ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต
ฮูเล...ลิเขียนจบอีกเรื่องแล้วค่ะคุณผู้อ่าน ต่อไปลิจะรีไร้ท์ "ริษยาข้ามภพ" ต่อ ใครที่เคยตามอ่านสาปเสน่หา คอยพบกับเจ้านางคำหยาดฟ้าโฉมใหม่ได้เลยนะคะ เธอกำลังจะกลับมาอีกครั้งในรูปแบบนวนิยายเต็มพิกัดค่ะ
ขอบคุณ คุณผู้อ่านที่ตามอ่านนิยายเรื่องนี้ทุกท่าน ทั้งท่านที่คอยให้กำลังใจหน้าไมค์และหลังไมค์ ตลอดจนท่านนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ
ริษยาซ่อนร่าง
ตอนที่ 21
ตอนอวสาน
โดย...ล. วิลิศมาหรา
เหตุร้ายจากฝีมือปีศาจซึ่งเกิดมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้นมากมายจากอิทธิพลของไพ่มรณะได้ยุติลงแล้ว ช่างเหมือนเหตุการณ์ที่บ้านไม้สามหลังในสวนมะม่วงเมื่อครั้งก่อนโน้น ซึ่งพอนางปีศาจหยุดอาละวาด บรรยากาศรอบด้านก็เปลี่ยนไปในทันที ขณะนี้เมฆสีดำที่ลอยบดบังแสงอาทิตย์อยู่นานได้สลายตัวลงไป พร้อมกับหมอกควันสีเทาที่เคยปกคลุมทั่วบริเวณก็จางหาย ทำให้รอบข้างกระจ่าง สว่างไสวขึ้นทันตา
กองขี้เถ้าจากซากร่างซึ่งถูกเผาไหม้ มีสายลมหอบหนึ่ง พัดหอบปลิวหายไปในอากาศจนหมดสิ้น ท้องฟ้าสีครามพร้อมแสงแดดอุ่นสาดส่อง ยามสายของวันปกติหวนกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
แต่เหล่าบุคคลผู้เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์วิกฤติยังอยู่ในสภาพซึมเศร้า โดยเฉพาะพาฝัน เวลานี้เธอตระหนักแล้วว่า ตัวเองได้สูญเสียบุรินทร์ไปแล้วอย่างแท้จริง ไม่เหลือแม้เถ้ากระดูกของเขาให้เห็น หญิงสาวสุดทนยืนไหว ต้องทรุดตัวลงนั่งร่ำไห้อาลัยรักในตัวสามี เธอพึ่งรู้ใจตัวเองว่า ที่ผ่านมาเธอก็รักเขาไม่น้อยเลย มันเป็นความรักที่เกิดจากความผูกพัน การได้ดูแลเอาใจใส่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาเป็นเวลาช้านาน บุรินทร์ดีกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย เคยรักเธออย่างไรในสมัยยังเป็นหนุ่มสาว เมื่อแก่ตัวลง เขาก็ยังปฏิบัติต่อเธอแบบนั้น เธอเสียอีกที่มักหลีกเลี่ยงคำบอกรักยามถูกเขาถาม บุรินทร์รู้ตัวดีว่า พาฝันยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งแอบอิงอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่พยายามบ่ายเบี่ยงเขาไปมากับคำเพียงคำเดียวที่เขาอยากได้ยิน เธอแค่ตอบว่า รักหรือไม่ให้ดูที่การกระทำ
และเมื่อบุรินทร์โดนปีศาจสิง ตอนแรกเธอมัวแต่ตกใจกลัว และคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองกับลูกชายเป็นหลัก ขณะนั้นในใจส่วนลึกยังคิดว่า นางผีกะอาจเพียงสิงร่างควบคุมเขาไว้ข้างใน แต่เขายังไม่ตาย และเธอหวังว่าพระอินทรจะมีวิธีช่วยเหลือเขาได้ แต่เมื่อเห็นซากร่างของเขาโดนเผาคาตา ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าบุรินทร์ได้หายไปจากโลกนี้แน่แล้ว สุดท้ายเขายังมาปรากฏกายให้เห็น ตอกย้ำให้สำนึกรู้บัดนี้บุรินทร์เหลือเพียงวิญญาณล่องลอย สามีของเธอไม่อาจสื่อสารกับเธอทางคำพูด เขาทำได้แค่โบกมือลา
พาฝันสะอื้นฮัก รู้สึกขมขื่นในใจ หญิงสาวเกลียดชังตัวเองที่ไม่เคยนึกถึงสามีจริงจัง แม้ในยามที่เขาทุกข์ทรมานอยู่ภายใต้อำนาจผีร้าย นี่ถ้าเธอรู้ว่าเขาจะมาด่วนตายจาก เธอจะรักเขาให้มากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า เพราะเมื่อคำว่ารักเปล่งออกจากปากมันก็สายเกินการณ์ บุรินทร์จากเธอไปไกลอย่างไม่มีวันหวนกลับเสียแล้ว ปริศาดูเหมือนเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสนิทดี เธอเห็นสามีภรรยาคู่นี้มานาน พาฝันค่อนข้างเย็นชากับสามีตนเอง และตอนนี้เพื่อนสาวของเธอคงกำลังรู้สึกผิด เธอลงนั่งโอบไหล่ปลอบใจพาฝัน
“หมอบอมไปสู่สุขคติแล้วแพม ตอนที่หมอปรากฏตัวออกมาลา ปิ๋มว่าท่านเหมือนดีใจนะ หน้าตาดูผ่องใส ท่านคงอยากหลุดพ้นจากอำนาจชั่วร้ายเต็มที พ้นมาได้ท่านคงขึ้นไปอยู่บนสวรรค์โน่นแล้ว”
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
พระอินทรเปรยเตือนสติทุกคน ท่านก้มลงอุ้มพระพุทธรูปบนพื้นขึ้นมา ครั้นยืดกายขึ้น ร่างพระชรากลับเซถลาเหมือนคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง เอกกวีซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุดถลันเข้าประคองร่างชราเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ท่านจะล้มลงไป
“นิมนต์พระคุณเจ้าเข้าไปนั่งพักข้างในบ้านก่อนเถอะครับ”
สมศักดิ์ซึ่งระงับอาการโศกเศร้าถึงบุตรสาวได้แล้วเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น เขาเข้มแข็งสมกับที่เคยเป็นประธานของบริษัทใหญ่มาก่อน บิดาของลักขณาตรงเข้าช่วยเอกกวีพยุงร่างพระอินทร ซึ่งมีท่าทีอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดให้ค่อย ๆ ก้าวเท้าออกเดิน กระทั่งเข้ามาถึงห้องโถงรับแขก
สาเหตุที่ภิกษุทรงอาคมมีอาการเช่นนี้ ก็เพราะก่อนหน้านั้น ขณะต่อสู้กับผีร้าย ท่านได้รวบรวมพลังจิตทั้งหมดที่มีอยู่ สร้างเกราะพลังแสงเข้าปกป้องเหล่ามนุษย์และทำลายอิทธิฤทธิ์ของปีศาจ ท่านเค้นพลังออกมาจนกระทั่งแทบจะหมดพละกำลังของกายหยาบไปด้วย โชคดีที่ปีศาจถูกทำลายลงก่อนที่ท่านจะสูญสิ้นพลังชีวิตทั้งหมด มิเช่นนั้นแล้ว ทุกคนในที่นี้ก็คงต้องพบจุดจบแบบเดียวกับเหยื่อของผีร้ายหลายคนก่อนหน้า
คนอื่น ๆ ทยอยกันเดินตามบุรุษทั้งสามเข้าไปข้างในตัวบ้าน ชายทั้งสองประคองร่างพระสงฆ์ชรานั่งลงบนเก้าอี้นวมรับแขก ครั้งแล้วทุกคนต่างทิ้งตัวลงนั่งพักบนเก้าอี้ในห้องอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ยกเว้นสมศักดิ์ที่เข้าไปยกเอาน้ำดื่มมาบริการ หลังจากนั้นทั้งหมดก็เริ่มต้นสนทนากันถึงเหตุการณ์สยองขวัญที่พึ่งผ่านมา
“แพมมีเรื่องอยากเรียนถามท่านค่ะ” พาฝันรับแก้วน้ำจากเจ้าของบ้านที่รินส่งให้มาถือไว้ เธอติดใจสงสัยในบางเรื่องจึงเอ่ยถามพระอินทรขึ้น
“ทำไมบอม...เอ้อ ผีกะตนนั้นมันถึงไม่กลัวสร้อยพระที่ห้อยคอมันอยู่คะ ตอนที่แพมสวมสร้อยให้ มันยังบอกว่า ถ้าเจอท่านให้บอกด้วยว่ามันสบายดี”
พระภิกษุพยักหน้า ท่านรับน้ำมาฉันแล้วจึงเริ่มอธิบายอย่างปรานีว่า
“ปีศาจตนนั้นไม่ได้ถูกพระเครื่องทำร้ายดอกคุณโยม” ท่านระบายยิ้มแล้วกล่าวต่อว่า
“พระพุทธรูปหรือพระเครื่องเป็นรูปเคารพที่บรรดาพุทธศาสนิกชนสร้างขึ้นมาเพื่อระลึกถึงพระพุทธองค์เท่านั้น พระองค์ท่านมีแต่เมตตา แม้กระทั่งมีมารร้ายมุ่งหมายเอาชีวิต พระองค์ก็ทรงยกโทษให้ ศีลข้อที่หนึ่งของท่านคืองดเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตยังไงล่ะ” พระสงฆ์ของพระพุทธองค์ชี้แจง
“เหตุที่บรรดาภูตผีหวาดเกรงรูปสมมุติของพระองค์ เป็นเพราะพวกมันไม่อาจต้านทานมหาบุญบารมีที่ทรงสะสมมาหลายชาติภพ กระทั่งทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระชาติสุดท้ายได้ต่างหาก ซึ่งพวกสัมภเวสีเหล่านี้ไม่สามารถทำบุญกุศลสิ่งใดได้อีก ได้แต่วนเวียนชดใช้กรรมอยู่ในโลกวิญญาณเท่านั้น พวกมันจึงหวั่นเกรงพระบารมีที่ไม่อาจเทียมได้แม้ธุลีของพระองค์ พระเครื่องจึงไม่ได้ทำร้ายผู้ใด ไม่ว่าผีหรือคน”
“อ้าว แล้วที่ท่านกำชับว่า ให้หาทางสวมสร้อยพระให้บอม และให้แพมกับลูกห้อยสร้อยพระเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจมันเข้าออกร่างเราล่ะคะ”
“อ้อ เรื่องนี้อาตมาจะอธิบายให้ฟัง การที่อาตมาให้โยมแพมหาทางสวมสร้อยห้อยพระเครื่องให้นางปีศาจ เพราะเมื่อครั้งมันเป็นมนุษย์ ตัวมันเองก็เป็นพุทธศาสนิกชน เพราะฉะนั้น ส่วนลึกในจิตใจมันย่อมเคารพศรัทธาในคุณพระรัตนตรัย จะเรียกว่าละอายต่อบาปก็ได้ ส่วนสร้อยพระที่โยมแพมกับลูกชายสวมอยู่ โยมทั้งสองเป็นคนดี พระมหาบารมีของพระพุทธองค์ย่อมคุ้มครองปกป้อง ถ้าหากคนใจคอชั่วร้าย แม้ห้อยพระเครื่องเต็มคอ พระมหาบารมีก็หาได้คุ้มครองเขาไม่ ด้วยเหตุนี้นางผีร้ายจึงไม่อาจเข้าสิงร่างโยมสองแม่ลูก ด้วยดวงตาของปีศาจจะเห็นพระบารมีแผ่กว้างออกเป็นรัศมีคลุมร่างโยมอยู่”
“ถ้าเช่นนั้นทำไมนางผีกะถึงถูกทำลายลงได้ล่ะครับ ผมเห็นกับตาว่ามันเจ็บปวดทรมาน ทุรนทุราย แล้วก็ถูกไฟลุกเผาไปในที่สุด”
สมศักดิ์ซึ่งพึ่งเคยเห็นการต่อสู้กันของพระภิกษุเรืองเวทย์กับปีศาจร้ายถามขึ้นบ้าง เขาทั้งตื่นตกใจและฉงนสนเท่ห์ต่อเรื่องราวที่ได้รับรู้ นี่ถ้าไม่ได้เห็นกับตาเขาคงไม่มีทางเชื่อ
“นางผีร้ายถูกกำจัดให้ตกสู่นรกภูมิได้นั้นเป็นส่วนของคาถาอาคมที่ใช้ปราบมัน ซึ่งเป็นไสยเวทย์ทางพราหมณ์ ต้องแยกออกมาจากพระพุทธคุณนะโยม วิชาปราบผีเหล่านี้เป็นไสยศาสตร์สายดำที่อาตมาได้เคยร่ำเรียนมาเพื่อใช้กำจัดวิญญาณชั่วร้าย แต่ถึงอย่างไรก็ดี สิ่งที่อาตมาทำลงไปนั้นล้วนเป็นบาป ซึ่งอาตมาก็คงต้องชดใช้กรรมนั้นต่อไป” พาฝันและคนอื่น ๆ พึ่งเข้าใจในเรื่องนี้ ต่างอุทานออกมาอย่างทึ่ง
“หลวงพ่อครับ แต่สิ่งที่หลวงพ่อทำก็เพื่อช่วยเหลือพวกผมไม่ใช่เหรอครับ ถ้าหากมันกลายเป็นบาปกรรมไป ถ้าเช่นนั้น...ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะบวช เพื่อขออานิสงส์ผลบุญที่จะบังเกิดได้ช่วยขจัดปัดเป่าบาปกรรมนั้นไปบ้าง และเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเพื่อน ๆ ที่ตายไป อีกทั้งเป็นการสืบต่อพระศาสนา ผมขอบวชที่วัดของพระคุณเจ้าครับ”
หนุ่มวิศวกรซึ่งมีท่าทีราวกับปลงในชีวิตพูดขึ้น บัดนี้เขารู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก และอยากหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล โดยยึดเอาพระธรรมคำสอนเป็นสรณะ ทุกคนหันมามองชายหนุ่มเป็นตาเดียวกัน ก็เห็นใบหน้าจริงจังของเขา ดังนั้นต่างพากันยกมือขึ้นพนมเหนือศีรษะ กล่าวอนุโมทนาพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
สำหรับพาฝัน หญิงสาวเบนสายตาทอดมองออกไปข้างนอก เธอจ้องมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวพยายามมองหาร่างสามีอีกครั้ง
“ท่านคะ แล้ว...แล้วตอนนี้บอมเขาอยู่ที่ไหน ต่อไปเขาจะเป็นอย่างไรบ้างคะ” หันกลับมาถามเสียงแผ่วกับพระท่านอีก ซึ่งท่านก็มองมาด้วยแววตาอ่อนโยนเปี่ยมล้นเวทนา
“เมื่อยามมีชีวิตอยู่ คุณหมอบอมสร้างสมแต่คุณงามความดี ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ โยมแพมไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ขณะนี้คุณหมอบอมได้อยู่ในสถานที่สงบสุขเพื่อรอเวลามาเกิดใหม่” คำบอกเล่าของท่านดูเหมือนทำให้เธอคลายวิตกลง สีหน้าเธอจึงค่อย ๆ ดีขึ้น
“หมั่นทำบุญตั้งมั่นในความดี สะสมบารมีไว้เพื่อพบกันในชาติใหม่เถิดโยมแพม ต่อจากนี้ไป ดวงชะตาของคุณโยมทั้งหลายจะเป็นไปตามชะตากรรมของตนเอง กรรมคือการกระทำ ซึ่งหมายความว่าพวกโยมจะเป็นคนลิขิตชีวิตของตนเอง โดยมีชะตาฟ้าเป็นหลัก เช่นฟ้าอาจกำหนดให้เกิดมาร่ำรวย แต่หากโยมสร้างแต่กรรมชั่ว ไม่ทำมาหากิน ไม่นานเงินทองก็หมด ฟ้าท่านก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไพ่ทาโร่ต์ไม่มีอิทธิพลอะไรต่อพวกโยมอีกแล้ว ขอให้โชคดี”
เรื่องร้าย ๆ จบลงเสียที ต่อแต่นี้ไปชีวิตของทุกคนที่เคยเกี่ยวข้องกับคำทำนายของไพ่อาถรรพ์ ก็ได้หลุดพ้นออกจากวังวนมนต์ดำ
เอกกวีเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ยังความปลาบปลื้มแก่บิดามารดา และป้าทิพย์วิภาที่ได้เกาะชายผ้าเหลืองของบุตรหลานขึ้นสวรรค์ตามคติความเชื่อ ตลอดทั้งบรรดาญาติสนิทมิตรสหายทั้งหลาย พระเอกกวีมีจริยวัตรที่งดงาม ท่านมุ่งมั่นศึกษาพระธรรม ฝึกนั่งสมาธิตามรอยพระฝ่ายวิปัสสนาธุระ เน้นการฝึกจิตในด้านสมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญาในลักษณะของภาวนามยปัญญา อันเป็นความรู้ที่แท้จริงตามหลักของศาสนาพุทธ เป็นปัญญาที่เกิดจากภายใน ผุดเกิดขึ้นเองเมื่อได้ปฏิบัติสัมมาสมาธิ จนถึงระดับหนึ่งคือ จตุตถฌาน อันเป็นหนทางนำไปสู่ความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางอันสูงสุดของพระพุทธศาสนา
การปฏิบัติเพื่อให้บรรลุผลดังกล่าวจำเป็นต้องหาที่สงบสงัด ห่างไกลต่อการรบกวนจากภายนอกในทุกรูปแบบ ดังนั้นพระเอกกวีจึงออกไปแสวงหาสถานที่ เพื่อให้เกิดสัปปายะแก่ตนเอง เพื่อบำเพ็ญสมาธิภาวนาเป็นพระป่าหรือพระธุดงค์
(มีต่อ)
ริษยาซ่อนร่าง ตอนอวสาน
ฮูเล...ลิเขียนจบอีกเรื่องแล้วค่ะคุณผู้อ่าน ต่อไปลิจะรีไร้ท์ "ริษยาข้ามภพ" ต่อ ใครที่เคยตามอ่านสาปเสน่หา คอยพบกับเจ้านางคำหยาดฟ้าโฉมใหม่ได้เลยนะคะ เธอกำลังจะกลับมาอีกครั้งในรูปแบบนวนิยายเต็มพิกัดค่ะ
ขอบคุณ คุณผู้อ่านที่ตามอ่านนิยายเรื่องนี้ทุกท่าน ทั้งท่านที่คอยให้กำลังใจหน้าไมค์และหลังไมค์ ตลอดจนท่านนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ
ตอนอวสาน
โดย...ล. วิลิศมาหรา
เหตุร้ายจากฝีมือปีศาจซึ่งเกิดมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้นมากมายจากอิทธิพลของไพ่มรณะได้ยุติลงแล้ว ช่างเหมือนเหตุการณ์ที่บ้านไม้สามหลังในสวนมะม่วงเมื่อครั้งก่อนโน้น ซึ่งพอนางปีศาจหยุดอาละวาด บรรยากาศรอบด้านก็เปลี่ยนไปในทันที ขณะนี้เมฆสีดำที่ลอยบดบังแสงอาทิตย์อยู่นานได้สลายตัวลงไป พร้อมกับหมอกควันสีเทาที่เคยปกคลุมทั่วบริเวณก็จางหาย ทำให้รอบข้างกระจ่าง สว่างไสวขึ้นทันตา
กองขี้เถ้าจากซากร่างซึ่งถูกเผาไหม้ มีสายลมหอบหนึ่ง พัดหอบปลิวหายไปในอากาศจนหมดสิ้น ท้องฟ้าสีครามพร้อมแสงแดดอุ่นสาดส่อง ยามสายของวันปกติหวนกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
แต่เหล่าบุคคลผู้เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์วิกฤติยังอยู่ในสภาพซึมเศร้า โดยเฉพาะพาฝัน เวลานี้เธอตระหนักแล้วว่า ตัวเองได้สูญเสียบุรินทร์ไปแล้วอย่างแท้จริง ไม่เหลือแม้เถ้ากระดูกของเขาให้เห็น หญิงสาวสุดทนยืนไหว ต้องทรุดตัวลงนั่งร่ำไห้อาลัยรักในตัวสามี เธอพึ่งรู้ใจตัวเองว่า ที่ผ่านมาเธอก็รักเขาไม่น้อยเลย มันเป็นความรักที่เกิดจากความผูกพัน การได้ดูแลเอาใจใส่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาเป็นเวลาช้านาน บุรินทร์ดีกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย เคยรักเธออย่างไรในสมัยยังเป็นหนุ่มสาว เมื่อแก่ตัวลง เขาก็ยังปฏิบัติต่อเธอแบบนั้น เธอเสียอีกที่มักหลีกเลี่ยงคำบอกรักยามถูกเขาถาม บุรินทร์รู้ตัวดีว่า พาฝันยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งแอบอิงอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่พยายามบ่ายเบี่ยงเขาไปมากับคำเพียงคำเดียวที่เขาอยากได้ยิน เธอแค่ตอบว่า รักหรือไม่ให้ดูที่การกระทำ
และเมื่อบุรินทร์โดนปีศาจสิง ตอนแรกเธอมัวแต่ตกใจกลัว และคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองกับลูกชายเป็นหลัก ขณะนั้นในใจส่วนลึกยังคิดว่า นางผีกะอาจเพียงสิงร่างควบคุมเขาไว้ข้างใน แต่เขายังไม่ตาย และเธอหวังว่าพระอินทรจะมีวิธีช่วยเหลือเขาได้ แต่เมื่อเห็นซากร่างของเขาโดนเผาคาตา ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าบุรินทร์ได้หายไปจากโลกนี้แน่แล้ว สุดท้ายเขายังมาปรากฏกายให้เห็น ตอกย้ำให้สำนึกรู้บัดนี้บุรินทร์เหลือเพียงวิญญาณล่องลอย สามีของเธอไม่อาจสื่อสารกับเธอทางคำพูด เขาทำได้แค่โบกมือลา
พาฝันสะอื้นฮัก รู้สึกขมขื่นในใจ หญิงสาวเกลียดชังตัวเองที่ไม่เคยนึกถึงสามีจริงจัง แม้ในยามที่เขาทุกข์ทรมานอยู่ภายใต้อำนาจผีร้าย นี่ถ้าเธอรู้ว่าเขาจะมาด่วนตายจาก เธอจะรักเขาให้มากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า เพราะเมื่อคำว่ารักเปล่งออกจากปากมันก็สายเกินการณ์ บุรินทร์จากเธอไปไกลอย่างไม่มีวันหวนกลับเสียแล้ว ปริศาดูเหมือนเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสนิทดี เธอเห็นสามีภรรยาคู่นี้มานาน พาฝันค่อนข้างเย็นชากับสามีตนเอง และตอนนี้เพื่อนสาวของเธอคงกำลังรู้สึกผิด เธอลงนั่งโอบไหล่ปลอบใจพาฝัน
“หมอบอมไปสู่สุขคติแล้วแพม ตอนที่หมอปรากฏตัวออกมาลา ปิ๋มว่าท่านเหมือนดีใจนะ หน้าตาดูผ่องใส ท่านคงอยากหลุดพ้นจากอำนาจชั่วร้ายเต็มที พ้นมาได้ท่านคงขึ้นไปอยู่บนสวรรค์โน่นแล้ว”
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
พระอินทรเปรยเตือนสติทุกคน ท่านก้มลงอุ้มพระพุทธรูปบนพื้นขึ้นมา ครั้นยืดกายขึ้น ร่างพระชรากลับเซถลาเหมือนคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง เอกกวีซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุดถลันเข้าประคองร่างชราเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ท่านจะล้มลงไป
“นิมนต์พระคุณเจ้าเข้าไปนั่งพักข้างในบ้านก่อนเถอะครับ”
สมศักดิ์ซึ่งระงับอาการโศกเศร้าถึงบุตรสาวได้แล้วเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น เขาเข้มแข็งสมกับที่เคยเป็นประธานของบริษัทใหญ่มาก่อน บิดาของลักขณาตรงเข้าช่วยเอกกวีพยุงร่างพระอินทร ซึ่งมีท่าทีอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดให้ค่อย ๆ ก้าวเท้าออกเดิน กระทั่งเข้ามาถึงห้องโถงรับแขก
สาเหตุที่ภิกษุทรงอาคมมีอาการเช่นนี้ ก็เพราะก่อนหน้านั้น ขณะต่อสู้กับผีร้าย ท่านได้รวบรวมพลังจิตทั้งหมดที่มีอยู่ สร้างเกราะพลังแสงเข้าปกป้องเหล่ามนุษย์และทำลายอิทธิฤทธิ์ของปีศาจ ท่านเค้นพลังออกมาจนกระทั่งแทบจะหมดพละกำลังของกายหยาบไปด้วย โชคดีที่ปีศาจถูกทำลายลงก่อนที่ท่านจะสูญสิ้นพลังชีวิตทั้งหมด มิเช่นนั้นแล้ว ทุกคนในที่นี้ก็คงต้องพบจุดจบแบบเดียวกับเหยื่อของผีร้ายหลายคนก่อนหน้า
คนอื่น ๆ ทยอยกันเดินตามบุรุษทั้งสามเข้าไปข้างในตัวบ้าน ชายทั้งสองประคองร่างพระสงฆ์ชรานั่งลงบนเก้าอี้นวมรับแขก ครั้งแล้วทุกคนต่างทิ้งตัวลงนั่งพักบนเก้าอี้ในห้องอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ยกเว้นสมศักดิ์ที่เข้าไปยกเอาน้ำดื่มมาบริการ หลังจากนั้นทั้งหมดก็เริ่มต้นสนทนากันถึงเหตุการณ์สยองขวัญที่พึ่งผ่านมา
“แพมมีเรื่องอยากเรียนถามท่านค่ะ” พาฝันรับแก้วน้ำจากเจ้าของบ้านที่รินส่งให้มาถือไว้ เธอติดใจสงสัยในบางเรื่องจึงเอ่ยถามพระอินทรขึ้น
“ทำไมบอม...เอ้อ ผีกะตนนั้นมันถึงไม่กลัวสร้อยพระที่ห้อยคอมันอยู่คะ ตอนที่แพมสวมสร้อยให้ มันยังบอกว่า ถ้าเจอท่านให้บอกด้วยว่ามันสบายดี”
พระภิกษุพยักหน้า ท่านรับน้ำมาฉันแล้วจึงเริ่มอธิบายอย่างปรานีว่า
“ปีศาจตนนั้นไม่ได้ถูกพระเครื่องทำร้ายดอกคุณโยม” ท่านระบายยิ้มแล้วกล่าวต่อว่า
“พระพุทธรูปหรือพระเครื่องเป็นรูปเคารพที่บรรดาพุทธศาสนิกชนสร้างขึ้นมาเพื่อระลึกถึงพระพุทธองค์เท่านั้น พระองค์ท่านมีแต่เมตตา แม้กระทั่งมีมารร้ายมุ่งหมายเอาชีวิต พระองค์ก็ทรงยกโทษให้ ศีลข้อที่หนึ่งของท่านคืองดเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตยังไงล่ะ” พระสงฆ์ของพระพุทธองค์ชี้แจง
“เหตุที่บรรดาภูตผีหวาดเกรงรูปสมมุติของพระองค์ เป็นเพราะพวกมันไม่อาจต้านทานมหาบุญบารมีที่ทรงสะสมมาหลายชาติภพ กระทั่งทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระชาติสุดท้ายได้ต่างหาก ซึ่งพวกสัมภเวสีเหล่านี้ไม่สามารถทำบุญกุศลสิ่งใดได้อีก ได้แต่วนเวียนชดใช้กรรมอยู่ในโลกวิญญาณเท่านั้น พวกมันจึงหวั่นเกรงพระบารมีที่ไม่อาจเทียมได้แม้ธุลีของพระองค์ พระเครื่องจึงไม่ได้ทำร้ายผู้ใด ไม่ว่าผีหรือคน”
“อ้าว แล้วที่ท่านกำชับว่า ให้หาทางสวมสร้อยพระให้บอม และให้แพมกับลูกห้อยสร้อยพระเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจมันเข้าออกร่างเราล่ะคะ”
“อ้อ เรื่องนี้อาตมาจะอธิบายให้ฟัง การที่อาตมาให้โยมแพมหาทางสวมสร้อยห้อยพระเครื่องให้นางปีศาจ เพราะเมื่อครั้งมันเป็นมนุษย์ ตัวมันเองก็เป็นพุทธศาสนิกชน เพราะฉะนั้น ส่วนลึกในจิตใจมันย่อมเคารพศรัทธาในคุณพระรัตนตรัย จะเรียกว่าละอายต่อบาปก็ได้ ส่วนสร้อยพระที่โยมแพมกับลูกชายสวมอยู่ โยมทั้งสองเป็นคนดี พระมหาบารมีของพระพุทธองค์ย่อมคุ้มครองปกป้อง ถ้าหากคนใจคอชั่วร้าย แม้ห้อยพระเครื่องเต็มคอ พระมหาบารมีก็หาได้คุ้มครองเขาไม่ ด้วยเหตุนี้นางผีร้ายจึงไม่อาจเข้าสิงร่างโยมสองแม่ลูก ด้วยดวงตาของปีศาจจะเห็นพระบารมีแผ่กว้างออกเป็นรัศมีคลุมร่างโยมอยู่”
“ถ้าเช่นนั้นทำไมนางผีกะถึงถูกทำลายลงได้ล่ะครับ ผมเห็นกับตาว่ามันเจ็บปวดทรมาน ทุรนทุราย แล้วก็ถูกไฟลุกเผาไปในที่สุด”
สมศักดิ์ซึ่งพึ่งเคยเห็นการต่อสู้กันของพระภิกษุเรืองเวทย์กับปีศาจร้ายถามขึ้นบ้าง เขาทั้งตื่นตกใจและฉงนสนเท่ห์ต่อเรื่องราวที่ได้รับรู้ นี่ถ้าไม่ได้เห็นกับตาเขาคงไม่มีทางเชื่อ
“นางผีร้ายถูกกำจัดให้ตกสู่นรกภูมิได้นั้นเป็นส่วนของคาถาอาคมที่ใช้ปราบมัน ซึ่งเป็นไสยเวทย์ทางพราหมณ์ ต้องแยกออกมาจากพระพุทธคุณนะโยม วิชาปราบผีเหล่านี้เป็นไสยศาสตร์สายดำที่อาตมาได้เคยร่ำเรียนมาเพื่อใช้กำจัดวิญญาณชั่วร้าย แต่ถึงอย่างไรก็ดี สิ่งที่อาตมาทำลงไปนั้นล้วนเป็นบาป ซึ่งอาตมาก็คงต้องชดใช้กรรมนั้นต่อไป” พาฝันและคนอื่น ๆ พึ่งเข้าใจในเรื่องนี้ ต่างอุทานออกมาอย่างทึ่ง
“หลวงพ่อครับ แต่สิ่งที่หลวงพ่อทำก็เพื่อช่วยเหลือพวกผมไม่ใช่เหรอครับ ถ้าหากมันกลายเป็นบาปกรรมไป ถ้าเช่นนั้น...ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะบวช เพื่อขออานิสงส์ผลบุญที่จะบังเกิดได้ช่วยขจัดปัดเป่าบาปกรรมนั้นไปบ้าง และเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเพื่อน ๆ ที่ตายไป อีกทั้งเป็นการสืบต่อพระศาสนา ผมขอบวชที่วัดของพระคุณเจ้าครับ”
หนุ่มวิศวกรซึ่งมีท่าทีราวกับปลงในชีวิตพูดขึ้น บัดนี้เขารู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก และอยากหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล โดยยึดเอาพระธรรมคำสอนเป็นสรณะ ทุกคนหันมามองชายหนุ่มเป็นตาเดียวกัน ก็เห็นใบหน้าจริงจังของเขา ดังนั้นต่างพากันยกมือขึ้นพนมเหนือศีรษะ กล่าวอนุโมทนาพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
สำหรับพาฝัน หญิงสาวเบนสายตาทอดมองออกไปข้างนอก เธอจ้องมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวพยายามมองหาร่างสามีอีกครั้ง
“ท่านคะ แล้ว...แล้วตอนนี้บอมเขาอยู่ที่ไหน ต่อไปเขาจะเป็นอย่างไรบ้างคะ” หันกลับมาถามเสียงแผ่วกับพระท่านอีก ซึ่งท่านก็มองมาด้วยแววตาอ่อนโยนเปี่ยมล้นเวทนา
“เมื่อยามมีชีวิตอยู่ คุณหมอบอมสร้างสมแต่คุณงามความดี ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ โยมแพมไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ขณะนี้คุณหมอบอมได้อยู่ในสถานที่สงบสุขเพื่อรอเวลามาเกิดใหม่” คำบอกเล่าของท่านดูเหมือนทำให้เธอคลายวิตกลง สีหน้าเธอจึงค่อย ๆ ดีขึ้น
“หมั่นทำบุญตั้งมั่นในความดี สะสมบารมีไว้เพื่อพบกันในชาติใหม่เถิดโยมแพม ต่อจากนี้ไป ดวงชะตาของคุณโยมทั้งหลายจะเป็นไปตามชะตากรรมของตนเอง กรรมคือการกระทำ ซึ่งหมายความว่าพวกโยมจะเป็นคนลิขิตชีวิตของตนเอง โดยมีชะตาฟ้าเป็นหลัก เช่นฟ้าอาจกำหนดให้เกิดมาร่ำรวย แต่หากโยมสร้างแต่กรรมชั่ว ไม่ทำมาหากิน ไม่นานเงินทองก็หมด ฟ้าท่านก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไพ่ทาโร่ต์ไม่มีอิทธิพลอะไรต่อพวกโยมอีกแล้ว ขอให้โชคดี”
เรื่องร้าย ๆ จบลงเสียที ต่อแต่นี้ไปชีวิตของทุกคนที่เคยเกี่ยวข้องกับคำทำนายของไพ่อาถรรพ์ ก็ได้หลุดพ้นออกจากวังวนมนต์ดำ
เอกกวีเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ยังความปลาบปลื้มแก่บิดามารดา และป้าทิพย์วิภาที่ได้เกาะชายผ้าเหลืองของบุตรหลานขึ้นสวรรค์ตามคติความเชื่อ ตลอดทั้งบรรดาญาติสนิทมิตรสหายทั้งหลาย พระเอกกวีมีจริยวัตรที่งดงาม ท่านมุ่งมั่นศึกษาพระธรรม ฝึกนั่งสมาธิตามรอยพระฝ่ายวิปัสสนาธุระ เน้นการฝึกจิตในด้านสมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญาในลักษณะของภาวนามยปัญญา อันเป็นความรู้ที่แท้จริงตามหลักของศาสนาพุทธ เป็นปัญญาที่เกิดจากภายใน ผุดเกิดขึ้นเองเมื่อได้ปฏิบัติสัมมาสมาธิ จนถึงระดับหนึ่งคือ จตุตถฌาน อันเป็นหนทางนำไปสู่ความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางอันสูงสุดของพระพุทธศาสนา
การปฏิบัติเพื่อให้บรรลุผลดังกล่าวจำเป็นต้องหาที่สงบสงัด ห่างไกลต่อการรบกวนจากภายนอกในทุกรูปแบบ ดังนั้นพระเอกกวีจึงออกไปแสวงหาสถานที่ เพื่อให้เกิดสัปปายะแก่ตนเอง เพื่อบำเพ็ญสมาธิภาวนาเป็นพระป่าหรือพระธุดงค์
(มีต่อ)