Beginning the special
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะแด๊ด” วอลเลนซ์เอ่ยถามผู้เป็นพ่อในขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นคนขับรถกระบะล้อโตยกสูงไปตามถนนดินลูกรังซึ่งตัดผ่านป่ารกชัฏเขตร้อนของเมืองไทย
“ไม่มีอะไรหรอก แด๊ดแค่จะพาหนูไปอยู่ค่ายลี้ภัยที่ปลอดภัยกว่าเท่านั้นเอง” ชายยุโรปผมน้ำตาลแดงหันมายิ้มให้ลูกสาวคนสวยที่เบาะนั่งข้างคนขับ ก่อนแววตาแฝงความกังวลจะถูกใช้มองไปข้างหน้าเพื่อดูเส้นทาง
“เปล่าค่ะ...วอลเลนซ์ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น วอลเลนซ์หมายถึงมันเกิดอะไรขึ้นกับโลกตอนนี้ต่างหาก” ตั้งแต่โลกเปลี่ยนแปลงไปดีเอโก้เองก็ไม่เคยได้บอกอะไรให้ลูกสาวของตนได้รับรู้เลย ที่ผ่านเขาทำแค่เพียงส่งวอลเลนซ์เข้าค่ายลี้ภัยเท่านั้น
“อีกไม่นานหนูก็จะรู้เอง...บางทีความหวังของมนุษยชาติอาจจะอยู่ที่หนูคนเดียว” เมื่อพูดจบผู้เป็นพ่อก็หยิบกล่องเหล็กเล็กๆ ออกจากลิ้นชักหน้ารถก่อนจะส่งให้กับลูกสาว
“อะไรเหรอคะแด๊ด” วอลเลนซ์รับสิ่งที่พ่อให้มาด้วยสีหน้างุนงง
“เมื่อวันนั้นมาถึงหนูจะเข้าใจทุกอย่างด้วยสิ่งนั้น” ดีเอโก้เอ่ยขึ้นเมื่อลูกสาวเปิดกล่องเหล็กพบกับลูกแก้วใสที่มีมวลสสารหลากหลายสีหมุนวนอยู่ตรงใจกลาง
“สวยมากเลยค่ะ แด๊ดให้วอลเลนซ์เหรอคะ” เด็กสาวหยิบลูกแก้วขึ้นมามองด้วยสีหน้าดีใจ...แต่เพียงครู่เดียวก็ใส่สิ่งซึ่งผู้เป็นพ่อให้กลับเข้าไปในกล่อง แล้วปิดฝาคืนด้วยอารมณ์ที่ตรงกันข้ามกับตอนแรก “แด๊ดจะทิ้งวอลเลนซ์ไปนานๆ อีกแล้วใช่ไหมคะ”
“มะ...ไม่ใช่ยะ” ดีเอโก้ฉุกคิดขึ้นได้ว่าลูกสาวคงเข้าใจว่าลูกแก้วลูกนั้นคือสินบนที่ตนให้ไว้ปลอบใจ สำหรับการต้องห่างจากเธอ แต่มันดีกว่าหรือไม่ที่จะไม่ให้เด็กสาวรู้ถึงความจริงอันน่ากลัวที่กำลังคุกคามโลกอยู่ตอนนี้ “คราวนี้แด๊ดไปแค่ไม่กี่วันเอง แด๊ดสัญญาจะกลับมาหาหนูให้เร็วที่สุด”
วอลเลนซ์กอดออกสะบัดหน้าหนี เพราะคิดว่าคงถูกหลอกด้วยมุกเดิมๆ ที่ผู้เป็นพ่อใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ค่ะ...แด๊ดไม่เคยโกหกอยู่แล้วนี่”
“ตอนนี้มีหลายอย่างที่แด๊ดยังบอกหนูไม่ได้ แต่เก็บลูกแก้วลูกนี้เอาไว้ให้ดี วันหนึ่งลูกอาจต้องใช้มันช่วยแด๊ดก็ได้” ดีเอโก้หยิบกล่องใบนั้นใส่มือลูกสาวอีกครั้ง
“ใช้ช่วยแด๊ดงั้นเหรอ...ใช้ยังไงเหรอคะ” วอลเลนซ์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเปิดกล่องดูอีกครั้ง
“กลืนมันลงไปท้อง” ...
“หา! กลืนลงท้อง...” ยังไม่จบประโยคสายตาของวอลเลนซ์ก็พบบางอย่าง
“นั่น!...มีรถคว่ำข้างหน้าด้วย” เด็กสาวตะโกนบอกผู้เป็นพ่อ เมื่อในป่าข้างทางเบื้องหน้ามีรถกระบะหงายท้องอยู่
“แด๊ด! มีคนบาดเจ็บด้วย” วอลเลนซ์ตกใจกับภาพใครบางคนที่อยู่ใต้เสื้อคลุม กำลังตะเกียกตะกายออกจากตัวรถขึ้นมาบนถนน พร้อมด้วยเลือดและบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง
ดีเอโก้เหยียบเบรกกะทันหันจนรถสะบัดฝุ่นคลุ้งไปทั้งถนน ก่อนจะหันมากำชับกับลูกสาว “วอลเลนซ์อย่าลงจากรถ...แด๊ดจะลงไปดูเอง”
“เฮ้คุณ!...มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ดีเอโก้เดินเข้าไปหาผู้บาดเจ็บตรงหน้าอย่างระแวดระวังด้วยการมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอด เพราะสถานการณ์ของโลกเป็นแบบนี้การไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าทุกคนที่เจอคือสิ่งควรทำเป็นอันดับแรก
เมื่อระยะทางจากอีกฝ่ายถึงตัวเขาถูกลดความห่างลงเหลือราวยี่สิบเมตร ร่างของดีเอโก้ก็ทรุดลงกับพื้นอย่างกะทันหันพร้อมๆ กับบาดแผลเลือดอาบทั่วทั้งตัว
‘อะไรกัน! เราโดนโจมตีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่มัน...’ ยังไม่ทันที่ดีเอโก้จะคิดจบ ผู้บาดเจ็บตรงหน้าของเขาก็ลุกขึ้นยืนได้อย่างเหลือเชื่อ
“เอาล่ะ คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แกรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันมาที่นี่ทำไม...ใช่ไหมดีเอโก้” ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าสะบัดเสื้อคลุมขาดรุ่งริ่งออกจากร่างเผยให้เห็นว่าเป็นชายหนุ่มชาวยุโรปในชุดหนังสีดำเสื้อแขนกุด ผู้มีรอยสักเต็มท่อนแขนทั้งสองข้างพร้อมผมทรงโมฮ็อคดูคล้ายนักดนตรีแนวพังก์
“แด๊ด! เกิดอะไรขึ้น” วอลเลนซ์เปิดประตูลงมาจากรถก่อนทำท่าจะวิ่งเข้าหาผู้เป็นพ่อ
“อย่าเข้ามา! หนีไปจากตรงนี้ให้ไกลที่...” พูดยังไม่ทันจบฝ่าเท้าขวาของหนุ่มหัวขวานก็ถูกใช้กระแทกลงกลางหน้าอกดีเอโก้ก่อนจะกดร่างโชกเลือดนั้นแนบไว้กับพื้น
“ทีแรกฉันคิดว่าจะจับแกทรมานจนกว่าจะคลายความลับ แต่ตอนนี้ดูเหมือนฉันจะมีทางเลือกทีดีกว่าแล้ว” สายตาเจ้าหนุ่มโมฮ็อคจากก้มมองหน้าชายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า เปลี่ยนเป้าหมายไปยังลูกสาวคนสวยของอีกฝ่าย ซึ่งกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์เบื้องหน้าของเธอ
“คะ...คุณเป็นใคร ทำไมต้องทำร้ายพ่อฉันด้วย” น้ำเสียงสั่นเทาเปล่งออกมาพร้อมอาการหวาดหวั่นทำให้ผู้มาเยือนกระทืบลงไปยังร่างผู้เป็นพ่อของเธอจนเลือดทะลักออกจากปาก ก่อนจะเดินตรงมาพร้อมกับการแสยะยิ้มให้เห็นฟันทองแทบจะทุกซี่ที่อยู่ในปาก
“อย่าตกใจไปเลยสาวน้อย นี่มันเป็นแค่วิธีการเจรจาต่อรองของฉันกับ...เมื่อกี้เธอเรียกเจ้านั่นว่า...”
ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้มก็ทะยานออกจากป่าข้างทางพุ่งชนเจ้าหนุ่มโมฮ็อคอย่างจังจนร่างกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ที่อยู่อีกฝั่งถนนเสียงดังสนั่น
มันคือกระทิงวัยฉกรรจ์ที่โผล่มาพร้อมอาการกลัดมันน้ำลายยืดเต็มปาก หลังจากโจมตีชายชุดดำเสร็จมันก็วนซ้ายวนขวาใช้ขาหลังตะกุยพื้นถนนไปมาคล้ายรอดูว่าอีกฝ่ายจะลุกขึ้นมาตอบโต้ได้หรือไม่
“อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะแตะต้องลูกสาวฉันได้...แม้แต่ปลายเล็บ” กระทิงหนุ่มตัวนั้นถูกดีเอโก้เรียกออกมานั่นเอง
“แด๊ด! ทำไมเลือดออกเยอะขนาดนี้” เด็กสาวปรี่เข้าประคองผู้เป็นพ่อที่กำลังพยายามจะลุกขึ้น
เรื่องทุกอย่างคล้ายจะจบลง แต่...
อยู่ๆ ร่างของกระทิงหนุ่มก็ล้มลงกับพื้นพร้อมเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เจ้าหนุ่มโมฮ็อคค่อยๆ เดินออกมาจากป่าข้างถนนพร้อมรอยยิ้มที่น่าสะพรึงและร่างกายซึ่งไม่มีแม้แต่รอยถลอก “แกนี่มันประมาทไม่ได้อย่างเขาว่าจริงๆ นะดีเอโก้”
‘อะไรกัน...มันโจมตีกระทิงของเรา เหมือนกับที่โจมตีเราเมื่อกี้อย่างนั้นเหรอ มันโจมตีด้วยวิธีไหนกัน!’ ดีเอโก้แน่ใจแล้วว่าผู้มาเยือนคือผู้ถูกเลือกอย่างแน่นอน แต่ความสามารถนั้นยังเป็นปริศนาที่เขายังคิดไม่ออกอยู่
“วอลเลนซ์หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไปขอความช่วยเหลือกับค่ายลี้ภัยที่ใกล้ที่สุด ที่นั่นลูกจะปลอดภัย” สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อร่างของเด็กสาวก็ถูกบางอย่างจับโยนออกไปยังป่าข้างทางคนละฝั่งกับที่เจ้าหนุ่มโมฮ็อคเดินออกมา
ฝูงลิงป่านั่นเอง พวกมันโยนวอลเลนซ์ส่งต่อเป็นทอดๆ ไปยังฝูงถัดๆ ไปจนไปถึงยอดต้นไม้ ก่อนจะต่อตัวกันเป็นสายห้อยหัวลงมารับเด็กสาวแล้วเหวี่ยงไปยังต้นต่อไป ที่มีพวกมันรอรับด้วยวิธีเดียวกันอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องตกใจของผู้ถูกกระทำ
“โอววว...แสดงว่าสิ่งที่ฉันต้องการอยู่กับลูกสาวของแกเองสินะดีเอโก้” พูดจบเหล่าซอมบี้นับร้อยตนก็ผุดขึ้นตามพื้นดินในป่าอย่างไม่คาดคิด ก่อนจะแผดเสียงสูงและออกตัวไล่หลังวอลเลนซ์ที่ถูกฝูงลิงโยนร่างส่งต่อกันไปตามยอดไม้ต้นแล้วต้นเล่าอย่างผาดโผน
เจ้าหนุ่มโมฮ็อคก็ทะยานตามไปเช่นกัน แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อดีเอโก้กลายร่างเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่เลื้อยเข้าพันตัวสกัดไว้ได้เพียงก้าวที่สองเท่านั้น
ทั้งสองล้มลงในพงหญ้ารกชัฏข้างทาง เปิดทางให้เหล่าขบวนไล่ล่าดำเนินตามภารกิจของแต่ละฝ่ายไปโดยไร้ผู้นำ งูใหญ่รัดร่างผู้มาเยือนแน่นขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะบดกระดูกอีกฝ่ายให้แหลกเหลวในคราวเดียว “ฉันบอกแกแล้วว่าได้คิดจะแตะต้องลูกสาวฉันแม้เพียงปลายเล็บ สำหรับงูกระดูกหักแค่ท่อนสองท่อนมันก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อีก...แกประมาทฉันเกินไป”
เสียงกระดูกแตกดังเสียดเข้าไปในหูทั้งสองอย่างแจ่มชัด
แต่...ฝ่ายที่ลุกขึ้นมาได้กลับไม่ใช่คนที่กระทำ
ภาพที่ปรากฏกลายเป็นดีเอโก้ที่คืนร่างเป็นมนุษย์นอนแผ่หลาเลือดโชกไปทั้งตัวพร้อมลมหายใจหอบยาว
“แกอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วกัน เสร็จธุระกับลูกสาวแกเมื่อไหร่ฉันจะกลับมาเยี่ยม” พูดจบชายชุดดำก็ทะยานออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็วตามกลุ่มที่ล่วงหน้าเข้าไปในป่า ทิ้งร่างหมดสภาพของดีเอโก้เอาไว้เบื้องหลัง
“ข้อดีของการเป็นผู้ถูกเลือกนอกจากจะมีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วไปแล้ว สิ่งที่ฉันชอบอีกอย่างก็คือสามารถใช้ร่างกายได้เต็มประสิทธิภาพเท่าที่มนุษย์จะทำได้นี่แหละ” หนุ่มโมฮ็อคพึมพำกับตัวเองพร้อมแสยะยิ้มน่าสะพรึง ในขณะที่โหนเถาวัลย์โยนตัวไปตามต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่า สับกับต่อสู้ฝูงลิงป่าที่เข้ามาขวางการไล่ล่าวอลเลนซ์เข้าไปในป่ารกที่ยังมองไม่เห็นกระทั่งทางออก
เบื้องล่างก็เป็นการต่อสู้กันอย่างดุเดือดของเหล่าซอมบี้และฝูงสัตว์นานาชนิดที่อยู่ในป่า ทั้งหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ เสือโคร่ง และช้างป่า
“ทันจนได้สินะ” ผู้ล่าแสยะยิ้มเมื่อโหนเถาวัลย์อ้อมมาดักหน้าฝูงลิงเอาไว้ได้ ก่อนจะปล่อยมือและใช้แรงเหวี่ยงหมุนตัวเตะเข้ากลางสะพานลิงที่ต่อตัวเป็นสายขาดออกจากกัน ทำให้วอลเลนซ์และฝูงลิงร่วงลงกระแทกพื้นป่าเบื้องล่างเสียงดังสนั่น ส่วนเจ้าของการกระทำลังกาลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล
“เอาล่ะ...แม่หนู ฉันคิดว่าเธอมีสิ่งที่ฉันต้องการอยู่กับตะ...” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เสือโคร่งตัวใหญ่ก็กระโดดกัดเข้าที่คอเจ้าของประโยค แรงกระโดดส่งร่างทั้งคู่ล้มลงกับพื้นและไถลไปไกลเกือบห้าเมตร ท่ามกลางความตกใจอีกครั้งของวอลเลนซ์
เป็นอีกครั้งที่ชายชุดดำลุกขึ้นมาได้อย่างไร้ร่องรอยบอบช้ำ เป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ที่ร้องคำรามด้วยความเจ็บพร้อมแผลฉกรรจ์ที่คอ
“เฮ้อ...พรรคพวกเยอะจริงนะพ่อเธอเนี่ย เอาล่ะทีนี้เรามาคุยธุ...” วัตถุบางอย่างคล้ายลูกธนูพุ่งเสียบทะลุร่างชายชุดดำจากด้านหลังกว่าสิบแห่งจนทรุดลงกับพื้น
“แด๊ด!” เด็กสาวตะโกนขึ้นเมื่อเห็นร่างมนุษย์เม่นของดีเอโก้พาดอยู่บนหลังม้า
“ฉันจะไม่ให้แก...แตะต้องลูกสาวฉันได้แม้แต่ปลายเล็บ” พูดจบร่างโชกเลือดของดีเอโก้ก็ไหลตกจากหลังม้าลงสู่พื้น
“ดะ...” วอลเลนซ์ทำท่าจะโผเข้าไปหาผู้เป็นพ่อต้องหยุดชะงักเมื่อเจ้าหนุ่มโมฮ็อคลุกขึ้นยืน พร้อมกับฝูงลิงกว่าสิบตัวรอบตัวเด็กสาวล้มลงที่พื้น เพราะบาดแผลเป็นรูที่ปรากฏขึ้นบนร่างแต่ละตัวอย่างกะทันหัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” วอลเลนซ์งุนงงระคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คะ...ความสามารถของแกคือย้ายอาการบาดเจ็บของตัวเองไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นสินะ” ดีเอโก้พยายามเรียกความสนใจศัตรูให้มาทางตนเอง โดยมีฝูงสัตว์ที่ออกอาการกระวนกระวายรอคำสั่งโจมตีอยู่รอบพื้นที่
“อืม...ไม่เลวนี่ที่ดูออก แต่ถึงแกจะดูออกก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ” ชายแปลกหน้าหันหลังแล้วเดินเข้าไปหาดีเอโก้อย่างช้าๆ พร้อมรอยยิ้ม “แกทำให้ฉันเสียเวลาหลายครั้งแล้ว...ดับลมหายใจแกก่อนดูจะเข้าท่ากว่านะ”
‘เท่าที่ดูการจะเอาชนะเจ้าหมอนี่ได้ คงต้องโจมตีมันครั้งเดียวให้ตายโดยไม่ให้สมองมันคิดได้ทัน ไม่อย่างนั้นคนที่โจมตีมันจะได้รับอันตรายจากการโจมตีเสียเอง ตอนนี้สภาพเราคงไม่ไหว แต่สิ่งที่พอจะทำได้คือให้พวกสัตว์พาวอลเลนซ์หนีออกไปให้ไกลจากเจ้านี่ไปจนถึงค่ายลี้ภัย...จังหวะนี้ล่ะ”
“ไป!” ดีเอโก้ตะโกนสั่งหมายจะให้เหล่าสรรพสัตว์ที่อยู่รอบตัวพาลูกสาวหนีไป
ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างต้องหยุดชะงัก เมื่อมีแสงสว่างจ้าเปล่งออกจากตัวของวอลเลนซ์พร้อมเสียงกรีดร้องของเด็กสาว
“ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายพ่อฉัน...ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายพ่อฉัน...” เด็กสาวพึมพำเบาๆ กับตัวเอง
ก่อนจะตะโกนเสียงสูงในประโยคเดิม
“ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายพ่อของฉัน!”
“นี่มันอะไรกะ...” ยังไม่สิ้นประโยคร่างของชายชุดดำที่กำลังหันกลับมาก็กลายเป็นน้ำแข็งอย่างฉับพลันไปทั้งตัว เช่นเดียวทุกอย่างรอบกายของวอลเลนซ์ที่ถูกอุณหภูมิต่ำแพร่ขยายกลืนกินอย่างรวดเร็วโดยมีเธอเป็นจุดศูนย์กลาง
‘แย่ละสิ...หรือว่า...’ ในเสี้ยววินาทีก่อนอาณาเขตน้ำแข็งจะแผ่มาถึง ดีเอโก้สั่งให้ม้าที่พามาดีดร่างซึ่งกลายเป็นเพนกวินเข้าใส่วอลเลนซ์ ก่อนจะกลายร่างอีกครั้งเป็นหมีขาวเมื่อลอยจะถึงตัวของเจ้าหนุ่มโมฮ็อค เขาหมุนตัวใช้กงเล็บตะปบไปที่หน้าใบหน้าศัตรูลงกับพื้น แรงกระแทกทำให้หัวที่เป็นน้ำแข็งนั้นแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ ดีเอโก้ใช้แรงส่งกลิ้งตัวไปกับพื้นก่อนจะโผเข้ากอดลูกสาวมาไว้ในอ้อมอก
“ไม่เป็นไรแล้ววอลเลนซ์ แด๊ดอยู่นี่แล้ว...ไม่เป็นไรแล้วลูก” ...
**********
Beginning the special ตอน พ่อกับลูก
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะแด๊ด” วอลเลนซ์เอ่ยถามผู้เป็นพ่อในขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นคนขับรถกระบะล้อโตยกสูงไปตามถนนดินลูกรังซึ่งตัดผ่านป่ารกชัฏเขตร้อนของเมืองไทย
“ไม่มีอะไรหรอก แด๊ดแค่จะพาหนูไปอยู่ค่ายลี้ภัยที่ปลอดภัยกว่าเท่านั้นเอง” ชายยุโรปผมน้ำตาลแดงหันมายิ้มให้ลูกสาวคนสวยที่เบาะนั่งข้างคนขับ ก่อนแววตาแฝงความกังวลจะถูกใช้มองไปข้างหน้าเพื่อดูเส้นทาง
“เปล่าค่ะ...วอลเลนซ์ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น วอลเลนซ์หมายถึงมันเกิดอะไรขึ้นกับโลกตอนนี้ต่างหาก” ตั้งแต่โลกเปลี่ยนแปลงไปดีเอโก้เองก็ไม่เคยได้บอกอะไรให้ลูกสาวของตนได้รับรู้เลย ที่ผ่านเขาทำแค่เพียงส่งวอลเลนซ์เข้าค่ายลี้ภัยเท่านั้น
“อีกไม่นานหนูก็จะรู้เอง...บางทีความหวังของมนุษยชาติอาจจะอยู่ที่หนูคนเดียว” เมื่อพูดจบผู้เป็นพ่อก็หยิบกล่องเหล็กเล็กๆ ออกจากลิ้นชักหน้ารถก่อนจะส่งให้กับลูกสาว
“อะไรเหรอคะแด๊ด” วอลเลนซ์รับสิ่งที่พ่อให้มาด้วยสีหน้างุนงง
“เมื่อวันนั้นมาถึงหนูจะเข้าใจทุกอย่างด้วยสิ่งนั้น” ดีเอโก้เอ่ยขึ้นเมื่อลูกสาวเปิดกล่องเหล็กพบกับลูกแก้วใสที่มีมวลสสารหลากหลายสีหมุนวนอยู่ตรงใจกลาง
“สวยมากเลยค่ะ แด๊ดให้วอลเลนซ์เหรอคะ” เด็กสาวหยิบลูกแก้วขึ้นมามองด้วยสีหน้าดีใจ...แต่เพียงครู่เดียวก็ใส่สิ่งซึ่งผู้เป็นพ่อให้กลับเข้าไปในกล่อง แล้วปิดฝาคืนด้วยอารมณ์ที่ตรงกันข้ามกับตอนแรก “แด๊ดจะทิ้งวอลเลนซ์ไปนานๆ อีกแล้วใช่ไหมคะ”
“มะ...ไม่ใช่ยะ” ดีเอโก้ฉุกคิดขึ้นได้ว่าลูกสาวคงเข้าใจว่าลูกแก้วลูกนั้นคือสินบนที่ตนให้ไว้ปลอบใจ สำหรับการต้องห่างจากเธอ แต่มันดีกว่าหรือไม่ที่จะไม่ให้เด็กสาวรู้ถึงความจริงอันน่ากลัวที่กำลังคุกคามโลกอยู่ตอนนี้ “คราวนี้แด๊ดไปแค่ไม่กี่วันเอง แด๊ดสัญญาจะกลับมาหาหนูให้เร็วที่สุด”
วอลเลนซ์กอดออกสะบัดหน้าหนี เพราะคิดว่าคงถูกหลอกด้วยมุกเดิมๆ ที่ผู้เป็นพ่อใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ค่ะ...แด๊ดไม่เคยโกหกอยู่แล้วนี่”
“ตอนนี้มีหลายอย่างที่แด๊ดยังบอกหนูไม่ได้ แต่เก็บลูกแก้วลูกนี้เอาไว้ให้ดี วันหนึ่งลูกอาจต้องใช้มันช่วยแด๊ดก็ได้” ดีเอโก้หยิบกล่องใบนั้นใส่มือลูกสาวอีกครั้ง
“ใช้ช่วยแด๊ดงั้นเหรอ...ใช้ยังไงเหรอคะ” วอลเลนซ์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเปิดกล่องดูอีกครั้ง
“กลืนมันลงไปท้อง” ...
“หา! กลืนลงท้อง...” ยังไม่จบประโยคสายตาของวอลเลนซ์ก็พบบางอย่าง
“นั่น!...มีรถคว่ำข้างหน้าด้วย” เด็กสาวตะโกนบอกผู้เป็นพ่อ เมื่อในป่าข้างทางเบื้องหน้ามีรถกระบะหงายท้องอยู่
“แด๊ด! มีคนบาดเจ็บด้วย” วอลเลนซ์ตกใจกับภาพใครบางคนที่อยู่ใต้เสื้อคลุม กำลังตะเกียกตะกายออกจากตัวรถขึ้นมาบนถนน พร้อมด้วยเลือดและบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง
ดีเอโก้เหยียบเบรกกะทันหันจนรถสะบัดฝุ่นคลุ้งไปทั้งถนน ก่อนจะหันมากำชับกับลูกสาว “วอลเลนซ์อย่าลงจากรถ...แด๊ดจะลงไปดูเอง”
“เฮ้คุณ!...มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ดีเอโก้เดินเข้าไปหาผู้บาดเจ็บตรงหน้าอย่างระแวดระวังด้วยการมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอด เพราะสถานการณ์ของโลกเป็นแบบนี้การไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าทุกคนที่เจอคือสิ่งควรทำเป็นอันดับแรก
เมื่อระยะทางจากอีกฝ่ายถึงตัวเขาถูกลดความห่างลงเหลือราวยี่สิบเมตร ร่างของดีเอโก้ก็ทรุดลงกับพื้นอย่างกะทันหันพร้อมๆ กับบาดแผลเลือดอาบทั่วทั้งตัว
‘อะไรกัน! เราโดนโจมตีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่มัน...’ ยังไม่ทันที่ดีเอโก้จะคิดจบ ผู้บาดเจ็บตรงหน้าของเขาก็ลุกขึ้นยืนได้อย่างเหลือเชื่อ
“เอาล่ะ คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แกรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันมาที่นี่ทำไม...ใช่ไหมดีเอโก้” ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าสะบัดเสื้อคลุมขาดรุ่งริ่งออกจากร่างเผยให้เห็นว่าเป็นชายหนุ่มชาวยุโรปในชุดหนังสีดำเสื้อแขนกุด ผู้มีรอยสักเต็มท่อนแขนทั้งสองข้างพร้อมผมทรงโมฮ็อคดูคล้ายนักดนตรีแนวพังก์
“แด๊ด! เกิดอะไรขึ้น” วอลเลนซ์เปิดประตูลงมาจากรถก่อนทำท่าจะวิ่งเข้าหาผู้เป็นพ่อ
“อย่าเข้ามา! หนีไปจากตรงนี้ให้ไกลที่...” พูดยังไม่ทันจบฝ่าเท้าขวาของหนุ่มหัวขวานก็ถูกใช้กระแทกลงกลางหน้าอกดีเอโก้ก่อนจะกดร่างโชกเลือดนั้นแนบไว้กับพื้น
“ทีแรกฉันคิดว่าจะจับแกทรมานจนกว่าจะคลายความลับ แต่ตอนนี้ดูเหมือนฉันจะมีทางเลือกทีดีกว่าแล้ว” สายตาเจ้าหนุ่มโมฮ็อคจากก้มมองหน้าชายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า เปลี่ยนเป้าหมายไปยังลูกสาวคนสวยของอีกฝ่าย ซึ่งกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์เบื้องหน้าของเธอ
“คะ...คุณเป็นใคร ทำไมต้องทำร้ายพ่อฉันด้วย” น้ำเสียงสั่นเทาเปล่งออกมาพร้อมอาการหวาดหวั่นทำให้ผู้มาเยือนกระทืบลงไปยังร่างผู้เป็นพ่อของเธอจนเลือดทะลักออกจากปาก ก่อนจะเดินตรงมาพร้อมกับการแสยะยิ้มให้เห็นฟันทองแทบจะทุกซี่ที่อยู่ในปาก
“อย่าตกใจไปเลยสาวน้อย นี่มันเป็นแค่วิธีการเจรจาต่อรองของฉันกับ...เมื่อกี้เธอเรียกเจ้านั่นว่า...”
ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้มก็ทะยานออกจากป่าข้างทางพุ่งชนเจ้าหนุ่มโมฮ็อคอย่างจังจนร่างกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ที่อยู่อีกฝั่งถนนเสียงดังสนั่น
มันคือกระทิงวัยฉกรรจ์ที่โผล่มาพร้อมอาการกลัดมันน้ำลายยืดเต็มปาก หลังจากโจมตีชายชุดดำเสร็จมันก็วนซ้ายวนขวาใช้ขาหลังตะกุยพื้นถนนไปมาคล้ายรอดูว่าอีกฝ่ายจะลุกขึ้นมาตอบโต้ได้หรือไม่
“อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะแตะต้องลูกสาวฉันได้...แม้แต่ปลายเล็บ” กระทิงหนุ่มตัวนั้นถูกดีเอโก้เรียกออกมานั่นเอง
“แด๊ด! ทำไมเลือดออกเยอะขนาดนี้” เด็กสาวปรี่เข้าประคองผู้เป็นพ่อที่กำลังพยายามจะลุกขึ้น
เรื่องทุกอย่างคล้ายจะจบลง แต่...
อยู่ๆ ร่างของกระทิงหนุ่มก็ล้มลงกับพื้นพร้อมเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เจ้าหนุ่มโมฮ็อคค่อยๆ เดินออกมาจากป่าข้างถนนพร้อมรอยยิ้มที่น่าสะพรึงและร่างกายซึ่งไม่มีแม้แต่รอยถลอก “แกนี่มันประมาทไม่ได้อย่างเขาว่าจริงๆ นะดีเอโก้”
‘อะไรกัน...มันโจมตีกระทิงของเรา เหมือนกับที่โจมตีเราเมื่อกี้อย่างนั้นเหรอ มันโจมตีด้วยวิธีไหนกัน!’ ดีเอโก้แน่ใจแล้วว่าผู้มาเยือนคือผู้ถูกเลือกอย่างแน่นอน แต่ความสามารถนั้นยังเป็นปริศนาที่เขายังคิดไม่ออกอยู่
“วอลเลนซ์หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไปขอความช่วยเหลือกับค่ายลี้ภัยที่ใกล้ที่สุด ที่นั่นลูกจะปลอดภัย” สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อร่างของเด็กสาวก็ถูกบางอย่างจับโยนออกไปยังป่าข้างทางคนละฝั่งกับที่เจ้าหนุ่มโมฮ็อคเดินออกมา
ฝูงลิงป่านั่นเอง พวกมันโยนวอลเลนซ์ส่งต่อเป็นทอดๆ ไปยังฝูงถัดๆ ไปจนไปถึงยอดต้นไม้ ก่อนจะต่อตัวกันเป็นสายห้อยหัวลงมารับเด็กสาวแล้วเหวี่ยงไปยังต้นต่อไป ที่มีพวกมันรอรับด้วยวิธีเดียวกันอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องตกใจของผู้ถูกกระทำ
“โอววว...แสดงว่าสิ่งที่ฉันต้องการอยู่กับลูกสาวของแกเองสินะดีเอโก้” พูดจบเหล่าซอมบี้นับร้อยตนก็ผุดขึ้นตามพื้นดินในป่าอย่างไม่คาดคิด ก่อนจะแผดเสียงสูงและออกตัวไล่หลังวอลเลนซ์ที่ถูกฝูงลิงโยนร่างส่งต่อกันไปตามยอดไม้ต้นแล้วต้นเล่าอย่างผาดโผน
เจ้าหนุ่มโมฮ็อคก็ทะยานตามไปเช่นกัน แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อดีเอโก้กลายร่างเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่เลื้อยเข้าพันตัวสกัดไว้ได้เพียงก้าวที่สองเท่านั้น
ทั้งสองล้มลงในพงหญ้ารกชัฏข้างทาง เปิดทางให้เหล่าขบวนไล่ล่าดำเนินตามภารกิจของแต่ละฝ่ายไปโดยไร้ผู้นำ งูใหญ่รัดร่างผู้มาเยือนแน่นขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะบดกระดูกอีกฝ่ายให้แหลกเหลวในคราวเดียว “ฉันบอกแกแล้วว่าได้คิดจะแตะต้องลูกสาวฉันแม้เพียงปลายเล็บ สำหรับงูกระดูกหักแค่ท่อนสองท่อนมันก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อีก...แกประมาทฉันเกินไป”
เสียงกระดูกแตกดังเสียดเข้าไปในหูทั้งสองอย่างแจ่มชัด
แต่...ฝ่ายที่ลุกขึ้นมาได้กลับไม่ใช่คนที่กระทำ
ภาพที่ปรากฏกลายเป็นดีเอโก้ที่คืนร่างเป็นมนุษย์นอนแผ่หลาเลือดโชกไปทั้งตัวพร้อมลมหายใจหอบยาว
“แกอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วกัน เสร็จธุระกับลูกสาวแกเมื่อไหร่ฉันจะกลับมาเยี่ยม” พูดจบชายชุดดำก็ทะยานออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็วตามกลุ่มที่ล่วงหน้าเข้าไปในป่า ทิ้งร่างหมดสภาพของดีเอโก้เอาไว้เบื้องหลัง
“ข้อดีของการเป็นผู้ถูกเลือกนอกจากจะมีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วไปแล้ว สิ่งที่ฉันชอบอีกอย่างก็คือสามารถใช้ร่างกายได้เต็มประสิทธิภาพเท่าที่มนุษย์จะทำได้นี่แหละ” หนุ่มโมฮ็อคพึมพำกับตัวเองพร้อมแสยะยิ้มน่าสะพรึง ในขณะที่โหนเถาวัลย์โยนตัวไปตามต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่า สับกับต่อสู้ฝูงลิงป่าที่เข้ามาขวางการไล่ล่าวอลเลนซ์เข้าไปในป่ารกที่ยังมองไม่เห็นกระทั่งทางออก
เบื้องล่างก็เป็นการต่อสู้กันอย่างดุเดือดของเหล่าซอมบี้และฝูงสัตว์นานาชนิดที่อยู่ในป่า ทั้งหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ เสือโคร่ง และช้างป่า
“ทันจนได้สินะ” ผู้ล่าแสยะยิ้มเมื่อโหนเถาวัลย์อ้อมมาดักหน้าฝูงลิงเอาไว้ได้ ก่อนจะปล่อยมือและใช้แรงเหวี่ยงหมุนตัวเตะเข้ากลางสะพานลิงที่ต่อตัวเป็นสายขาดออกจากกัน ทำให้วอลเลนซ์และฝูงลิงร่วงลงกระแทกพื้นป่าเบื้องล่างเสียงดังสนั่น ส่วนเจ้าของการกระทำลังกาลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล
“เอาล่ะ...แม่หนู ฉันคิดว่าเธอมีสิ่งที่ฉันต้องการอยู่กับตะ...” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เสือโคร่งตัวใหญ่ก็กระโดดกัดเข้าที่คอเจ้าของประโยค แรงกระโดดส่งร่างทั้งคู่ล้มลงกับพื้นและไถลไปไกลเกือบห้าเมตร ท่ามกลางความตกใจอีกครั้งของวอลเลนซ์
เป็นอีกครั้งที่ชายชุดดำลุกขึ้นมาได้อย่างไร้ร่องรอยบอบช้ำ เป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ที่ร้องคำรามด้วยความเจ็บพร้อมแผลฉกรรจ์ที่คอ
“เฮ้อ...พรรคพวกเยอะจริงนะพ่อเธอเนี่ย เอาล่ะทีนี้เรามาคุยธุ...” วัตถุบางอย่างคล้ายลูกธนูพุ่งเสียบทะลุร่างชายชุดดำจากด้านหลังกว่าสิบแห่งจนทรุดลงกับพื้น
“แด๊ด!” เด็กสาวตะโกนขึ้นเมื่อเห็นร่างมนุษย์เม่นของดีเอโก้พาดอยู่บนหลังม้า
“ฉันจะไม่ให้แก...แตะต้องลูกสาวฉันได้แม้แต่ปลายเล็บ” พูดจบร่างโชกเลือดของดีเอโก้ก็ไหลตกจากหลังม้าลงสู่พื้น
“ดะ...” วอลเลนซ์ทำท่าจะโผเข้าไปหาผู้เป็นพ่อต้องหยุดชะงักเมื่อเจ้าหนุ่มโมฮ็อคลุกขึ้นยืน พร้อมกับฝูงลิงกว่าสิบตัวรอบตัวเด็กสาวล้มลงที่พื้น เพราะบาดแผลเป็นรูที่ปรากฏขึ้นบนร่างแต่ละตัวอย่างกะทันหัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” วอลเลนซ์งุนงงระคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คะ...ความสามารถของแกคือย้ายอาการบาดเจ็บของตัวเองไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นสินะ” ดีเอโก้พยายามเรียกความสนใจศัตรูให้มาทางตนเอง โดยมีฝูงสัตว์ที่ออกอาการกระวนกระวายรอคำสั่งโจมตีอยู่รอบพื้นที่
“อืม...ไม่เลวนี่ที่ดูออก แต่ถึงแกจะดูออกก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ” ชายแปลกหน้าหันหลังแล้วเดินเข้าไปหาดีเอโก้อย่างช้าๆ พร้อมรอยยิ้ม “แกทำให้ฉันเสียเวลาหลายครั้งแล้ว...ดับลมหายใจแกก่อนดูจะเข้าท่ากว่านะ”
‘เท่าที่ดูการจะเอาชนะเจ้าหมอนี่ได้ คงต้องโจมตีมันครั้งเดียวให้ตายโดยไม่ให้สมองมันคิดได้ทัน ไม่อย่างนั้นคนที่โจมตีมันจะได้รับอันตรายจากการโจมตีเสียเอง ตอนนี้สภาพเราคงไม่ไหว แต่สิ่งที่พอจะทำได้คือให้พวกสัตว์พาวอลเลนซ์หนีออกไปให้ไกลจากเจ้านี่ไปจนถึงค่ายลี้ภัย...จังหวะนี้ล่ะ”
“ไป!” ดีเอโก้ตะโกนสั่งหมายจะให้เหล่าสรรพสัตว์ที่อยู่รอบตัวพาลูกสาวหนีไป
ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างต้องหยุดชะงัก เมื่อมีแสงสว่างจ้าเปล่งออกจากตัวของวอลเลนซ์พร้อมเสียงกรีดร้องของเด็กสาว
“ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายพ่อฉัน...ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายพ่อฉัน...” เด็กสาวพึมพำเบาๆ กับตัวเอง
ก่อนจะตะโกนเสียงสูงในประโยคเดิม
“ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายพ่อของฉัน!”
“นี่มันอะไรกะ...” ยังไม่สิ้นประโยคร่างของชายชุดดำที่กำลังหันกลับมาก็กลายเป็นน้ำแข็งอย่างฉับพลันไปทั้งตัว เช่นเดียวทุกอย่างรอบกายของวอลเลนซ์ที่ถูกอุณหภูมิต่ำแพร่ขยายกลืนกินอย่างรวดเร็วโดยมีเธอเป็นจุดศูนย์กลาง
‘แย่ละสิ...หรือว่า...’ ในเสี้ยววินาทีก่อนอาณาเขตน้ำแข็งจะแผ่มาถึง ดีเอโก้สั่งให้ม้าที่พามาดีดร่างซึ่งกลายเป็นเพนกวินเข้าใส่วอลเลนซ์ ก่อนจะกลายร่างอีกครั้งเป็นหมีขาวเมื่อลอยจะถึงตัวของเจ้าหนุ่มโมฮ็อค เขาหมุนตัวใช้กงเล็บตะปบไปที่หน้าใบหน้าศัตรูลงกับพื้น แรงกระแทกทำให้หัวที่เป็นน้ำแข็งนั้นแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ ดีเอโก้ใช้แรงส่งกลิ้งตัวไปกับพื้นก่อนจะโผเข้ากอดลูกสาวมาไว้ในอ้อมอก
“ไม่เป็นไรแล้ววอลเลนซ์ แด๊ดอยู่นี่แล้ว...ไม่เป็นไรแล้วลูก” ...
**********