[CR] Road Trip From Sweden to Norway : Oslo - Aurlandsvangen(ล่องเรือชมฟยอร์ด) - Undredal - Fläm - Gudvangen - Vang



สวัสดีครับ ทริปนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวนอร์เวย์กันครับ โดยเราจะไปกันทั้งหมด 4วัน3คืน ขับรถจากเมืองHalmstad,Sweden ไปยังนอร์เวย์ครับ แผนการเดินทางประมาณนี่ครับ
Day1 Halmstad,Sweden > Oslo,Norway
Day2 Oslo > Fläm > Undredal > Aurlandsvangen
Day3 Aurlandsvangen(ล่องเรือชมฟยอร์ด) > Gudvangen > Vang
Day4 Vang,Norway > Halmstad,Sweden
ระยะทางรวมทั้งหมดประมาณ1550กิโลเมตร
เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปใหญ่ ไปกันทั้งหมด12คน การเช่ารถขับจึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด เลยเกิดเป็น Road Trip ในครั้งนี้ครับ

- การเช่ารถที่ต่างประเทศ สิ่งที่ต้องเตรียมคือใบขับขี่สากล Passport บัตรเครดิตสำหรับสำรองล๊อควงเงินประกันรถ
- ใบขับขี่สากลมี2แบบคือแบบอนุสัญญาเจนีวากับอนุสัญญาเวียนนา ไปประเทศไหน ให้ศึกษาดูครับว่าใช้แบบไหน ส่วนสวีเดน นอร์เวย์ ใช้ได้ทั้งสองแบบ ถ้าประเทศไหนใช้ได้ทั้ง2แบบ เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้ทำแบบเวียนนาครับ เพราะจะมีอายุบัตรสูงสุด3ปีครับ(จะหมดอายุพร้อมใบขับขี่ไทย)
- บางบริษัทเช่ารถ ถ้านำรถออกนอกประเทศ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมด้วยครับ ของผมเช่ากับบริษัทSixt ไม่มีค่าข้ามประเทศสำหรับขับไปนอร์เวย์และเดนมาร์กครับ และถ้าจะสลับกันขับ ต้องแจ้งชื่อคนที่จะขับให้บริษัททราบด้วยครับ เพื่อความปลอดภัยและมีผลกับประกันอุบัติเหตุครับ

สำหรับทริปนี้ เราจะเช่าทั้วหมด3คันครับ ได้รถเป็น BMW 330e Touring 2คัน BMW X1 1คันครับ (ของผมขับBMW 330e Touring สีเทาครับ)

รถที่ได้มาใหม่มาก คันสีเทาของผมกับคันสีดำเลขไมล์แค่300กิโลเท่านั้น!!!ฟีลรถป้ายแดงเลย😂 ค่าเช่ารถวันละประมาน2700บาทไทยต่อคันครับ

รับรถมาแล้ว ขนของขึ้นรถกันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกันได้เลยครับ😊

บรรยากาศถนนสายหลักของประเทศสวีเดนครับ เปรียบเทียบที่ไทยก็ถนนเพชรเกษม ถนนมิตรภาพครับ ปลายทางวันนี้ Oslo,Norwayครับ ระยะทาง450กิโลเมตรครับ

- พูดกฎจราจรในต่างประเทศ พื้นทางก็เหมือนกันครับ ขับรถไม่เกินความเร็วที่กำหนด แต่ที่นี้จะเข้มงวดมากกว่าครับ เพราะมีกล้องค่อนข้างเยอะ และถ้าเกินความเร็วที่กำหนด ค่าปรับจะแพงมากครับ เริ้มต้น 1500SEK(5000บาท)และยิ่งเกินเยอะ ก็ยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆครับ ไม่เหมือนไทยที่เกินมากเกินน้อย ราคาเท่ากันครับ ถ้าเกินมากๆโดนยึดขับใบขี่และอาจต้องขึ้นศาลครับ ข้อแนะนำคือ ความตามที่ป้ายกำหนดความเร็วกำหนด  และ กด Adaptive Cruise Controlครับ มันจะปรับเองตามโซนที่เราขับครับ ค่อนข้างแม่นเลยทีเดียว
- ที่สวีเดนที่สวีเดนจะมีเก็บค่าธรรมเนียมผ่านเมืองใหญ่ครับ จะมีเมืองStockholmกับGothenburgครับ ประมาน120บาทครับ
- Oslo,Norway เนื่องจากเป็นเมืองหลว จราจรหนาแน่น และ นโยบายสิ่งแวดล้อมของนอร์เวย์ จะมีเก็บค่ามลพิษเข้าเมืองOsloโดยจะแบ่งเป็น3ชั้น แต่ละชั้นจะมีด้านตามจุดต่างๆ ผ่านตรงไหน ก็โดนหักเงินตรงนั้น ขับรถดีเซลค่าธรรมเนียมแพงสุด รถยนต์ไฟฟ้าค่าธรรมเนียมถูกสุด รวมๆแล้ว ไปกลับผ่านOsloหมดไปคันละ900บาทได้ครับ
- การจ่ายค่าธรรมเนียม ไม่มีด่านครับ ใช้ระบบอัตโนมัติ(เหมือนM Flowบ้านเรา) เราต้องเครื่องหักเงินติดกระจกจากบริษัทเช่ารถ หรือลงทะเบียนรถออนไลน์ครับ ผ่าน https://www.epass24.com ครับ ลงทะเบียนครั้งเดียว ใช้ได้2ประเทศ ครับ


ถึงเวลาแวะพักทางมื้อเที่ยงครับ ร้านMAX Burger เป็นร้านเบอร์สัญชาติสวีเดนครับ รสชาติดีครับ เนื้อจะหอมกว่าเจ้าอื่นๆ มีเบอร์เกอร์หลายแบบให้เลือกเป็นคู่แข่ง Burger King McDonald เลยครับ🤣

จากนั้นขับรถกันต่อครับ

ถึงแล้วครับ Oslo,Norway
พูดถึงเรื่องขับรถครับ โรงแรมในOsloจะไม่ค่อยมีที่จอดรถครับ ถ้ามีก็จะเก็บเงินค่าจอดครับ ราคาก็จะไม่เท่ากัน แล้วแต่ที่ สูงสุดที่เห็นคือคืนละ550NOK(1700บาท)ต่อคัน ส่วนของผมคืนละ330NOK(1000บาท)ต่อคัน(หักส่วนลดลูกค้าโรงแรมแล้ว เพราะที่จอดรถ เป็นของห้างครับ)และแต่ละที่ที่จอดมีไม่มากนะครับ บาวที่มีโอกาสเต็มสูง ฉะนั้นใครมรแพลนมาเที่ยวออสโล มารถสาธารณะดีกว่าครับ😊
ส่วนโรงแรมที่เราพักในคืนนี้ พักที่ Scandic Byporten ครับ โรงแรมอยู่ในห้าง Byporten ติดกับ สถานีรถไฟ Oslo Central Station อยู่ใจกลางเมือง ถือว่าเดินทางสะดวกเลยครับ ทั้งเที่ยวและขึ้นรถไฟครับ

เช็คอิน เก็บกระเป๋าเสร็จ เราจะไปเดินชมเมืองOsloกันต่อครับ ตอนนี้16.30แล้ว เวลามีจำกัดครับ

ที่แรกครับ อยู่ใกล้ๆที่พักเลย ประมาน 600 เมตร Oslo Opera House ครับ แลนด์มาร์คสำคัญของOsloเลยครับ ไม่มาเหมือนมาไม่ถึงOsloครับ
Oslo Opera House เป็นศูนย์แสดงโอเปร่าและบัลเลต์แห่งชาติของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ริมน้ำย่านบียอร์วิกา ใจกลางกรุงออสโล ตัวอาคารกว้างใหญ่กว่า 49,000 ตารางเมตร มีห้องกว่า 1,100 ห้อง โรงละครหลักจุ 1,364 ที่นั่ง ภายนอกปูหินอ่อนคาร์ราราจากอิตาลีและแกรนิตสีขาว ดูราวกับลอยขึ้นจากน้ำ
รัฐสภานอร์เวย์อนุมัติการสร้างในปี 1999 และเลือกแบบของสถาปนิก Snøhetta เริ่มก่อสร้างปี 2003 เสร็จปี 2007 เร็วกว่ากำหนดและใช้งบน้อยกว่าที่ตั้งไว้ เปิดใช้อย่างเป็นทางการวันที่ 12 เมษายน 2008 ปีแรกมีผู้เยี่ยมชมกว่า 1.3 ล้านคน และคว้ารางวัลสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติทั้งในปี 2008 และ 2009
ข้อสังเกต ที่นอร์เวย์นกพิราบเยอะมากเลยครับ โดยเฉพาะริมทะเล แต่นกทุกตัวจะมีแท็กที่ข้อเท้าทุกตัวครับ

- รูปซ้ายบน คือ Munch Museum
Munch Museum ก่อตั้งขึ้นเพื่อเก็บรักษาและจัดแสดงผลงานของศิลปินเอกชาวนอร์เวย์ เอ็ดวาร์ด มุนค์ (Edvard Munch) ผู้วาดภาพ “The Scream” มุนค์ได้ยกผลงานศิลปะ ภาพพิมพ์ ร่างภาพ รวมถึงเอกสารส่วนตัวจำนวนมากให้เมืองออสโล พิพิธภัณฑ์เดิมเปิดครั้งแรกในปี 1963 ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 100 ปีชาตกาลของศิลปิน ภายหลังเมืองออสโลได้สร้างอาคารใหม่ชื่อ MUNCH ริมน้ำย่านบียอร์วิกา เปิดเมื่อเดือนตุลาคม 2021 เพื่อรองรับผลงานกว่า 26,000 ชิ้น พื้นที่จัดแสดงมีขนาดใหญ่และออกแบบทันสมัย ทำให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางศิลปะสำคัญของนอร์เวย์และสถานที่เก็บรวบรวมผลงานมุนค์ที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก แต่มีค่าเข้าสำหรับขึ้นชมด้านบน ข้างล่างจะเป็นร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกครับ ตึกอยู่ติดกับ Oslo Opera House ครับ
- รูปขวาบน อยู่ติดกับ Munch Museum คือ Moren (The Mother) ครับ
Moren (The Mother) คือประติมากรรมขนาดใหญ่ของศิลปินชาวอังกฤษ Tracey Emin ตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ MUNCH ริมอ่าวบียอร์วิกา กรุงออสโล งานนี้เป็นรูปหญิงตั้งครรภ์นั่งคู้เข่า โอบแขนรอบท้อง แสดงถึงพลังของการให้กำเนิดและความรักแบบแม่ลูก หล่อด้วยบรอนซ์สูงราว 9 เมตร น้ำหนักประมาณ 18–19 ตัน ถือเป็นประติมากรรมชิ้นใหญ่ที่สุดของเอมิน พิพิธภัณฑ์Munchสั่งทำขึ้นเพื่อเปิดตัวอาคารใหม่ และเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการในเดือน ตุลาคม 2021 ชื่อ Moren (ภาษานอร์เวย์หมายถึง “แม่”) สื่อถึงความเป็นต้นกำเนิดของชีวิตและเชื่อมโยงกับธีมความรักและความเจ็บปวดที่ปรากฏบ่อยในผลงานของ เอ็ดวาร์ด มุนค์ ศิลปินผู้เป็นแรงบันดาลใจของพิพิธภัณฑ์
- รูปซ้ายล่างเป็นวิวมุมกว่างครับ
- รูปขวาล่าง เป็นจุดขึ้นเรือล่องชม Oslo Fjord แต่จะไม่สวยเท่า Fjordที่เราจะไปกันครับ ชื่อ Nærøyfjord ครับ


รูปขวาบน เป็น  Norwegian Parliament ครับ
รูปขวาล่ง เป็น Oslo Cathedral ครับ

บรรยากาศเมือง Oslo ครับ วันที่ อุณหภูมิ 17 องศาครับ อากาศกำลังดีเลย (ช่วงวันที่17-21เมษาครับเทศกาลอีสเตอร์ครับ)
ตึกสีน้ำตาลเขัมด้านซ้ายล่างคือ Oslo City Hall ครับ
ส่วนตึกสีครีม ด้านขวาล่าง คือ  Nobel Peace Center เป็นสถานที่มอบรางวัลโนเบลด้านสันติภาพครับ ส่วนการมอบรางวัลด้านอื่นๆและ Nobel Prize Museum จะอยู่ที่ Stockholm,Sweden ครับ

ที่นี้จะเป็น The Royal Palace ครับ หรือ พระราชวังหลวงออสโล
สร้างขึ้นช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19 เพื่อเป็นที่ประทับในนอร์เวย์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 14 จอห์น กษัตริย์เชื้อสายฝรั่งเศสผู้ครองราชย์ทั้งนอร์เวย์และสวีเดน ปัจจุบันเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของกษัตริย์นอร์เวย์ครับ ส่วนมกุฎราชกุมารประทับอยู่ที่ทำเนียบสกาวกุม (Skaugum) ในเมืองอัสเกอร์ทางตะวันตกของออสโล
หลังจากที่เราเดินเที่ยวมาหลายที่ ระยะทางรวมๆเกือบ3กิโลได้ ก็ถึงเวลามื้อเย็นครับ เราจะไปทานกันที่ Oslo Street Food ครับ เป็นแหล่วงรวมอาหารหลสยสัญชาติของออสโลครับ อยู่ใกล้ๆที่พักเราเลยครับ

บรรยากาศคล้ายบาร์ซะมากกว่า555 มื้อเย็นนี้ผมทานเป็นเฝอเวียตนามครับ รสชาติกลางๆครับ กินได้ ไม่ว้าวครับ แต่เหมาะกับอากาศตอนนี้ที่ฝนตกครับ

บรรยากาศตอนค่ำที่ออสโลครับ ประมาน 20.30 ครับ
จบโปรแกรมสำหรับวันแรกครับ ขอตัวกลับห้องไปนอนพักผ่อนต่อครับ พรุ่งนี้เราจะออกประมาน9.00เพื่อไปยังเมืองAurlandsvangen ประมานเกือบๆ400กิโลครับ ซึ่งเราจองที่พักติดFjordไว้เลยครับ วิวดีแน่นอนครับ รอชมกันต่อได้เลยครับ
ชื่อสินค้า:   Road Trip From Sweden to Norway : Oslo - Aurlandsvangen(ล่องเรือชมฟยอร์ด) - Gudvangen - Undredal- Fläm - Vang
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่