+ + + เศรษฐกิจหลังรับร่างรัฐธรรมนูญ ?? ? (Pechnamnil) + + +

กระทู้คำถาม
หลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติว่า “รับ” แล้วเศรษฐกิจเป็นยังไงกันบ้างคะ?

ก่อนวันลงประชามติ 1 วัน จขกท.ได้คุยกับน้องที่ทำงานที่สนิทกันคนหนึ่ง เค้าถามว่า
“พรุ่งนี้พี่ไปลงประชามติที่เขตไหน”
จขกท. ยิ้มละมุนละไมแบบคิดว่าสวยที่สุด ก่อนตอบว่า
“ไม่ได้ไปลงค่ะ เพราะพรุ่งนี้บอสให้ตรูออกทริปแล้วเฟ้ย!”

แต่รู้สึกว่าน้องผู้ร่างอ้วนตุ้ยนุ้ย จะไม่ได้สังเกตอากัปกิริยาที่ออกแนวเกรี้ยวกราดนิดๆ ของจขกท. ตาเค้ายังจ้อง
อ่านเฟสบนมือถือในขณะที่อีกมือหนึ่งยังคงกำป๊อปคอร์นป้อนเข้าปากเคี้ยวหนับๆ แต่กระนั้นก็ยังสามารถ
พูดต่อไปด้วยเสียงอู้ๆอี้ๆว่า
“พี่ต้องรับนะ เพราะมันหมายถึงอนาคตของชาติเราเลยนะพี่” พูดจบน้ำลายมันก็ยืดหยดแหมะ เพราะทั้งกินทั้งพูดในเวลาเดียวกัน

“อ๊ะ ยังไง?”
“อ้าว ก็ถ้าเรารับร่าง นั่นก็หมายถึงว่า เราจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า และต่างชาติก็อยากให้เราเลือกตั้ง ทีนี้พอเรา
ได้เลือกตั้งแล้ว เค้าก็จะไม่แอนตี้ประเทศของเราอีกชิมิ เค้าก็จะให้เรายืมเงินมาทำนู่นทำนี่ ทีนี้ล่ะ เศรษฐกิจของบ้านเรา
ก็จะรุ่งเรืองโชติช่วงชัชวาลไง เอ๊ะ นี่พี่ไปอยู่ในรูมาเหรอ ถึงไม่รู้เรื่อง”  

นั่นไงโดนมันตอกกลับเข้าให้ สรุปคุณมุงได้ฟังมะว่าตรูไม่ได้ไปลงประชามติ ถึงได้นอยด์อยู่เนี่ย !!

คือแทบทุกคนต่างก็มีความหวังว่า เมื่อรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติและจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้
เศรษฐกิจของบ้านเราจะกระเตื้องขึ้นอย่างทันตาเห็นเลยทีเดียว

เมื่อวันอาทิตย์ จขกท. ไปทานข้าวกลางวันกับพี่คนหนึ่ง ที่ร้านอาหารทะเลแถวๆบางขุนเทียน ร้านโล่งมากทั้งๆที่เป็นวัน
อาทิตย์ ยังคุยกันกับพี่อยู่เลยว่า ถ้าวันหยุดลูกค้าประมาณนี้ แล้ววันธรรมดาลูกค้าจะประมาณไหน จะคุ้มค่าใช้จ่ายมั๊ยหนอ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ตอนนี้ทำธุรกิจอะไรก็ยากนะคะ  2 เดือนก่อน จขกท.ได้ตระเวนออกเยี่ยมพบปะลูกค้าภาคอีสาน ส่วนใหญ่จะเงียบเหงา
ยิ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายิ่งเงียบไปใหญ่ ร้านค้าที่เป็นเอเย่น ต่างลงมาห้ำหั่นราคาแข่งกัน วิ่งทับไลน์กันแย่งลูกค้า เพื่อความ
อยู่รอดของธุรกิจ เอเย่นบางรายยอมขาดทุนสู้ เพื่อเอาฐานลูกค้าไว้ ทั้งๆที่รู้ว่า ถ้าต่างคนต่างลงมาเล่นกลยุทธ์เรื่องราคา
จะทำให้ตลาดเละเทะแค่ไหน แต่เพื่อความอยู่รอดจะไม่กอดคอกันตาย แต่มือใครยาวกว่าสาวได้สาวเอา งานนี้ไม่มีมิตรแท้
และศัตรูถาวร ใครเพลี่ยงพล้ำก่อน อาจจะถูกเหยียบซ้ำจนลุกขึ้นไม่ได้ .... โหดจริงๆ

หันมาดูด้านผู้บริโภค วันนี้เดินไปซื้อข้าวที่ร้านขายข้าวแกง เห็นแกงส้มปลาผักเยอะน่าทาน ก็เลยบอกคุณป้าแม่ค้าว่า
“ขอซื้อแกงส้ม คุณป้าขายยังไงคะ”  คุณป้ารีบหยิบถุงแกงตักใส่อย่างรวดเร็ว มัดปากถุงด้วยหนังกะติ๊กยื่นให้ พร้อมบอกราคา
“50 บาทจ้าลูก”!
คือ นู๋จะบอกว่า นู๋จะขอซื้อแค่ 30 บาทเองอ่ะค่ะ  แต่ก็ไม่ทันแล้ว ...

ย้อนกลับไปอีก ก่อนที่จะมาซื้อแกงส้ม เห็นรถขายทุเรียนข้างทาง จขกท.ก็รีบแวะหาที่จอดรถจะลงไปดู เผื่อมีลูกเล็กๆที่พอ
จะซื้อได้ พอจอดรถลงไปถาม

“ทุเรียนหมอนทองโลเท่าไหร่คะพี่”
“แพ็คนี้ 400 แพ็คนี้ 400  แพ็คนี้ก็ 400” คนขายบอกราคาตามแพ็คที่ห่อพลาสติกเอาไว้ ทั้งๆที่มีราคาเขียนเอาไว้ที่หน้าแพ็คแล้ว

“โห ... แพงเหมือนกันเนอะ  แพ็คนี้ก็ 400 เหรอคะ”  จขกท. ดันไปหยิบเอาแพ็คที่ไม่ได้เขียนราคาติดไว้ขึ้นมาพินิจดู
“อันนั้น 550” คนขายบอกราคาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายแล้วก็เมินหน้าไปทำอย่างอื่น

“ถ้ามีเงินประมาณหนึ่ง ซื้อทุเรียนกินไม่ได้หรอกเธอ” อาอึ้มแกพูดต่อเพราะค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า จขกท.คงไม่มีปัญญา
ซื้อทุเรียนของแกเป็นแน่แล้ว !!
“เฮ้อ ตรูต้องมีเงินประมาณไหนฟะ ถึงจะซื้อทุเรียนของอาอึ้มแกได้”  จขกท. คิดในใจก่อนเดินคอตกมาที่รถ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
หลังประชามติก็ยังเงียบเหงาซบเซา

บรรดาห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆตอนนี้ก็เครียด ต้องพยายามหาวิธีที่จะดึงคนให้เข้ามาเดินให้มากที่สุด แม้จะไม่ซื้อสินค้าแต่ก็ทำให้บรรยากาศของห้างกลายเป็นป่าช้าไป

ที่ยังพออยู่ได้ก็คือบรรดาของกินราคาย่อมเยา แต่ถึงกระนั้นยอดขายก็ตก ไม่ได้ขายดีเหมือนก่อน

ส่วนของใช้ฟุ่มเฟือยนี่แทบจะตายสนิท ยิ่งสินค้าที่ไม่สามารถแปลงเป็นทรัพย์สินได้ด้วยแล้ว ยิ่งหงอยเหมือนไก่เป็นโรคเลยทีเดียว

นั่นแสดงว่า ต่อให้ประชามติผ่าน ก็ไม่ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอย จนกว่าจะมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลที่ดูดีมีสง่าราศี

แต่ถ้าได้รัฐบาลที่ง่อนแง่น ถึงจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ไร้ประโยชน์ เพราะจะกลายเป็นบุฟเฟต์คาบิเนตเนื่องจากไม่รู้จะสร้างผลงานได้ยังไง

นาทีนี้ ต้องประคองตัวให้ดีที่สุดเท่านั้น เพราะประเทศเราจะแย่ไปอีกหลายปีนะฮ้า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
คิดถึงนู๋นิด มาบ่อยๆ นะ อ่านแล้วสบายใจทุกครั้ง

ขำตรงนี้

“โห ... แพงเหมือนกันเนอะ  แพ็คนี้ก็ 400 เหรอคะ”  จขกท. ดันไปหยิบเอาแพ็คที่ไม่ได้เขียนราคาติดไว้ขึ้นมาพินิจดู
“อันนั้น 550” คนขายบอกราคาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายแล้วก็เมินหน้าไปทำอย่างอื่น

5555555 เจอบ่อยๆ เหมือนกันเลย มองเห็นที่แปะราคาแล้วแพงก็จะหยิบอันไม่มีราคา ปรากฏว่าแพงกว่า
แล้วแม่ค้าก็ทำหน้าเบื่อๆ เหมือนกัน


พูดถึงทุเรียน ตอนเด็กๆ โดนพี่ๆ หลอกว่าที่บ้านเอาทุเรียนไปแลกมา โดยใช้ทุเรียนไปเข่งนึง
เสียใจหนักมาก โตขึ้นเลยกินทุเรียนแก้แค้น




นี่หามาเสริม เท็จจริงยังไงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารยืนยัน

ว่ากันว่า “อย่ากินทุเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เพราะจะมีผลทำให้เอนไซม์ aldehyde dehydrogenase ลดลง
ซึ่งเอนไซม์ดังกล่าวมีหน้าที่เปลี่ยนสาร aldehyde ให้กลายเป็นสารอื่นแล้วถูกกำจัดออกจากร่างกายต่อไป
(aldehyde เป็นสารพิษที่ได้จากกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์เป็นพลังงาน)
ส่งผลให้สาร aldehyde เกิดการสะสมในร่างกาย และทำให้เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียน และอาเจียนนั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่