บอกต่อสิ่งที่คิดว่าคนดูอาจได้เจอในเรื่อง Fanday (พยายามไม่สปอยล์)

1.  แม้ภาพนิ่งที่ตัดมาโปรโมทจะคล้ายกับกวนมึนโฮอย่างที่หลายๆคนรู้สึก  แต่พอเข้าไปดูจริงๆแล้วเรากลับไม่รู้สึกว่ามีส่วนให้นึกถึงเลยนะคะ  โทนหนังมันคนละอารมณ์ชัดเจนเลย  (จริงๆเรากลับนึกถึง MV เพลงเหนื่อยก็พักไม่รักก็พอของหนูนามากกว่าซะอีก เพราะถ่ายสถานที่เดียวกันมุมเดียวกันหลายฉากเลย) ฉะนั้นใครที่กลัวว่าเรื่องนี้จะเดจาวูกับกวนมึนโฮหรือเปล่า  เราว่าไม่น่าห่วงนะคะ

2.  การเล่าเรื่องของเรื่องนี้ เรานึกถึง Freelance อยู่หน่อย ตรงที่เล่าเรื่องแบบมีมุขตลกหึหึคลอแทรกไปเรื่อยๆ  เพียงแต่เรื่องนี้จะไม่ใช่แนวตลกร้ายประชดประชันไปเรื่อยเหมือน Freelance   แต่เดินเรื่องเหมือนนั่งฟังคนอารมณ์ดีเล่าเรื่องซะมากกว่า แต่ครั้งนี้ดันเป็นคนอารมณ์ดีในวันที่อยู่ในอารมณ์จริงจังขึ้นมาเล็กๆและขี้เล่นน้อยลงหน่อยเท่านั้น

3.  หนังเรื่องนี้ไม่ได้เรียลลิสติกจ๋าแบบที่เราคิดว่าจะเป็นจากการดู trailer   กลับกันกลับเป็นเรื่องที่มีความ surreal มีความเป็นหนังสูงด้วยซ้ำ ช่วงต้นๆนี่อย่างกับละครไทยเลยทีเดียว  เพียงแต่หยิบประเด็นจริงๆที่มันสัมผัสได้ในสังคมรอบตัวมาประกอบ  หนังยังคงสไตล์พี่โต้ง บรรจง ที่มักจะเล่าเรื่องแบบดูง่าย ดูสนุก มีความเป็นหนัง commercial ที่คนดูทั่วไปเสพได้ง่าย  แต่ถึงกระนั้นก็มีสาระแฝงอยู่และแม้จะไม่ยากแก่การเข้าถึง  แต่ถ้าคิดให้ลึกซึ้งมันก็ลึกได้เหมือนกัน ขึ้นกับการต่อยอดเอาเองของคนดูแต่ละคน


4.  เราจัดพี่โต้งเป็น ผกก. ที่มีความโรแมนติกนะ  หนังของเค้าจะเน้นประเด็นข้อคิดจากความรักออกมาอยู่เสมอ  อย่างเรื่องนี้ก็คือ ความรักทำให้คนพร้อมจะพลีตัวเองทำอะไรเสี่ยงๆเพื่อให้ได้มันมา  โดยการเปรียบเทียบกับการพยายามปีนยอดเขาเอเวอร์เรสท์   ฟังเผินๆตอนเด่นชัยบอกก็ดูเหมือนจะโรแมนติกดี  แต่ดูไปจะเห็นได้ว่ามันสะท้อนออกมาทั้งในมุมที่ให้ความรู้สึกบวกแก่คนดูอย่างการกระทำของเด่นชัย  และมุมที่ให้ความรู้สึกลบอย่างการกระทำของนุ้ย  ทั้งสองกรณีนี้ก็ล้วนเกิดจากการเสี่ยงเพื่อความรักทั้งคู่  เท่ากับว่าหนังไม่ได้ชี้นำไปซะทีเดียวว่าสรุปแล้ว การที่คนเราเสี่ยงทำอะไรบ้าๆเพื่อความรักนี้มันเป็นความสวยงาม หรือเป็นแค่ความตาบอดที่หนังพยายามจะเตือนสติให้มองจากมุมคนอื่นบ้างกันแน่  

5.  ประเด็นที่เราชอบมากที่สุดในเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นการมองผ่านรูปลักษณ์ภายนอกเข้าไปเหมือนที่หน้าหนังนำเสนอ  แต่เป็นประเด็นที่นุ้ยมองย้อนกลับตัวเองเข้ามา  (
ตรงนี้ขอสปอยล์) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้   เราว่ามันค่อนข้างเสียดสีคนบางประเภทในสังคมได้เจ็บทีเดียวนะ  ว่าบางครั้งเวลาเราวิจารณ์ด่าทอคนอื่น ถ้าเป็นเราอยู่ในสถานการณ์นั้นๆซะเองเราก็มักหาความชอบธรรมโดยหาเหตุผลให้มันได้เสมอ    หรือในฝั่งกลับกัน บางครั้งเวลาเราทำอะไรตามใจไม่คิดหน้าคิดหลัง เราอาจจะไม่ทันนึกว่าการกระทำของเรามันเลวร้ายต่อคนอื่นแค่ไหน  จนกระทั่งได้ลองถอยมามองจากมุมของคนนอกเข้าไปน่ะแหละ  

6.  เรื่องการแสดง  ถ้ากลัวว่าเต๋อ ฉันทวิชช์ ในเรื่องนี้จะเหมือนในกวนมึนโฮหรือเป็นเต๋อแบบห่ามๆกวนๆในหนังเรื่องอื่นของเค้า  ส่วนตัวมองว่าไม่เหมือนเลยค่ะ  ไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ  แต่ถึงกับฉีกออกจากความเป็นเต๋อซะทีเดียวมั้ย ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ  เพราะตอนดูเราค่อนข้างนึกภาพเด่นชัยซ้อนกับบทหมวดโอภาสที่เค้าเคยแสดงไว้โผล่ขึ้นมาบ่อยเหมือนกัน    จริงๆการแสดงของเค้าเรื่องนี้ถือว่าพัฒนาขึ้นเลยนะคะ  มีหลายส่วนที่ทำได้ดี แม้จะยังมีส่วนที่ฉีกจากตัวตนเดิมๆไม่ขาดบ้าง   ส่วนตัวมองว่าช่วงหลังจากบอกว่าตัวเองเป็นแฟนนุ้ยแล้ว เราเห็นความต่างในการแสดงแบบเดิมๆ  แต่ตอนต่อปากต่อคำน่ะยังดูเป็นเต๋อ   อีกอย่างนึง จริงๆชอบการปรับบุคลิกให้เป็นคนไม่กล้าสบตาและติดขยิบตาเพื่อแสดงถึงการเป็นคนไม่มั่นใจของเค้าในเรื่องนี้นะ   ตรงนี้ทำได้ดีระดับนึงเลย แต่ยังไม่ถึงกับดูแล้วเชื่อเลยว่าเค้าเป็นคนแบบนั้นจริงๆ  แต่กลับยังสัมผัสได้ถึงความั่นใจในตัวเค้าติดมาอยู่

ส่วนมิว  เรื่องเสน่ห์นั้น ถ้าเต็ม 10 เราให้ 11 เลย  เป็นนักแสดงอีกคนที่เหมาะกับภาพยนตร์มาก ทั้งในเรื่องการแสดงเป็นคนเล่นน้อยอยู่แล้ว พอมาตบๆให้เข้าที่กับการแสดงแนวนี้มันออกมาธรรมชาติมากทีเดียว ซีนดราม่าก็ทำได้ดี (แต่เรื่องนี้เราว่าบทมันไม่ได้ตั้งใจจะเค้นอารมณ์คนดูสักเท่าไหร่ ทั้งเต๋อทั้งมิว คือมันเศร้าแต่ไม่ได้เค้นมาก แค่อึนๆ)   เรื่องรูปร่างหน้าตา มิวอาจจะไม่ใช่คนเป๊ะไปซะทุกมุม แต่มีเสน่ห์มากกกกกกก มุมสวยก็สวยมากจริงๆโดยเฉพาะเวลายิ้ม  ซึ่งนั่นทำให้นุ้ยมีทั้งความจับต้องได้และความน่าหลงใหลๆไปพร้อมๆกัน   เอาจริงๆบทนุ้ยในเรื่องนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงที่นิสัยน่ารักอะไรนักนะคะ  ออกจะแอบมักง่าย มีความเห็นแก่ตัวแบบปุถุชนทั่วๆไปโผล่มาให้เห็นเรื่อยๆด้วยซ้ำ  แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เห็นว่าแคสท์นักแสดงออกมาได้ถูกคนแล้ว เพราะแม้นุ้ยจะไม่ใช่คนน่ารักแต่เสน่ห์ของมิวก็ทำให้ต้องรัก ยอมหยวนๆไปกับนุ้ยได้ง่ายๆเลยทีเดียว




สรุป  หนังเรื่องนี้ ถ้าให้เทียบกับกวนมึนโฮ ดูจะมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าและเล่นกับประเด็นความรักในมุมที่หม่นกว่า รวมทั้งมีการสอดแทรกประเด็นสังคมลงไปด้วย  ส่วนใครดูแล้วจะชอบไม่ชอบคงขึ้นกับรสนิยมและประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนว่าจะมีส่วนทับซ้อนกับในหนังมั้ย  ถ้าใครเคยแอบรักคนที่อยู่สูงกว่าก็ไม่แปลกที่จะประทับใจมากหน่อย   ส่วนตัวมองว่าแม้จะไม่ถึงกับขึ้นหิ้งหนังที่ประทับใจที่สุด แต่ก็เก็บเข้าลิสท์หนังไทยดีๆที่ได้ดูอีกเรื่องหนึ่งไปเรียบร้อย  รู้สึกว่าคุ้มค่าตั๋วไม่เสียดายเลยค่ะ  ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่เสริมเครดิตให้ผกก.และค่ายได้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่