ไปว่ายน้ำแบบฟ้าครึ้มก็ไม่ดีนะเออ
*more info
- ซื้อตั๋วออนไลน์ ได้จาก
http://www.bluelagoon.com/blue-lagoon-spa/ ราคาเริ่มต้น 40 Euro น้าา
เรื่องยังไม่จบน้าา เลื่อนลงมาเร็วเข้าๆๆ
อ่านต่อความคิดเห็นที่ 4 ค่าาา
[CR] // ผู้หญิงคนเดียว แบกเป้เที่ยวยุโรป 2016 // #70daysinEurope
ผู้หญิงเที่ยวคนเดียว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เราเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์
เตรียมตัวยังไง ไปไหนมาบ้าง เอามาบอกกันแบบหมดเปลือก
........................................................
ลองคิดกันเล่นๆ
ถ้าขอ schengen visa ได้ 70 วัน
จะเลือกเดินทางไปประเทศอะไร ?
........................................................
หลังเรียนจบ ส่งทีสีส
แล้วมีโอกาสได้ป้วนเปี้ยนในโฮสเทลอยู่พักนึง
พูดคุยกับนักเดินทางจากทั่วโลก เก็บข้อมูลบวกกับแรงบันดาลใจ
เลยอยาก 'ลอง' เป็นแบคแพคเกอร์กับเค้าบ้าง การเดินทางครั้งนี้จึงเริ่มขึ้น
: -)
ปล. ขอบคุณทุกคนที่ชมว่าภาพสวยนะคะ
รูปทั้งหมดเราถ่ายจาก iphone 5S แล้วแต่งเพิ่มใน Lightroom 5.7.1
PREFACE –
ว่ากันว่า schengen visa ขึ้นชื่อว่าเป็นวีซ่าที่ขอยากมากๆ ซึ่งก็จริงค่า เรายื่นไปครั้งแรกโดนซองขาวปฏิเสธกลับมา เลยต้องรวบรวมความกล้ายื่นอุทรณ์ไปอีกรอบ แล้วสุดท้ายก็ผ่านมาได้ โชคดีที่มีญาติอยู่ที่สวีเดน เราเลยให้พี่เขียนจดหมายเชิญมาให้ บวกกับพึ่งเรียนจบแล้วยังมีสภาพเป็นนศ. เราก็แนบไปรับรองนศ.จากทางมหาลัยไปด้วย เพื่อยืนยันว่าหนูไม่หนีไปเก็บเบอรี่แน่นอนค่า 5555
แล้วสุดท้ายเราก็ได้วีซ่ามา 70 วัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โอ้ว ! มีเวลา 70 วันที่จะพาตัวเองไปอยู่ในยุโรป แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
คำถามคือ จะไปไหนดี๊ ?? เริ่มจากรายชื่อประเทศในเชงเก้นแล้วหลับตาจิ้มแผนที่โลก สรุปว่าได้ประเทศแถบสแกนดิเนเวียเกือบทั้งหมด คือชอบเมืองหนาว เลยอยากไปสวีเดน นอร์เวย์ แล้วก็ชอบหนังเรื่อง THE SECRET LIFE OF WALTER MITTY เลยใส่ไอซ์แลนด์ลงไปในทริปนี้ด้วย ตามมาด้วยเมืองชิคๆอย่าง COPENHAGEN แล้วก็อยากไปกินช็อคโกแลตกับฟองดูชีส ที่สวิสเซอแลนด์ จ้าาาา เลือกแบบตามใจตัวเองล้วนๆ จนลืมคิดเรื่องค่าครองชีพ ลืมว่าตัวเองก็มีงบจำกัด แต่เอาน่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีกันง่ายๆเนอะ อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไร ก็ลงมือเลย!
........................................................
เราจองตั๋วไปกลับ BANGKOK – STOCKHOLM ของการบินไทยบินกันยาวๆประมาณ 10 ชั่วโมง เริ่มทริปด้วยการมาเยี่ยมญาติที่สวีเดนก่อน คุยกับพี่ไว้ว่าจะไปปีนเขากันแล้วหลังจากนั้นเราจะแยกไปเที่ยวเองคนเดียว
........................................................
/ 001 /
SWEDEN
22 JUNE 2016
ช่วงที่เราไปถึงเป็นช่วง summer ของยุโรป อากาศกำลังเย็นสบายเลย มีแดดนะแต่ก็มีลมเย็นๆพัดผ่าน แล้วก็โชคดีมากที่เราไปตรงกับเทศกาล MIDSUMMER พอดี คือเป็นช่วงที่คนสวีเดนกำลังตื่นเต้นกับแสงแดด แล้วก็จะทำมงกุฎดอกไม้มาใส่ แล้วก็ฉลองซัมเมอร์ด้วยการร้องเพลงแล้วก็จับมือเต้นกันรอบๆเสา เป็นช่วงเวลาที่น่ารักมากๆ
/ 002 /
HIKING
จำได้ว่าปีนเขาจริงจังครั้งล่าสุด คือตอนไปภูกระดึงกับเพื่อนเมื่อ 2 ปีก่อน
แล้วตัดภาพมาอีกทีตัวเองก็กำลังจะเริ่มทริปปีนเขาอีกรอบที่ HELAGS ยอดเขาที่สูง 1,797 เมตรจากระดับน้ำทะเล
วันแรกนี่เดินป่ากันครึ่งวันจนมาถึง BASE CAMP เป็นที่พักก่อนจะเริ่มปีนเขาในเช้าวันถัดไป
นอนเตียงสองชั้น ส้วมซึมแบบธรรมชาติ ห้องน้ำแบบไม่มีม่านกั้น ซาวน่าที่มองเห็นวิวยอดเขา และอาหารค่ำที่ทำจากเนื้อเรนเดียร์
/ 003 /
NORWAY
หลังจบทริปปีนเขา เรากับพี่ญาติก็ขับรถข้ามมาที่นอร์เวย์กัน
จาก Ljungdalen ข้ามเขตสวีเดน ผ่านเมือง Røros - Knutshø มุ่งหน้าลงใต้
ระหว่างทางเราแวะเที่ยวตามเมืองบ้าง แล้วก็พักที่ campsite ก่อนจะขับรถมาขึ้นเรือเฟอรี่กันที่ Kaupanger
แล้วขับรถต่อไป OSLO แล้วก็เดินเล่นในเมืองกัน
/ 004 /
OSLO
เมืองหลวงของชาวไวกิ้ง อิอิ เรามีเวลาให้ออสโล 2 วัน เดินเล่นในเมืองแล้วก็ไปเดินดู museum
1. Viking Ship Museum
2. Kon-Tiki Museum
3. The Fram Museum
ทั้ง 3 ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันหมดเลย เที่ยวง่ายมากๆ ใครมีเวลาแล้วชอบเดินดู museum + gallery แนะนำๆ
//// กีสส อันนี้ส่วนตัวล้วนๆ ////
อย่าหวั่นไหวกับผู้ชายเมืองหนาวโนะ อิอิ
/ 005 /
แล้วก็ถึงเวลาเริ่มต้นเที่ยวเองคนเดียว แผนคือ
" มีเวลาในไอซ์แลนด์ 10 วัน ยังไม่รู้จะไปไหน คือมีแค่ตั๋วเครื่องบิน + จองโฮสเทลไว้คืนแรก แค่นั้น "
เราแยกกับพี่ที่ออสโล แล้วแยกมาขึ้นเครื่องจากสนามบิน Oslo - Gardermoen
บินกับ Iceland Air มาลงสนามบิน Keflavik ไฟลท์เช้า 08:35 ไปถึงไอซ์แลนด์ตอน 09:05 น.
* more info.
- ไอซ์แลนด์ใช้เงิน Icelandic Krona ซึ่งไม่มีให้แลกในไทยนะ แนะนำให้แลกเงินยูโรเผื่อไว้ แล้วไปแลกที่สนามบินใครมีบัตรก็รูดบัตรได้ปกติจ้า
- จากสนามบิน เข้าเมืองยังไงดี?
ตอนแรกกะจะไปยืนโบกรถ Hitchhiking แบบในหนังแต่สภาพการขึ้นเครื่องไฟลท์เช้า คืออ่อนล้ามาก
เราเลยเลือกนั่งรสบัสเข้าเมือง ที่สนามบินมี 2 บริษัทใหญ่ๆ คือ Grayline กับ Flybus ราคาประมาณ 2100 ISK ( 600 บาท)
เราบอกคนขับได้ว่าพักที่ไหน เค้าจะจอดส่งที่ๆใกล้ที่สุด บอกเค้าได้เลย : -)
/ 006 /
นี่มาทำอะไรที่ไอซ์แลนด์ ?
ก็ยังถามตัวเองซ้ำๆ เพราะไม่มีแผนอะไรเลย มองไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน
แล้วเห็นความเวิ้งว้างอันว่างเปล่า อ้าว เห้ย! เป็นประเทศที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ โล่งมากกกกกกกกกกก
มองหาต้นไม้ซักต้นยังไม่มี แล้วพาตัวเองมาทำอะไรที่นี่ ไอซ์แลนด์หน้าร้อน ไม่มีหิมะ ไม่ได้ล่าแสงเหนือ
แถมยังมีเวลาตั้ง 10 วัน ตั๋วเครื่องบินก็ซื้อไปแล้วด้วย ช็อตนั้นคือทะเลาะกับตัวเองขั้นสุด
แต่สุดท้ายเป็นชะนีต้องมีสติค่ะ เที่ยวคนเดียวต้องมีสติ
งั้นไปเดินเล่นในเมืองก่อน นอนโฮสเทลคืนนึง เดี๋ยวก็เจอเพื่อน : -)
*more info.
- เราพักที่ Hlemmur Square hostel mixed dorm 10เตียง คืนละประมาณ 5100 ISK (1500 บาท)
- มีอีกที่ที่ฮิตมากๆ ชื่อ Kex Hostel ดีเหมือนกัน เพื่อนแนะนำมา วิวสวย ตกแต่งดี
/ 007 /
Reykjavík
หลังจากไม่รู้จะทำอะไร เราเริ่มต้นวันแรกด้วยการออกมาเดินเล่นในเมือง
Reykjavík เป็นเมืองหลวงที่ขนาดเล็กจิ๋วมากๆ ของขึ้นชื่อก็มีเสื้อขน wool ที่เป้นลายเฉพาะของที่นี่
แล้วก็เป็นเมืองศิลปะ มีร้านเล็กๆ ขายของจุ๊กจิ๊ก น่ารักมาก แต่! บอกแล้วว่าต้องมีสติ กฏข้อแรกๆของการเป็น backpacker
คือช็อปปิ้งให้น้อยที่สุด 5555อย่าลืมว่าเราต้องแบกกระเป๋าไปกันต่อ
*more info.
ที่เที่ยวแนะนำในReykjavík
- โบสถ์ Hallgrímskirkja ที่ตั้งอยู่กลางเมืองเลย ด้านในเปิดให้เข้าชมได้ตลอด แล้วอย่าลืมแวะขึ้นไปดูวิวแบบ 360 องศาที่ชั้นบนสุดนะ
- The Harpa Concert Hall ตึกที่ดูจะสะดุดตาที่สุดในเมือง ลองเดินไปถ่ายรูปกันได้
- เดินเล่นในเมือง อย่างที่เราบอกว่าร้านค้า ขายของกุ๊กกิ๊กเยอะมาก เดินเล่นเพลินๆได้ทั้งวันก็ไม่เบื่อ อิอิ
/ 008 /
RIDE SHARING ตามหาเพื่อนเที่ยว
...............................
คืนแรกที่โฮสเทล เราเจอเพื่อนเยอะมาก เรานั่งคุยกันที่ lobby ด้านล่าง
JOE มาจากอเมริกา พึ่งกลับจากทริป RING ROAD คือไปขับรถรอบไอซ์แลนด์มา เดี๋ยวพรุ่งนี้จะบินไปอังกฤษ
เห้ย! เจ๋งว่ะ นี่เรามีเวลาอีก 9 วัน JOE บอกให้ลองหาเพื่อนในเวปไซต์ดูดิ มีคนอยากหารค่ารถกันเยอะมาก ลองดูๆ
อ่ะะะะ รออะไร จัดไปค่ะ เราเจอเพื่อนใน couchsurfing 2 คนที่มาเที่ยว Iceland ช่วงเดียวกัน ส่งเมลคุยกันไปมา
แล้วตกลงว่า ป่ะ เช่ารถขับรอบไอซ์แลนด์กัน !!
เว็ปที่เราใช้
1. https://www.couchsurfing.com/
2. http://www.samferda.is/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
/ 009 /
เพื่อนใหม่ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
............................................
แค่คุยกันในเวปไซต์ เราจะไว้ใจเค้าได้เหรอ?
มันก็จริงนะ เราว่ามันก็เป็นความเสี่ยงอย่างนึง เราแนะนำว่าให้อ่าน profile ของแต่ละคนดีๆ ดูคนที่มีข้อมูลอัพเดท มีรูปเห็นหน้าชัดเจน
แล้วก็เลือกผู้หญิงไว้ก่อน เพื่อนใหม่ที่ตกลงจะร่วมทริปกับเรามี 2 คน
- ROBERT มาจากนอร์เวย์ คือแบบเช่ารถไว้แล้ว คือคิดว่าถ้าไม่เจอคนหารก็จะขับเที่ยวคนเดียว โอ้วโหว เหงาไปอีก งั้นดีเลยมาเที่ยวด้วยกัน
- LUCIE มาจากสวิสเซอแลนด์ เป็นคนเดียวที่พก lonely planet มาด้วย แล้วก็เป็นคนนำทางตลอดทริป อิอิ นิสัยดี น่ารักมาก
แล้วเราสองสามคนก็หารค่ารถกัน เฉลี่ยแล้วคนละ 250 Euro
/ 010 /
ไส้กรอกแบบ Icelanddic
ไส้กรอกหน้าตาบ้านๆ แต่มันอร่อยมากๆๆๆๆ หากินได้ทั่วไป
อารมณ์แบบไส้กรอกที่ IKEA อ่ะ แต่ที่นี่จะใส่หอมหัวใหญ่
หอมเจียว แล้วก็ราดซอส ราคาประมาณ 440 ISK (130 บาท)
/ 011 /
BLUE LAGOON
ไฮไลท์สำคัญของไอซ์แลนด์ !! บลูลากูนนน คือน้ำสีฟ้าน่าลงไปว่ายมากจิงๆ แต่ต้องแย่งชิงกับ อากงอาม่ากันนิดนึงนะ
คือจะมีความวุ่นวายมากกกกก ใน Hall ทางเข้า แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้า แล้วก็เช็คสภาพอากาศให้ดี
ไปว่ายน้ำแบบฟ้าครึ้มก็ไม่ดีนะเออ
*more info
- ซื้อตั๋วออนไลน์ ได้จาก http://www.bluelagoon.com/blue-lagoon-spa/ ราคาเริ่มต้น 40 Euro น้าา
เรื่องยังไม่จบน้าา เลื่อนลงมาเร็วเข้าๆๆ
อ่านต่อความคิดเห็นที่ 4 ค่าาา