
สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกๆที่ผมเขียนเลยก็ว่าได้ ไม่เคยเล่นpuntip มาก่อน
แต่คิดว่ามีเรื่องอยากจะเอามาเล่าแชร์ประสบการณ์ให้ทุกๆคนได้อ่านกัน จากเด็กโดดเรียนเล่นเกมส์ทั่วไป จนเป็น นักล่าฝัน
[บทความฉบับย่อ]
ผมเป็นเด็กผู้ชายในโรงเรียนผู้หญิงประจำจังหวัดชลบุรี ผมเป็นเด็กเรียนอ่อนมากๆๆๆๆ ผมจำได้ว่าผมไม่เคยได้เกรดเกิน 2.50 เลยนับตั้งแต่จบป.6 มา ผมมักจะโดดเรียนไปเล่นเกม อ่านการ์ตูน ไม่ก็เล่นบาสเป็นประจำ ผมเคยพยายามเรียนหนังสืออย่างสุดความสามารถแล้วนะ แต่ผมก็ไม่สามารถท่องสูตรคูณแม่ 9 ได้เลย (ทุกวันนี้ก็เป็น 5555) ทำให้ทั้งที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ หรือครูที่สอนผม ต่างบอกว่า ผม “โง่” ซึ่งผมก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ ผมหัวไม่ไปทางวิชาการเลย
ที่บ้านผมพ่อแม่รับราชการ พี่ชายเรียนวิศวะ น้องเรียนหมอ แต่ผมกลับชอบงานศิลปะ ชอบถ่ายภาพ ชอบเพ้นท์สี เล่นดนตรีตามภาษาเด็กผู้ชายทั่วไป ความกดดันจึงมีมากขึ้นครับ ผมไม่เข้าใจคนเราจะวัดค่ากันเพียงแค่เกรดเหรอ? ผมเลยบอกกับตัวเองว่า ผมต้องทำตัวเองให้มีความหมายมีมูลค่าขึ้นมาให้ได้ เพื่อพิสูจน์ให้พ่อกับแม่ผมเห็น

โรงเรียนศิลปะผม และเพื่อนสนิทที่ผมรักมาก

เล่นดนตรีหาเงินตอนมัธยม
---------------------------------------------------------------------------------
วันหนึ่งครับ ตอนม.6 โรงเรียนผมให้เด็ก ม.6 ไปดูงาน open house ที่ม.กรุงเทพ ผมก็เดินดูตามคณะต่างๆ ผมชอบบรรยากาศที่นี่นะ มันต่างกับมหาวิทยาลัยที่อื่นจริงๆ
ผมเชื่ออย่างนึงว่า แต่ละมหาลัยจะมี "กลิ่นอาย" ไม่เหมือนกัน ซึ่งมันจะตอบสนองกับตัวตนของคนๆนั้นว่า ชอบที่นี่หรือไม่
สำหรับตัวผมเองที่ชอบความสร้างสรรค์ นอกกรอบแล้ว ที่นี่ เหมือนสวรรค์

หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้ขึ้นไปยังหอประชุม ชั้น3 (อยู่ตรงตึกเพชรด้านหน้าของมหาวิทยาลัย) ผมเข้าไปนั่งในข้างใน ในนั้นหนาวเย็นมากครับ มีผมกับเพื่อน 2-3 คน และเด็กจากโรงเรียนอื่นๆ หลังจากนั้นไฟในห้องนั้นก็ค่อยๆมืดดับลง และมี vdo โครงการหนึ่งเปิดขี้น
“มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จะส่งคุณไปถึงระดับโลก”
จั่วหัวมาแบบนี้ผมนี่ตาลุกวาวเลยครับ ผมตัดสินใจทันทีที่จะเข้าที่มหาวิทยาลัยนี้ ตอนนี้ผมรู้ตัวเองเลยว่าผมจะทำให้ตัวเองดูมีความหมาย และมีมูลค่ายังไง จะทำให้ตัวเองมีค่ามากว่าค่านิยมเรียนเก่ง เรียนหมอ หรือเรียนวิศวะได้อย่างไร ผมหัวใจเต้นระรัวและตั้งเป้าหมายของผมทันทีว่า “ผมต้องไป New York ให้ได้”
ผมกลับมาที่โรงเรียน สะบัดความขี้เกียจทั้งหมดออกจากตัวผมและทำหนังสั้นส่งประกวด โดยที่ตัวเองก็ไม่เคยทำมาก่อน ใช้การคาดเดาและเซ้นท์ล้วนๆ จนได้รับรางวัลมาในที่สุด ผมจึงเอาโปรไฟล์นี้ไปขอทุนพ่อแม่ (ทุนพ่อแม่นะ 555 ตอนนั้นหมดเวลาขอทุนมหาลัยไปแล้ว) เพื่อจะขอเรียนสาขาภาพยนตร์ที่ม.กรุงเทพ ปรากฎว่าผมได้รับอนุมัติจากพ่อแม่ครับ

-----------------------------------------------------------------------
เมื่อผมเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า “ผมจะไม่เป็นปี 1 ธรรมดาที่กินเที่ยวไปวันๆ ผมจะต้องยิ่งใหญ่ ผมจะต้องมีโปรโฟล์ และผมต้องไปนิวยอร์กให้ได้” ผมไม่รอช้าสมัครเข้าร่วมโครงการ BYNY ทันที โดยโจทย์ที่ได้รับ คือ “เปลี่ยนกรุงเทพให้เป็นมหานครไอเดีย”
ตอนนั้นผมสร้างแผนที่ล่าสมบัติขึ้นมาชื่อผลงานว่า Idea Island ผมแทนไอเดียว่าเป็นขุมทรัพย์ที่เราต้องไปหา และผมก็เขียนไอเดียส่งไปในรูปแบบของแผนที่ พร้อมกล่องสมบัติ เมื่อผมส่งผลงานไป ไอเดียผมได้ขึ้นเพจ ผมดีใจมาก ผมถูกคัดเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย เพื่อคัดให้เหลือเพียง 8 คนที่จะได้ไปนิวยอร์ก ผมคิดว่าผลงานผมเจ๋ง พรสวรรค์ของผมยังงัยก็ทำให้ผมชนะแน่ จึงไม่ได้เตรียมตัวดีนัก
เมื่อไปถึงหัวหิน workshop ทำให้ผมตัวเล็กลงไปทันที
ภาพในหัวผมก็เปลี่ยนไป โลกในกะลาของผมก็ถูกเปิดออก เสร็จสิ้นการ workshop ผมภาวนาขอให้ผมได้เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายที่ได้ไปนิวยอร์ก แต่ปรากฎว่าไม่มีชื่อของผม ผมถามตัวเองว่า “เรามาได้แค่นี้สินะ” ความฝันที่วาดไว้ ความฝันที่อยากลบคำสบประมาท ทุกอย่างหายไปแล้ว ความฝันมันก็เป็นเพียงภาพวาดในจินตนาการที่เลือนลางแค่นั้นเอง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
และแล้วไฟแห่งความฝันและความหวังของพวกเราถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ผมตัดสินใจย้ายจากสาขาภาพยนตร์ ไปเรียนสาขาโฆษณา เพราะผมต้องการไปให้ถึงฝันให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผมต้องพยายามมากว่าคนอื่นหลายเท่า เพราะผมไม่มีทุนด้านความคิดสร้างสรรค์เหมือนคนอื่น ผมไม่เคยได้รับโอกาสเรียนงานสร้างสรรค์อะไรเลย
ผมเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นชมรมละครนิเทศศาสตร์ หนังสั้นและอื่นๆ ส่งผลงานประกวดทุกเวที ได้รับรางวัลต่างๆมากมาย เพราะผมจะไม่เสียเวลาเลยสักวินาที จนหลายคนบอกว่าผมหักโหมเกินไป แต่ผมก็จะให้เหตุผลกลับไปว่า “ ไม่ใช่ว่าผมหักโหมแต่ผมสนุกกับงานมากกว่า” มันเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อย+ สนุก+เสียใจ+ ดีใจ
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมได้ “ความมั่นใจ”และ“ความกล้า”มากขึ้น ในปีนั้นผมทำหนังสั้นจิตอาสา ชื่อว่าGenA เข้าประกวดโครตการ GenA ฑูตแห่งความดีปี2557 และก็ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัลโครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย ประจำปี 2559 รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รางวัลพระราชทานชิ้นแรกในชีวิต โอ้แม่จ้าวววว!!
ได้ออกสื่อมากมาย (มากมายจริงๆ มีมากกว่านี้อีก รู้สึกมีความเซเลปในตัว)
หนังชนะรางวัลต่างประเทศอีกมากมาย ได้รางวัลเขียนบทกับตัดต่อด้วย
ได้รางวัลอีกมากมายในปีเดียว
พีคสุดๆคือ ผลงานได้ไปฉาายที่คานส์ด้วย!! โครตเจ๋ง ต้องขอบคุณพี่ผู้กำกับสุดรักของผม พี่บิ๊ก Napat มากๆ
เรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นอย่างไม่ลดละ

บ้านเขียนบท

.
เปิดตอนเสิตหลายรอบมาก
ผมก็ยังสอบเข้าห้องเรียน OSP: Outstanding Student Program ห้องเรียนพิเศษของภาคโฆษณาที่เจ๋งที่สุดในมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย มาถึงจุดนี้ผมก็ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกันว่า มาถึงจุดนี้ได้ยังไง ส่วนตัวผมๆคิดว่าเป็นเพราะโครงการ BU to New York นี่แหล่ะที่ทำให้ผมเปลี่ยนชีวิต ดังนั้นผมจะตามฝันและปั้นมันให้เป็นจริงให้ได้
------------------------------------------------------
season 2 ของโครงการ BUNY มาถึงแล้ว แน่นอนผมรอเวลานี้มานานแล้ว วันรับบรีฟผมตั้งใจมาก นั่งหน้าสุดกับเพื่อนระเห็ดจาก BUNY ด้วยกันเธอชื่อ “วีว่า” บรรยากาศในห้องการรับบรีฟระอุไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มันทำให้ผมมีไฟมาก ผมอ่านหนังสือทุกเล่มที่มี ศึกษางานมากกว่าเดิม 3 เท่า เมื่อระฆังดังขึ้นผมจะขึ้นไปชกบนการแข่งขันนี้อีกครั้ง

ผลงานของพวกเรา

--------------------------------------------------------------------------------
ผมเอาความรู้และประสบการณ์ทุกอย่างที่ตลอดระยะ 1 ปีที่ได้ฝึกฝนมาใส่ลงไปในงานผม ผมจะไม่เสียใจเลยถ้าครั้งนี้ผมจะไม่ได้ เพราะผมได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว
เมื่อวันประกาศผมมาถึง ผมเป็น 1 ใน 12 คนที่ได้ไปนิวยอร์ก ความฝันของผมเป็นจริงแล้ว
ผมโทรหาแม่ต้อง5 ทุ่ม แม่รับสายผมด้วยความงัวเงีย พอผมบอกผลการแข่งขัน แม่ผมนี่ตื่นเลยครับและปลุกทุกคนในบ้านเลย 555
ผมโทรหาเพื่อน ๆ พี่ๆ อีกหลายคนที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด ขอบคุณที่คอยอยู่ด้วยกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
ขอบคุณทุกๆคนที่ผมทำงานด้วย
ขอบคุณอาจารย์ที่เลือกผม
ขอบคุณตัวเองที่ไม่ยอมแพ้
และขอบคุณที่วันนั้น “ผมแพ้”

--------------------------------------------------------------------------------
ถ้าปีที่แล้ว ผมไม่แพ้ และได้ไปNY ผมคงเป็นคนที่น้ำเต็มแก้ว
ผมคงคิดว่าตัวเองเก่งมาก จนไม่มีวันที่จะมาถึงตรงนี้ได้
ผมคงไม่มีวันนี้ ผมคงไมได้มีความฝัน ผมคงไม่ได้พยายาม
ผมคงไม่ได้เจอเรื่องราวต่างๆมากมาย
ผมคงไมได้รางวัลต่างๆเช่นตอนนี้ ผมคงไม่ได้มีประสบการณ์ ผมคงไม่ได้เจ็บไม่ได้ทน
ผมคงไม่เป็นผมในวันนี้ ขอบคุณพระเจ้าจริงๆที่ให้ผมแพ้และปลุกปั้นให้ผมพยายามขนาดนี้
มันทำให้ผมพิสูจน์คำว่า “ความสำเร็จ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใน1วัน” จริงๆ
และขอบคุณคนนี้....เสมอมา
ตอนนี้ BUNY 3 มาแล้วนะครับ มันเปลี่ยนแปลงผมไปมาห และมันจะเปลี่ยนแปลงคุณเช่นเดียวกัน ติดตามได้ที่
https://web.facebook.com/bunewyork/?fref=ts
นิวยอร์ก มหานครแห่งไอเดีย
คนที่คิดว่าเก่งที่สุดในเมืองไทย ถ้าได้ลองไปนิวยอร์ก เราจะเป็นแค่หิ่งห้อย ในทันที
เพราะนิวยอร์กคือศูนย์รวมของ Spotlight เก่งจากทั่วโลก
ติดตามเรื่องราวสุดมันส์ตอนผมอยู่Newyork ได้ที่
https://web.facebook.com/arm.polnikorn/media_set?set=a.941521735941873.1073741852.10
Email : Blueclef9(at)gmail.com
[CR] [BU to newyork] เมื่อผมถูกตราหน้าว่า ”โง่” ที่สุด
สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกๆที่ผมเขียนเลยก็ว่าได้ ไม่เคยเล่นpuntip มาก่อน
แต่คิดว่ามีเรื่องอยากจะเอามาเล่าแชร์ประสบการณ์ให้ทุกๆคนได้อ่านกัน จากเด็กโดดเรียนเล่นเกมส์ทั่วไป จนเป็น นักล่าฝัน
[บทความฉบับย่อ]
ผมเป็นเด็กผู้ชายในโรงเรียนผู้หญิงประจำจังหวัดชลบุรี ผมเป็นเด็กเรียนอ่อนมากๆๆๆๆ ผมจำได้ว่าผมไม่เคยได้เกรดเกิน 2.50 เลยนับตั้งแต่จบป.6 มา ผมมักจะโดดเรียนไปเล่นเกม อ่านการ์ตูน ไม่ก็เล่นบาสเป็นประจำ ผมเคยพยายามเรียนหนังสืออย่างสุดความสามารถแล้วนะ แต่ผมก็ไม่สามารถท่องสูตรคูณแม่ 9 ได้เลย (ทุกวันนี้ก็เป็น 5555) ทำให้ทั้งที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ หรือครูที่สอนผม ต่างบอกว่า ผม “โง่” ซึ่งผมก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ ผมหัวไม่ไปทางวิชาการเลย
ที่บ้านผมพ่อแม่รับราชการ พี่ชายเรียนวิศวะ น้องเรียนหมอ แต่ผมกลับชอบงานศิลปะ ชอบถ่ายภาพ ชอบเพ้นท์สี เล่นดนตรีตามภาษาเด็กผู้ชายทั่วไป ความกดดันจึงมีมากขึ้นครับ ผมไม่เข้าใจคนเราจะวัดค่ากันเพียงแค่เกรดเหรอ? ผมเลยบอกกับตัวเองว่า ผมต้องทำตัวเองให้มีความหมายมีมูลค่าขึ้นมาให้ได้ เพื่อพิสูจน์ให้พ่อกับแม่ผมเห็น
โรงเรียนศิลปะผม และเพื่อนสนิทที่ผมรักมาก
เล่นดนตรีหาเงินตอนมัธยม
---------------------------------------------------------------------------------
วันหนึ่งครับ ตอนม.6 โรงเรียนผมให้เด็ก ม.6 ไปดูงาน open house ที่ม.กรุงเทพ ผมก็เดินดูตามคณะต่างๆ ผมชอบบรรยากาศที่นี่นะ มันต่างกับมหาวิทยาลัยที่อื่นจริงๆ
ผมเชื่ออย่างนึงว่า แต่ละมหาลัยจะมี "กลิ่นอาย" ไม่เหมือนกัน ซึ่งมันจะตอบสนองกับตัวตนของคนๆนั้นว่า ชอบที่นี่หรือไม่
สำหรับตัวผมเองที่ชอบความสร้างสรรค์ นอกกรอบแล้ว ที่นี่ เหมือนสวรรค์
หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้ขึ้นไปยังหอประชุม ชั้น3 (อยู่ตรงตึกเพชรด้านหน้าของมหาวิทยาลัย) ผมเข้าไปนั่งในข้างใน ในนั้นหนาวเย็นมากครับ มีผมกับเพื่อน 2-3 คน และเด็กจากโรงเรียนอื่นๆ หลังจากนั้นไฟในห้องนั้นก็ค่อยๆมืดดับลง และมี vdo โครงการหนึ่งเปิดขี้น
“มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จะส่งคุณไปถึงระดับโลก”
จั่วหัวมาแบบนี้ผมนี่ตาลุกวาวเลยครับ ผมตัดสินใจทันทีที่จะเข้าที่มหาวิทยาลัยนี้ ตอนนี้ผมรู้ตัวเองเลยว่าผมจะทำให้ตัวเองดูมีความหมาย และมีมูลค่ายังไง จะทำให้ตัวเองมีค่ามากว่าค่านิยมเรียนเก่ง เรียนหมอ หรือเรียนวิศวะได้อย่างไร ผมหัวใจเต้นระรัวและตั้งเป้าหมายของผมทันทีว่า “ผมต้องไป New York ให้ได้”
ผมกลับมาที่โรงเรียน สะบัดความขี้เกียจทั้งหมดออกจากตัวผมและทำหนังสั้นส่งประกวด โดยที่ตัวเองก็ไม่เคยทำมาก่อน ใช้การคาดเดาและเซ้นท์ล้วนๆ จนได้รับรางวัลมาในที่สุด ผมจึงเอาโปรไฟล์นี้ไปขอทุนพ่อแม่ (ทุนพ่อแม่นะ 555 ตอนนั้นหมดเวลาขอทุนมหาลัยไปแล้ว) เพื่อจะขอเรียนสาขาภาพยนตร์ที่ม.กรุงเทพ ปรากฎว่าผมได้รับอนุมัติจากพ่อแม่ครับ
-----------------------------------------------------------------------
เมื่อผมเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า “ผมจะไม่เป็นปี 1 ธรรมดาที่กินเที่ยวไปวันๆ ผมจะต้องยิ่งใหญ่ ผมจะต้องมีโปรโฟล์ และผมต้องไปนิวยอร์กให้ได้” ผมไม่รอช้าสมัครเข้าร่วมโครงการ BYNY ทันที โดยโจทย์ที่ได้รับ คือ “เปลี่ยนกรุงเทพให้เป็นมหานครไอเดีย”
ตอนนั้นผมสร้างแผนที่ล่าสมบัติขึ้นมาชื่อผลงานว่า Idea Island ผมแทนไอเดียว่าเป็นขุมทรัพย์ที่เราต้องไปหา และผมก็เขียนไอเดียส่งไปในรูปแบบของแผนที่ พร้อมกล่องสมบัติ เมื่อผมส่งผลงานไป ไอเดียผมได้ขึ้นเพจ ผมดีใจมาก ผมถูกคัดเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย เพื่อคัดให้เหลือเพียง 8 คนที่จะได้ไปนิวยอร์ก ผมคิดว่าผลงานผมเจ๋ง พรสวรรค์ของผมยังงัยก็ทำให้ผมชนะแน่ จึงไม่ได้เตรียมตัวดีนัก
เมื่อไปถึงหัวหิน workshop ทำให้ผมตัวเล็กลงไปทันที
ภาพในหัวผมก็เปลี่ยนไป โลกในกะลาของผมก็ถูกเปิดออก เสร็จสิ้นการ workshop ผมภาวนาขอให้ผมได้เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายที่ได้ไปนิวยอร์ก แต่ปรากฎว่าไม่มีชื่อของผม ผมถามตัวเองว่า “เรามาได้แค่นี้สินะ” ความฝันที่วาดไว้ ความฝันที่อยากลบคำสบประมาท ทุกอย่างหายไปแล้ว ความฝันมันก็เป็นเพียงภาพวาดในจินตนาการที่เลือนลางแค่นั้นเอง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
และแล้วไฟแห่งความฝันและความหวังของพวกเราถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ผมตัดสินใจย้ายจากสาขาภาพยนตร์ ไปเรียนสาขาโฆษณา เพราะผมต้องการไปให้ถึงฝันให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผมต้องพยายามมากว่าคนอื่นหลายเท่า เพราะผมไม่มีทุนด้านความคิดสร้างสรรค์เหมือนคนอื่น ผมไม่เคยได้รับโอกาสเรียนงานสร้างสรรค์อะไรเลย
ผมเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นชมรมละครนิเทศศาสตร์ หนังสั้นและอื่นๆ ส่งผลงานประกวดทุกเวที ได้รับรางวัลต่างๆมากมาย เพราะผมจะไม่เสียเวลาเลยสักวินาที จนหลายคนบอกว่าผมหักโหมเกินไป แต่ผมก็จะให้เหตุผลกลับไปว่า “ ไม่ใช่ว่าผมหักโหมแต่ผมสนุกกับงานมากกว่า” มันเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อย+ สนุก+เสียใจ+ ดีใจ
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมได้ “ความมั่นใจ”และ“ความกล้า”มากขึ้น ในปีนั้นผมทำหนังสั้นจิตอาสา ชื่อว่าGenA เข้าประกวดโครตการ GenA ฑูตแห่งความดีปี2557 และก็ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัลโครงการทูตความดีแห่งประเทศไทย ประจำปี 2559 รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รางวัลพระราชทานชิ้นแรกในชีวิต โอ้แม่จ้าวววว!!
ได้ออกสื่อมากมาย (มากมายจริงๆ มีมากกว่านี้อีก รู้สึกมีความเซเลปในตัว)
หนังชนะรางวัลต่างประเทศอีกมากมาย ได้รางวัลเขียนบทกับตัดต่อด้วย
ได้รางวัลอีกมากมายในปีเดียว
พีคสุดๆคือ ผลงานได้ไปฉาายที่คานส์ด้วย!! โครตเจ๋ง ต้องขอบคุณพี่ผู้กำกับสุดรักของผม พี่บิ๊ก Napat มากๆ
เรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นอย่างไม่ลดละ
บ้านเขียนบท
เปิดตอนเสิตหลายรอบมาก
ผมก็ยังสอบเข้าห้องเรียน OSP: Outstanding Student Program ห้องเรียนพิเศษของภาคโฆษณาที่เจ๋งที่สุดในมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย มาถึงจุดนี้ผมก็ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกันว่า มาถึงจุดนี้ได้ยังไง ส่วนตัวผมๆคิดว่าเป็นเพราะโครงการ BU to New York นี่แหล่ะที่ทำให้ผมเปลี่ยนชีวิต ดังนั้นผมจะตามฝันและปั้นมันให้เป็นจริงให้ได้
------------------------------------------------------
season 2 ของโครงการ BUNY มาถึงแล้ว แน่นอนผมรอเวลานี้มานานแล้ว วันรับบรีฟผมตั้งใจมาก นั่งหน้าสุดกับเพื่อนระเห็ดจาก BUNY ด้วยกันเธอชื่อ “วีว่า” บรรยากาศในห้องการรับบรีฟระอุไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มันทำให้ผมมีไฟมาก ผมอ่านหนังสือทุกเล่มที่มี ศึกษางานมากกว่าเดิม 3 เท่า เมื่อระฆังดังขึ้นผมจะขึ้นไปชกบนการแข่งขันนี้อีกครั้ง
ผลงานของพวกเรา
--------------------------------------------------------------------------------
ผมเอาความรู้และประสบการณ์ทุกอย่างที่ตลอดระยะ 1 ปีที่ได้ฝึกฝนมาใส่ลงไปในงานผม ผมจะไม่เสียใจเลยถ้าครั้งนี้ผมจะไม่ได้ เพราะผมได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว
เมื่อวันประกาศผมมาถึง ผมเป็น 1 ใน 12 คนที่ได้ไปนิวยอร์ก ความฝันของผมเป็นจริงแล้ว
ผมโทรหาแม่ต้อง5 ทุ่ม แม่รับสายผมด้วยความงัวเงีย พอผมบอกผลการแข่งขัน แม่ผมนี่ตื่นเลยครับและปลุกทุกคนในบ้านเลย 555
ผมโทรหาเพื่อน ๆ พี่ๆ อีกหลายคนที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด ขอบคุณที่คอยอยู่ด้วยกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
ขอบคุณทุกๆคนที่ผมทำงานด้วย
ขอบคุณอาจารย์ที่เลือกผม
ขอบคุณตัวเองที่ไม่ยอมแพ้
และขอบคุณที่วันนั้น “ผมแพ้”
--------------------------------------------------------------------------------
ถ้าปีที่แล้ว ผมไม่แพ้ และได้ไปNY ผมคงเป็นคนที่น้ำเต็มแก้ว
ผมคงคิดว่าตัวเองเก่งมาก จนไม่มีวันที่จะมาถึงตรงนี้ได้
ผมคงไม่มีวันนี้ ผมคงไมได้มีความฝัน ผมคงไม่ได้พยายาม
ผมคงไม่ได้เจอเรื่องราวต่างๆมากมาย
ผมคงไมได้รางวัลต่างๆเช่นตอนนี้ ผมคงไม่ได้มีประสบการณ์ ผมคงไม่ได้เจ็บไม่ได้ทน
ผมคงไม่เป็นผมในวันนี้ ขอบคุณพระเจ้าจริงๆที่ให้ผมแพ้และปลุกปั้นให้ผมพยายามขนาดนี้
มันทำให้ผมพิสูจน์คำว่า “ความสำเร็จ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใน1วัน” จริงๆ
และขอบคุณคนนี้....เสมอมา
ตอนนี้ BUNY 3 มาแล้วนะครับ มันเปลี่ยนแปลงผมไปมาห และมันจะเปลี่ยนแปลงคุณเช่นเดียวกัน ติดตามได้ที่
https://web.facebook.com/bunewyork/?fref=ts
นิวยอร์ก มหานครแห่งไอเดีย
คนที่คิดว่าเก่งที่สุดในเมืองไทย ถ้าได้ลองไปนิวยอร์ก เราจะเป็นแค่หิ่งห้อย ในทันที
เพราะนิวยอร์กคือศูนย์รวมของ Spotlight เก่งจากทั่วโลก
ติดตามเรื่องราวสุดมันส์ตอนผมอยู่Newyork ได้ที่
https://web.facebook.com/arm.polnikorn/media_set?set=a.941521735941873.1073741852.10
Email : Blueclef9(at)gmail.com