Capture 2 "Birth" สิ่งที่ดีได้เกิดขึ้น
สิ่งที่ยังคงทุ้มอยู่ในใจ คือ การที่เดินออกมาจากเมืองจอร์จทาวน์อย่างไม่รู้ว่าจะดีใจที่ได้ไปให้พ้นๆ หรือเศร้าใจกับที่ต้องจากไปรัฐอื่น แต่ทั้งหมดในความรู้สึกลึกๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าใจหายอยู่เหมือนกัน เพราะผมมีความทรงจำที่น่าจดจำในเรื่องของมิตรภาพในการเดินทางยังคงฝากไว้ที่เมืองนี้อยู่ นี่แหละทำให้คนท่องเที่ยวยิ้มได้เมื่อนึกถึงประสบการณ์ยังวันวานที่ผ่านไปเป็นเหมือนวีดีโอที่แสดงภาพอยู่ในหัวที่วน Loop ไม่รู้จักจบจักสิ้น (ยิ้ม)

แปบเดียวเท่านั้น..ระหว่างที่นั่งครุ่นคิดกับอดีตที่ผ่านไป เรือก็มาจอดที่ฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธซะแล้ว ผู้คนยังเบียดเสียดลง และขึ้นเรือเฟอร์รี่อยู่เสมอไม่ขาดสาย แม้แต่วันธรรมดาก็ตามยังคงมีจำนวนที่มากอยู่ ผมเดินไปเรื่อยๆตามป้ายที่ชี้ไปยังท่ารถเมล์ระหว่างรัฐเพื่อเดินทางไปยังรัฐเประ เมืองอิโปห์
ในระหว่างการเดินไป พบว่า รัฐปีนังกำลังจะรวมการคมนาคม 3 อย่าง คือ เรือ รถไฟ และรถเมล์ เข้าไว้ด้วยกัน เป็นสิ่งที่ดีงามมาก เพราะจะช่วยลดเวลาการเดินทางของนักท่องเที่ยวไปได้เยอะ มาที่เดียวแล้วจบ ซึ่งปกติแต่ละสถานีไม่ได้เชื่อมถึงกันทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก และของยังหนักอีกด้วย กว่าจะไปถึงที่พักก็แห้งเหี่ยวไม่มีกะจิตกะใจเที่ยวกันพอดี

"สิ่งที่ดีได้เกิดขึ้น"
ในความเงียบของการเดิน เสียงฝีก้าวเล็กๆที่ได้ย่ำบนพื้นซีเมนต์มันสะท้อนเข้ามาในหู ผมรู้สึกถึงความเคว้งอีกครั้งที่ต้องหารถเมย์ไปยังสถานีอิโปห์ เป็นจุดหมายปลายทางต่อไป มีทางเลือกระหว่างรถเมย์ และรถไฟ ผมเลือกรถเมล์เพราะอยากลองนั่งดูบ้าง และตั้งใจว่าขอสบายๆ หน่อยแล้วกันเป็นวี ไอ พี (Vip) ความคาดหวังเพราะติดความสบายจากการบริการที่ยกระดับของประเทศไทย ทำให้เริ่มยิ้มออกมาว่า น่าจะได้ความสะดวกสบายตลอดการเดินทางไปยังรัฐเประ เมืองอิโปห์ก็เป็นได้
ในเวลานั้นตกใจมากที่มีทหารเข้าเดินเข้ามาหา ตอนแรกนึกในใจ " Ship หาย แน่ๆ" เพราะว่าผมเดินก้มๆ เงยๆ ส่องกล้องถ่ายภาพไปทั่ว กำลังคิดหาคำอธิบายว่า "ขอโทษสำหรับการถ่ายรูป" แต่ป่าวเลย...พี่ทหารเข้ามาช่วยยกกระเป๋าเดินลงจากบันไดที่สูงมากๆ ขอบคุณจริงๆ เป็นความประทับใจที่อยากส่งต่อนะ

ให้เดินตามป้ายชี้มาเรื่อยๆ จะเจอท่ารถเมล์ ส่วนเรื่องแผนที่ตอนนี้ยังไม่แน่นอน เพราะทางเดินจะถูกปรับเปลี่ยนไปตามการก่อสร้างอาคาร แต่ที่แน่ๆ คือให้เดินไปตามป้ายที่ติดไว้ก็แล้วกัน ซึ่งท่ารถเมย์จะมีป้ายบ่งชี้ที่หน้าทางเข้าประตูว่า เค้าเตอร์ ทิกเก็ต (Kaunter Tiker)
สะกดตรงตัวตามแบบภาษามาเลเซีย ซึ่งท่ารถจะอยู่ตรงข้ามพอดีกับสถานีรถไฟ ถ้าเลี้ยวผิดซอยไปโผล่สถานีรถไฟก็ให้ลงมาชั้นล่าง แล้วเดินลัดตรงมาก็จะเจอท่ารถพอดี ไม่ต้องตกใจไปนะ เดินมายังไงก็ไม่หลงแน่ๆ เพราะอยู่ใกล้กันมากๆ

ป้ายบ่งชี้มาถึงท่ารถจะมีสัญลักษณ์เป็นรูปรถเมล์ เดินตรงมาเรื่อยๆ ก็ถึงเอง ส่วนถ้าจะขึ้นรถไฟให้ดูสัญลักษณ์เป็นรูปรถไฟ เดินแยกเลี้ยวไปทางซ้ายก็ถึงพอดีเช่นกัน

ท่ารถเมล์อารมณ์เหมือนหมอชิตบ้านเรา มีรถเมล์ให้เลือกหลายบริษัท และจูงใจลูกค้ามีจับมือเดินไปซื้อด้วย และบางเจ้ายังสามารถพูดภาษาไทยได้ แสดงว่ามีคนไทยไปเที่ยวเยอะจริงๆ เป็นรัฐเประ เมืองอิโปห์ที่ต้องไม่พลาดเลยนะ

"ราคาตั๋วรถเมล์ถูกกว่าตั๋วรถไฟ" เป็นเรื่องจริง ค่าตั๋วรถเมล์ของบริษัทแห่งหนึ่ง ผมจ่ายไป 15 ริงกิต ถึงจะราคาแพงสักหน่อย แต่เป็นเบาะ 3 ที่นั่งแบบ Vip รับประกันจากคนขายตั๋ว(พูดภาษาไทย) ว่ากว้างมาก และนุ่มสบายเหมือนเมฆ จากนั้นคนขายตั๋วให้เดินออกไปรอรถเมย์ที่ท่ารถ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการไปขึ้นรถรอบบ่าย 3 ที่จะถึงในอีก 30 นาทีนี้แล้ว

ราคาเครื่องดื่มอัดลมราคากระป๋องละ 1 ริงกิต ซึ่งจะบอกว่าถูกมากๆ อย่างน้อยต้องจัดคนละ 2 กระป๋องกับอากาศร้อนๆต้องได้ดื่มเพื่อกระตุ้นความสดชื่นกันหน่อยแล้ว (อากาศร้อนจริงๆ พยายามอยู่ในร่มไว้นะ)

ตอนนี้ 2.25 เหลืออีกแค่ 5 นาที แต่แปลกใจทำไม? รถยังไม่เข้าท่ารถสักที ผมเดินย้อนกลับไปถามที่เค้าเตอร์อีกครั้ง
"ตกรถ" ครับ
...งงมาก เริ่มเครียดเพราะกลัวไปถึงแล้วจะมืด ไม่มีรถเข้าไปที่พักจะลำบากแน่ๆ
"ตกรถได้ไง! เหลืออีก 5 นาที"
ดีว่าที่เฉลียวใจ ไม่งั้นได้นอนเฝ้าบัตเตอร์เวิร์ธแน่ๆ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะคนขายตั๋วไม่ได้แจ้งไปให้กับทางรถรู้ว่าเรามาขึ้นรถระหว่างทาง ซึ่งในเมืองจอร์จทาวน์มีท่ารถอยู่อีกแห่งเหมือนกัน แต่ไม่รู้ตรงไหน? ซึ่งจุดนั้นเป็นต้นทางของรถเมล์ ขอบคุณที่เขายังมีความรับผิดชอบ โดยอาจจะลำบากสักหน่อย คือ ให้เราไปกับรถของอีกบริษัทหนึ่ง แล้วเปลี่ยนรถกันระหว่างทาง ให้นั่งไปชั่วคราวเท่านั้นเอง งานนี้ต้องวิ่งไปขึ้นรถที่กำลังออกกันแล้ว

เมื่อนึกถึงรถเมล์ Vip เดินทางระหว่างรัฐ เชื่อว่าหลายๆคนที่ติดรูปแบบการบริการเต็มรูปแบบของรถเมล์ไทยอย่างแน่นอน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่คิด แต่บอกตรงๆว่าคิดผิดอย่างมาก
ตอนที่ขึ้นรถเมล์คันแรกด้วยความที่ว่ารีบก็หอบกระเป๋าทุกอย่างไปหมดไม่ได้เก็บใต้ท้องรถแต่อย่างใด แต่พอคันที่ 2 ปุ๊บ คนขับมีหน้าที่แค่เปิดประตูให้เราขึ้นรถ
ด้วยความผิดพลาดอย่างไม่ตั้งใจที่ไม่ได้ศึกษาวัฒนธรรมและมารยาทเอง เราก็ชะเง้อไปถามที่ประตูรถว่า ทำไม? ไม่มีคนมาเก็บกระเป๋าให้ผมละ?
โดนด่า .... หน้าชามาก... ตอนนั้นรู้ว่าโดนด่า แต่เป็นภาษามาเลเซียฟังไม่ออกแต่กดดัน เราทำให้เขาช้า แล้วยังมาให้เก็บกระเป๋าให้อีก ตอนแรกคิดแบบนั้น เลยเปิดประตูรถเก็บเองก็ได้ แต่พอขึ้นมาบนรถเมล์ ไม่มีอะไรเลยแม้แต่ห้องน้ำก็ไม่มี ซึ่งรถเมล์ Vip แตกต่างจากรถทั่วไป คือ 3 ที่นั่ง และ 4 ที่นั่ง เท่านั้นเอง
การขึ้นรถเมล์เราเองต้อง Self service แปลว่า ช่วยตัวเองทุกอย่าง ตั่งแต่เอากระเป๋าใส่ใต้ท้องรถเอง (ต้องเรียงกระเป๋าให้ดีด้วยนะ) ไม่มีน้ำหรืออาหารใดๆทั้งสิ้น คุณแค่ต้องนั่ง และนั่งไปจนถึงสถานีปลายทาง
ทำให้นึกถึงรถเมล์วิ่งไปต่างจังหวัดของไทยเราขึ้นมาเลยว่า "รถเมล์บ้านเราซึ่งคนไทยรักความสบาย รถเมล์มีบริการทุกอย่างตั่งแต่เอากระเป๋าใส่ท้องรถ ดูหนัง ฟังเพลง ห้องน้ำ น้ำดื่ม ขนม แต่รถเมล์ที่มาเลเซียไม่มีอะไรสักอย่างเดียว"
ผมเฝ้าติดตามหลายรีวิวมากๆ แต่ก็ไม่มีหนังสือท่องเที่ยวเล่มไหน? ในอินเตอร์เน็ตใดๆ หรือสื่อ Social ที่จะแนะนำนักท่องเที่ยวให้ทำตัวอย่างถูกต้องในการโดยสารรถเมล์ระหว่างรัฐมาก่อน แต่ผมเชื่อว่าถ้าใครสักคนได้ติดตามจะเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับการวางแผนการเดินทางด้วยรถเมล์ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นครับ สำคัญคือ เตรียมน้ำ เตรียมขนมให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง อย่างน้อยน้ำขวดเล็กสักขวดติดมือไปด้วยก็ยังดีครับ เผื่อชุบฉับไว้ก่อน ทรมานหิวบนรถ...มันลำบากจริงๆนะ รถเมย์จะไม่จอดระหว่างทางด้วย

สำหรับรถ Vip 3 ที่นั่งมีข้อดีที่หาได้เจออย่างเดียวคือเบาะนุ่มจริง เบาะใหญ่ และเอนหลังได้สบายมาก รถเมล์(ส่วนใหญ่)จะเปิดแอร์จนฉ่ำ เข้าขั้นหนาวมากๆ เพราะด้วยความเป็นเมืองร้อน (มั้ง! 55) มักจะมีอะไรที่สุดโต่งมาล้อเล่นกับนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นกับวัฒนธรรมของคนมาเลเซียอยู่เสมอๆ แหละ แต่ก็ยอมรับได้เพราะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ดี

เผลองีบหลับ..ยาวๆได้สักตื่น อาจเพราะความเหนื่อยล้าจากการผจญภัยในสถานที่ไม่คุ้น เราใช้เวลาเดินทางมายังรัฐเประ เมืองอิโปห์ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ถือว่าได้งีบชาร์ทแบตไปในตัว ตื่นมาพร้อมกับความสดชื่น และสบายใจที่อย่างน้อยเราก็มาถึงรัฐเประ เมืองอิโปห์แล้ว ไม่รู้จะไปในตัวเมืองยังไง? แต่มาถึงแล้วก็สบายใจแล้วกัน

ตลอดทั้ง Google Map และรีวิวใน pantip เท่าที่ผมสืบค้นได้ ไม่มีข้อมูลการเดินทางจากสถานีรถอิโปห์ไปยังเมืองอิโปห์เลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เหงื่อซวยละ เริ่มออก! "อาการของเหงื่อซวยมีเหงื่อชุ่มตามมือ มือเย็น เหงื่อแตกไม่มีสาเหตุ ทั้งๆที่ตัวเย็นมากๆ"
ตอนนี้กำลังตกที่นั่งลำบากจริงๆ เพราะไม่มีข้อมูลใดๆ สำหรับการเดินทางเลย และไม่ไหวถ้าจะเดินเท้าไปให้ถึงในตัวเมืองอิโปห์ ความคิดแรก คือ เดินเข้าไปถามคนขายตั๋วรถว่าจะไปเมืองอิโปห์ต้องไปขึ้นรถที่ไหน?
โดนด่าหน้าชามาก..แถมยังโดนไล่ เพราะเขาให้เหตุผลว่าเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่จะต้องมาตอบคำถามแบบนี้กับคุณ?
อัพเซท อัพเซท (ไปไกลๆ รำคาญ!) หล่อนเหวี่ยงใส่พร้อมชี้หน้าอย่างมาก... รู้สึกแย่มากจริงๆ แต่ก็ถูกของหล่อนแหละ เพราะความไม่รู้
ตอนนี้เคว้งอีกครั้ง มันเงียบมาก เพราะไม่มีที่ไป อารมณ์ของคนหลงทางมันจะเข้าสู่โหงดเงียบ คือประมาณว่าตื้อๆ มองไปทางไหนก็หาทางออกไม่เจอ ทั้งๆที่เป็นปัญหาของเส้นผมบังภูเขาด้วยก็มีด้วยความไม่เข้าใจในวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนท้องถิ่นด้วย
อันดับแรกสำคัญสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ จัดการกับอารมณ์ ต้องไม่แสดงอาการว่าเรากำลังหลงทางเด็ดขาด เพราะมันทำให้เรารู้สึกแย่
และอันดับที่สอง เริ่มหาที่นั่งลงก่อน ที่มีคนเยอะๆ แล้วรอให้ใจเย็นๆ มองดูตามป้ายบ่งชี้ว่าอันไหนทางออกไปข้างนอก ป้ายไหนชี้ไปรถเมล์ หรือถามคนข้างๆว่าเขาจะไปทางไหน? เขาอาจจะช่วยบอกทางเราได้จริงๆ นะ

10 นาทีต่อมา หลังจากที่พอทำใจได้ และมีข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ลองพยายามให้ถึงที่สุดก่อนแล้วกัน ผมตัดสินใจเดินออกไปข้างหน้าสถานี Terminal Amanjaya มีแท็กซี่พยายามจะชวนขึ้นรถตลอดเวลา โดยให้ข้อเสนอว่าคิดเราราคาถูกๆ แต่ที่จริงไม่ราคาถูก(หลอก)นะ
หลอกไถ่ตังค์หนักมากมีหลายคนโดนพาขับอ้อม บางคนเดินมาเลย..บอกว่ารถเมล์หมดแล้วเหลือแต่รถแท็กซี่จะพาไปส่งให้ คิดราคาถูกๆ แต่เราต้องไม่แสดงอาการคล้อยตามเด็ดขาดเพราะจะตกเป็นเหยื่อได้
ที่จริงมีรถเมล์ และตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นมากที่ผมขึ้นรถเมล์ไปยังตัวเมือง ผมไม่แน่ใจว่ารถเมล์รอบสุดท้ายหมดเวลา 2 ทุ่มหรือป่าว แต่รับรองได้ว่ามีรถเมล์เข้าไปตัวเมืองอย่างแน่นอน แต่ถ้าอยากให้ชัวร์ก็นั่งรถไฟมาสะดวกกว่า

ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ให้คำปรึกษาสำหรับการเดินทางโดยสวัสดิภาพ
เอาตัวรอดในมาเลเซียตามรอยรีวิว ดับอนาจตั่งแต่ต้นทางถึงจุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่สิ่งสวยงาม (ร่วมรีวิวและแชร์) ตอนที่ 1
Capture 1 จุดเริ่มต้น..ปีนัง
http://pantip.com/topic/35432418
เอาตัวรอดในมาเลเซียตามรอยรีวิว ดับอนาจตั่งแต่ต้นทางถึงจุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่สิ่งสวยงาม (ร่วมรีวิวและแชร์) ตอนที่ 2
Capture 2 ในความเป็นอิโปห์เมืองต้องห้ามพลาด
http://pantip.com/topic/35579274
เอาตัวรอดในมาเลเซียตามรอยรีวิว ดับอนาจตั่งแต่ต้นทางถึงจุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่สิ่งสวยงาม (ร่วมรีวิวและแชร์) ตอนที่ 3
Capture 3 เคอล..บรินชาง บ้าจริง!
http://pantip.com/topic/35754063
ขอบคุณสมาชิกหมายเลข 934214
แก้ไขคำผิด
รถเมย์ แก้ไขใหม่ รถเมล์ ครับ
เอาตัวรอดในมาเลเซียตามรอยรีวิว ดับอนาจตั่งแต่ต้นทางถึงจุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่สิ่งสวยงาม (ร่วมรีวิวและแชร์) #2
Capture 2 "Birth" สิ่งที่ดีได้เกิดขึ้น
สิ่งที่ยังคงทุ้มอยู่ในใจ คือ การที่เดินออกมาจากเมืองจอร์จทาวน์อย่างไม่รู้ว่าจะดีใจที่ได้ไปให้พ้นๆ หรือเศร้าใจกับที่ต้องจากไปรัฐอื่น แต่ทั้งหมดในความรู้สึกลึกๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าใจหายอยู่เหมือนกัน เพราะผมมีความทรงจำที่น่าจดจำในเรื่องของมิตรภาพในการเดินทางยังคงฝากไว้ที่เมืองนี้อยู่ นี่แหละทำให้คนท่องเที่ยวยิ้มได้เมื่อนึกถึงประสบการณ์ยังวันวานที่ผ่านไปเป็นเหมือนวีดีโอที่แสดงภาพอยู่ในหัวที่วน Loop ไม่รู้จักจบจักสิ้น (ยิ้ม)
แปบเดียวเท่านั้น..ระหว่างที่นั่งครุ่นคิดกับอดีตที่ผ่านไป เรือก็มาจอดที่ฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธซะแล้ว ผู้คนยังเบียดเสียดลง และขึ้นเรือเฟอร์รี่อยู่เสมอไม่ขาดสาย แม้แต่วันธรรมดาก็ตามยังคงมีจำนวนที่มากอยู่ ผมเดินไปเรื่อยๆตามป้ายที่ชี้ไปยังท่ารถเมล์ระหว่างรัฐเพื่อเดินทางไปยังรัฐเประ เมืองอิโปห์
ในระหว่างการเดินไป พบว่า รัฐปีนังกำลังจะรวมการคมนาคม 3 อย่าง คือ เรือ รถไฟ และรถเมล์ เข้าไว้ด้วยกัน เป็นสิ่งที่ดีงามมาก เพราะจะช่วยลดเวลาการเดินทางของนักท่องเที่ยวไปได้เยอะ มาที่เดียวแล้วจบ ซึ่งปกติแต่ละสถานีไม่ได้เชื่อมถึงกันทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก และของยังหนักอีกด้วย กว่าจะไปถึงที่พักก็แห้งเหี่ยวไม่มีกะจิตกะใจเที่ยวกันพอดี
"สิ่งที่ดีได้เกิดขึ้น"
ในความเงียบของการเดิน เสียงฝีก้าวเล็กๆที่ได้ย่ำบนพื้นซีเมนต์มันสะท้อนเข้ามาในหู ผมรู้สึกถึงความเคว้งอีกครั้งที่ต้องหารถเมย์ไปยังสถานีอิโปห์ เป็นจุดหมายปลายทางต่อไป มีทางเลือกระหว่างรถเมย์ และรถไฟ ผมเลือกรถเมล์เพราะอยากลองนั่งดูบ้าง และตั้งใจว่าขอสบายๆ หน่อยแล้วกันเป็นวี ไอ พี (Vip) ความคาดหวังเพราะติดความสบายจากการบริการที่ยกระดับของประเทศไทย ทำให้เริ่มยิ้มออกมาว่า น่าจะได้ความสะดวกสบายตลอดการเดินทางไปยังรัฐเประ เมืองอิโปห์ก็เป็นได้
ในเวลานั้นตกใจมากที่มีทหารเข้าเดินเข้ามาหา ตอนแรกนึกในใจ " Ship หาย แน่ๆ" เพราะว่าผมเดินก้มๆ เงยๆ ส่องกล้องถ่ายภาพไปทั่ว กำลังคิดหาคำอธิบายว่า "ขอโทษสำหรับการถ่ายรูป" แต่ป่าวเลย...พี่ทหารเข้ามาช่วยยกกระเป๋าเดินลงจากบันไดที่สูงมากๆ ขอบคุณจริงๆ เป็นความประทับใจที่อยากส่งต่อนะ
ให้เดินตามป้ายชี้มาเรื่อยๆ จะเจอท่ารถเมล์ ส่วนเรื่องแผนที่ตอนนี้ยังไม่แน่นอน เพราะทางเดินจะถูกปรับเปลี่ยนไปตามการก่อสร้างอาคาร แต่ที่แน่ๆ คือให้เดินไปตามป้ายที่ติดไว้ก็แล้วกัน ซึ่งท่ารถเมย์จะมีป้ายบ่งชี้ที่หน้าทางเข้าประตูว่า เค้าเตอร์ ทิกเก็ต (Kaunter Tiker) สะกดตรงตัวตามแบบภาษามาเลเซีย ซึ่งท่ารถจะอยู่ตรงข้ามพอดีกับสถานีรถไฟ ถ้าเลี้ยวผิดซอยไปโผล่สถานีรถไฟก็ให้ลงมาชั้นล่าง แล้วเดินลัดตรงมาก็จะเจอท่ารถพอดี ไม่ต้องตกใจไปนะ เดินมายังไงก็ไม่หลงแน่ๆ เพราะอยู่ใกล้กันมากๆ
ป้ายบ่งชี้มาถึงท่ารถจะมีสัญลักษณ์เป็นรูปรถเมล์ เดินตรงมาเรื่อยๆ ก็ถึงเอง ส่วนถ้าจะขึ้นรถไฟให้ดูสัญลักษณ์เป็นรูปรถไฟ เดินแยกเลี้ยวไปทางซ้ายก็ถึงพอดีเช่นกัน
ท่ารถเมล์อารมณ์เหมือนหมอชิตบ้านเรา มีรถเมล์ให้เลือกหลายบริษัท และจูงใจลูกค้ามีจับมือเดินไปซื้อด้วย และบางเจ้ายังสามารถพูดภาษาไทยได้ แสดงว่ามีคนไทยไปเที่ยวเยอะจริงๆ เป็นรัฐเประ เมืองอิโปห์ที่ต้องไม่พลาดเลยนะ
"ราคาตั๋วรถเมล์ถูกกว่าตั๋วรถไฟ" เป็นเรื่องจริง ค่าตั๋วรถเมล์ของบริษัทแห่งหนึ่ง ผมจ่ายไป 15 ริงกิต ถึงจะราคาแพงสักหน่อย แต่เป็นเบาะ 3 ที่นั่งแบบ Vip รับประกันจากคนขายตั๋ว(พูดภาษาไทย) ว่ากว้างมาก และนุ่มสบายเหมือนเมฆ จากนั้นคนขายตั๋วให้เดินออกไปรอรถเมย์ที่ท่ารถ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการไปขึ้นรถรอบบ่าย 3 ที่จะถึงในอีก 30 นาทีนี้แล้ว
ราคาเครื่องดื่มอัดลมราคากระป๋องละ 1 ริงกิต ซึ่งจะบอกว่าถูกมากๆ อย่างน้อยต้องจัดคนละ 2 กระป๋องกับอากาศร้อนๆต้องได้ดื่มเพื่อกระตุ้นความสดชื่นกันหน่อยแล้ว (อากาศร้อนจริงๆ พยายามอยู่ในร่มไว้นะ)
ตอนนี้ 2.25 เหลืออีกแค่ 5 นาที แต่แปลกใจทำไม? รถยังไม่เข้าท่ารถสักที ผมเดินย้อนกลับไปถามที่เค้าเตอร์อีกครั้ง
"ตกรถ" ครับ
...งงมาก เริ่มเครียดเพราะกลัวไปถึงแล้วจะมืด ไม่มีรถเข้าไปที่พักจะลำบากแน่ๆ
"ตกรถได้ไง! เหลืออีก 5 นาที"
ดีว่าที่เฉลียวใจ ไม่งั้นได้นอนเฝ้าบัตเตอร์เวิร์ธแน่ๆ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะคนขายตั๋วไม่ได้แจ้งไปให้กับทางรถรู้ว่าเรามาขึ้นรถระหว่างทาง ซึ่งในเมืองจอร์จทาวน์มีท่ารถอยู่อีกแห่งเหมือนกัน แต่ไม่รู้ตรงไหน? ซึ่งจุดนั้นเป็นต้นทางของรถเมล์ ขอบคุณที่เขายังมีความรับผิดชอบ โดยอาจจะลำบากสักหน่อย คือ ให้เราไปกับรถของอีกบริษัทหนึ่ง แล้วเปลี่ยนรถกันระหว่างทาง ให้นั่งไปชั่วคราวเท่านั้นเอง งานนี้ต้องวิ่งไปขึ้นรถที่กำลังออกกันแล้ว
เมื่อนึกถึงรถเมล์ Vip เดินทางระหว่างรัฐ เชื่อว่าหลายๆคนที่ติดรูปแบบการบริการเต็มรูปแบบของรถเมล์ไทยอย่างแน่นอน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่คิด แต่บอกตรงๆว่าคิดผิดอย่างมาก
ตอนที่ขึ้นรถเมล์คันแรกด้วยความที่ว่ารีบก็หอบกระเป๋าทุกอย่างไปหมดไม่ได้เก็บใต้ท้องรถแต่อย่างใด แต่พอคันที่ 2 ปุ๊บ คนขับมีหน้าที่แค่เปิดประตูให้เราขึ้นรถ
ด้วยความผิดพลาดอย่างไม่ตั้งใจที่ไม่ได้ศึกษาวัฒนธรรมและมารยาทเอง เราก็ชะเง้อไปถามที่ประตูรถว่า ทำไม? ไม่มีคนมาเก็บกระเป๋าให้ผมละ?
โดนด่า .... หน้าชามาก... ตอนนั้นรู้ว่าโดนด่า แต่เป็นภาษามาเลเซียฟังไม่ออกแต่กดดัน เราทำให้เขาช้า แล้วยังมาให้เก็บกระเป๋าให้อีก ตอนแรกคิดแบบนั้น เลยเปิดประตูรถเก็บเองก็ได้ แต่พอขึ้นมาบนรถเมล์ ไม่มีอะไรเลยแม้แต่ห้องน้ำก็ไม่มี ซึ่งรถเมล์ Vip แตกต่างจากรถทั่วไป คือ 3 ที่นั่ง และ 4 ที่นั่ง เท่านั้นเอง
การขึ้นรถเมล์เราเองต้อง Self service แปลว่า ช่วยตัวเองทุกอย่าง ตั่งแต่เอากระเป๋าใส่ใต้ท้องรถเอง (ต้องเรียงกระเป๋าให้ดีด้วยนะ) ไม่มีน้ำหรืออาหารใดๆทั้งสิ้น คุณแค่ต้องนั่ง และนั่งไปจนถึงสถานีปลายทาง
ทำให้นึกถึงรถเมล์วิ่งไปต่างจังหวัดของไทยเราขึ้นมาเลยว่า "รถเมล์บ้านเราซึ่งคนไทยรักความสบาย รถเมล์มีบริการทุกอย่างตั่งแต่เอากระเป๋าใส่ท้องรถ ดูหนัง ฟังเพลง ห้องน้ำ น้ำดื่ม ขนม แต่รถเมล์ที่มาเลเซียไม่มีอะไรสักอย่างเดียว"
ผมเฝ้าติดตามหลายรีวิวมากๆ แต่ก็ไม่มีหนังสือท่องเที่ยวเล่มไหน? ในอินเตอร์เน็ตใดๆ หรือสื่อ Social ที่จะแนะนำนักท่องเที่ยวให้ทำตัวอย่างถูกต้องในการโดยสารรถเมล์ระหว่างรัฐมาก่อน แต่ผมเชื่อว่าถ้าใครสักคนได้ติดตามจะเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับการวางแผนการเดินทางด้วยรถเมล์ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นครับ สำคัญคือ เตรียมน้ำ เตรียมขนมให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง อย่างน้อยน้ำขวดเล็กสักขวดติดมือไปด้วยก็ยังดีครับ เผื่อชุบฉับไว้ก่อน ทรมานหิวบนรถ...มันลำบากจริงๆนะ รถเมย์จะไม่จอดระหว่างทางด้วย
สำหรับรถ Vip 3 ที่นั่งมีข้อดีที่หาได้เจออย่างเดียวคือเบาะนุ่มจริง เบาะใหญ่ และเอนหลังได้สบายมาก รถเมล์(ส่วนใหญ่)จะเปิดแอร์จนฉ่ำ เข้าขั้นหนาวมากๆ เพราะด้วยความเป็นเมืองร้อน (มั้ง! 55) มักจะมีอะไรที่สุดโต่งมาล้อเล่นกับนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นกับวัฒนธรรมของคนมาเลเซียอยู่เสมอๆ แหละ แต่ก็ยอมรับได้เพราะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ดี
เผลองีบหลับ..ยาวๆได้สักตื่น อาจเพราะความเหนื่อยล้าจากการผจญภัยในสถานที่ไม่คุ้น เราใช้เวลาเดินทางมายังรัฐเประ เมืองอิโปห์ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ถือว่าได้งีบชาร์ทแบตไปในตัว ตื่นมาพร้อมกับความสดชื่น และสบายใจที่อย่างน้อยเราก็มาถึงรัฐเประ เมืองอิโปห์แล้ว ไม่รู้จะไปในตัวเมืองยังไง? แต่มาถึงแล้วก็สบายใจแล้วกัน
ตลอดทั้ง Google Map และรีวิวใน pantip เท่าที่ผมสืบค้นได้ ไม่มีข้อมูลการเดินทางจากสถานีรถอิโปห์ไปยังเมืองอิโปห์เลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เหงื่อซวยละ เริ่มออก! "อาการของเหงื่อซวยมีเหงื่อชุ่มตามมือ มือเย็น เหงื่อแตกไม่มีสาเหตุ ทั้งๆที่ตัวเย็นมากๆ"
ตอนนี้กำลังตกที่นั่งลำบากจริงๆ เพราะไม่มีข้อมูลใดๆ สำหรับการเดินทางเลย และไม่ไหวถ้าจะเดินเท้าไปให้ถึงในตัวเมืองอิโปห์ ความคิดแรก คือ เดินเข้าไปถามคนขายตั๋วรถว่าจะไปเมืองอิโปห์ต้องไปขึ้นรถที่ไหน?
โดนด่าหน้าชามาก..แถมยังโดนไล่ เพราะเขาให้เหตุผลว่าเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ที่จะต้องมาตอบคำถามแบบนี้กับคุณ?
อัพเซท อัพเซท (ไปไกลๆ รำคาญ!) หล่อนเหวี่ยงใส่พร้อมชี้หน้าอย่างมาก... รู้สึกแย่มากจริงๆ แต่ก็ถูกของหล่อนแหละ เพราะความไม่รู้
ตอนนี้เคว้งอีกครั้ง มันเงียบมาก เพราะไม่มีที่ไป อารมณ์ของคนหลงทางมันจะเข้าสู่โหงดเงียบ คือประมาณว่าตื้อๆ มองไปทางไหนก็หาทางออกไม่เจอ ทั้งๆที่เป็นปัญหาของเส้นผมบังภูเขาด้วยก็มีด้วยความไม่เข้าใจในวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนท้องถิ่นด้วย
อันดับแรกสำคัญสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ จัดการกับอารมณ์ ต้องไม่แสดงอาการว่าเรากำลังหลงทางเด็ดขาด เพราะมันทำให้เรารู้สึกแย่
และอันดับที่สอง เริ่มหาที่นั่งลงก่อน ที่มีคนเยอะๆ แล้วรอให้ใจเย็นๆ มองดูตามป้ายบ่งชี้ว่าอันไหนทางออกไปข้างนอก ป้ายไหนชี้ไปรถเมล์ หรือถามคนข้างๆว่าเขาจะไปทางไหน? เขาอาจจะช่วยบอกทางเราได้จริงๆ นะ
10 นาทีต่อมา หลังจากที่พอทำใจได้ และมีข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ลองพยายามให้ถึงที่สุดก่อนแล้วกัน ผมตัดสินใจเดินออกไปข้างหน้าสถานี Terminal Amanjaya มีแท็กซี่พยายามจะชวนขึ้นรถตลอดเวลา โดยให้ข้อเสนอว่าคิดเราราคาถูกๆ แต่ที่จริงไม่ราคาถูก(หลอก)นะ หลอกไถ่ตังค์หนักมากมีหลายคนโดนพาขับอ้อม บางคนเดินมาเลย..บอกว่ารถเมล์หมดแล้วเหลือแต่รถแท็กซี่จะพาไปส่งให้ คิดราคาถูกๆ แต่เราต้องไม่แสดงอาการคล้อยตามเด็ดขาดเพราะจะตกเป็นเหยื่อได้
ที่จริงมีรถเมล์ และตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นมากที่ผมขึ้นรถเมล์ไปยังตัวเมือง ผมไม่แน่ใจว่ารถเมล์รอบสุดท้ายหมดเวลา 2 ทุ่มหรือป่าว แต่รับรองได้ว่ามีรถเมล์เข้าไปตัวเมืองอย่างแน่นอน แต่ถ้าอยากให้ชัวร์ก็นั่งรถไฟมาสะดวกกว่า
ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ให้คำปรึกษาสำหรับการเดินทางโดยสวัสดิภาพ
เอาตัวรอดในมาเลเซียตามรอยรีวิว ดับอนาจตั่งแต่ต้นทางถึงจุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่สิ่งสวยงาม (ร่วมรีวิวและแชร์) ตอนที่ 1
Capture 1 จุดเริ่มต้น..ปีนัง http://pantip.com/topic/35432418
เอาตัวรอดในมาเลเซียตามรอยรีวิว ดับอนาจตั่งแต่ต้นทางถึงจุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่สิ่งสวยงาม (ร่วมรีวิวและแชร์) ตอนที่ 2
Capture 2 ในความเป็นอิโปห์เมืองต้องห้ามพลาด http://pantip.com/topic/35579274
เอาตัวรอดในมาเลเซียตามรอยรีวิว ดับอนาจตั่งแต่ต้นทางถึงจุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่สิ่งสวยงาม (ร่วมรีวิวและแชร์) ตอนที่ 3
Capture 3 เคอล..บรินชาง บ้าจริง! http://pantip.com/topic/35754063
ขอบคุณสมาชิกหมายเลข 934214
แก้ไขคำผิด
รถเมย์แก้ไขใหม่ รถเมล์ ครับ