แล้วเขาก็ได้รู้ว่า "เธอ" เป็นใคร
หญิงสาวในชุดดำลายทองจู่ ๆ ก็ปรากฎตัวที่มุมห้องโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย จริง ๆ อัคนีก็รู้สึกมานานนักแล้วว่า "คุณสโรชินี" คงมิใช่คนธรรมดาอย่างเรา ๆ แต่จะเป็นอะไรนั้นก็สุดจะรู้ได้ และ เขาก็ได้เข้าใจว่ารอยยิ้มเยาะหยัน ความเคียดแค้นชิงชัง ใบหน้างดงามเหตุใดจึงมีแต่ริ้วรอยเคร่งเครียดเย็นชา สิ่งที่เธอเผชิญมันยากมันมากกว่าที่เขาจะเข้าใจได้ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรนอกจาก "เสียใจ" และ "ขอโทษ" อันเป็นสิ่งที่เขาและดวงวิญญาณของใครอีกคน "รู้สึก" จริง ๆ ความเสียใจนี้ ความรวดร้าวนี้ เขาพยายามที่จะบอกกล่าวเธอให้เข้าใจ แต่ก็เช่นเดียวกันความเจ็บปวดและเศร้าโศกของพระอรรคฯในวันก่อน คือ สิ่งที่อุบลไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น ไม่อาจ "เข้าใจ" ผู้ชายคนนั้นรู้สึกเช่นไร แม้อัคนีจะรับรู้อยู่เต็มอกแต่ก็ไม่อาจแสดงมันออกมาได้อย่างใจ เพราะเวลานี้ เขาก็คือเขา คืออัคนีที่มีความทรงจำบางส่วนของพระอรรคฯ มิใช่ พระอรรคราชบดินทร์ผู้นั้น คนที่เคยร่วมเรียงเคียงหมอน คนที่กระทำกับเมียพระราชทาน จนเมียคนนั้นเข้าใจไปเสียแล้วว่าตัวเองนั้นเป็นเมียทาส คำพูดถึงอย่างที่ออกจากปากจึงเหมือนเพลิงพิษแสบร้อนที่แลบเลียไปทัวสรรพางค์กายของ "คุณอุบล"
ยิ่งเขาลุแก่โทษเท่าไหร่
ดวงตานั้นแสดงเสียใจมากเพียงไร
หัวใจของคุณอุบลก็ยิ่งมีไฟสุม
ท้ายที่สุดก็ลงท้ายด้วยความ "เวทนา" ครึ่ง ๆ กลาง ๆ "เธอ" ผู้ที่รักเขามาตลอด ถึงจะเจ็บปวดใจแค่ไหน ถูกทรยศมากมายเท่าไหร่ ก็เป็นเธอเท่านั้นที่ติดอยู่ในพิษสวาท วังวนแห่งความรักภักดี และ หน้าที่ที่ต้องกระทำ ความโกรธเกลียดนั้น ถึงไม่อยากยอมรับก็รู้ดีอยู่แก่ใจ กี่ครั้งแล้วตัดไม่เคยขาด สองแขนสองขานี้มีไว้ใช้ร่ายรำฟ้อน หัวใจดวงนี้ วิญญาณดวงนี้ มีไว้เพื่อใคร ไม่ใช่เพื่อเขาหรือ แล้วทำไม ทำไม ทำไม เธอมีแต่คำถาม หากเขาก็จำไม่ได้ และมีแต่คำว่า "เสียใจ" และ จะ "ชดใช้" เสียใจอะไร ชดใช้อะไร เขารู้หรือเธอโดนอะไรมาบ้าง 249 ปี ในโลกแห่งอนธการ มือเปื้อนเลือดคนใจบาปหยาบช้า กักขังดวงวิญญาณเหล่าคนชั่วนั้นจนกว่าจะไปเสวยกรรมของตน เธอไปไหนไม่ได้ โซ่ตรวนมนตราที่พันธนาการตรงข้อเท้าอันเรียวงาม และ สัจจะวาจาที่ถูกลวงล่อให้เอื้อนเอ่ย
สิ่งเหล่านี้แลกกลับมาได้แต่เพียงคำเดียวคือ "เสียใจ"
สายตาแบบนั้น .... เธอมันน่าเวทนาน่าสมเพชใช่หรือไม่
แล้ว "ชดใช้" เขาได้คิดหรือไม่ว่าสิ่งที่เขาควรชดใช้คืออะไร
ความครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ .... หน้ากากเย็นชาของคุณสโรชินีหลุดออกอีกครา คำว่ารัก "เก็บไว้" ความ "เวทนา" "สงสาร" "เสียใจ" เก็บเอาไว้เถิด มันมาในวันที่สำนึกรู้ยังไม่เกิด แม้จะเห็นภาพนิมิตรแต่ "เขา" ไม่ได้รู้ซึ้งหรือเข้าใจความหมายอันแท้จริงว่าสิ่งที่เขาทำส่งผลกับ "ชีวิต" และ "วิญาณ" ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไร เขาเปลี่ยนดอกบัวอย่างเธอกลายเป็นกงจักรสังหาร ถึงจะพยายามหาหลักฐานสักเท่าใด จะแกะรอยซักเท่าใด รอยรักที่เขาหวังจะเจอก็ไม่อาจเจอได้ สิ่งที่เธอประสบมันมีหลักฐานชัดเจนยิ่งแล้วในตัวของมัน "ชีวิตของเธอที่ปลิดปลิว" ยามที่หัวหลุดจากบ่านั่นอย่างไร
ที่สำคัญ ... อีกไม่กี่เพลา เธอจำต้องปฏิบัติหน้าที่ "ผู้เฝ้า" อีกครั้ง
และครั้งนี้อัคนีควรจะได้รับรู้รับเห็นและ "สำนึกรู้" จริง ๆ เสียที
สิ่งที่เขาทำ "สร้าง" เธอให้เป็น "สิ่งใด"
พิษสวาท (กึ่งวิพากษ์) : กงจักร และ ดอกบัว
หญิงสาวในชุดดำลายทองจู่ ๆ ก็ปรากฎตัวที่มุมห้องโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย จริง ๆ อัคนีก็รู้สึกมานานนักแล้วว่า "คุณสโรชินี" คงมิใช่คนธรรมดาอย่างเรา ๆ แต่จะเป็นอะไรนั้นก็สุดจะรู้ได้ และ เขาก็ได้เข้าใจว่ารอยยิ้มเยาะหยัน ความเคียดแค้นชิงชัง ใบหน้างดงามเหตุใดจึงมีแต่ริ้วรอยเคร่งเครียดเย็นชา สิ่งที่เธอเผชิญมันยากมันมากกว่าที่เขาจะเข้าใจได้ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรนอกจาก "เสียใจ" และ "ขอโทษ" อันเป็นสิ่งที่เขาและดวงวิญญาณของใครอีกคน "รู้สึก" จริง ๆ ความเสียใจนี้ ความรวดร้าวนี้ เขาพยายามที่จะบอกกล่าวเธอให้เข้าใจ แต่ก็เช่นเดียวกันความเจ็บปวดและเศร้าโศกของพระอรรคฯในวันก่อน คือ สิ่งที่อุบลไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น ไม่อาจ "เข้าใจ" ผู้ชายคนนั้นรู้สึกเช่นไร แม้อัคนีจะรับรู้อยู่เต็มอกแต่ก็ไม่อาจแสดงมันออกมาได้อย่างใจ เพราะเวลานี้ เขาก็คือเขา คืออัคนีที่มีความทรงจำบางส่วนของพระอรรคฯ มิใช่ พระอรรคราชบดินทร์ผู้นั้น คนที่เคยร่วมเรียงเคียงหมอน คนที่กระทำกับเมียพระราชทาน จนเมียคนนั้นเข้าใจไปเสียแล้วว่าตัวเองนั้นเป็นเมียทาส คำพูดถึงอย่างที่ออกจากปากจึงเหมือนเพลิงพิษแสบร้อนที่แลบเลียไปทัวสรรพางค์กายของ "คุณอุบล"
ดวงตานั้นแสดงเสียใจมากเพียงไร
หัวใจของคุณอุบลก็ยิ่งมีไฟสุม
ท้ายที่สุดก็ลงท้ายด้วยความ "เวทนา" ครึ่ง ๆ กลาง ๆ "เธอ" ผู้ที่รักเขามาตลอด ถึงจะเจ็บปวดใจแค่ไหน ถูกทรยศมากมายเท่าไหร่ ก็เป็นเธอเท่านั้นที่ติดอยู่ในพิษสวาท วังวนแห่งความรักภักดี และ หน้าที่ที่ต้องกระทำ ความโกรธเกลียดนั้น ถึงไม่อยากยอมรับก็รู้ดีอยู่แก่ใจ กี่ครั้งแล้วตัดไม่เคยขาด สองแขนสองขานี้มีไว้ใช้ร่ายรำฟ้อน หัวใจดวงนี้ วิญญาณดวงนี้ มีไว้เพื่อใคร ไม่ใช่เพื่อเขาหรือ แล้วทำไม ทำไม ทำไม เธอมีแต่คำถาม หากเขาก็จำไม่ได้ และมีแต่คำว่า "เสียใจ" และ จะ "ชดใช้" เสียใจอะไร ชดใช้อะไร เขารู้หรือเธอโดนอะไรมาบ้าง 249 ปี ในโลกแห่งอนธการ มือเปื้อนเลือดคนใจบาปหยาบช้า กักขังดวงวิญญาณเหล่าคนชั่วนั้นจนกว่าจะไปเสวยกรรมของตน เธอไปไหนไม่ได้ โซ่ตรวนมนตราที่พันธนาการตรงข้อเท้าอันเรียวงาม และ สัจจะวาจาที่ถูกลวงล่อให้เอื้อนเอ่ย
สายตาแบบนั้น .... เธอมันน่าเวทนาน่าสมเพชใช่หรือไม่
แล้ว "ชดใช้" เขาได้คิดหรือไม่ว่าสิ่งที่เขาควรชดใช้คืออะไร
ความครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ .... หน้ากากเย็นชาของคุณสโรชินีหลุดออกอีกครา คำว่ารัก "เก็บไว้" ความ "เวทนา" "สงสาร" "เสียใจ" เก็บเอาไว้เถิด มันมาในวันที่สำนึกรู้ยังไม่เกิด แม้จะเห็นภาพนิมิตรแต่ "เขา" ไม่ได้รู้ซึ้งหรือเข้าใจความหมายอันแท้จริงว่าสิ่งที่เขาทำส่งผลกับ "ชีวิต" และ "วิญาณ" ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไร เขาเปลี่ยนดอกบัวอย่างเธอกลายเป็นกงจักรสังหาร ถึงจะพยายามหาหลักฐานสักเท่าใด จะแกะรอยซักเท่าใด รอยรักที่เขาหวังจะเจอก็ไม่อาจเจอได้ สิ่งที่เธอประสบมันมีหลักฐานชัดเจนยิ่งแล้วในตัวของมัน "ชีวิตของเธอที่ปลิดปลิว" ยามที่หัวหลุดจากบ่านั่นอย่างไร
และครั้งนี้อัคนีควรจะได้รับรู้รับเห็นและ "สำนึกรู้" จริง ๆ เสียที
สิ่งที่เขาทำ "สร้าง" เธอให้เป็น "สิ่งใด"