สวัสดีค่ะ วันนี้เราตั้งใจมาตั้งกระทู้เพื่อแชร์อาการป่วยที่เรากำลังเป็นอยู่ ซึ่งก็คือ “ภาวะต่อมหมวกไตล้า” หรือ Adrenal fatigue ค่ะ พอเราได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่ามีภาวะนี้ก็ลองมาหาข้อมูลในเนตดู ก็พอข้อมูลพอสมควรแต่ไม่มีข้อมูลจากผู้ที่มีอาการนี้จริงๆ ในพันทิปก็เคยมีคนมาถามไว้แต่ไม่มีข้อมูลชัดเจน แต่พอลองเอาอาการมาเสิร์ชก็พบว่ามีหลายๆคนที่มีอาการแบบเดียวกันแต่ไม่ทราบสาเหตุ เราเลยอยากมาแชร์ข้อมูลไว้เป็นแนวทางการสำรวจและดูแลตัวเองค่ะ
เราจะเล่าเป็นสเตปๆไป อาจจะยาวหน่อยแต่อยากให้ละเอียดนิดนึงค่ะ
(1)ก่อนอื่นอยากอธิบายก่อนว่า ภาวะต่อมหมวกไตล้า คืออะไร แล้วต่อมหมวกไตมีความสำคัญยังไงค่ะ
- ต่อมหมวกไต (Adrenal Gland) เป็นอวัยวะรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ที่หุ้มอยู่บริเวณขั้วไตทั้งสองข้าง โดยเป็นอวัยวะอันหนึ่งที่สำคัญของร่างกาย มีหน้าที่สร้างฮอร์โมนที่สำคัญหลายชนิดในร่างกาย
1. ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) เป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับความเครียด โดยปกติแล้วร่างกายจะสร้างฮอร์โมนนี้ขึ้นมามากในตอนเช้า เพื่อทำให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นมาในระหว่าง วัน โดยฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือ ฮอร์โมนแห่งความเครียดนี้ จะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
2. ฮอร์โมนอัลโดสเตอโรน (Aldosterone) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมสมดุลของแร่ธาตุโซเดียม และโปแตสเซียม ซึ่งช่วยในการควบคุมของเหลวในร่างกาย
3. ฮอร์โมนดีเฮชอีเอ (DHEA, Dehydroepiandosterone) เป็นฮอร์โมนตั้งต้นที่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นฮอร์โมนเพศทั้งหญิงและชายต่อไป เช่น เอสโตรเจน, โปรเจสเตอโรน, เทสโทสเตอโรน โดยมีหน้าที่กระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และทำให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉง มีพลัง
(
http://health.kapook.com/view54442.html)
- ภาวะต่อมหมวกไตล้า คือภาวะที่ต่อมหมวกไตมีการทำงานลดลงๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นป่วยเป็นโรคพร่องต่อมหมวกไต ซึ่งโรคนี้เกี่ยวข้องกับระบบต่อมไร้ท่อ ผู้ที่อยู่ในภาวะต่อมหมวกไตล้า ภาวะต่อมหมวกไตล้าเป็นภาวะที่ฮอร์โมนลดลง ส่งผลกระทบถึงการทำงานทนต่อความเครียดไม่ได้ ทนต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆไม่ค่อยได้ แล้วทำให้มีอาการออกมา
(
http://www.absolute-health.org/thai/article-th-064.htm โดย นพ.ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต)
(2) สภาพร่างกายโดยปกติของเรา
เราถือว่ามีสุขภาพทั่วไปแข็งแรงดีค่ะ ไม่ค่อยเป็นหวัดเป็นไข้ ออกกำลังกายเป็นประจำ พวกคาดิโอต่อยมวย เต้น สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เวทเทรนนิ่งสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โยคะบ้างนานๆที เริ่มออกกำลังจริงจังมาประมาณ ปีกว่า เพื่อรักษาอาการระบบย่อยอาหารแปรปรวน(IBS) แล้วก็สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องกินยาแล้ว เรื่องอาหารการกิน เรากินคลีนประมาณ 60% ของอาหารทั้งหมด ลดอาหารทอด รสจัด รสเค็ม เบเกอรี่ ฟังดูเราน่าจะสุขภาพดีใช่มั้ยคะ
ต่อข้างล่างค่ะ
“ภาวะต่อมหมวกไตล้า” >>> ไม่ใช่โรคแต่ปล่อยไว้ไม่ได้
เราจะเล่าเป็นสเตปๆไป อาจจะยาวหน่อยแต่อยากให้ละเอียดนิดนึงค่ะ
(1)ก่อนอื่นอยากอธิบายก่อนว่า ภาวะต่อมหมวกไตล้า คืออะไร แล้วต่อมหมวกไตมีความสำคัญยังไงค่ะ
- ต่อมหมวกไต (Adrenal Gland) เป็นอวัยวะรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ที่หุ้มอยู่บริเวณขั้วไตทั้งสองข้าง โดยเป็นอวัยวะอันหนึ่งที่สำคัญของร่างกาย มีหน้าที่สร้างฮอร์โมนที่สำคัญหลายชนิดในร่างกาย
1. ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) เป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับความเครียด โดยปกติแล้วร่างกายจะสร้างฮอร์โมนนี้ขึ้นมามากในตอนเช้า เพื่อทำให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นมาในระหว่าง วัน โดยฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือ ฮอร์โมนแห่งความเครียดนี้ จะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
2. ฮอร์โมนอัลโดสเตอโรน (Aldosterone) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมสมดุลของแร่ธาตุโซเดียม และโปแตสเซียม ซึ่งช่วยในการควบคุมของเหลวในร่างกาย
3. ฮอร์โมนดีเฮชอีเอ (DHEA, Dehydroepiandosterone) เป็นฮอร์โมนตั้งต้นที่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นฮอร์โมนเพศทั้งหญิงและชายต่อไป เช่น เอสโตรเจน, โปรเจสเตอโรน, เทสโทสเตอโรน โดยมีหน้าที่กระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และทำให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉง มีพลัง
(http://health.kapook.com/view54442.html)
- ภาวะต่อมหมวกไตล้า คือภาวะที่ต่อมหมวกไตมีการทำงานลดลงๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นป่วยเป็นโรคพร่องต่อมหมวกไต ซึ่งโรคนี้เกี่ยวข้องกับระบบต่อมไร้ท่อ ผู้ที่อยู่ในภาวะต่อมหมวกไตล้า ภาวะต่อมหมวกไตล้าเป็นภาวะที่ฮอร์โมนลดลง ส่งผลกระทบถึงการทำงานทนต่อความเครียดไม่ได้ ทนต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆไม่ค่อยได้ แล้วทำให้มีอาการออกมา
(http://www.absolute-health.org/thai/article-th-064.htm โดย นพ.ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต)
(2) สภาพร่างกายโดยปกติของเรา
เราถือว่ามีสุขภาพทั่วไปแข็งแรงดีค่ะ ไม่ค่อยเป็นหวัดเป็นไข้ ออกกำลังกายเป็นประจำ พวกคาดิโอต่อยมวย เต้น สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เวทเทรนนิ่งสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โยคะบ้างนานๆที เริ่มออกกำลังจริงจังมาประมาณ ปีกว่า เพื่อรักษาอาการระบบย่อยอาหารแปรปรวน(IBS) แล้วก็สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องกินยาแล้ว เรื่องอาหารการกิน เรากินคลีนประมาณ 60% ของอาหารทั้งหมด ลดอาหารทอด รสจัด รสเค็ม เบเกอรี่ ฟังดูเราน่าจะสุขภาพดีใช่มั้ยคะ
ต่อข้างล่างค่ะ