ขอออกตัวก่อนนะคะว่านี่เป็นกระทู้รีวิวแรก ภาษาอาจจะติดๆขัดๆ ไปบ้าง รูปเยอะไปหน่อย สวยบ้างไม่สวยบ้างตามประสามือใหม่ ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ศรีพันวา เป็นรีสอร์ทที่เราได้ยินชื่อมาตั้งแต่แต่เริ่มทำงานปีแรก เปิดดูเวบไซต์ โหหหห (นับ ห ให้ได้ 10 ตัว จะได้เข้าใจความรู้สึก จขกท ในตอนนั้น อิอิ) ทำไมสวยแบบนี้ นี่คือรีสอร์ทในฝันของชั้นเลย แต่พอเห็นราคา อ่อมมมม ไว้ก่อนก็ได้

ผ่านมา 10 ปี ในที่สุดก็ได้เวลา Check-in ซะที

ศรีพันวาเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ พื้นที่ส่วนมากเป็นภูเขา ทางเข้ารีสอร์ทอยู่ตรงปลายสูดของแหลมพันวา เนื่องจากพื้นที่เป็นเนินเขา จากทางเข้าขึ้นไปจึงค่อนข้างชัน จากทางเข้าเมื่อขับรถขึ้นมา จะต้อง check-in ที่ Reception

แผนก Reception เป็นอาคาร 2 ชั้น ซึ่งเราจะต้องเดินลงไปชั้นล่างเพื่อทำการ Check-in
เมื่อไปถึง พนักงานหน้าตายิ้มแย้ม เข้ามาทักทาย พร้อม welcome drink และผ้าเย็น ระหว่างรอ ก็ถ่ายรูปบรรยากาศไปพลางๆ

มีชา กาแฟ ไว้บริการพร้อม
ผ่านไปซักพักใหญ่เราก็ได้รับหมายเลขห้อง คีย์การ์ด พร้อมเดินทางเข้าห้องพักกันแล้ว เนื่องจากรีสอร์ทมีเนื้อที่มาก และเป็นเนินเขา ดังนั้นที่นี่เค้าจะใช้รถตุ๊กๆเป็นพาหนะรับส่งแขก

เราจองห้องพักแบบ Pool Suite East (ราคาถูกสุด ^_^) โซน Habita ซึ่งเป็นโซนที่เพิ่งเปิดใหม่
นี่คือทางเข้า Habita Zone

มาถึงห้องพักกันบ้างค่ะ สวยงามตามท้องเรื่อง

ห้องน้ำ

Refreshment สามารถทานได้ทุกอย่าง ไม่คิดตังเพิ่มค่ะ ดีตรงนี้


ที่สำคัญ มีแรร์ไอเท่มอยู่ในตู้เย็นไม่ได้ถ่ายรูปมา นั่นก็คือไอติมเด็กน้อย 55 ใครที่จะไปพักลองเปิดตู้เย็นดูค่ะ ^_^
เก็บสัมภาระเสร็จก็ได้เวลาสำรวจจุดต่างๆของรีสอร์ท
จุดที่เราไปเก็บภาพจุดแรกคือ สะพานทุ่นสีขาวทอดยาวไปในทะเล Landmark หนึ่งของศรีพันวา

ระบบนิเวศน์ค่อนข้างสมบูรณ์ มีปูเสฉวนเยอะมาก ตาแป๋วสะด้วย ^_^

ทางรีสอร์ทจะมีน้ำดื่มวางไว้ให้ตามจุดต่างๆ สามารถหยิบมาดื่มได้เลย ไม่คิดเงินอีกเช่นกันค่ะ ^_^
เสร็จแล้วก็โบกตุ๊กๆกลับห้องพัก นอนพักซักแป๊บนึงก่อนเตรียมตัวออกไปกินอาหารเย็น
เราตกลงกันว่าจะไปกินอาหารไทยที่ห้องอาหาร Baba Soul ซึ่งอยู่อาคารเดียวกับจุด Reception
พอได้เวลา ไหนๆก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดิน น้องพนักงานน่ารัก พาขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างๆ เหมาะแก่การจัดปาร์ตี้สุด
เราได้เก็บภาพตอนเย็น บรรยากาศมุ้งมิ้งกันคนละนิดคนละหน่อย

มาดูบรรยากาศ Baba Soul และ หน้าตาอาหารกันค่ะ เราสั่งมาแค่สามอย่าง ราคาก็มาตรฐานรีสอร์ท 6 ดาว ^_^

Open Kitchen
กินอิ่มก็เหมือนเดิมค่ะ โบกตุ๊กๆ กลับห้องพัก
ตัดภาพไปตอนเช้าวันถัดไปกันเลยค่ะ
เราโชคไม่ดี มีคนจัดงานแต่งงานตรงโซน Baba Nest พอดีเลยอด ไม่ได้สัมผัสความฟินของบรรยากาศ แต่ด้วยแอคติ้งชั้นเลิศ พนักงานคงเห็นใจ เลยพาเราไปถ่ายรูปที่ Baba Nest ตอนเช้าก่อนไปทานอาหารเช้าแทน ต้องบอกว่า Baba Nest เป็นชั้น roof top ของที่พักของเจ้าของนะคะ
พนักงานกดลิฟท์ พาเราขึ้นไปเก็บภาพซักพักก็ไปส่งที่ Baba Pool Club เพื่อทานอาหารเช้า
มาดูอาหารเช้ากันบ้างค่ะ Line อาหารไม่เยอะ แต่มีคุณภาพค่ะ เมนู Recommend คือ ห่อหมก อร่อยต้องลอง สำหรับเมนูพวกอาหารเช้าแบบฝรั่งเราต้องสั่งกับพนักงานนะคะ เปิดเมนูดูและสั่งค่ะ เค้าจะมาเสิร์ฟเอง
อิ่มแล้วก็เดินเล่น ถ่ายรูปกันไปค่ะ
Baba Pool Club
Cool Spa ถ้าไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปคงเสียใจ
จบด้วยบรรยากาศห้อง Play Room

หมากหอย 555
และแล้วก็ถึงเวลา Check-out ตุ๊กๆจะมาส่งเราที่ Reception เหมือนเดิม
ก่อนจะจบกระทู้ อยากบอกว่าทำไมถึงออกจากศรีพันวามาพร้อมกับรอยยิ้ม....
ก็ไม่มีอะไรมากมายค่ะ แค่ บรรยากาศมันดูอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก เป็นรีสอร์ทราคาแพงลิบพี่พนักงานเป็นกันเอง คนพักแบบเราก็ไม่เกร็ง พนักงานไม่ต้องใส่ชุดไทย ไม่ต้องคำนับ แต่ดูมีน้ำใจเหลือเกิน เหมือนน้องคนนี้ (ขออนุญาตน้องแล้วนะคะ) ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง สบายใจ
แล้วเราจะพบกันใหม่แน่นอน....ศรีพันวา เพราะฉันจะไม่เลิกราจนกว่าจะได้ไปนั่งจิบคอคเทลที่ Baba Nest
[CR] เอารอยยิ้มจาก ศรีพันวา มาฝาก ^___^
ศรีพันวา เป็นรีสอร์ทที่เราได้ยินชื่อมาตั้งแต่แต่เริ่มทำงานปีแรก เปิดดูเวบไซต์ โหหหห (นับ ห ให้ได้ 10 ตัว จะได้เข้าใจความรู้สึก จขกท ในตอนนั้น อิอิ) ทำไมสวยแบบนี้ นี่คือรีสอร์ทในฝันของชั้นเลย แต่พอเห็นราคา อ่อมมมม ไว้ก่อนก็ได้
ศรีพันวาเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ พื้นที่ส่วนมากเป็นภูเขา ทางเข้ารีสอร์ทอยู่ตรงปลายสูดของแหลมพันวา เนื่องจากพื้นที่เป็นเนินเขา จากทางเข้าขึ้นไปจึงค่อนข้างชัน จากทางเข้าเมื่อขับรถขึ้นมา จะต้อง check-in ที่ Reception
แผนก Reception เป็นอาคาร 2 ชั้น ซึ่งเราจะต้องเดินลงไปชั้นล่างเพื่อทำการ Check-in
เมื่อไปถึง พนักงานหน้าตายิ้มแย้ม เข้ามาทักทาย พร้อม welcome drink และผ้าเย็น ระหว่างรอ ก็ถ่ายรูปบรรยากาศไปพลางๆ
มีชา กาแฟ ไว้บริการพร้อม
ผ่านไปซักพักใหญ่เราก็ได้รับหมายเลขห้อง คีย์การ์ด พร้อมเดินทางเข้าห้องพักกันแล้ว เนื่องจากรีสอร์ทมีเนื้อที่มาก และเป็นเนินเขา ดังนั้นที่นี่เค้าจะใช้รถตุ๊กๆเป็นพาหนะรับส่งแขก
เราจองห้องพักแบบ Pool Suite East (ราคาถูกสุด ^_^) โซน Habita ซึ่งเป็นโซนที่เพิ่งเปิดใหม่
นี่คือทางเข้า Habita Zone
มาถึงห้องพักกันบ้างค่ะ สวยงามตามท้องเรื่อง
ห้องน้ำ
Refreshment สามารถทานได้ทุกอย่าง ไม่คิดตังเพิ่มค่ะ ดีตรงนี้
เก็บสัมภาระเสร็จก็ได้เวลาสำรวจจุดต่างๆของรีสอร์ท
จุดที่เราไปเก็บภาพจุดแรกคือ สะพานทุ่นสีขาวทอดยาวไปในทะเล Landmark หนึ่งของศรีพันวา
ระบบนิเวศน์ค่อนข้างสมบูรณ์ มีปูเสฉวนเยอะมาก ตาแป๋วสะด้วย ^_^
ทางรีสอร์ทจะมีน้ำดื่มวางไว้ให้ตามจุดต่างๆ สามารถหยิบมาดื่มได้เลย ไม่คิดเงินอีกเช่นกันค่ะ ^_^
เสร็จแล้วก็โบกตุ๊กๆกลับห้องพัก นอนพักซักแป๊บนึงก่อนเตรียมตัวออกไปกินอาหารเย็น
เราตกลงกันว่าจะไปกินอาหารไทยที่ห้องอาหาร Baba Soul ซึ่งอยู่อาคารเดียวกับจุด Reception
พอได้เวลา ไหนๆก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดิน น้องพนักงานน่ารัก พาขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างๆ เหมาะแก่การจัดปาร์ตี้สุด
เราได้เก็บภาพตอนเย็น บรรยากาศมุ้งมิ้งกันคนละนิดคนละหน่อย
มาดูบรรยากาศ Baba Soul และ หน้าตาอาหารกันค่ะ เราสั่งมาแค่สามอย่าง ราคาก็มาตรฐานรีสอร์ท 6 ดาว ^_^
Open Kitchen
กินอิ่มก็เหมือนเดิมค่ะ โบกตุ๊กๆ กลับห้องพัก
ตัดภาพไปตอนเช้าวันถัดไปกันเลยค่ะ
เราโชคไม่ดี มีคนจัดงานแต่งงานตรงโซน Baba Nest พอดีเลยอด ไม่ได้สัมผัสความฟินของบรรยากาศ แต่ด้วยแอคติ้งชั้นเลิศ พนักงานคงเห็นใจ เลยพาเราไปถ่ายรูปที่ Baba Nest ตอนเช้าก่อนไปทานอาหารเช้าแทน ต้องบอกว่า Baba Nest เป็นชั้น roof top ของที่พักของเจ้าของนะคะ
พนักงานกดลิฟท์ พาเราขึ้นไปเก็บภาพซักพักก็ไปส่งที่ Baba Pool Club เพื่อทานอาหารเช้า
มาดูอาหารเช้ากันบ้างค่ะ Line อาหารไม่เยอะ แต่มีคุณภาพค่ะ เมนู Recommend คือ ห่อหมก อร่อยต้องลอง สำหรับเมนูพวกอาหารเช้าแบบฝรั่งเราต้องสั่งกับพนักงานนะคะ เปิดเมนูดูและสั่งค่ะ เค้าจะมาเสิร์ฟเอง
อิ่มแล้วก็เดินเล่น ถ่ายรูปกันไปค่ะ
Baba Pool Club
Cool Spa ถ้าไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปคงเสียใจ
จบด้วยบรรยากาศห้อง Play Room
หมากหอย 555
และแล้วก็ถึงเวลา Check-out ตุ๊กๆจะมาส่งเราที่ Reception เหมือนเดิม
ก่อนจะจบกระทู้ อยากบอกว่าทำไมถึงออกจากศรีพันวามาพร้อมกับรอยยิ้ม....
ก็ไม่มีอะไรมากมายค่ะ แค่ บรรยากาศมันดูอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก เป็นรีสอร์ทราคาแพงลิบพี่พนักงานเป็นกันเอง คนพักแบบเราก็ไม่เกร็ง พนักงานไม่ต้องใส่ชุดไทย ไม่ต้องคำนับ แต่ดูมีน้ำใจเหลือเกิน เหมือนน้องคนนี้ (ขออนุญาตน้องแล้วนะคะ) ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง สบายใจ
แล้วเราจะพบกันใหม่แน่นอน....ศรีพันวา เพราะฉันจะไม่เลิกราจนกว่าจะได้ไปนั่งจิบคอคเทลที่ Baba Nest