[CR] (ภาค2) รีวิว นิยายฝรั่ง อ่านฝึกภาษา อ่านง่าย อ่านยาก อ่านสนุก อ่านกันให้ฟินจิกหมอน

สวัสดีค่ะทุกคน ยิ้ม
จากกระทู้รีวิวนิยายฝรั่งของเราก่อนหน้านี้
http://pantip.com/topic/35082238 ได้รับความสนใจไปแบบเราเองยังตกใจ…
มีคนมาแสดงความคิดเห็น แนะนำหนังสือใหม่ๆ แนะนำนักเขียนเจ๋งๆให้เราได้รู้จัก
และหลังไมค์เข้ามากันแบบล้นหลาม… เมื่อคนอ่านชอบ จขกท.ก็ดีใจสิคะ…
เก็บเป็นแรงบันดาลใจ ตามล่าหาหนังสือน่าสนุกมาอ่าน เพื่อจะมารีวิวให้กันอีกรอบ…

หลายเดือนผ่านไป จขกท.เรียนจบกลับเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย..
ตอนนี้กำลังหางานทำ แต่ยังไม่ได้งาน หรือที่เรียกง่ายๆกันว่ากำลังตกงาน - -”
มีเวลาว่างมากมาย แล้วเราจะทำอะไรล่ะ อ่านหนังสือฝึกภาษาอังกฤษกันสิฮะ…เอ้าเริ่มเลย..

ป.ล.1: ความยากง่ายของภาษา จขกท. วัดจากตัวเองค่ะ
โดยจขกท.ผ่านช่วงการฝึกภาษาอังกฤษมาหลายปี ตั้งแต่อยู่มัธยม
เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เรียนมหาวิทยาลัย เตรียมตัวสอบโทเฟล
จนมาถึงได้เรียนอยู่ต่างประเทศ และตอนนี้ก็เรียนจบ (ออกมาตกงานเรียบร้อยแล้ว)
จึงพอระบุได้ว่าช่วงภาษาอังกฤษในหนังสือเล่มไหนอยู่ในช่วงระดับไหน
(แต่หากท่านใดมีความรู้สึกว่าเล่มไหน ยากง่ายกว่าที่จขกท.บอก
ก็ช่วยกันแนะนำคอมเมนท์กันได้เลยค่ะ เป็นข้อมูลแก่ผู้อ่านท่านอื่นๆ)

ป.ล.2: จขกท.ชอปปิ้งหนังสือและอ่านผ่าน Kindle นะคะ
ใครสนใจอยากสอบถามว่าไอ้เครื่องนี่ใช้ยังไง ก็หลังไมค์มาถามกันได้เลย



1. “The Rosie Project” 

เริ่มกันที่เล่มแรก… เล่มที่ตัดสินใจอ่านจากคำแนะนำของหลายๆความเห็นที่มาบอกกันในกระทู้รีวิวอันก่อน
ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกๆความเห็นที่แนะนำเล่มนี้กันเข้ามา เพราะเมื่อได้อ่านจบ The Rosie Project ก็ได้เข้ามา
เป็นหนึ่งในหนังสือในดวงใจ อีกเล่มหนึ่งของจขกท.ค่ะ

The Rosie Project เป็นบทประพันธ์ของ Graeme Simsion นักเขียนชาวออสเตรเลีย
(เนื้อเรื่องของนิยายเล่มนี้จึงเกิดขึ้นในออสเตรเลียเป็นหลัก
แตกต่างกับหนังสือ Best Seller เล่มอื่นๆที่มักดำเนินเรื่องในอเมริกาหรืออังกฤษ)

สำหรับเนื้อเรื่องของ The Rosie Project ก็เป็นเนื้อเรื่องแนวรอมคอมที่เกี่ยวกับ
ศาสตราจารย์ด้านพันธุศาสตร์ ที่เห็นว่าถึงแก่เวลาที่ตัวเองควรจะมีภรรยาได้แล้ว
แต่ก็ไม่อยากจะเสียเวลาออกเดท หรือ คุยกับผู้หญิงคนไหน แล้วมารู้ทีหลังว่าไม่ชอบหล่อน
จึงออกแบบสร้างโปรเจคหาเมีย (The Wife Project)โดยการทำแบบสอบถามขึ้นมายาวเหยียด
ให้สาวๆลองทำกันก่อนเพื่อเฟ้นหาว่าที่เมียแสนสมบูรณ์แบบอย่างที่ตนต้องการขึ้นมา
แต่ทว่าความบันเทิงก็เกิดขึ้น เมื่อโรซี่สาวสวยที่มีอุปนิสัยตรงข้ามกับแบบสอบถามทั้งหมด
ได้เข้ามาในชีวิตของดอนเพื่อร้องขอให้เขาใช้ความรู้ด้านพันธุศาสตร์ช่วยเธอตามหาพ่อ
และแล้วเรื่องราวของ The Rosie Project ก็ได้เริ่มดำเนินขึ้น

โดยความพิเศษของ The Rosie Project ก็ต้องยกให้กับความสามารถของผู้เขียน
ที่สร้างคาแร็กเตอร์ของตัวละครหลัก หรือ ศาสตราจารย์ดอน ทิลแมน
ที่ทำหน้าที่บรรยายเรื่องราวทั้งหมดออกมาได้แบบพิเศษสุดๆ โดยตัวศาสตราจารย์ดอน
พระเอกของเรื่องแกเป็นคนที่มีความคิดความอ่านไม่เหมือนคนธรรมดา
(แอบบอกว่าการพูดของแกคล้ายๆกับอิตายูจีนใน The Walking Dead)
ดังนั้นสไตล์ของบทประพันธ์จึงเหมือนกับเรากำลังอ่านความคิดของพระเอกอยู่นั่นเองค่ะ
จขกท.คิดว่านี่ถือเป็นประสบการณ์การอ่านนิยายแบบพิเศษ ไม่เหมือนอ่านเล่มอื่นเลยจริงๆ

ส่วนระดับภาษา ขอกระซิบบอกว่าเล่มนี้อ่านยากนิดนึงค่ะ
ซึ่งน่าจะเป็นเพราะความคิดความอ่านของอิตาพระเอกนี่ค่อนข้างจะไม่เหมือนชาวบ้าน
คือคิดอะไรเป็น หลักเป็นการ เป็นขั้นเป็นตอน ใช้คำยากหน่อยๆ อ่านไปอ่านมา
เอ๊ะ เหมือนอ่าน textbook เวลาเรียนเมืองนอกเลย (แต่อ่านไปสักพักก็ชินนะ)
สำหรับใครไม่กลัว หรือ อยากจะลองดู รับรองเลยว่าถ้าอ่านจนจบ The Rosie Project
จะขึ้นเป็นหนึ่งในหนังสือในดวงใจของคุณเช่นเดียวกับจขกท. แน่ๆค่ะ




2. "It Ends with US"

เล่มที่สอง…​เล่มนี้จขกท. เพิ่งอ่านจบสดๆร้อน.. แล้วชอบมาก… ปลื้มมากกกก ฟินมากกกก ดราม่ามากๆ
และเป็นเล่มที่ได้รีวิวสูงมากๆ ใน Amazon.com (5 ดาวเต็ม) อีกแล้ว…

It ends with us เป็นผลงานของ Colleen Hoover นักเขียนสาวชาวเท็กซัส ที่โด่งดังมากในอเมริกา (และทั่วโลก)
เธอเป็นเจ้าของผลงานนิยายอีกหลายเล่มที่ติดอันดับ Best Seller หลายๆปีติดต่อกัน
แต่ It ends with us ถือเป็นนิยายเล่มแรกของ Colleen ที่จขกท.เลือกอ่าน
และแน่นอนว่าเมื่ออ่านเล่มนี้จบ ก็จิ้มซื้อผลงานอื่นๆของเธอมาอ่านต่อทันที

It ends with us ถูกจัดเป็นนิยายรักโรแมนติกร่วมสมัย หลายคนที่ไม่ชอบแนวนี้อาจจะเบือนหน้าหนี
แต่ขอบอกเลยค่ะว่าเนื้อเรื่องนี่ไม่ธรรมดา… ตอนแรกที่จขกท.กดซื้อ ก็นึกว่าจะได้อ่านนิยายรักฟินๆ
ซึ่งอ่านบทแรกๆก็ฟินจิกหมอนแทบแตกดีอยู่ แต่พอสักพัก เฮ้ย เนื้อเรื่องเข้มข้นแฮะ…
ผู้เขียนได้ขมวดปัญหาสังคม ปัญหาครอบครัวเข้ามาในนิยายรักโรแมนติกเล่มนี้ได้เป็นอย่างดี
จนเราอยากจะแนะนำนักอ่านทุกเพศ ทุกวัย (แต่ขอเกิน18+ เพราะในเรื่องมีฉากxxxอยู่บ้าง)
ได้ลองอ่านและขบคิดหาคำตอบให้กับปัญหาที่เกิดกับตัวละครในเล่มนี้ไปพร้อมๆกัน

นอกจากนี้ความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราว และการใช้ภาษาที่เฉียบแหลมของผู้เขียนนั้นก็ยังน่าชื่นชมมากๆ
ซึ่งแม้เรื่องราวจะดราม่า หนัก แต่เธอก็สร้างบทประพันธ์ที่ใช้ภาษาสวยงาม
และอ่านไม่ยากขึ้นมาได้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมนักอ่านทั่วโลกจึงซูฮก Colleen Hoover กันขนาดนี้ 

ระดับภาษาของเรื่องนี้ ต้องบอกว่าไม่ยากสำหรับมือใหม่หัดอ่าน
พอมีคำศัพท์น่าสนใจให้พอจดเข้าคลังศัพท์ได้
(แต่สำหรับจขกท. ต่อให้เจอศัพท์แปลก แต่กลับไม่คิดจะหยุดเปิดดิกชันนารี
เพราะเนื้อเรื่องนั้นสนุกมาก จนไม่อยากจะเสียเวลาเปิดดิกฯ เลยน่ะซิ​)



3. "The Husband's Secret"

เล่มที่สาม ยกให้กับนิยายเรื่องความลับของคุณสามี ชื่อภาษาไทยที่จขกท.ตั้งเอง 555
สำหรับความลับของคุณสามี ถือเป็นหนังสืออีกเล่มที่ได้รีวิวสูงมากๆใน Amazon.com และสนุกมากกกกกก

โดยเล่มนี้เป็นหนังสือสัญชาติออสเตรเลียของนักเขียนชื่อดัง Liane Moriarty
นักเขียนที่มีความสามารถสูงอีกคนที่เขียนเล่าเรื่องราวผ่านเสียงบรรยายของตัวเอก 3 คน
ที่แต่ละคนต่างก็มีชีวิตดราม่าของตัวเองแตกต่างกันต่อไป
แต่แล้วชีวิตของทั้งสามคนก็ถึงจุดเปลี่ยน เมื่อคดีฆาตกรรมปริศนาที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นอีกครั้ง

จขกท.ชอบเรื่องนี้มากเช่นกันค่ะ แม้เนื้อเรื่องย่ออาจจะฟังดูหนัก ดราม่า
แต่ขอบอกเลยว่าเป็นหนังสือที่อ่านได้ง่ายๆ สบายๆ ไม่มีคำศัพท์ยากให้น่าปวดหัว
แถมยังมีมุขตลกๆสอดแทรกอยู่แทบจะตลอดทั้งเล่มให้เราได้ฮาไปพร้อมกับกลั้นใจลุ้นไปกับตัวละครตลอดทั้งเรื่อง
เล่มนี้จขกท.อ่านจบอย่างรวดเร็วและอินมากเพราะนอกจากความลับของคุณสามีเป็นหนังสือสนุกแล้วนั้น
เล่มนี้ยังให้แง่คิดกับเราในการดำเนินชีวิตในหลายๆแง่มุม อีกด้วยละ


4. "Wonder"

ออกจากแนวรอมคอม ดราม่ากันมาบ้างค่ะ
คราวนี้จขกท. เลือกอ่านหนังสือเด็ก… ที่เนื้อหาไม่เด็ก ที่ได้รีวิว5 ดาวเต็ม
และยังเป็นหนังสือ ที่คุณพ่อคุณแม่ ควรอ่านแล้วแนะนำให้ลูกๆ หลานๆ ได้อ่านกันอีกด้วย
เพราะหนังสือเล่มนี้จะทำให้มุมมองของคุณ (หรือลูกๆหลานๆ) ที่มีต่อภาพลักษณ์ภายนอกคนอื่นต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลลลลล~

หนังสือเล่มนี้คือเรื่องราวของตัวละครเอกนามว่า ออกัส วัยสิบขวบ ที่กำลังจะต้องเข้าเรียนในโรงเรียนใหม่
และเป็นครั้งแรกของชีวิตเขาที่จะได้ไปโรงเรียน เนื้อเรื่องแค่นี้ฟังดูธรรมดา….
แต่ทว่ากลับไม่ธรรมดา เพราะออกัสเป็นเด็กที่มีหน้าตาไม่เหมือนเด็กปกติ
ออกัสเกิดมากับหน้าตาที่ใครๆคงนิยามว่า น่าเกลียด น่ากลัว…
แค่เคี้ยวข้าว ออกัสก็ทำไม่ได้เหมือนคนปกติ เพราะข้าวจะพุ่งไปพุ่งมาตลอดเวลา จนทำให้ออกัส เคี้ยวข้าวในปากไม่ได้…
และแน่นอนว่าออกัส ใส่แว่นตาเหมือนเด็กคนอื่นไม่ได้ เพราะลูกตาและจมูกของเขา ไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่…
ออกัสบอกกับเราว่า “ผมไม่บอกคุณหรอกว่าหน้าตาผมเป็นยังไง… เพราะมันอาจจะแย่กว่า อะไรก็ตามที่คุณคิดอยู่อีกน่ะสิ” (“I won’t describe what I look like. Whatever you’re thinking, it’s probably worse”)

หนังสือเล่มนี้นำเสนอเรื่องราวในมุมมองแบบที่เราไม่เคยมองเห็น…
ผ่านคำบอกเล่า ของเด็กๆที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ท้ายที่สุดแล้วออกัสจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างเมื่อได้เข้าโรงเรียน
เชื่อว่าหลายๆคนคงเดาออกว่ามันคือฝันร้าย …
แล้วเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ชีวิตของออกัสจะเป็นอย่างไรต่อไป หาคำตอบได้จากหนังสือเด็กแต่เนื้อหาไม่เด็กเล่มนี้ค่ะ

ระดับภาษาของ Wonder คือระดับเด็กประถมของฝรั่งอ่านได้…ผู้ใหญ่อ่านดี
ไม่มีคำศัพท์ยากใดๆให้กวนใจ เพราะแน่นอนว่าผู้ที่พากษ์เสียงเล่าเรื่องทั้งหมด
คือ ออกัส ที่อายุ 10 ขวบเท่านั้น หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
หรือ เด็กๆ ที่อยากเริ่มอ่านนิยายภาษาอังกฤษ


5. "Big Little Lies"

เล่มนี้จขกท.เลือกอ่านหลังจากอ่าน The Husband’s Secret จบ ไปแล้วชอบมากกก
จึงหาผลงานของ Liane Moriarty มาอ่านต่ออีกเล่มค่ะ จริงๆแล้ว Liane แกมีผลงานดีๆหลายเล่ม
แต่จขกท.เลือกเล่มนี้เพราะรู้มาว่าช่วงปีหน้า HBO จะออกซีรีส์เรื่องนี้มาให้ได้ชมกัน
แถมไปแอบส่องใน IMDB เจอว่านักแสดงมีทั้ง Reese Witherspoon, Nicole Kidman แล้วก็ Shailene Woodley
มารับบทบาทเป็นตัวละครหลักของ Big Little Lies
เฮ้ย! แสดงว่า เนื้อเรื่องต้องไม่ธรรมดาแล้วล่ะ แถมเล่มนี้ยังได้คะแนนรีวิวดีกว่า The Husband’s Secret อีกด้วยแฮะ…

พออ่านจบก็พบว่า การดำเนินเรื่องก็คล้ายๆกับ The Husband’s Secret ค่ะ
แต่เล่มนี้พิเศษ ตรงที่ผู้เขียนบอกเล่าไว้แต่แรกเลยว่า ตอนท้ายสุดมีตัวละครหลักตายหนึ่งคน..
ตายจากการถูกฆาตกรรมโดยตัวละครหลักอีกคน… แต่ไม่บอกเราว่าใครเป็นใคร…
แล้วพี่แกก็ไปเล่าเรื่องจากอดีตย้อนมาจนปัจจุบัน… ดังนั้นตอนอ่านไปก็เหมือนกับเราได้เล่นเป็นโคนัน
ทายกันไปว่าใครจะเป็น ใครจะตาย…
​อ๊ะ สนุกดีแฮะ ใครชอบหนังสือแนวคดีฆาตกรรมที่มีเรื่องดราม่าๆสอดแทรก
แต่เต็มไปด้วยมุขตลก ก็ลองอ่านเล่มนี้กันดูนะคะ (แต่สำหรับจขกท. นั้น แอบชอบ The Husband’s Secret มากกว่าค่ะ)

ระดับภาษาก็อยู่ในระดับง่ายถึงระดับกลางๆ มีคำศัพท์น่าสนใจพอสมควรค่ะ 

เม่าอ่านเม่าอ่านเม่าอ่านเม่าอ่าน

จบแล้วค่าาาาาา และนี่คือบรรดานิยายที่จขกท.อ่านมาในช่วง สามสี่เดือนที่ผ่านมา
อ่านได้ไม่เยอะเท่าไร เพราะยุ่งๆอยู่กับการย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย ย้ายบ้าน ขนของ
ตอนนี้ชีวิตเริ่มลงตัวแล้ว (ลงตัวแบบตกงานอยู่)
ไว้จะหาหนังสือดีๆ มาแนะนำอีกนะคะ อยากจะอ่านแนวอื่นบ้างอยู่เหมือนกัน
พวก Self-help ก็น่าจะดี ถ้าใครมีเล่มไหนแนะนำ บอกต่อด้วยน้าาา — ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ ยิ้ม
ชื่อสินค้า:   หนังสือ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่