แชร์เรื่องราว เผา เม้าท์มอยเพื่อนสนิทกันที่นี่เลยค่ะ

เรื่องมันมาจากกระทู้นี้ค่ะ http://pantip.com/topic/35586077

เรารู้สึกว่าเออ กิจกรรมนั้นมันทำให้เราได้เห็นเพื่อนแท้ ได้เพื่อนแท้มาคนนึง พอคิดถึงมัน เลยอยากจะมาเผามันให้ฟังค่ะ 5555

กระทู้นี้อาจจะตอบคำถามได้ว่า เพื่อนต่างเพศที่เป็นเพื่อนแท้ มันมีจริงๆ นะเออ

เพื่อนเรา สมมุติว่าชื่ออ๊อดละกัน เป็นผู้ชาย ส่วนเรา ขอสมมุติว่าตัวเองชื่ออะตอม และเป็นผู้หญิง 55555555+

พวกเรามาจากคนละจังหวัดค่ะ อิอ๊อดเป็นคนบ้านมีฐานะ มาจากโรงเรียนประจำจังหวัดใหญ่ด้วย เรียนเก่งด้วยนะ ฮีเคยได้ทุนไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นด้วย และมันก็บ้ามังงะ บ้าเกม ติดเกมตามประสาผู้ชายทั่วไป

ส่วนเรามาจากจังหวัดเล็กๆ โรงเรียนอยู่หลังเขา (หลังเขาตามตัวอักษรเลยค่ะ) เป็นเด็กกิจกรรมมากกว่า

ปี 1

พวกเราถูกจับแบ่งกลุ่มอยู่คนละกลุ่มค่ะ เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลของรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ก็ไม่ยากที่จะทำความรู้จักกัน อิอ๊อดเป็นผู้ชายไฮเปอร์ เป็นพวกชอบสร้างเสียงหัวเราะ คือไม่ได้เป็นตัวโจ๊กประจำคณะหรอกนะคะ แต่ถ้าให้มันออกไปทำอะไร มันก็ทำเต็มที่ บ้าบอขนาดไหนฮีก็บ่ยั่น เราเอง ตอนนั้นเป็นผู้หญิงที่มาแบบคนเดียว ไม่มีเพื่อนโรงเรียนเก่ามาเรียนคณะเดียวกันเลย เลยค่อนข้างเคว้ง ก็มีอิอ๊อดนี่แหละค่ะ ที่มาชวนคุย มาคอยไปไหนมาไหนด้วยตลอด จนกระทั่งเราได้กลุ่มเพื่อน ซึ่งก็เป็นผู้ชายล้วนเลย มีเราเป็นผู้หญิงคนเดียวในนั้น

ชีวิตสาวน้อยในกลุ่มเพื่อนผู้ชายก็ไม่มีอะไรมากค่ะ คือเราเป็นคนสนิทกับเพื่อนผู้ชายง่าย เพราะเราค่อนข้างลุย ไปไหนไปกัน ไม่ค่อยเรื่องมาก เราโชคดีด้วยที่ได้เพื่อนดี ตอนนั้นอยู่หอในค่ะ เพื่อนเราเกือบทั้งก๊กอยู่หอชาย 1 ส่วนเราอยู่หอหญิง 2 ถ้าใครเป็นเด็กมช. คงคิดภาพออก คือ พวกเราเดินไปเรียนด้วยกัน นั่งอ่านหนังสือ กินข้าวด้วยกันที่หอชาย แล้วพอนอกห้องเชียร์ (ถ้าห้องเชียร์ พวกเราจะกลับประมาณ 2 ทุ่มกว่า เผื่อเวลาปิดหอของผู้หญิงที่จะปิดก่อน 4 ทุ่ม) ก็เป็นพวกมันนี่แหละที่เดินไปส่งเรา แต่ถ้าไม่ว่าง อ๊อดจะไปเป็นเพื่อนเราเสมอ

อ๊อดไม่ชอบเรียนคณะเราหรอกค่ะ แต่มันหัวไว ตอนที่คนอื่นนั่งฟังบรรยาย มันก็จะนั่งวาดรูปการ์ตูนของมันไป วาดสวยด้วยนะคะ คนอื่นๆ ชอบมองมันแล้วส่ายหัว ทำนองว่ามันบ้า เพราะภายนอกมันเป็นคนที่ดูเหมือนไม่เอาอ่าว ไม่เอาอะไรสักอย่าง คอยบ้าบอทำหน้าตลกให้เพื่อนหัวเราะไปวันๆ แต่เอาจริงๆ พอได้มานั่งคุยกันเรื่องเป็นจริงเป็นจัง อ๊อดกลับเป็นคนที่มีความคิดดีมาก มากเสียจนเราเสียดายแทนเพื่อนหลายคนที่ไม่ได้รู้จักด้านนี้ของมัน

ตอนแรกเราก็ไม่ได้อะไรกับอ๊อดมาก กระทั่งตอนรับน้องขึ้นดอยนี่แหละค่ะ ที่เรากับอ๊อดได้เดินข้างกัน

เรากับมันจับมือกันเดินขึ้นตลอด ดันหลังกันบ้าง พากันคุย พากันเล่าเรื่องสารพัดที่คิดออก เพื่อให้ 14 กิโลนั้นผ่านไปเร็วๆ เรายังอัศจรรย์ใจจนเดี๋ยวนี้เลยว่ามันเป็นคนไม่ออกกำลังกาย วันๆ นั่งวาดรูป เล่นเกม ทำไมถึงมีแรงเยอะขนาดนี้

ตอนโค้งสปีริต มันจับมือเราไว้แน่น พอสิ้นเสียงบูม พวกเราก็พากันวิ่ง วิ่งขึ้นโค้งที่สูงชัน เหนื่อยสายตัวแทบขาด เราจวนเจียนจะเป็นลมแล้วด้วยซ้ำ แต่อ๊อดมันก็จับมือเราไว้แน่นมาก

คำพูดที่มันพูดกับเราตลอดทางขึ้นโค้งคือ "ไหวมั้ย ขึ้นไปด้วยกันนะ ไปด้วยกัน เราจะไม่ทิ้งแกไว้ ถ้าแกไหว เราก็จะขึ้นดอยไปด้วยกัน"

รับน้องขึ้นดอยอาจจะทำให้หลายคนเป็นแฟนกัน แต่เรากลับได้เพื่อนแท้มาคนหนึ่ง

มันพาเราขึ้นไปจนถึงยอดดอย มันเป็นคนดันหลังเราขึ้นไปบนพระธาตุ มันเป็นคนคอยพัดให้เรา เอาน้ำมาให้ดื่ม แม้จะมีไปคุยกับคนอื่น แต่มันก็ไม่ลืมคอยหันมามองดูเราตลอด มีเพื่อนหลายคนเป็นลม มันก็วิ่งไปช่วยเขา มีเพื่อนหลายคนเจ็บเท้า เป็นตะคริว มันก็วิ่งไปนวดเขา

มันทำให้เราแปลกใจจริงๆ ว่ามันเอาแรงมาจากไหนมากมาย

ตอนลงดอย พวกเราก็เดินจับมือกันลงเหมือนเดิม จริงๆ ปี 1 ไม่ต้องเดินลงก็ได้ แต่พวกเราก็เลือกที่จะเดินลง จำได้ว่าลงตอน 4 โมงเย็น แต่ถึงข้างล่างประมาณทุ่มกว่า

ตลอดทางเดินลง มันกับเรายังเดินด้วยกัน จับมือกันเอาไว้ เล่าเรื่องตลก เรื่องทุกข์ใจ เรื่องอนาคต เรื่องความฝัน เรื่องที่บ้าน เรื่องสารพัดที่จะเอามาเล่าให้ฟังได้ ร้องเพลง แหกปากตะโกน คอยช่วยเพื่อนที่เมาเหล้าด้วย (รุ่นเรายังไม่ห้ามเอาของพวกนี้ขึ้นค่ะ หลังๆ มีห้ามแล้ว)

พอลงมาถึง มันยังอุตส่าห์ให้เรานั่งพัก ส่วนมันเหรอ วิ่งต๊อกๆ ไปเอามอเตอร์ไซค์มารับเราไปกินสุกี้หลังมออีก ไม่รู้อึดมาจากไหนสิน่า 55555

ถึงแม้ว่ากิจกรรมนั้นจะทำให้เราได้เพื่อนเพิ่มมาอีกหลายคน แต่เราก็ยังสนิทกับอ๊อดที่สุด รู้สึกเหมือนได้เจอตัวเองเวอร์ชั่นผู้ชายอ่ะค่ะ อ๊อดมันก็บอกเหมือนกันว่าถ้ามันเป็นผู้หญิง ก็คงเป็นแบบเรานี่แหละ 55555

ต่อมา อ๊อดเริ่มเอาเพื่อนผู้หญิงต่างคณะมาแนะนำให้รู้จัก นัยว่าเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนม.ปลาย ตอนนั้นเราก็เฉยๆ นะ มีแซวมัน แต่มันก็ปฏิเสธทั้งๆ ที่หูแดง หน้าแดงว่าเป็นแค่เพื่อนจริงจริ๊งงงง...(ขอสมมุติชื่อเพื่อนผู้หญิงคนนี้ว่านิวนะคะ) นิวก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ

เราก็เอาเลย เพื่อนกันเฉยๆ ใช่มั้ย เราคอยสังเกตอิอ๊อดอยู่อีกเป็นเดือนค่ะ ก่อนจะลองพิสูจน์ทฤษฎีดู

ด้วยการชวนอิอ๊อดไปร้องคาราโอเกะ

อ๊อดไปค่ะ ไปร้องกับเรา ได้สักพักมีโทรศัพท์เข้า ปรากฎว่าเป็นนิวโทรมา มันออกไปคุยข้างนอกสักพักก็เข้ามาาหาเรา ทำสีหน้าเหวอๆ แล้วบอกว่า

"แก นิวร้องไห้ว่ะ"

เรานี่หัวเราะเลยค่ะ ทั้งตลกทั้งสะใจพวกปากแข็งทั้งคู่ อ๊อดมันยังงงอยู่ว่าทำไมนิวถึงร้องไห้ เราเลยตบหัวมันไป บอกมันว่าก็เพราะเขาชอบแกน่ะสิ

มันเหวอรอบสองค่ะ หน้าตาโคตรตลกเลย

สุดท้ายเราเลยนั่งจับเข่าคุยกับมันว่า เราสังเกตท่าทางเวลาพวกมันอยู่กันสองคนแล้ว มันดูมากกว่าเพื่อนชัดๆ แล้วก็ยุให้มันเดินหน้าจีบเลย มันก็ทำท่าลังเลไม่แน่ใจ สุดท้ายก็รับปากเราว่าจะลองดู

อีกวันถัดมา มันวิ่งมาหาเราพร้อมกับบอกด้วยสีหน้างงๆ ว่า "แก ฉันกับนิวเป็นแฟนกันแล้วว่ะ"

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่