ปกติ ผมเป็นคนใช้บัตรเครดิต แล้วชำระยอดเต็มตลอด
รอบเดือน สิงหาคม ผมใช้ไป 51,663.33 บาท และ มีครบกำหนดชำระ 29 สิงหาคม
วันที่ 17 สิงหา ผมไปชำระไว้ก่อนเลย 40,000 บาท
และ วันที่ 30 สิงหา ผมไปชำระอีก 10,000 บาท
ด้วยความผิดพลาดของผมเอง ที่ลืมชำระเศษ 1,663.33 บาทไป
ผลปรากฏว่า มารอบเดือนนี้ มีค่าดอกเบี้ย 928.36 บาท !!!
ผมโทรไปสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร ... เค้าแจ้งผมว่า เนื่องจากผมชำระไม่ครบตามยอด 51,633.33 บาท (คือ ชำระขาดไป 1,633.33บาท)
เมื่อชำระไม่เต็มวงเงิน ระบบของธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจาก "ยอดเงินเรียกเก็บ" ของเดือนนั้น!!! (คือ คิดดอกเบี้ย จากยอดเงิน 51,633.33 บาท) ไม่ใช่ คิดจากยอดที่เราค้างชำระ (1,663.33 บาท)
ซึ่งเจ้าหน้าที่ call center ได้ยืนยันกับผมว่า เป็นวิธีการคิดปกติที่ CitiBank ใช้ทั่วไป (ยิ่งทำให้อึ้งว่า ประชาชน ตาดำๆที่อาจจะดูสลิปไม่ละเอียด จะโดนแบบนี้ไปกี่รายแล้ว????)
ตอนนี้ ผมเริ่มสงสัยถัดไปว่า
ฉะนั้น หากผมชำระแค่ 10% (คือชำระขั้นต่ำ)
หรือ ผมชำระ 97% (50,000/51,663=97%)
หรือ แม้แต่ 99% (51,146บาท คงค้างชำระ 517บาท) ก็จะมียอดเรียกเก็บดอกเบี้ยเท่ากันหรอ????? (คือ 928.36บาท)
ผมมองว่า โดยหลักการแล้ว ธนาคารควรจะคิดจาก "ยอดค้างชำระ" ไม่ใช่ จาก "ยอดเรียกเก็บ" เพราะ ผมได้จ่ายไปแล้ว 50,000บาท แทบจะเรียกว่า เกือบทั้งจำนวนด้วยซ้ำ (เหลือค้างไม่ถึง 4% ของยอดเรียกเก็บ ด้วยซ้ำ)
[100*(1,633/51,633) = 3.16%]
หากคิดจากยอดค้างชำระ 1,633.33 บาท เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน มันน่าจะเป็นดอกเบี้ยไม่ถึง 100 บาทด้วยซ้ำไป !!!
ผมสงสัยว่า กรณีที่ธนาคารทำแบบนี้ เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไปไหมครับ? และมันถูกต้องตามกฎหมายไหมครับ?
วานผู้มีความรู้มาให้คำแนะนำด้วยครับ !!
พรุ่งนี้ ผมจะลองโทรเข้าไปหา สคบ. ดูว่า เค้ามองว่า การคิดคำนวนแบบนี้ ถูกต้องไหม? แล้วจะมาอัพเดทให้ฟังครับ
เพื่อประชาชนตาดำๆแบบเรา จะได้ไม่โดนเอารัดเอาเปรียบแบบนี้อีก
ผมเพิ่งรู้ว่าธนาคารทำแบบนี้ เพราะผมเพิ่งเคยพลาดครั้งนี้ ... เดี๋ยวผมคงไปจ่ายยอดนี้ + ใช้แต้มให้หมด แล้วปิดบัตรทิ้งเลย ... รู้สึกว่า แบงค์เอาเปรียบประชาชนมากๆๆๆๆ
บัตรเครดิต CitiBank -- ผมค้างชำระ 1,663บาท เพียงเดือนเดียว แต่โดนดอกเบี้ยไป 928บาท!!
รอบเดือน สิงหาคม ผมใช้ไป 51,663.33 บาท และ มีครบกำหนดชำระ 29 สิงหาคม
วันที่ 17 สิงหา ผมไปชำระไว้ก่อนเลย 40,000 บาท
และ วันที่ 30 สิงหา ผมไปชำระอีก 10,000 บาท
ด้วยความผิดพลาดของผมเอง ที่ลืมชำระเศษ 1,663.33 บาทไป
ผลปรากฏว่า มารอบเดือนนี้ มีค่าดอกเบี้ย 928.36 บาท !!!
ผมโทรไปสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร ... เค้าแจ้งผมว่า เนื่องจากผมชำระไม่ครบตามยอด 51,633.33 บาท (คือ ชำระขาดไป 1,633.33บาท)
เมื่อชำระไม่เต็มวงเงิน ระบบของธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจาก "ยอดเงินเรียกเก็บ" ของเดือนนั้น!!! (คือ คิดดอกเบี้ย จากยอดเงิน 51,633.33 บาท) ไม่ใช่ คิดจากยอดที่เราค้างชำระ (1,663.33 บาท)
ซึ่งเจ้าหน้าที่ call center ได้ยืนยันกับผมว่า เป็นวิธีการคิดปกติที่ CitiBank ใช้ทั่วไป (ยิ่งทำให้อึ้งว่า ประชาชน ตาดำๆที่อาจจะดูสลิปไม่ละเอียด จะโดนแบบนี้ไปกี่รายแล้ว????)
ตอนนี้ ผมเริ่มสงสัยถัดไปว่า
ฉะนั้น หากผมชำระแค่ 10% (คือชำระขั้นต่ำ)
หรือ ผมชำระ 97% (50,000/51,663=97%)
หรือ แม้แต่ 99% (51,146บาท คงค้างชำระ 517บาท) ก็จะมียอดเรียกเก็บดอกเบี้ยเท่ากันหรอ????? (คือ 928.36บาท)
ผมมองว่า โดยหลักการแล้ว ธนาคารควรจะคิดจาก "ยอดค้างชำระ" ไม่ใช่ จาก "ยอดเรียกเก็บ" เพราะ ผมได้จ่ายไปแล้ว 50,000บาท แทบจะเรียกว่า เกือบทั้งจำนวนด้วยซ้ำ (เหลือค้างไม่ถึง 4% ของยอดเรียกเก็บ ด้วยซ้ำ)
[100*(1,633/51,633) = 3.16%]
หากคิดจากยอดค้างชำระ 1,633.33 บาท เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน มันน่าจะเป็นดอกเบี้ยไม่ถึง 100 บาทด้วยซ้ำไป !!!
ผมสงสัยว่า กรณีที่ธนาคารทำแบบนี้ เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเกินไปไหมครับ? และมันถูกต้องตามกฎหมายไหมครับ?
วานผู้มีความรู้มาให้คำแนะนำด้วยครับ !!
พรุ่งนี้ ผมจะลองโทรเข้าไปหา สคบ. ดูว่า เค้ามองว่า การคิดคำนวนแบบนี้ ถูกต้องไหม? แล้วจะมาอัพเดทให้ฟังครับ
เพื่อประชาชนตาดำๆแบบเรา จะได้ไม่โดนเอารัดเอาเปรียบแบบนี้อีก
ผมเพิ่งรู้ว่าธนาคารทำแบบนี้ เพราะผมเพิ่งเคยพลาดครั้งนี้ ... เดี๋ยวผมคงไปจ่ายยอดนี้ + ใช้แต้มให้หมด แล้วปิดบัตรทิ้งเลย ... รู้สึกว่า แบงค์เอาเปรียบประชาชนมากๆๆๆๆ