"อ๋อม - อรรคพันธ์" กับชีวิตในอีกมุม : in PEOPLE : in Magazine

ถ้าให้ลิสต์รายชื่อพระเอกแถวหน้าของช่อง 7 แล้วไม่มีชื่อของ อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์ ลิสต์นั้นต้องผิดพลาดอย่างแรง เพราะหนุ่มคนนี้มีผลงานต่อเนื่อง เข้าข่ายพระเอกขายดีอีกคน อ๋อมเปิดใจเล่าถึงอาชีพที่รัก เคล็ดลับในการอยู่ให้ได้นาน และข้อคิดดีๆ หลังบวชมาแชร์กัน

                                         

อีกหนึ่งบทบาท "ลูกไม้ไกลต้น"

"ตัวละคร ชานนท์ มีปมในชีวิตที่แม่ทิ้งตั้งแต่เด็ก เขาต้องดูแลพ่อและน้องชาย จึงต้องเข้มแข็งแสดงความอ่อนแอไม่ได้ เพราะเหตุนี้จึงมีอคติกับผู้หญิง พอมาเจอนางเอกก็กลัวหลอกคนในครอบครัว หลอกน้องชาย เขาจึงคอยกันท่า ผมว่ามันเป็นละครที่ตัวละครที่ซับซ้อน เป็นอะไรที่เล่นยาก เพราะเป็นคนที่ชีวิตดูขมุกขมัว ไม่สดใสร่าเริง เหมือนแบกภาระไว้คนเดียว ก่อนเปิดกล้องก็ศึกษาบทและปรึกษาผู้กำกับ รวมทั้งไปดูเวอร์ชั่นเดิมเป็นแนวทาง แต่ไม่ได้ก๊อปปี้นะครับ ผมได้เรียนรู้หลายอย่างจากชานนท์ เช่น ในแง่ความรักของพระ-นาง ก็เป็นความรักแบบค่อยๆ ซึมซับ ในแง่ครอบครัวนั่นคือความรัก ความผูกพันและให้กำลังใจกัน
     "นอกจากนี้ผมถ่ายละครอีก 2 เรื่องคือ แม่อายสะอื้น และ ละอองดาว ในส่วนแม่อายสะอื้น บทจะหนักที่นางเอก เราเป็นตัวซัพพอร์ตให้เรื่องดำเนินไป บทไม่หนักเท่าไหร่ ส่วนเรื่อง ละอองดาว ผมรับบทนักเรียนนอกกลับมาเมืองไทยเพราะพ่อเสีย แล้วต้องแต่งงานกับละอองดาวตามพินัยกรรมที่พ่อทำไว้ ผมว่าเป็นอีกเรื่องที่ยากเพราะความคิดตัวละครมันขัดกัน มีความซับซ้อนอยู่ในตัว เป็นอะไรที่ท้าทายครับ"

                                   

กับคำว่า "พระเอกแถวหน้า"

"ไม่หนักใจนะครับ ผมอยากทำให้ดีที่สุดมากกว่า อยากทำงานแล้วเราอยู่ได้นานที่สุด อยากสร้างความสุขให้กับแฟนๆ โดยมีผลงานมาให้ดูไปเรื่อยๆ ก็ดีใจที่อยู่ตรงนี้และมีผลงานต่อเนื่องขนาดนี้ครับ สิ่งสำคัญเลยผมว่า หลักๆ คือความรับผิดชอบ ซึ่งมันครอบคลุมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวินัยในการทำงาน การตรงต่อเวลา การเรียนรู้การแสดง มันคือความรับผิดชอบทั้งหมด ที่เราต้องทำมันให้ดีที่สุดและทำอย่างเต็มที่"

                                   

จากวันแรกถึงวันนี้

"วันแรกๆ เราเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้อะไรเลย ตื่นเต้นกับทุกอย่าง ผมเคยดูละครเรื่องๆ แรกที่เล่นมาดูมันเห็นความแตกต่างชัดเจนมาก ณ ตอนนี้กับตอนนั้น คือเราทำเต็มที่แล้วในตอนนั้นซึ่งไม่สามารถทำได้ดีกว่านั้นแล้ว การทำงานทุกอย่างมันต้องมีการเรียนรู้ การฝึกฝน มีประสบการณ์ที่สั่งสมมา แล้วประสบการณ์นี่แหละช่วยพัฒนาเราให้ดีขึ้น แต่ต้องพัฒนาไปอีกเรื่อยๆ ต่อไป      "ซึ่งวันแรกๆ ที่เราทำงาน คนดูเขาดูความสดใหม่ ความสดใส ดูความแปลกตา แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ เขาดูความสามารถและประสบการณ์เพราะเราไม่ได้ใหม่แล้ว หลายคนจะจำภาพแล้วว่า เราคืออ๋อม-อรรคพันธ์ แล้วดูว่าเราพัฒนาไปมากแค่ไหน เพราะงั้นเราต้องพัฒนาการทำงานให้มันดูแตกต่างจากที่ผ่านมา ให้ดูมีอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลาครับเพราะยุคนี้การแข่งขันสูงครับ นักแสดงเริ่มทำงานตอนอายุน้อยลง คือแค่ 10 ปลายๆ ผิดกับตอนผมเข้ามาคือ 20 ปลายๆ แล้ว โชคดีที่ผมเกิดในยุคโน้น ถ้ายุคนี้คงยากและสงสัยต้องมาเล่นบทพ่อเลย (หัวเราะ)
     "ผมว่าการเข้ามาอยู่จุดนี้ได้ก็ยากแล้ว แต่การอยู่ให้ยาว การรักษาให้คงสภาพไว้มันยากกว่า นั่นหมายถึงความรับผิดชอบ การมีวินัยในการทำงานหลายๆ อย่าง การดูแลตัวเอง ซึ่งถ้าขาดอะไรไปอย่างหนึ่งไปชีวิตในการอยู่ของคุณอาจจะสั้นลงได้ ผมพยายามทำให้ตัวเองคงสภาพไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยอมรับสิ่งที่เป็นไปตามวัย พอถึงวัยหนึ่งต้องปรับเปลี่ยนบทไป ผมยินดีรับบทบาทตามวัยครับ เพราะผมยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลัก ยินดีกับทุกงานถ้ายังมีผู้จัดจ้างเราหรือคนดูอยากดู ผมยินดีที่จะอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ"

                                   

ชีวิตหลังบวช

"ผมบวช 10 วันเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่ และอยากเข้าวัดไปฝึกสมาธิ เลยขอกองถ่ายเบรกไปบวช ผมได้ชื่อว่า อัคคธัมโม (อัค-คะ-ทำ-โม) แปลว่า ผู้มีธรรมะเป็นเลิศ ตอนที่โกนหัวก็รู้สึกแปลกๆ เพราะไม่เคยโกนหัวแบบนี้มาก่อน ผมดีใจที่ได้ทำหน้าที่ลูกผู้ชายทดแทนคุณให้พ่อแม่ รู้สึกตื้นตัน ดีใจ และอิ่มบุญครับ ชีวิตในช่วงบวช เราอยู่ในวัดตัดขาดโลกภายนอก อยู่กับธรรมะ ตื่นเช้ามาออกบิณฑบาต ทำวัตรเช้ากลางวันเย็น สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำให้จิตใจสงบขึ้น มันเป็นเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ติดต่อใคร ทำวัตร อ่านหนังสือ และฝึกฝนสมาธิ หลังบวชมีบางอย่างที่ต่างไปบ้าง อย่างเรามีสมาธิดีขึ้น ควมคุมสติและอารมณ์ได้ดีขึ้น สามารถนั่งนิ่งได้นานขึ้น ฟังคนอื่นได้นานขึ้น เมื่อก่อนนั่งแป๊บเดียวก็อยากลุกแล้วเพราะเป็นคนที่อยู่นิ่งไม่ค่อยได้ ตอนนี้ดีขึ้น"

                              

ความสุขในแบบอ๋อม

"ชีวิตผมอยู่กับการถ่ายละคร ผมจึงคิดเสมอว่าทุกวันที่เราไปทำงานก็เหมือนได้ไปเที่ยว เพราะโลเกชั่นแต่ละทีก็สวยงาม อยู่ในกองสนุก กับข้าวก็อร่อยๆ พอเราคิดแบบนี้มันก็ไม่เบื่อ แล้วเวลาไปถ่ายละครแต่ละวันโลเกชั่นแทบจะไม่ซ้ำกันเลย และพอเราเปลี่ยนไปอีกกอง ถ่ายอีกเรื่องก็ได้เปลี่ยนคาแร็กเตอร์แตกต่างกันไป ผมว่ามันเหมาะกับผม เพราะผมไม่ชอบอยู่นิ่งๆ ถ้าให้นั่งทำงานในออฟฟิศ 8 โมงเช้า เลิกงาน 4 โมงเย็น เห็นโต๊ะทำงานเดิม คนหน้าเดิมๆ ทุกวัน อาจจะไม่ใช่ทางของเรา งานที่ผมทำมันสนุกกว่า เจออะไรหลากหลาย เจออะไรใหม่ๆ มันท้าทายและทำให้เราตื่นเต้น ผมชอบแบบนี้ ทำแล้วมีความสุขครับ"

                              

จากใจอ๋อม

"การอยู่ให้ยาว การรักษาให้คงสภาพไว้มันยากกว่า นั่นหมายถึงความรับผิดชอบ การมีวินัยในการทำงานหลายๆ อย่าง การดูแลตัวเอง ซึ่งถ้าขาดอะไรไปอย่างหนึ่งไปชีวิตในการอยู่ของคุณอาจจะสั้นลงได้"


http://inmagazinethai.com/post/YRzo6cL-_%E0%B8%AD%E0%B9%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A1_%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C__%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1/6
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่