จัดหนักยาบ้าสองสลึง (by The Mario)

กระทู้คำถาม
เรียน WM เพื่อนสมาชิกรวมไปถึงท่านผู้อ่านทุกท่าน

จากข่าวสังคมฮือฮากับความคิดของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เชื่อว่า ยาบ้าเป็นสินค้าเศรษฐกิจไม่มีทางที่จะทำให้หมดไปได้ ดังนั้นขอถามไปที่กระทรวงสาธารณสุขว่าจะทำอย่างไรให้ยาบ้าเหลือเม็ดละ50 สตางค์ ขอให้บอกตนพร้อมทำให้ทันที พร้อมกับลดระดับยาบ้า...เป็นยาเสพติดประเภท 2 ..

ขี้เกียจอารัมภบทมากขอใส่เลยแล้วกัน อยากเรียนถามท่านสั้นๆว่าแน่ใจหรือว่านี่คือการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ท่านบวกลบคูณหารผลได้ผลเสียหักลบกันดีพอแล้วหรือยังถึงได้ผุดแนวคิดเทือกนี้ออกมาได้ ปราบปรามกันอย่างจริงจังเพียงพอหรือยัง โทษที่มีให้กับผู้ค้ามันสาสมพอที่จะทำให้มันกลัวหรือไม่ จู่ๆจะไปยอมแพ้มันแล้วเอามันมาอยู่ด้วย ท่านรู้จักสารพัดพิษของยาบ้าทั้งในทางทฤษฎีและนอกทฤษฎีเพียงพอแล้วหรือไม่ แล้วจะยังไง 50 สตางค์ ยาบ้านะครับไม่ใช่พาราแก้ปวดจะมาทำในงบเม็ดละ 50 สตางค์ได้ เคยได้ยินจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคาแหล่งผลิตว่างบการผลิตตกเม็ดละ 20-30 บาทเข้าไปแล้วขนาดไม่ได้ผ่านสารพัดขั้นตอนของราชการ หากทำจริงก็คงไม่พ้นเอาภาษีประชาชนไปอุ้มตรงนี้แน่นอน แล้วที่ผ่านมาละครับหลายคนเห็นจะเป็นจะตายกับงบประมาณประเทศที่ทำให้กับประชาชนเช่นพวกโครงการ 30 บาท  ช่วยเหลือเกษตรกร กระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าฯลฯ  สำหรับผมพูดตรงๆเลยคือเสียอะไรให้มันเป็นประโยชน์กับประชาชนก็เสียไปเถอะอย่าไปรังเกียจคำว่าประชานิยมมากเพราะอย่างน้อยๆประชาชนก็ได้ประโยชน์ตรงนี้ แต่กับไอ้ยาบ้านี่ประชาชนได้อะไรกับมัน บาทเดียวผมก็ไม่อยากจะไปเสียให้มันครับ นี่ยังไม่รวมพวกต่อมศีลธรรมที่เคยแตกซ่านสมัยบริษัทเบียร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ก็โดนด่า เอาหวยขึ้นมาอยู่บนดินเอาเงินเข้าประเทศก็โดนด่า ถ่ายรูปคู่กับเบียร์ก็ผิดกฎหมาย ฯลฯ งานนี้มาเจอหนักสุดคือยาบ้าครับ ต่อมศีลธรรมช่วยกันทำงานกันหน่อยครับอย่าเงียบเป็นเป่าสาก นี่ยังไม่รวมสารพัดกิจกรรมที่ต้านยานรกพวกนี้มาเป็นเวลานานทั้งดนตรี ทั้งกีฬา คำขวัญ สโลแกนต่างๆที่ช่วยกันต้านยาเสพติดร่วมกันมา เอาสิ่งเหล่านี้ไปกองไว้ตรงไหนเหรอครับถึงได้ผุดไอเดียเทือกๆนี้ออกมาได้

สารตั้งต้นของยาบ้าตอนแรก Methamphetamine ถูกใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคพาร์คินสัน รักษาเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น(ADHD) รักษาอาการซึมเศร้า โดยยังไม่มีใครรู้ว่ามันมีฤทธิ์ข้างเคียงที่น่ากลัว หนึ่งในนั้นคือมันทำให้ "เสพติด" ได้ มีการผสมสารเคมีต่างๆ เช่นคาเฟอีน, กลิ่น, สี, ยาฆ่าแมลง ฯลฯ ทำเป็นยาเสพติดมอมเมาประชาชนตามแต่แหล่งผลิต  

อาการและข้อสังเกตแบบง่ายๆของผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาบ้า ฝากให้ท่านผู้อ่านลองไปสังเกตคนใกล้ตัวของทุกท่านดูนะครับ
- ร่างกายผอมซูบลง หรือจากเคยมีเนื้อมีหนัง ก็น้ำหนักลดลงโดยที่ไม่ต้องออกกำลังกาย เนื่องจากยาบ้าพอเสพเข้าไป (ยาบ้าใช้วิธีกินควันนะครับไม่ใช่สูบควันเหมือนบุหรี่หรือกัญชา) ร่างกายจะมีความร้อน เหงื่อแตก มีการเผาผลาญแคลลอรี่เป็นอย่างมาก ใจสั่น นอนไม่หลับ มีอาการขมปากทำให้ไม่รู้สึกหิว ไม่ต้องทานอาหารก็อยู่ได้แม้ร่างกายอ่อนเพลียแต่สมองมันจะยังบอกว่าแกยังไหวสบายมาก มีการใช้ในการลดน้ำหนักของผู้หญิงเพราะเผาผลาญมากโดยไม่ต้องออกกำลังกาย แต่ท้ายสุดมักจะเอ๋อมากกว่าผอมแบบดูดี

- เริ่มมีการปลีกตัวออกจากสังคม อารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ ตอนยาบ้ากำลังดีดก็อารมณ์ดี กระตือรือร้น ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แต่พอเริ่มจะหมดฤทธิ์ก็เริ่มรั่ว มีอาการท้อแท้ หดหู่ โทษตัวเอง บางคนระแวงว่าจะมีคนมาทำร้าย มองโลกในแง่ร้าย หวาดระแวง กลัวทั้งคนกลัวทั้งผี มีความเชื่อแปลกๆเหมือนคนเป็นโรคประสาทเพราะสมองเริ่มถูกทำลาย

- ลมหายใจมีกลิ่นช็อคโกแลตไหม้อ่อนๆปนออกมา เพราะยาบ้ามันจะผสมกลิ่นเจ้าพวกนี้เข้าไปด้วยเพื่ออรรถรสในการเสพยาสากกะเบือพวกนี้ มันเป็นรสชาติเฉพาะตัวที่มีส่วนทำให้ผู้เสพมีอาการอยากไปสรรหามาเสพต่อ

- ดูดบุหรี่หนักขึ้น เพราะยาบ้ามักจะมีเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ก็คือบุหรี่ เนื่องจากกระดาษฟอยล์ที่มีอยู่มากับซองบุหรี่นั่นคือหนึ่งในอุปกรณ์ในการเสพ ฟอยล์ต้องไม่ขาดหรือรั่วหรือมีรอยยับ มิเช่นนั้นฟอยล์จะรั่วทันทีเมื่อลอกกระดาษที่ติดอยู่กับแผ่นฟอยล์ออก  ในส่วนที่ทำเป็นหลอดที่ใช้ดูดเอาควันเข้าไปกินนั้นก็ทำมาจากตัวซองด้านนอกที่เป็นกระดาษระบุยี่ห้อบุหรี่นั้นๆมาม้วนเป็นหลอด หรือพวกที่เก๋าๆและไม่เสียดายของก็จะทำเป็นอุปกรณ์ดูดผ่านน้ำคล้ายๆบ้องกัญชาแต่ทำมาจากท่อทองแดงกับขวดน้ำพลาสติก ปัจจุบันบางรายมันพกเป็นหลอดบ้องแก้วแก้วคล้ายๆหลอดทดลองมีกระเปาะกลมๆอยู่ด้านล่างส่วนใหญ่เรียกว่า "โจ๋" เอาไว้ดูดยาไอซ์ได้ด้วย
  
- พกหมากฝรั่งแบบเป็นชิ้นแบนๆยาวๆที่มีกระดาษฟอยล์หุ้ม(สำหรับพวกเสพยาบ้าอย่างเดียวแต่บุหรี่ไม่เน้น) เพราะสามารถนำมาเป็นอุปกรณ์การเสพได้เช่นกัน บางคนไม่ต้องมานั่งลอกเหมือนฟอยล์หุ้มบุหรี่ ใช้วิธีเผาเลย วาบเดียวกระดาษที่ติดอยุ่กับฟอยล์จะหายเกลี้ยงเหรือแค่แผ่นฟอยล์ล้วนๆ สิบปีสิบชาติไม่เคยพกวันดีคืนดีกลับมาพกเจ้าพวกนี้แล้วมีอาการแปลกๆตามข้างต้นก็เริ่มสงสัยได้เลยว่าไปเสพมา

- พกไฟแช็คอยู่ตลอดเวลา คนพวกนี้จะพกไฟแช็คแก๊สที่ขายอันละ 5-10 บาทเท่านั้น จะไม่พกพวก Zippo, Dupont หรือพวกไฟฟู่ๆแรงๆที่ขายตามตลาดนัดทั่วไป จะเอาไฟแช็คถูกๆนี่แหละนำมาทำเป็นอุปกรณ์เสพยาบ้า โดยโมดิฟายให้เปลวไฟออกมาเล็ก แหลม เพื่อจี้เฉพาะจุด เรียกกันว่าไฟลอย วิธีทำไม่ขอบอก  คนพวกนี้เวลามีคนแปลกหน้ามาขอยืมไฟแช็คเพื่อจุดบุหรี่มักจะไม่ให้ เพราะเมื่อเห็นเปลวไฟที่จุดจะรู้ทันทีว่าเป็นไฟแช็คที่โมดิฟายมาเพื่อการนี้ และกลัวจะเป็นพวกสายสืบมาเช็คไฟแช็ค

- ไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืนเพราะกลัวโดนจับตรวจฉี่ ดื่มเหล้าน้อยลงหรือจากที่เคยดื่มก็ไม่ดื่มเพราะต้องเอาเงินไปซื้อยาบ้า อีกอย่างคือแอลกอฮอล์มันทำให้เมา อาการดีดจากยาบ้าลดน้อยลง พวกนี้มักจะดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานแทนเพราะแก้อาการคอแห้ง

- บางรายมักจะใช้ในตอนสักลายเพราะโดนสักแล้วไม่เจ็บ(เท่ากับตอนที่ไม่เสพ ลดความเจ็บลงได้เกินครึ่ง) โดยเฉพาะตรงจุดที่เต็มไปด้วยเส้นประสาทเยอะๆเช่นขาอ่อนด้านใน ศีรษะ กลางหลัง อวัยวะเพศ บางรายอกหักรักคุดกรีดแขนประชดแฟนก็มีเพราะมันลดความเจ็บลงได้ประกอบกับความบ้า

- ตัวปล่อยยามักจะย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ อยู่ไม่นาน แต่เหล่าบรรดาจ๊อกกี้พวกนี้จมูกไวยิ่งกว่ามด ย้ายไปไหนก็จะตามไปหาซื้อได้หมด  ในกรณีเดลิเวอรี่ถึงที่เช่นตามนิคมอุตสาหกรรม หรือตามสถานศึกษา เหล่าบรรดาสาวกยานรกมักจะรู้เวลาที่เอเย่นปรากฏตัว ทันทีที่เหล่าเอเย่นปล่อยยาปรากฏตัวคนพวกนี้จะดีใจแทบกรี๊ดสลบยิ่งกว่าเห็นศิลปินซุปตาที่ตัวเองชื่นชอบ แหล่งพิมพ์นิยมที่สุดก็คือห้องน้ำ  เอเย่นจะทำทีไปเข้าห้องน้ำ เหล่าบรรดาสาวกที่ซุ่มรออยู่ก็จะค่อยๆลุกขึ้นยังกะปวดหนักปวดเบาพร้อมๆกันทีละคนสองคนมุ่งตรงตามไปทันทีก่อนที่ทั้งหมดจะถูกประตูทางเข้าห้องน้ำสูบเข้าไปหมดในเวลาไล่เลี่ยกัน พวกนี้จะเตรียมเงินไว้พอดีกับค่าของ เป็นอันรู้กันว่าผุ้ปล่อยไม่ต้องเตรียมเงินทอน



ภัยของมันโดยตรงท่านไพบูลย์และผู้สนับสนุนพร้อมที่จะรับมือหรือรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดหลังจากนี้หรือไม่ เช่น

- ทำลายประสาทและสมอง การใช้ยาเสพติดจะมีผลต่อสมอง 2 ส่วนคือ สมองส่วนนอกที่เป็นส่วนคิด และสมองส่วนที่อยู่ชั้นในซึ่งเป็นส่วนเกี่ยวข้องกับอารมณ์ และความอยาก สมองส่วนคิดทำหน้าที่ควบคุมสติปัญญาใช้ความคิดแบบมีเหตุผล ขณะที่สมองส่วนความอยาก เป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกยาเสพติดจะกระตุ้นปลายประสาทในสมองให้หลั่งสารโดปามีนซึ่งเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งออกมาเป็นปริมาณมาก สารนี้ทำให้เกิดความรู้สึกสบาย เมื่อมีการกระตุ้นซ้ำๆบ่อยครั้งอย่างผิดธรรมชาติ สมองจึงมีการปรับตัวด้วยการลดการหลั่งสารเคมีนั้นลง เมื่อหมดฤทธิ์ยาเสพติด จึงเสมือนว่าร่างกายมีอาการขาดสารโดปามีน ทำให้มีอาการหงุดหงิด หรือซึมเศร้า ส่งผลให้ผู้เสพยาพยายามแสวงหายามาใช้ซ้ำ ในขณะเดียวกันเมื่อใช้ยาเสพติดบ่อยๆ จะทำให้สมองส่วนคิดถูกทำลาย การใช้ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลจะเสียไป ผู้ที่ใช้ยาเสพติดจึงมักแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมีอารมณ์ก้าวร้าว หงุดหงิด ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงทำให้มีการใช้ยาเสพติดบ่อยขึ้น ผลสุดท้ายจะเกิดความสูญเสียอย่างรุนแรงในด้านต่างๆ ของชีวิต ผู้เสพไม่สามารถควบคุมตนเองได้ด้วยสติปัญญา หรือความคิดและทำให้มีอาการทางจิต และสามารถเป็นโรคจิตเต็มขั้นได้ในที่สุด

ภาพนี้คือภาพเปรียบเทียบระหว่างสมองของคนปกติ (ซ้าย)  จะสังเกตว่ามีส่วนที่เป็นสีแดง (ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพ) กระจุกตัวอยู่เป็นกลุ่มอย่างชัดเจน กับสมองของคนที่เสพเมทแอมเฟตามีน (ขวา) จะเห็นว่าส่วนที่เป็นสีแดงน้อยกว่า (เพราะเซลล์สมองถูกทำลาย) และรูปแบบการทำงานของสมองผิดปกติไป


- เสี่ยงต่อการก่ออาชญากรรม ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น (พวกที่กำลังดีดเต็มที่น่ากลัวกว่าพวกเมาเหล้าหาเรื่องคนเยอะครับ ใจถึงกว่าและขาไม่อ่อน) ทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเอง ซึ่งเป็นความรู้สึกลวงๆที่สร้างขึ้นอย่างผิดธรรมชาติเห็นช้างตัวเท่ามด หูแว่วหูหาเรื่องตลอดเวลา เห็นใครเดินผ่านก็คิดว่าจะมาทำร้าย ใจพร้อมมีเรื่องโดนต่อยไม่เจ็บเพราะประสาทจะด้านชาแต่พอฤทธิ์ยาหมดน่วมหนักมาก ไอ้พวกเอามีดจี้คอเด็กควบคุมตัวเองไม่อยู่ก็มาจากอาการระแวงเพราะฤทธิ์ยา

- เสี่ยงต่อการก่ออาชญากรรมข่มขืน ใจแตก เสียตัว ท้อง ผู้เสพจะมีความต้องการทางเพศมากกว่าปกติเพราะจะกระตุ้นในสมองหลั่งสารโดปามีนออกมามากขึ้น วัยรุ่นหลายคนมักจะเสพยานี้เพื่อเพิ่มความกล้าในเรื่องเพศก่อนวัยอันควร หญิงขายบริการมักจะเสพเพื่อให้รู้สึกกล้าในการต้องรับแขกกับคนแปลกหน้าและลดความเจ็บลงได้ในกรณีที่ไม่มีอารมณ์ร่วม
ในภาวะปกติร่างกายจะหลั่งสารโดปามีนตามธรรมชาติ

สารเสพติดจะกระตุ้นในสมองหลั่งสารโดปามีนออกมามากขึ้น


- อุบัติเหตุบนท้องถนนต้องเพิ่มขึ้นจากความคึกคะนองเกินปกติเหยียบเป็นเหยียบ ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง บางครั้งจิตสั่งไม่ตรงกับร่างกาย จิตคิดว่าตัวเองยังไหวเพราะกำลังดีดแต่ร่างกายไม่ไหวแล้วเช่นอาการหลับในขณะขับรถ

- อารมณ์ที่แปรปรวน หงุดหงิดง่าย สร้างปัญหาและความขัดแย้งในครอบครัวและสังคม ฯลฯ

ยาบ้าไม่ได้มีผลทางร่างกายเหมือนเฮโรอีน หรือผงขาว การขาดยาไม่ทำให้ลงแดงตาย แต่อาจจะรั่ว หมดแรง ไม่คิดอยากจะทำอะไร และมีอาการท้อแท้กับชีวิตไปบ้างในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะกลับคืนสู่สภาพปกติเอง ส่วนสมองที่ถูกทำลายไปก็แล้วแต่ตัวบุคคลครับว่าโดนทำลายมามากน้อยขนาดไหนและจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่ ความรักความอบอุ่นและการใส่ใจในความรู้สึกของคนในครอบครัวเป็นเกราะป้องกันอย่างดีที่สุดไม่ให้คนในครอบครัวเราไปยุ่งกับยานรกพวกนี้ ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องยาบ้าจึงจะใช้วิธีเดียวกันกับแก้ปัญหายาเสพติดในต่างประเทศไม่ได้ การลดระดับประเภทยาเสพติดลงจึงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา จริงอยู่สารเสพติดประเภทนี้อาจนำมาใช้ในการรักษาโรคบางอย่างได้เช่นโรคที่กล่าวมาในข้างต้น แต่หากควบคุมมันไม่ได้พิษภัยของมันมีมากกว่านั้นมาก ขนาดเป็นยาผิดกฏหมายเป็นยาเสพติดประเภท 1 เต็มๆยังควบคุมมันไม่ได้เลย แต่นี่คิดจะเอามาควบคุมโดย สธ ผมบอกได้เลยว่าฝันไปเลยว่าจะควบคุมมันได้ไม่มีทางควบคุมได้ครับ หลุดมากระจายได้หวาดผวากันทั้งเมืองแน่หลังจากนี้

สำหรับผมแล้ววิธีการแก้ปัญหายาเสพติดคือเพิ่มโทษให้หนัก และเด็ดขาดจริงจังกับมันเหมือนเช่นประเทศสิงคโปร หากเจ้าหน้าที่มีผลประโยชน์กับกระบวนการค้ายาเสพติด ตัดสินความให้หนักอย่าได้เป็นเยี่ยงอย่างครับ ไม่ใช่เอามันมาอยู่ด้วย

อมยิ้ม17ขอบพระคุณ ภาพประกอบและข้อมูลเชิงวิชาการจากคุณ pinspin ในกระทู้นี้ครับ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2012/02/X11700242/X11700242.html

The Mario 2กันยายน2559 :20.36 น.
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 20
ในยุคสมัยหนึ่ง  รัฐฯ มีนโยบายเข้ม  ปราบปรามยาบ้าอย่างเด็ดขาด  เมื่อนโยบายออกมาปั๊บ
การปราบปรามอย่างจริงจัง ก็เริ่มขึ้น   ซึ่ง ก็ได้ผลอย่างเกินคาด

ยกตัวอย่าง ในแถวบ้านที่ผมอยู่  มีรายย่อยที่ค้ายาเยอะมาก  วัยรุ่น  และ ไม่รุ่น ต่างเวียนวนมาซื้อตลอด
แม้แต่  ตำรวจก็มาเวียนวนตลอดเช่นกัน (  ไม่ได้มาซื้อนะครับ  )
แต่ พอมีนโยบาย ปราบปรามอย่างจริงจัง   พ่อค้ายารายย่อยแถวบ้านผม หายกันไปหมด
วัยรุ่นที่มาวนเวียนซื้อ ก็หายไป  ที่ไม่รุ่น ก็หายไป  ตำรวจ ก็หายไปด้วย (  ไม่รู้จะหายตามเขาไปทำไม?  )

ผมกล้าบอกได้เลยว่า แถวบ้านผม  สมัยรัฐบาลนั้น   ยาบ้า ไม่มีเลย  มันเกลี้ยงไปหมด
แล้วยังหายากยิ่งกว่าอะไรเสียอีก  

ถามว่า ดีไหมกับนโยบายนี้?   ผมเชื่อว่า ทุกคน ก็ต้องบอกว่าดี ในเมื่อยาเสพติดหมดไปจากการปราบปราม อย่างจริงจัง
แต่  เมื่อหมดรัฐบาลสมัยนั้น    ยาบ้าก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง  แต่  ก็ไม่ได้ชุกชุมเหมือนเมื่อก่อน
แต่ว่า จากข่าวทางทีวี  และ  นสพ.  ต่างก็ออกข่าวการจับยาบ้าตลอด   นั่นก็แสดงว่า  
เมื่อการปราบปรามอย่างเอาจริงเอาจัง ของรัฐบาลที่แล้วหมดไป   ยาเสพติดก็เริ่มเข้ามาใหม่
เพราะ รัฐบาลต่อมาไม่ได้เห็นความสำคัญ   และ    ไม่ได้ทำต่อโครงการนี้   เรียกได้ว่า หย่อนยาน
ดังนั้น  ยาเสพติด ยาบ้า จึงได้เกลื่อนตลาดเหมือนเมื่อก่อน

รัฐ ก็เริ่มปราบปรามไม่ไหว   มาผสมโรงด้วยเศรษฐกิจที่แย่เข้าไปอีก  การค้ายาเสพติดจึงเป็นลำดับต้นๆ ของคนไร้อาชีพ
หรือ ขี้เกียจทำงาน แต่อยากมีเงินง่ายๆ  เยอะๆ  

แล้ว รัฐบาลชุดนี้ ก็ผุดไอเดียอันแสนบรรเจิด  ผลิตยาบ้าขายแข่ง เอาให้ราคาถูกไปเลย  ของพ่อค้าจะได้ขายไม่ออก
ยาบ้าก็จะได้ลดลง  คนเสพที่อยากเลิกก็จะได้ขอเข้ามาทำการบำบัดยาเสพติด?

ผมว่า  พวกท่านกำลังเดินหลงทางเข้าป่าลึกแล้วครับ   ยาเสพติด  เมื่อเสพเข้าไปนานๆ เข้า ก็จะติด  เลิกยาก ถึงเลิกไม่ได้เลย
เขาถึงได้เรียกว่า ยาเสพติด   เมื่อเลิกไม่ได้ และ  เลิกยาก  คนที่เสพ ก็จะหาเงินมาซื้อยาเพื่อเสพ  เพื่อบรรเทาความอยากยา
มีพ่อมีแม่ ก็ขอพ่อขอแม่  มีเพื่อน ก็ขอเพื่อน  ถ้าพ่อแม่เพื่อไม่ให้ หาไม่ได้  ก็ทำการปล้น จี้ ชิงทรัพย์ เพื่อให้ได้เงินมาซื้อยา  มาเสพ

เมื่อเสพยาบ้ามากๆ เข้า ผลร้ายก็ตามมา  ทำให้ประสาทหลอน  กลัวนั่น กลัวนี่  หรือ ก็อาจจะกล้าบ้าบิ่น  
เราจึงได้เห็นข่าว คนคลั่งยาบ้า เอามีดจ่อคอเด็ก ผู้หญิง  เป็นประจำ  หรือก็ ข่มขืน ฆ่า  เพราะเมายาบ้า
ข่าวแบบนี้ มันมีทุกวัน

เมื่อรัฐบาลชุดนี้ หมดปัญญาจัดการกับยาบ้า ก็เลยคิดว่า ผลิตขายราคาถูก คนจะได้เลิก และ ขอเข้ามาบำบัด
ถามว่า  ขนาดยาบ้า ราคาแพง  หาเงินซื้อยาก    เคยมีคนติดยาบ้า มาขอเข้าบำบัดไหมครับ?
แล้วจะมาขายราถูกอีก?   ทีนี้ ก็สบายสิครับ  ซื้อง่ายขายคล่อง ราคาถูก  เป็นผม  ถ้าผมติดยาบ้า  ผมจะเลิกให้โง่รึ?
ซื้อก็ง่าย   ราคาก็ถูกอีก?  

ผมขอเถอะ  อย่าคิดอะไรที่มันบ้าๆ บอๆ  เลยครับท่าน
นโยบายอันไหน ของอดีตนายกไทยคนหนึ่ง     ที่มันดี  มันได้ผล  ก็ทำต่อไปเถอะ  ผลดีก็จะเกิดกับประชาชน
ไม่มีใครว่าหรอกครับ  ถ้าต่อยอดของคนอื่น  แล้วทำให้ดีเหมือนเดิม  หรือ  ทำให้ดียิ่งๆ ขึ้น  มีแต่คนจะสรรญเสริญ
ที่จะโดนด่า โดนว่า  ก็คือเอาของดี ที่เขาทำดีๆ   แล้ว  มาทำเสียจนเละเทะ  อันนี้ครับ ที่จะโดนด่า

เรื่องจะให้ยาบ้าราคาถูก  ผมก็อยากขอให้พวกท่าน  "  คิดใหม่  ทำใหม่  "     เสียเถอะครับ    มันได้   ไม่คุ้มเสียครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
+1

ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เช่นกันค่ะ

รู้ทั้งรู้ว่ายาเสพติดมีโทษทั้งต่อผู้เสพ และคนรอบข้างในสังคม มีแต่ยิ่งต้องลงโทษให้หนัก ต้องสร้างค่านิยมให้เห็นเป็นเรื่องเลวร้ายน่ารังเกียจ ยาเสพติดไม่ใช่สิ่งที่มีตามธรรมชาติที่มีโทษเล็กน้อย ที่กำจัดให้หมดไปไม่ได้ก็นำมันมาอยู่ข้างตัวซะเลย แต่มันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นภัยร้ายแรง และเป็นแหล่งสร้างประโยชน์ให้พวกพ่อค้ายาเสพติด มิจฉาชีพต่างๆ

ตัวไหนเป็นยา หรือจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ ทำงานวิจัย นำไปใช้อย่างถูกขั้นตอนเป็นพิเศษ ไม่ใช่เอาเป็นข้ออ้างแล้วนำมันมาอยู่กับชีวิตประจำวัน

หากอ้างว่าทำให้ยาบ้าราคาถูก มูลค่าลดลงจะได้ทำให้ผู้ค้าไม่สนใจตลาดนี้ แล้วได้คิดบ้างหรือไม่ว่าในเมื่อมันถูก คนก็ซื้อมากขึ้น  คนติดยาจะได้เพิ่มขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง เด็กๆ ถูกมิจฉาชีพล่อลวงง่ายขึ้น นักศึกษามีโอกาสติดมากขึ้น  อาชญากรรมยิ่งสูงขึ้น สุขภาพประชาชนในชาติแย่ลง สุดท้ายต้องใช้งบเท่าไรมาแก้ปัญหาที่ตามมา และบางปัญหา เงินเท่าไรก็แก้หรือเยียวยาไม่ได้

ส่วนตัวแล้วเห็นว่าต้องแก้ทั้งระบบ

1. ผู้ผลิต ผู้ขาย ผู้เกี่ยวข้อง ต้องมีโทษหนัก ไม่ต้องโลกสวย ไม่ต้องประนีประนอมกับสิ่งเลวร้ายที่ทำลายผู้บริสุทธิ์ สังคม และประเทศชาติ

2. ตัวยาเสพติด รณรงค์ให้ความรู้ถึงโทษภัย สร้างค่านิยมให้เห็นถึงความเลวร้ายหากไปข้องแวะ ไม่ใช่เท่ห์ เป็นประสบการณ์ หรือเป็นเรื่องปกติในสังคม

3. ผู้เสพ ก็หาทางบำบัด เยียวยา จัดเป็นผู้ป่วย หรือเป็นผู้ได้รับโทษอย่างไรก็ว่ากันไปตามเหตุการณ์

ไม่มีใครทำให้ยาบ้าหมดไปได้แน่ๆ แต่ทำให้ผู้อยู่ในวงจรผลประโยชน์นี้ต้องได้รับโทษจริงจัง มันจะลดลงได้ เอาง่ายๆ ใช้กฎหมายหนักๆ กับตัวใหญ่ๆ ทั้งหมด ไม่ใช่จับแต่ปลาซิวปลาสร้อย อีกทางก็ส่งเสริมด้านกีฬากับเยาวชน มันดีกว่านี้แน่นอน

แทนที่จะรณรงค์ส่งเสริมสิ่งที่ดีกับสุขภาพของประชาชน และสร้างสังคมที่น่าอยู่ กลับคิดวิธีประหลาด

หากทำให้มันดีขึ้นไม่ได้จริงๆ ลองหาที่คนแก้ปัญหาได้ดีกว่ามาร่วมทีมงานดีไหมคะ
ความคิดเห็นที่ 9
สมัยทักษิณ แก้ปัญหายาบ้าได้ค่อนข้างดี

ยาบ้าลดลงเป็นจำนวนมาก  และนำพาเยาวชนคืนสู่อ้อมอกพ่อแม่

คราวนี้ แก้ปัญหากันไม่หวาดไม่ไหว กลับจะหันมาใช้วิธีทำขายถูกซะเอง เพื่อหวังจะตัดราคาค้าขายนอกระบบ

ไม่รู้ว่าคิดได้ยังไงนะ  หุหุ
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้าเป็นความคิดของรัฐบาลที่แล้ว.....จะมีปรากฏการณ์อะไรตามมาต่อจากนี้......
คงจะเรียกแขกได้เพียบ......ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครคิดแก้ปัญหายาเสพติดด้วยวิธีนี้....
ทีเรื่องบ่อนการพนัน...เขาแนะนำว่าให้เปิดเสรีเพื่อเงินทองจะได้ไม่ไหลออกนอกประเทศ
ไม่ได้ๆๆๆๆ...บ้านเราเมืองพุทธ....ผิดศีลธรรม

               แล้วไงทีนี้....ผลิตเอง...ขายเอง...ไม่ผิดศีลธรรม.....ก็ดีเหมือนกันนะ..มาคิดๆดู
ตอนนี้คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศตกวูบอยู่พอดี.....อาจจะมีคำสั่งซื้อล็อตใหญ่มา
เลยก็ได้.......ให้ตายเถอะโรบิน....ไม่รวยคราวนี้จะไปรวยคราวไหน.....แต่ขอโทษที
ต่อไปชาวไทยคงหุ่นเป็นไม้เสียบผีไปตามๆกัน....พอแล้ว...คร้านจะบ่น
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าทำจริงถือว่าดำเนินโยบายผิดพลาดมาก ไม่ม่ใครเชื่อหรอกว่า ยาบ้า 50 สตางค์ จะสามารถตัดวงจรคนขายได้
มีแต่คนเสพจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเยาวชน เพราะราคาถูกและหาง่ายขึ้น

นโยบายแบบนี้ อย่าได้คิดเอามาทำเลย พังแน่นอน
ความคิดเห็นที่ 4
ก่อนจะดำเนินนโยบายสองสลึงอย่างนี้

ถ้าแก้ปัญหาโดยวิธีนี้แล้วผู้เสพเพิ่มมากขึ้น จะรับผิดชอบอย่างไรดีกว่า

วิธีแบบนี้ไม่ต่างกับเอาน้ำมันไปดับไฟ  มีแต่ลุกไหม้มากขึ้นนะฮ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่