จริงๆ ก็คือไปมาตั้งแต่สงกรานต์แล้วอ่า (12-18/4/2559) แหะ๐ๆ
จนผ่านมาครึ่งปีละ เพิ่งหายขี้เกียจมานั่งเขียน
โดยหลักการก็ไม่อะไรมากคับ มีเวลาเท่านั้น อยากไปที่ๆ คนน้อยๆ แหวกๆ นิดๆ และมีบินตรง
เลยเริ่มหาข้อมูลประกอบตั้งแต่กลางเดือนมีนาละ
สายการบิน
ลองๆดู ใน Skyscanner.com ก็เจอ Uzbekistan Airway (รหัสสายการบิน HY) บินตรงจากกรุงเทพไป Tashkent (TAS) เมืองหลวงของอุซเบก (ชื่อมันยาวอ่ะ ขอเรียกแค่ว่า "อุซเบก" พอนะคับ) เค้าสัปดาห์ละ 3-4 เที่ยวบิน (มั้ง)
จิงๆ อยากออกจากไทยตั้งแต่เสาร์ที่ 9 เม.ย. เลย แต่ HY มันดันไม่บินวันนั้น ถ้าจะบินวันนั้นต้องนั่ง Air Astana แล้วไปรอต่อที่ Astana หรือ Almaty 10 กว่าชั๋วโมงอัพ (จะออกมาในเมืองก็ไม่ได้เพราะต้องมี Transit Visa ซึ่งขอยากจัง)
ก็เลยต้องยอมๆ รอออกจากไทย 12 เม.ย. แล้วบินกลับจากนู่น่คืน 17 เม.ย. ถึงกทม. เช้า 18 เม.ย. ครับ
ยังๆ ช้าก่อนๆ เนื่องจากเสริจข้อมูลเกี่ยวกับ HY ในเวบต่างประเทศต่างๆ พบว่ามีแต่นทท.บ่นว่าซื้อตั๋วสายการบินนี้ต้องใช้เงินสดเท่านั้น
จขกท. เลยยังยั้งมือไว้ ไม่ได้จองผ่าน Skyscanner แต่อย่างใด ลองโทรไปจะจองกับสนง.ของสายการบินนี้ในประเทศไทย (ตึกยูไนเต็ด กลางถนนสีลม)
ก็ได้ข้อมูลว่าจะซื้อแบบออกตั๋วได้เลย ก็ต้องจ่ายเงินสดจริงๆ (ไม่รับบัตรเพราะไม่มีเครื่องรูดบัตร ไม่ต้องโอนเงินให้ยุ่งยาก กำเงินสดถือไปจ่ายมันเป็นฟ่อนแหละจ้า)
วางสายเสร็จกลับมาคิด ... เอาไงดีวะ ข้อมูลวีซ่ามีน้อยมากๆ ถ้าเกิดรีบจ่ายเงินจองตั๋วไป แล้ววีซ่าไม่ผ่านก็เน่าสิฟร่ะ
อย่ากะนั้นเลย เลยตกลงใจกันว่าจะขอวีซ่าให้ได้ก่อนแล้วค่อยออกตั๋วละกัน อย่างน้อยถ้าวีซ่าออกแล้วไม่มีตั่วเหลือก็ยังเสียแค่ค่าวีซ่าฟรีๆ 2,100
ทำการบ้าน
จิงๆ แล้วเล่มนี้เป็นอะไรที Informative ที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้วครับ แต่คนเขียนเค้าก็เตือนไว้ว่าใช้เป็นแนวทางเท่านั้น เพราะประเทศแบบนี้กฎเกณฑ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงตลอด และเงินเฟ้อมากจีๆ (หนังสือตีพิมพ์ปี 2012 พอไปจิง 2016 ปรากฎกับ จขกท เองว่าราคาต่างๆ ตามที่บอกไว้ในหนังสือต้อง x2 ทั้งหมดเลยครับ เพราะค่าเงินเค้าลดลงไปเกือบเท่าตัวชั่วเวลา 5 ปี)
วีซ่าซ่าาาาา
จขกท. เลือกไปขอวีซ่าก่อนจองตั๋วเครื่องบินครัช
สถานที่
- เป็นสถานกงสุลอุซเบกประจำประเทศไทย (เข้าใจว่ายังไม่มีสถานทูตอูซเบกในไทย)
- อยู่ที่ซอยวิทยุ 1 ถ้ามาบีทีเอสก็ลงสถุานีเพลินจิตแล้วเดินเข้าถนนวิทยุมาคับ เอาง่ายๆ คือซอยที่ปากซอยมีร้านเครื่องครัววีระสุอ่ะคับ ตอนจขกท. ไปขอวีซ่าแล้วรอน้องอีกคนไปด้วยก็เข้าไปนั่งกินกาแฟรอในร้านคาเฟ่วีระสุนั่นแหละ ง่ายดี พอน้องเค้ามาก็เดินเข้าซอยนั้นไปเลย ประมาณไม่ถึง 100 เมตร (มั้งนะ)
- หมายเหตุ ** เดินไม่ไกล แต่หายากมากกกก เดินเข้าซอย สถานกงสุลจิงๆ อยู่ซ้ายมือ และอยู่ในส่วนของคอนโดอะไรสักอย่างที่ไม่ได้ให้เราเข้าไป ถามพี่ รปภ.แถวนั้น เค้าจะชี้ให้เราเข้าไปในป้อมยาม!!!!! ใช่ - โดยภายนอกมันคือป้อมยามขนาดใหญ่กว่าปกติพอตัว พอเข้าไปจะมีที่ให้นั่งได้ 2-3 คนพร้อมโด๊ะกรอกเอกสารวีซ่าทั้งหลายคับ และนี่คือสถานกงสุลที่เราได้สัมผัส อินดี้จิงๆ อินดี้ตั้งแต่ขอวีซ่ากันเลยทีเดียะ
สภาพภายในก้อเท่าที่เห็นคับ minimal สุดๆ ช่องประตูที่ว่านั่นคือไม่ได้เปิดให้เราเข้าไปนะคับบ เค้าจะมีช่องให้เราส่งเอกสารและยื่นส่งพาสปอร์ตคืนเราผ่านช่องแค่นั่นแหละคับ (อ่อ ลืมบอกว่าวีซ่าอุซเบกเค้าไม่ต้องสัมภาษณ์ครับ เอาแค่เอกสารกับรูปเราไปดูๆ แล้วก็แปะวีซ่าสติกเกอร์มาให้เราเฉยๆ)
ขั้นตอนคือ เอาใบคำขอวีซ่าจากถาดสีฟ้าๆ กับใบจ่ายเงินธนาคารกรุงศรีจากกล่องไม้ มากรอกๆ ตัวอย่างการกรอกก็แปะอยู่บนโต๊ะนั่นแหละคับ
อืมมมม แต่แน่ใจ้ว่าทำตัวอย่างให้คนต้างชาติอ่าน??? คุณพี่เขียนคำบรรยายเป็นภาษาอุซเบกหมดเลยยย -_-
หน้าตาใบคำขอเป็นแบบนี้คับ กรอกๆ ไปไม่มีไรมาก เตรียมรูปถ่ายสี 2 นิ้วไป 2 ใบด้วยคับ
แต่ส่วนใบจ่ายเงินธนาคาร ยังไม่ควรกรอกค่าธรรมเนียมนะคับ เพราะมันขึ้นกับจำนวนวันที่ไป เริ่มจาก 1,200 ไปจนถึง 2,300
ให้เราโทรศัพท์ตรงประตูเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ออกมาดูเอกสารก่อนว่าครบไหม แล้วเค้าจะนับวันให้เราพร้อมบอกจำนวนค่าธรรมเนียมที่เราต้องจ่าย
** ณ วันที่ยื่นคำขอวีซ่า ยังไม่ต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียม ให้ทิ้งคำขอพร้อมพาสปอร์ตตัวจริงไว้ให้เค้า ประมาณ 7 วันทำการโทรตามเรื่องเค้าอีกรอบว่าออกหรือยัง (โดยหลักการ พี่จนท.ที่นั่นเค้าบอกว่าจะได้ใน 7 วันทำการ แต่อาจนานกว่านั้นถ้ากงสุลไม่อยู่) ถ้าออกแล้วก็นัดวันเข้าไปรับ โดยไปจ่ายค่าธรรมเนียมวันที่จะไปรับเล่มพาสปอร์ตคืนนั่นแหละครับ จริงๆ จะจ่ายที่ธนาคารกรุงศรีสาขาไปก็ได้ เค้าแค่เขียนแนะนำว่าสาขาที่ใกล้ที่สุดคือตตึก Capital All Season Place ซึ่งเดินไปจากสถานกงสุลไม่ไกล
หลังจากนอนรอไป 10 วัน จขกท. ก็ไปรับเล่มวีซ่าได้ประมาณนี้ครับ สังเกตุได้ว่าวีซ่ามีอายุให้เดินทางเข้าและออกตามวันที่กำหนดเป๊ะมาก
ของจขกท. กะว่าจะไป 12-18 เม.ย. ก้อกรอกไปตามนั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้จองตั๋วเลย เหอะๆๆ ช่างกล้า..... โดยค่าธรรมเนีมสำหรับ 7 วันไป 2,100 บาท
ใจนึงก็อยากกรอกเผื่อๆ ว่าไป 9 กลับ 20 ไรงี้คับ แต่มันจะกลายเป็นว่าจะโดยค่าธรรมเนียมอีกเรทนึง (น่าจะ 8-12 วัน) ซึ่งก็แพงขึ้นไปอีกคับ
หมายเหตุ - จริงๆ จะไปแทนคนอื่นไปขอก็ได้ ไม่เห็นต้องมีมอบอำนาจอะไรเลย ทั้งตอนที่ยื่นคำขอและตอนไปรับเล่มคืน
ออกตั๋วเครื่องบิน
บ่ายวันที่ 31/3/2016 จขกท. โทรตามเรื่องกับจนท.สถานกงสุล พบว่าออกแล้ว ก็เลยนัดว่าจะเข้าไปเอาเล่มเช้าวันต่อไปเลย (1/4/2016)
ไอ้เราก็ อา เข้าไปเช็คตั๋วว่างจาก Skyscanner สักหน่อย ก็ขึ้นว่าโอเค ที่นั่งว่างๆ เหลืออยู่พอสมควร .. อา สบายใจๆ กันไป นอนตาหลับ
ตอนเช้า 1/4/2016 ระหว่างกำลังนั่งบีทีเอสไปเอาเล่ม ก็ลองกดดู Skyscanner จากไอโฟนเล่นๆ ไป ....
แต่ .......
ทำไม ... วันนี้มันขึ้นว่าไม่มีตั๋วแล้วววว .....
ทำไม?? เป็นไปได้ยังไง??
ทำไมขึ้นว่าเหลือตั๋วแค่ขาไป ขากลับวันที่ 18 เม.ย. ไม่เหลือแล้ว
พลิกๆ อ่านไปเรื่อยสรุปว่า
1. ตั๋วชั้นประหยัดที่ออก 12 กลับ 18 ขายหมดแล้ว!!!!! บ๊ะะะ ..... ถ้าจะไป-กลับวันเดิมต้องไปจองชั้นธุรกิจ ซึ่งแพงกว่าเดิม 2 เท่า
2. ถ้าอยากได้ตั๋วราคาเดิม (21,xxx) ก็ให้ออกวันเดิม แล้วเลื่อนขากลับเป็น 21 (มันไม่ได้บินกลับ TAS-BKK ทุกวันอย่างที่บอก)
โอยยยย ปวดหัวตั้งแต่ยังไม่เดินทาง
ถ้า จขกท. เลือกทาง 1. งบบานปลายตั้งแต่ยังไม่ก้าวเท้าออกจากประเทศ .. แล้วเพื่อนร่วมเดินทางคงบ่นอีก (บึนปาก)
ไหนๆ ลองคิดว่าจะเลือกทาง 2. เอ ก็ไม่เลวนะ แค่ต้องลาเพิ่มอีก 3 วัน ... แต่วีซ่าก็ดันออกแบบลงวันที่เป็ะๆ มาแล้วมา 12-18 เม.ย. (เบะปาก)
ตอนที่ไปรับเล่มพาสปอร์ต ลองถามจนท.เค้าก็ตอบไม่ได้ แต่เค้าแนะนำให้อยู่เกิน Overstay ไปเลย แล้วเสียค่าปรับ (หาา .... หยั่งงี้ก็ได้หราาาาา)
รับเล่มเสร็จจากสถานทูต เลยแว้นไปต่อที่ตึกยูไนเต็ด เพื่อลองเสี่ยงมันหน้างานซะเลย
ปรากฎว่าจนท. เช็คให้ทันทีพบว่ามีที่นั่งว่าง "2 ที่สุดท้าย" ซึ่งจิงๆ เต็มไปแล้วแต่มีการยกเลิก
ผลคือ จขกท. รีบยื่นพาสปอร์ต 2 เล่มให้จองทันที แล้ววิ่งลงไปหาตู้เอทีเอ็มข้างล่างตึกเพื่อเอาเงินสดมาจ่ายค่าตั๋วววววว ..... เฮ้อออ เกือบไม่ได้ไป
จบ คห.1 ก่อนนะคับ เดี๋ยวมาต่อเน้อ
[CR] อุซเบกิสถานดองเค็ม: ตรงกลางของเอเชียกลางอีกที
จนผ่านมาครึ่งปีละ เพิ่งหายขี้เกียจมานั่งเขียน
โดยหลักการก็ไม่อะไรมากคับ มีเวลาเท่านั้น อยากไปที่ๆ คนน้อยๆ แหวกๆ นิดๆ และมีบินตรง
เลยเริ่มหาข้อมูลประกอบตั้งแต่กลางเดือนมีนาละ
สายการบิน
ลองๆดู ใน Skyscanner.com ก็เจอ Uzbekistan Airway (รหัสสายการบิน HY) บินตรงจากกรุงเทพไป Tashkent (TAS) เมืองหลวงของอุซเบก (ชื่อมันยาวอ่ะ ขอเรียกแค่ว่า "อุซเบก" พอนะคับ) เค้าสัปดาห์ละ 3-4 เที่ยวบิน (มั้ง)
จิงๆ อยากออกจากไทยตั้งแต่เสาร์ที่ 9 เม.ย. เลย แต่ HY มันดันไม่บินวันนั้น ถ้าจะบินวันนั้นต้องนั่ง Air Astana แล้วไปรอต่อที่ Astana หรือ Almaty 10 กว่าชั๋วโมงอัพ (จะออกมาในเมืองก็ไม่ได้เพราะต้องมี Transit Visa ซึ่งขอยากจัง)
ก็เลยต้องยอมๆ รอออกจากไทย 12 เม.ย. แล้วบินกลับจากนู่น่คืน 17 เม.ย. ถึงกทม. เช้า 18 เม.ย. ครับ
ยังๆ ช้าก่อนๆ เนื่องจากเสริจข้อมูลเกี่ยวกับ HY ในเวบต่างประเทศต่างๆ พบว่ามีแต่นทท.บ่นว่าซื้อตั๋วสายการบินนี้ต้องใช้เงินสดเท่านั้น
จขกท. เลยยังยั้งมือไว้ ไม่ได้จองผ่าน Skyscanner แต่อย่างใด ลองโทรไปจะจองกับสนง.ของสายการบินนี้ในประเทศไทย (ตึกยูไนเต็ด กลางถนนสีลม)
ก็ได้ข้อมูลว่าจะซื้อแบบออกตั๋วได้เลย ก็ต้องจ่ายเงินสดจริงๆ (ไม่รับบัตรเพราะไม่มีเครื่องรูดบัตร ไม่ต้องโอนเงินให้ยุ่งยาก กำเงินสดถือไปจ่ายมันเป็นฟ่อนแหละจ้า)
วางสายเสร็จกลับมาคิด ... เอาไงดีวะ ข้อมูลวีซ่ามีน้อยมากๆ ถ้าเกิดรีบจ่ายเงินจองตั๋วไป แล้ววีซ่าไม่ผ่านก็เน่าสิฟร่ะ
อย่ากะนั้นเลย เลยตกลงใจกันว่าจะขอวีซ่าให้ได้ก่อนแล้วค่อยออกตั๋วละกัน อย่างน้อยถ้าวีซ่าออกแล้วไม่มีตั่วเหลือก็ยังเสียแค่ค่าวีซ่าฟรีๆ 2,100
ทำการบ้าน
จิงๆ แล้วเล่มนี้เป็นอะไรที Informative ที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้วครับ แต่คนเขียนเค้าก็เตือนไว้ว่าใช้เป็นแนวทางเท่านั้น เพราะประเทศแบบนี้กฎเกณฑ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงตลอด และเงินเฟ้อมากจีๆ (หนังสือตีพิมพ์ปี 2012 พอไปจิง 2016 ปรากฎกับ จขกท เองว่าราคาต่างๆ ตามที่บอกไว้ในหนังสือต้อง x2 ทั้งหมดเลยครับ เพราะค่าเงินเค้าลดลงไปเกือบเท่าตัวชั่วเวลา 5 ปี)
วีซ่าซ่าาาาา
จขกท. เลือกไปขอวีซ่าก่อนจองตั๋วเครื่องบินครัช
สถานที่
- เป็นสถานกงสุลอุซเบกประจำประเทศไทย (เข้าใจว่ายังไม่มีสถานทูตอูซเบกในไทย)
- อยู่ที่ซอยวิทยุ 1 ถ้ามาบีทีเอสก็ลงสถุานีเพลินจิตแล้วเดินเข้าถนนวิทยุมาคับ เอาง่ายๆ คือซอยที่ปากซอยมีร้านเครื่องครัววีระสุอ่ะคับ ตอนจขกท. ไปขอวีซ่าแล้วรอน้องอีกคนไปด้วยก็เข้าไปนั่งกินกาแฟรอในร้านคาเฟ่วีระสุนั่นแหละ ง่ายดี พอน้องเค้ามาก็เดินเข้าซอยนั้นไปเลย ประมาณไม่ถึง 100 เมตร (มั้งนะ)
- หมายเหตุ ** เดินไม่ไกล แต่หายากมากกกก เดินเข้าซอย สถานกงสุลจิงๆ อยู่ซ้ายมือ และอยู่ในส่วนของคอนโดอะไรสักอย่างที่ไม่ได้ให้เราเข้าไป ถามพี่ รปภ.แถวนั้น เค้าจะชี้ให้เราเข้าไปในป้อมยาม!!!!! ใช่ - โดยภายนอกมันคือป้อมยามขนาดใหญ่กว่าปกติพอตัว พอเข้าไปจะมีที่ให้นั่งได้ 2-3 คนพร้อมโด๊ะกรอกเอกสารวีซ่าทั้งหลายคับ และนี่คือสถานกงสุลที่เราได้สัมผัส อินดี้จิงๆ อินดี้ตั้งแต่ขอวีซ่ากันเลยทีเดียะ
สภาพภายในก้อเท่าที่เห็นคับ minimal สุดๆ ช่องประตูที่ว่านั่นคือไม่ได้เปิดให้เราเข้าไปนะคับบ เค้าจะมีช่องให้เราส่งเอกสารและยื่นส่งพาสปอร์ตคืนเราผ่านช่องแค่นั่นแหละคับ (อ่อ ลืมบอกว่าวีซ่าอุซเบกเค้าไม่ต้องสัมภาษณ์ครับ เอาแค่เอกสารกับรูปเราไปดูๆ แล้วก็แปะวีซ่าสติกเกอร์มาให้เราเฉยๆ)
ขั้นตอนคือ เอาใบคำขอวีซ่าจากถาดสีฟ้าๆ กับใบจ่ายเงินธนาคารกรุงศรีจากกล่องไม้ มากรอกๆ ตัวอย่างการกรอกก็แปะอยู่บนโต๊ะนั่นแหละคับ
อืมมมม แต่แน่ใจ้ว่าทำตัวอย่างให้คนต้างชาติอ่าน??? คุณพี่เขียนคำบรรยายเป็นภาษาอุซเบกหมดเลยยย -_-
หน้าตาใบคำขอเป็นแบบนี้คับ กรอกๆ ไปไม่มีไรมาก เตรียมรูปถ่ายสี 2 นิ้วไป 2 ใบด้วยคับ
แต่ส่วนใบจ่ายเงินธนาคาร ยังไม่ควรกรอกค่าธรรมเนียมนะคับ เพราะมันขึ้นกับจำนวนวันที่ไป เริ่มจาก 1,200 ไปจนถึง 2,300
ให้เราโทรศัพท์ตรงประตูเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ออกมาดูเอกสารก่อนว่าครบไหม แล้วเค้าจะนับวันให้เราพร้อมบอกจำนวนค่าธรรมเนียมที่เราต้องจ่าย
** ณ วันที่ยื่นคำขอวีซ่า ยังไม่ต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียม ให้ทิ้งคำขอพร้อมพาสปอร์ตตัวจริงไว้ให้เค้า ประมาณ 7 วันทำการโทรตามเรื่องเค้าอีกรอบว่าออกหรือยัง (โดยหลักการ พี่จนท.ที่นั่นเค้าบอกว่าจะได้ใน 7 วันทำการ แต่อาจนานกว่านั้นถ้ากงสุลไม่อยู่) ถ้าออกแล้วก็นัดวันเข้าไปรับ โดยไปจ่ายค่าธรรมเนียมวันที่จะไปรับเล่มพาสปอร์ตคืนนั่นแหละครับ จริงๆ จะจ่ายที่ธนาคารกรุงศรีสาขาไปก็ได้ เค้าแค่เขียนแนะนำว่าสาขาที่ใกล้ที่สุดคือตตึก Capital All Season Place ซึ่งเดินไปจากสถานกงสุลไม่ไกล
หลังจากนอนรอไป 10 วัน จขกท. ก็ไปรับเล่มวีซ่าได้ประมาณนี้ครับ สังเกตุได้ว่าวีซ่ามีอายุให้เดินทางเข้าและออกตามวันที่กำหนดเป๊ะมาก
ของจขกท. กะว่าจะไป 12-18 เม.ย. ก้อกรอกไปตามนั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้จองตั๋วเลย เหอะๆๆ ช่างกล้า..... โดยค่าธรรมเนีมสำหรับ 7 วันไป 2,100 บาท
ใจนึงก็อยากกรอกเผื่อๆ ว่าไป 9 กลับ 20 ไรงี้คับ แต่มันจะกลายเป็นว่าจะโดยค่าธรรมเนียมอีกเรทนึง (น่าจะ 8-12 วัน) ซึ่งก็แพงขึ้นไปอีกคับ
หมายเหตุ - จริงๆ จะไปแทนคนอื่นไปขอก็ได้ ไม่เห็นต้องมีมอบอำนาจอะไรเลย ทั้งตอนที่ยื่นคำขอและตอนไปรับเล่มคืน
ออกตั๋วเครื่องบิน
บ่ายวันที่ 31/3/2016 จขกท. โทรตามเรื่องกับจนท.สถานกงสุล พบว่าออกแล้ว ก็เลยนัดว่าจะเข้าไปเอาเล่มเช้าวันต่อไปเลย (1/4/2016)
ไอ้เราก็ อา เข้าไปเช็คตั๋วว่างจาก Skyscanner สักหน่อย ก็ขึ้นว่าโอเค ที่นั่งว่างๆ เหลืออยู่พอสมควร .. อา สบายใจๆ กันไป นอนตาหลับ
ตอนเช้า 1/4/2016 ระหว่างกำลังนั่งบีทีเอสไปเอาเล่ม ก็ลองกดดู Skyscanner จากไอโฟนเล่นๆ ไป ....
แต่ .......
ทำไม ... วันนี้มันขึ้นว่าไม่มีตั๋วแล้วววว .....
ทำไม?? เป็นไปได้ยังไง??
ทำไมขึ้นว่าเหลือตั๋วแค่ขาไป ขากลับวันที่ 18 เม.ย. ไม่เหลือแล้ว
พลิกๆ อ่านไปเรื่อยสรุปว่า
1. ตั๋วชั้นประหยัดที่ออก 12 กลับ 18 ขายหมดแล้ว!!!!! บ๊ะะะ ..... ถ้าจะไป-กลับวันเดิมต้องไปจองชั้นธุรกิจ ซึ่งแพงกว่าเดิม 2 เท่า
2. ถ้าอยากได้ตั๋วราคาเดิม (21,xxx) ก็ให้ออกวันเดิม แล้วเลื่อนขากลับเป็น 21 (มันไม่ได้บินกลับ TAS-BKK ทุกวันอย่างที่บอก)
โอยยยย ปวดหัวตั้งแต่ยังไม่เดินทาง
ถ้า จขกท. เลือกทาง 1. งบบานปลายตั้งแต่ยังไม่ก้าวเท้าออกจากประเทศ .. แล้วเพื่อนร่วมเดินทางคงบ่นอีก (บึนปาก)
ไหนๆ ลองคิดว่าจะเลือกทาง 2. เอ ก็ไม่เลวนะ แค่ต้องลาเพิ่มอีก 3 วัน ... แต่วีซ่าก็ดันออกแบบลงวันที่เป็ะๆ มาแล้วมา 12-18 เม.ย. (เบะปาก)
ตอนที่ไปรับเล่มพาสปอร์ต ลองถามจนท.เค้าก็ตอบไม่ได้ แต่เค้าแนะนำให้อยู่เกิน Overstay ไปเลย แล้วเสียค่าปรับ (หาา .... หยั่งงี้ก็ได้หราาาาา)
รับเล่มเสร็จจากสถานทูต เลยแว้นไปต่อที่ตึกยูไนเต็ด เพื่อลองเสี่ยงมันหน้างานซะเลย
ปรากฎว่าจนท. เช็คให้ทันทีพบว่ามีที่นั่งว่าง "2 ที่สุดท้าย" ซึ่งจิงๆ เต็มไปแล้วแต่มีการยกเลิก
ผลคือ จขกท. รีบยื่นพาสปอร์ต 2 เล่มให้จองทันที แล้ววิ่งลงไปหาตู้เอทีเอ็มข้างล่างตึกเพื่อเอาเงินสดมาจ่ายค่าตั๋วววววว ..... เฮ้อออ เกือบไม่ได้ไป
จบ คห.1 ก่อนนะคับ เดี๋ยวมาต่อเน้อ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น