รับน้อง มนุษย์ลุง-ป้า กราบวนไป!! จำเลยรักเมืองไทยและผู้ใหญ่รุ่นศักดินา

สังเกตไหมครับว่าข่าวเมืองไทยช่วงนี้แซบสะ(ท้อน)ใจคนอ่านมากๆ
ผู้ใหญ่ตบหัวเด็กประถม ดึงกางเกงเด็กมัธยม สั่งจับคนอื่นแก้ผ้า สั่งกราบหน้าเสาธง สั่งกราบลูกให้ลูกจิกหัวเล่น กราบวนไป
นี่คือที่ออกข่าว ยังมีที่เหลือที่ซุกซ่อนอยู่ใต้บึงน้ำครำไม่โผล่มาให้เห็นอีกมากมาย

และผู้ใหญ่ก็บ่นว่า "เด็กสมัยนี้ช่างไม่เคารพผู้ใหญ่เหมือนสมัยก่อนเลย"

จากการสังเกตข่าว จะเห็นว่าผู้ใหญ่กลุ่มนี้จะอยู่ที่อายุประมาณ 40-65 ปี มักจะมีการศึกษาดีและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานพอสมควร และส่วนใหญ่จะอยู่ในอาชีพที่เรียกว่าเป็นเจ้าคนนายคน ในอดีต อาชีพเหล่านี้เคยได้รับการนับหน้าถือตาเป็นอย่างดีกันทั้งนั้น

ทำให้ผมสงสัย อะไรเป็นสาเหตุทำให้ผู้ใหญ่ ที่มีสติ มีวุฒิภาวะ และมีความสามารถความพยายามมากพอจะมาถึงจุดเหล่านี้ได้ สติแตกเอากับเรื่องเล็กๆ

ผมมาสะดุดเอากับแพทเทิร์นของจำเลยรัก (Stockholme Syndrome) ในการรับน้อง
รุ่นน้องมาถึง ถูกตบจูบโดยรุ่นพี่ ทารุณทรมานต่างๆ นาๆ สุดท้ายแล้วก็กลมเกลียวกัน แถมยังรักพี่อีกต่างหาก
(เชิญคุณลงฑัณฑ์ บัญชา.... จนสมอุราจนสาแก่ใจ.... จิกหมอนวนไปครับ แฟนละครทั้งหลายทั้งปวง)
รุ่นพี่ซึมซับความรุนแรงมาจากไหน ถ้าไม่ใช่รุ่นก่อนหน้า ตอนที่โดนตบตีเอาขรี้ป้ายนั้น ภายในสำนึกส่วนลึกในห้วงจิตใจอันผ่องแผ้วของเยาวชน คงมีไม่น้อยที่คิดว่า [ฮึ่ม อย่าให้ถึงทีกุบ้างละยิ้ม]
เมื่อรุ่นต่อไปเข้ามา รุ่นน้องเหล่านี้ก็วิวัฒนาการกลายเป็นไรจู... เอ้ย เป็นรุ่นพี่ สำแดงความเหี้ยมโหดอำมหิตจิตวิปลาสให้รุ่นน้องรุ่นต่อไปได้ชื่นชมราวกับน้านกสินจัยแห่งทายาทอสูร

เรามาดูกระทู้ที่คุยเรื่องการลงโทษของพ่อแม่กันบ้าง
ถ้าใครได้อ่านมู้นี้ เราจะเห็นว่า พ่อแม่ไทยหลายคู่ มีความเมามันส์ในอารมณ์ไม่ต่างจากรุ่นพี่ที่รับน้องเลย
ถีบตกใต้ถุน ฟาดจนเนื้อแตกเป็นริ้ว มัดกับขื่อบ้าน จนไปถึงการทารุณทางอารมณ์ เช่น แกล้งเห็นลูกไม่มีตัวตน ไม่พูดด้วยเป็นสัปดาห์
ลูกๆ ก็ยังบอกว่า [ทุกวันนี้ก็ยังรักพ่อแม่ ถ้าวันนี้พ่อไม่มัดมือโยงกับต้นขนุนเอาขี้หมายัดปากแล้วช็อตไฟฟ้าเพราะหนูเอาเหล้าแบล็คพ่อไปรดแปลงผักชี หนูก็คงมิได้ดีเจริญรุ่งเรืองมาถึงทุกวันนี้]
อันนี้มันเลวร้ายกว่ารับน้องอีก เพราะเป็นการทำร้ายเด็กที่ไม่มีทางสู้ และเป็นเด็กที่กำลังเรียนรู้บทบาทของตนเองต่อโลกภายนอก

งานวิจัยหลายฉบับเห็นตรงกันว่า เด็กที่ถูกทารุณกรรมจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาทางอารมณ์ และมีแนวโน้มสูงมาก ที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่รังแกและทารุณคนที่ด้อยอำนาจกว่าต่อไปไม่สิ้นสุด ที่ลิงค์มานี้เป็นงานวิจัยที่มีคนอ้างอิงถึง 1057 ครั้งครับ
http://psycnet.apa.org/journals/ort/57/2/186/

เราจะเริ่มเห็นรูปแบบของการเติบโตของสังคมไทยแล้วใช่ไหมว่า ทำไมผู้ใหญ่บางคนถึงอยากจะใช้อำนาจควบคุมคนอื่นนัก

แต่ช้าก่อน ทำไมมันเพิ่งมาเป็นปัญหาเอายุคนี้ล่ะ ทำไมเมื่อสามสิบปีก่อนเรื่องพวกนี้ไม่เห็นเกิดขึ้นเลย
อันนี้ผมเดาได้ด้วยสองสาเหตุครับ

สาเหตุแรกคือ มันก็คงพอมีบ้าง แต่ในยุคที่สื่อออนไลน์ไม่สะพรั่งขนาดนี้ เรื่องพวกนี้ก็หลบผีปอบเข้าหายลงตุ่มไปหมด คนที่โดนครูใหญ่ตบหัว ผู้ใหญ่บ้านลงแส้ อาจารย์สั่งกราบ ก็บีบเนื้อบีบตัวเป็นอีเย็นรับชะตากรรมกันต่อไปให้น้ำตาตกพื้นปาร์เก้ ไม่ร้องแรกให้ขายขี้หน้าตัวเองและให้โดนมิใช่น้อยกว่านี้

ประการที่สองคือ เด็กยุคนี้ดื้อ เพราะสมัยปัจจุบันวัฒนธรรมชาติอื่นเข้ามาผสมปนเปและแสดงให้เห็นถึงรูปแบบสังคมที่หลากหลาย ทำให้เด็กกล้าคิด กล้าพูด กล้าเถียง ซึ่งผู้ใหญ่ยุคนี้หลายกลุ่มที่คิดว่า "ฉันมีสิทธิ" ก็เลยร้อนรนทนไม่ได้
[...ตอนเด็กๆ ฉันก็ถูกทารุณนะ ฉันถูกทารุณมาจนได้ดีขนาดนี้ มาบัดนี้ฉันโต มีอำนาจแล้ว ทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้....]
ณ จุดๆ นี้ จิตใจคนเราจะหาเหตุผลมาได้สองประเภท คือ
[...ฉันต้องลงแส้เด็ก เด็กมันจะได้ดีเหมือนฉัน] กับ
[...ถึงตาฉันแล้ว อุปสรรคนิดหน่อยฉันไม่แคร์ ฉันทนมามากเพื่ออำนาจ และฉันก็จะใช้!!]
สังเกตไหมครับ ว่าไม่ว่าทางไหนก็ส่งไป Story line ของนางอิจฉากรี๊ดแตกตามละครหลังข่าวทั้งนั้น ความซวยก็อยู่ที่เด็กและผู้น้อยนี่เอง

ทั้งนี้ ผมยังหาวิธีแก้ไม่เจอ นอกจากการสื่อสารกันให้เข้าใจ ให้ผู้ใหญ่รุ่นเดียวกันช่วยกันพูดและเตือนกันเอง ว่าการลงโทษหรือแสดงอาการยังไงมันเกินกว่าเหตุ มันละเมิดสิทธิ หรือไม่ถูกต้อง เพราะเด็ก หรือผู้ใหญ่ตอนต้นอย่างผม เตือนไปยังไงเขาก็ไม่ฟังเพราะว่า...

"...เมื่อเธอเติบโตแล้วเธอจะเข้าใจ...

ว่าทำไมฉันสั่งให้เธอกราบหน้าเสาธง... ทำไมฉันบรรจงตบบ้องหู... ทำไมฉันถึงดูเหมือนคนบ้า... ทำไมฉันจับเธอแก้ผ้า... ฉันทำไปเพราะความรักล้นใจ เพราะอยากให้เธอดูดีมีศักดิ์ศรีชาติตระกูล และสืบสานวัฒนธรรมไทย

และเธอ...
คือทายาท...
คนต่อไป...ไป... ไป...ไป..."

ขอบพระคุณที่ฟังคนบ้าพล่ามครับ มีความเห็นอะไรคัดค้านหรือแสดงกันได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาสังคม ปัญหาครอบครัว บทความ มหาวิทยาลัย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่