Beginning the special ตอน พ่อกับลูก

Beginning the special


“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะแด๊ด”  วอลเลนซ์เอ่ยถามผู้เป็นพ่อในขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นคนขับรถกระบะล้อโตยกสูงไปตามถนนดินลูกรังซึ่งตัดผ่านป่ารกชัฏเขตร้อนของเมืองไทย

“ไม่มีอะไรหรอก  แด๊ดแค่จะพาหนูไปอยู่ค่ายลี้ภัยที่ปลอดภัยกว่าเท่านั้นเอง”  ชายยุโรปผมน้ำตาลแดงหันมายิ้มให้ลูกสาวคนสวยที่เบาะนั่งข้างคนขับ  ก่อนแววตาแฝงความกังวลจะถูกใช้มองไปข้างหน้าเพื่อดูเส้นทาง

“เปล่าค่ะ...วอลเลนซ์ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น  วอลเลนซ์หมายถึงมันเกิดอะไรขึ้นกับโลกตอนนี้ต่างหาก”  ตั้งแต่โลกเปลี่ยนแปลงไปดีเอโก้เองก็ไม่เคยได้บอกอะไรให้ลูกสาวของตนได้รับรู้เลย  ที่ผ่านเขาทำแค่เพียงส่งวอลเลนซ์เข้าค่ายลี้ภัยเท่านั้น

“อีกไม่นานหนูก็จะรู้เอง...บางทีความหวังของมนุษยชาติอาจจะอยู่ที่หนูคนเดียว”  เมื่อพูดจบผู้เป็นพ่อก็หยิบกล่องเหล็กเล็กๆ  ออกจากลิ้นชักหน้ารถก่อนจะส่งให้กับลูกสาว

“อะไรเหรอคะแด๊ด”  วอลเลนซ์รับสิ่งที่พ่อให้มาด้วยสีหน้างุนงง

“เมื่อวันนั้นมาถึงหนูจะเข้าใจทุกอย่างด้วยสิ่งนั้น”  ดีเอโก้เอ่ยขึ้นเมื่อลูกสาวเปิดกล่องเหล็กพบกับลูกแก้วใสที่มีมวลสสารหลากหลายสีหมุนวนอยู่ตรงใจกลาง

“สวยมากเลยค่ะ  แด๊ดให้วอลเลนซ์เหรอคะ”  เด็กสาวหยิบลูกแก้วขึ้นมามองด้วยสีหน้าดีใจ...แต่เพียงครู่เดียวก็ใส่สิ่งซึ่งผู้เป็นพ่อให้กลับเข้าไปในกล่อง  แล้วปิดฝาคืนด้วยอารมณ์ที่ตรงกันข้ามกับตอนแรก  “แด๊ดจะทิ้งวอลเลนซ์ไปนานๆ อีกแล้วใช่ไหมคะ”

“มะ...ไม่ใช่ยะ”  ดีเอโก้ฉุกคิดขึ้นได้ว่าลูกสาวคงเข้าใจว่าลูกแก้วลูกนั้นคือสินบนที่ตนให้ไว้ปลอบใจ  สำหรับการต้องห่างจากเธอ  แต่มันดีกว่าหรือไม่ที่จะไม่ให้เด็กสาวรู้ถึงความจริงอันน่ากลัวที่กำลังคุกคามโลกอยู่ตอนนี้  “คราวนี้แด๊ดไปแค่ไม่กี่วันเอง  แด๊ดสัญญาจะกลับมาหาหนูให้เร็วที่สุด”

วอลเลนซ์กอดออกสะบัดหน้าหนี  เพราะคิดว่าคงถูกหลอกด้วยมุกเดิมๆ ที่ผู้เป็นพ่อใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  “ค่ะ...แด๊ดไม่เคยโกหกอยู่แล้วนี่”

“ตอนนี้มีหลายอย่างที่แด๊ดยังบอกหนูไม่ได้  แต่เก็บลูกแก้วลูกนี้เอาไว้ให้ดี  วันหนึ่งลูกอาจต้องใช้มันช่วยแด๊ดก็ได้”  ดีเอโก้หยิบกล่องใบนั้นใส่มือลูกสาวอีกครั้ง

“ใช้ช่วยแด๊ดงั้นเหรอ...ใช้ยังไงเหรอคะ”  วอลเลนซ์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเปิดกล่องดูอีกครั้ง

“กลืนมันลงไปท้อง”  ...

“หา!  กลืนลงท้อง...”  ยังไม่จบประโยคสายตาของวอลเลนซ์ก็พบบางอย่าง

“นั่น!...มีรถคว่ำข้างหน้าด้วย”  เด็กสาวตะโกนบอกผู้เป็นพ่อ  เมื่อในป่าข้างทางเบื้องหน้ามีรถกระบะหงายท้องอยู่

“แด๊ด!  มีคนบาดเจ็บด้วย”  วอลเลนซ์ตกใจกับภาพใครบางคนที่อยู่ใต้เสื้อคลุม  กำลังตะเกียกตะกายออกจากตัวรถขึ้นมาบนถนน  พร้อมด้วยเลือดและบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง

ดีเอโก้เหยียบเบรกกะทันหันจนรถสะบัดฝุ่นคลุ้งไปทั้งถนน  ก่อนจะหันมากำชับกับลูกสาว  “วอลเลนซ์อย่าลงจากรถ...แด๊ดจะลงไปดูเอง”

“เฮ้คุณ!...มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่  เป็นอะไรมากหรือเปล่า”  ดีเอโก้เดินเข้าไปหาผู้บาดเจ็บตรงหน้าอย่างระแวดระวังด้วยการมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอด  เพราะสถานการณ์ของโลกเป็นแบบนี้การไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าทุกคนที่เจอคือสิ่งควรทำเป็นอันดับแรก
    
เมื่อระยะทางจากอีกฝ่ายถึงตัวเขาถูกลดความห่างลงเหลือราวยี่สิบเมตร  ร่างของดีเอโก้ก็ทรุดลงกับพื้นอย่างกะทันหันพร้อมๆ กับบาดแผลเลือดอาบทั่วทั้งตัว

‘อะไรกัน!  เราโดนโจมตีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  นี่มัน...’  ยังไม่ทันที่ดีเอโก้จะคิดจบ  ผู้บาดเจ็บตรงหน้าของเขาก็ลุกขึ้นยืนได้อย่างเหลือเชื่อ

“เอาล่ะ  คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก  แกรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันมาที่นี่ทำไม...ใช่ไหมดีเอโก้”  ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าสะบัดเสื้อคลุมขาดรุ่งริ่งออกจากร่างเผยให้เห็นว่าเป็นชายหนุ่มชาวยุโรปในชุดหนังสีดำเสื้อแขนกุด  ผู้มีรอยสักเต็มท่อนแขนทั้งสองข้างพร้อมผมทรงโมฮ็อคดูคล้ายนักดนตรีแนวพังก์    

“แด๊ด!  เกิดอะไรขึ้น”  วอลเลนซ์เปิดประตูลงมาจากรถก่อนทำท่าจะวิ่งเข้าหาผู้เป็นพ่อ

“อย่าเข้ามา!  หนีไปจากตรงนี้ให้ไกลที่...”  พูดยังไม่ทันจบฝ่าเท้าขวาของหนุ่มหัวขวานก็ถูกใช้กระแทกลงกลางหน้าอกดีเอโก้ก่อนจะกดร่างโชกเลือดนั้นแนบไว้กับพื้น

“ทีแรกฉันคิดว่าจะจับแกทรมานจนกว่าจะคลายความลับ  แต่ตอนนี้ดูเหมือนฉันจะมีทางเลือกทีดีกว่าแล้ว”  สายตาเจ้าหนุ่มโมฮ็อคจากก้มมองหน้าชายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า  เปลี่ยนเป้าหมายไปยังลูกสาวคนสวยของอีกฝ่าย  ซึ่งกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์เบื้องหน้าของเธอ

“คะ...คุณเป็นใคร  ทำไมต้องทำร้ายพ่อฉันด้วย”  น้ำเสียงสั่นเทาเปล่งออกมาพร้อมอาการหวาดหวั่นทำให้ผู้มาเยือนกระทืบลงไปยังร่างผู้เป็นพ่อของเธอจนเลือดทะลักออกจากปาก  ก่อนจะเดินตรงมาพร้อมกับการแสยะยิ้มให้เห็นฟันทองแทบจะทุกซี่ที่อยู่ในปาก

“อย่าตกใจไปเลยสาวน้อย  นี่มันเป็นแค่วิธีการเจรจาต่อรองของฉันกับ...เมื่อกี้เธอเรียกเจ้านั่นว่า...”  

ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้มก็ทะยานออกจากป่าข้างทางพุ่งชนเจ้าหนุ่มโมฮ็อคอย่างจังจนร่างกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ที่อยู่อีกฝั่งถนนเสียงดังสนั่น

มันคือกระทิงวัยฉกรรจ์ที่โผล่มาพร้อมอาการกลัดมันน้ำลายยืดเต็มปาก  หลังจากโจมตีชายชุดดำเสร็จมันก็วนซ้ายวนขวาใช้ขาหลังตะกุยพื้นถนนไปมาคล้ายรอดูว่าอีกฝ่ายจะลุกขึ้นมาตอบโต้ได้หรือไม่

“อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะแตะต้องลูกสาวฉันได้...แม้แต่ปลายเล็บ”  กระทิงหนุ่มตัวนั้นถูกดีเอโก้เรียกออกมานั่นเอง

“แด๊ด!  ทำไมเลือดออกเยอะขนาดนี้”  เด็กสาวปรี่เข้าประคองผู้เป็นพ่อที่กำลังพยายามจะลุกขึ้น

เรื่องทุกอย่างคล้ายจะจบลง  แต่...

อยู่ๆ ร่างของกระทิงหนุ่มก็ล้มลงกับพื้นพร้อมเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

เจ้าหนุ่มโมฮ็อคค่อยๆ เดินออกมาจากป่าข้างถนนพร้อมรอยยิ้มที่น่าสะพรึงและร่างกายซึ่งไม่มีแม้แต่รอยถลอก  “แกนี่มันประมาทไม่ได้อย่างเขาว่าจริงๆ นะดีเอโก้”

‘อะไรกัน...มันโจมตีกระทิงของเรา  เหมือนกับที่โจมตีเราเมื่อกี้อย่างนั้นเหรอ  มันโจมตีด้วยวิธีไหนกัน!’  ดีเอโก้แน่ใจแล้วว่าผู้มาเยือนคือผู้ถูกเลือกอย่างแน่นอน  แต่ความสามารถนั้นยังเป็นปริศนาที่เขายังคิดไม่ออกอยู่

“วอลเลนซ์หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้  ไปขอความช่วยเหลือกับค่ายลี้ภัยที่ใกล้ที่สุด  ที่นั่นลูกจะปลอดภัย”  สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อร่างของเด็กสาวก็ถูกบางอย่างจับโยนออกไปยังป่าข้างทางคนละฝั่งกับที่เจ้าหนุ่มโมฮ็อคเดินออกมา  

ฝูงลิงป่านั่นเอง  พวกมันโยนวอลเลนซ์ส่งต่อเป็นทอดๆ ไปยังฝูงถัดๆ ไปจนไปถึงยอดต้นไม้  ก่อนจะต่อตัวกันเป็นสายห้อยหัวลงมารับเด็กสาวแล้วเหวี่ยงไปยังต้นต่อไป  ที่มีพวกมันรอรับด้วยวิธีเดียวกันอย่างรวดเร็ว  ท่ามกลางเสียงกรีดร้องตกใจของผู้ถูกกระทำ

“โอววว...แสดงว่าสิ่งที่ฉันต้องการอยู่กับลูกสาวของแกเองสินะดีเอโก้”  พูดจบเหล่าซอมบี้นับร้อยตนก็ผุดขึ้นตามพื้นดินในป่าอย่างไม่คาดคิด  ก่อนจะแผดเสียงสูงและออกตัวไล่หลังวอลเลนซ์ที่ถูกฝูงลิงโยนร่างส่งต่อกันไปตามยอดไม้ต้นแล้วต้นเล่าอย่างผาดโผน

เจ้าหนุ่มโมฮ็อคก็ทะยานตามไปเช่นกัน  แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อดีเอโก้กลายร่างเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่เลื้อยเข้าพันตัวสกัดไว้ได้เพียงก้าวที่สองเท่านั้น

ทั้งสองล้มลงในพงหญ้ารกชัฏข้างทาง  เปิดทางให้เหล่าขบวนไล่ล่าดำเนินตามภารกิจของแต่ละฝ่ายไปโดยไร้ผู้นำ  งูใหญ่รัดร่างผู้มาเยือนแน่นขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะบดกระดูกอีกฝ่ายให้แหลกเหลวในคราวเดียว  “ฉันบอกแกแล้วว่าได้คิดจะแตะต้องลูกสาวฉันแม้เพียงปลายเล็บ  สำหรับงูกระดูกหักแค่ท่อนสองท่อนมันก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อีก...แกประมาทฉันเกินไป”

เสียงกระดูกแตกดังเสียดเข้าไปในหูทั้งสองอย่างแจ่มชัด

แต่...ฝ่ายที่ลุกขึ้นมาได้กลับไม่ใช่คนที่กระทำ  

ภาพที่ปรากฏกลายเป็นดีเอโก้ที่คืนร่างเป็นมนุษย์นอนแผ่หลาเลือดโชกไปทั้งตัวพร้อมลมหายใจหอบยาว

“แกอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วกัน  เสร็จธุระกับลูกสาวแกเมื่อไหร่ฉันจะกลับมาเยี่ยม”  พูดจบชายชุดดำก็ทะยานออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็วตามกลุ่มที่ล่วงหน้าเข้าไปในป่า  ทิ้งร่างหมดสภาพของดีเอโก้เอาไว้เบื้องหลัง

“ข้อดีของการเป็นผู้ถูกเลือกนอกจากจะมีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วไปแล้ว  สิ่งที่ฉันชอบอีกอย่างก็คือสามารถใช้ร่างกายได้เต็มประสิทธิภาพเท่าที่มนุษย์จะทำได้นี่แหละ”  หนุ่มโมฮ็อคพึมพำกับตัวเองพร้อมแสยะยิ้มน่าสะพรึง  ในขณะที่โหนเถาวัลย์โยนตัวไปตามต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่า  สับกับต่อสู้ฝูงลิงป่าที่เข้ามาขวางการไล่ล่าวอลเลนซ์เข้าไปในป่ารกที่ยังมองไม่เห็นกระทั่งทางออก

เบื้องล่างก็เป็นการต่อสู้กันอย่างดุเดือดของเหล่าซอมบี้และฝูงสัตว์นานาชนิดที่อยู่ในป่า  ทั้งหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่  เสือโคร่ง  และช้างป่า

“ทันจนได้สินะ”  ผู้ล่าแสยะยิ้มเมื่อโหนเถาวัลย์อ้อมมาดักหน้าฝูงลิงเอาไว้ได้  ก่อนจะปล่อยมือและใช้แรงเหวี่ยงหมุนตัวเตะเข้ากลางสะพานลิงที่ต่อตัวเป็นสายขาดออกจากกัน  ทำให้วอลเลนซ์และฝูงลิงร่วงลงกระแทกพื้นป่าเบื้องล่างเสียงดังสนั่น  ส่วนเจ้าของการกระทำลังกาลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล

“เอาล่ะ...แม่หนู  ฉันคิดว่าเธอมีสิ่งที่ฉันต้องการอยู่กับตะ...”  ยังไม่ทันที่จะพูดจบ  เสือโคร่งตัวใหญ่ก็กระโดดกัดเข้าที่คอเจ้าของประโยค  แรงกระโดดส่งร่างทั้งคู่ล้มลงกับพื้นและไถลไปไกลเกือบห้าเมตร   ท่ามกลางความตกใจอีกครั้งของวอลเลนซ์

เป็นอีกครั้งที่ชายชุดดำลุกขึ้นมาได้อย่างไร้ร่องรอยบอบช้ำ  เป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ที่ร้องคำรามด้วยความเจ็บพร้อมแผลฉกรรจ์ที่คอ

“เฮ้อ...พรรคพวกเยอะจริงนะพ่อเธอเนี่ย  เอาล่ะทีนี้เรามาคุยธุ...”  วัตถุบางอย่างคล้ายลูกธนูพุ่งเสียบทะลุร่างชายชุดดำจากด้านหลังกว่าสิบแห่งจนทรุดลงกับพื้น

“แด๊ด!”  เด็กสาวตะโกนขึ้นเมื่อเห็นร่างมนุษย์เม่นของดีเอโก้พาดอยู่บนหลังม้า

“ฉันจะไม่ให้แก...แตะต้องลูกสาวฉันได้แม้แต่ปลายเล็บ”  พูดจบร่างโชกเลือดของดีเอโก้ก็ไหลตกจากหลังม้าลงสู่พื้น

“ดะ...”  วอลเลนซ์ทำท่าจะโผเข้าไปหาผู้เป็นพ่อต้องหยุดชะงักเมื่อเจ้าหนุ่มโมฮ็อคลุกขึ้นยืน  พร้อมกับฝูงลิงกว่าสิบตัวรอบตัวเด็กสาวล้มลงที่พื้น  เพราะบาดแผลเป็นรูที่ปรากฏขึ้นบนร่างแต่ละตัวอย่างกะทันหัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”  วอลเลนซ์งุนงงระคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“คะ...ความสามารถของแกคือย้ายอาการบาดเจ็บของตัวเองไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นสินะ”  ดีเอโก้พยายามเรียกความสนใจศัตรูให้มาทางตนเอง  โดยมีฝูงสัตว์ที่ออกอาการกระวนกระวายรอคำสั่งโจมตีอยู่รอบพื้นที่

“อืม...ไม่เลวนี่ที่ดูออก  แต่ถึงแกจะดูออกก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ”  ชายแปลกหน้าหันหลังแล้วเดินเข้าไปหาดีเอโก้อย่างช้าๆ  พร้อมรอยยิ้ม  “แกทำให้ฉันเสียเวลาหลายครั้งแล้ว...ดับลมหายใจแกก่อนดูจะเข้าท่ากว่านะ”

‘เท่าที่ดูการจะเอาชนะเจ้าหมอนี่ได้  คงต้องโจมตีมันครั้งเดียวให้ตายโดยไม่ให้สมองมันคิดได้ทัน  ไม่อย่างนั้นคนที่โจมตีมันจะได้รับอันตรายจากการโจมตีเสียเอง  ตอนนี้สภาพเราคงไม่ไหว  แต่สิ่งที่พอจะทำได้คือให้พวกสัตว์พาวอลเลนซ์หนีออกไปให้ไกลจากเจ้านี่ไปจนถึงค่ายลี้ภัย...จังหวะนี้ล่ะ”

“ไป!”  ดีเอโก้ตะโกนสั่งหมายจะให้เหล่าสรรพสัตว์ที่อยู่รอบตัวพาลูกสาวหนีไป

ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต่างต้องหยุดชะงัก  เมื่อมีแสงสว่างจ้าเปล่งออกจากตัวของวอลเลนซ์พร้อมเสียงกรีดร้องของเด็กสาว

“ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายพ่อฉัน...ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายพ่อฉัน...”  เด็กสาวพึมพำเบาๆ กับตัวเอง  

ก่อนจะตะโกนเสียงสูงในประโยคเดิม

“ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายพ่อของฉัน!”

“นี่มันอะไรกะ...”  ยังไม่สิ้นประโยคร่างของชายชุดดำที่กำลังหันกลับมาก็กลายเป็นน้ำแข็งอย่างฉับพลันไปทั้งตัว  เช่นเดียวทุกอย่างรอบกายของวอลเลนซ์ที่ถูกอุณหภูมิต่ำแพร่ขยายกลืนกินอย่างรวดเร็วโดยมีเธอเป็นจุดศูนย์กลาง

‘แย่ละสิ...หรือว่า...’  ในเสี้ยววินาทีก่อนอาณาเขตน้ำแข็งจะแผ่มาถึง  ดีเอโก้สั่งให้ม้าที่พามาดีดร่างซึ่งกลายเป็นเพนกวินเข้าใส่วอลเลนซ์  ก่อนจะกลายร่างอีกครั้งเป็นหมีขาวเมื่อลอยจะถึงตัวของเจ้าหนุ่มโมฮ็อค  เขาหมุนตัวใช้กงเล็บตะปบไปที่หน้าใบหน้าศัตรูลงกับพื้น  แรงกระแทกทำให้หัวที่เป็นน้ำแข็งนั้นแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ  ดีเอโก้ใช้แรงส่งกลิ้งตัวไปกับพื้นก่อนจะโผเข้ากอดลูกสาวมาไว้ในอ้อมอก

“ไม่เป็นไรแล้ววอลเลนซ์  แด๊ดอยู่นี่แล้ว...ไม่เป็นไรแล้วลูก”  ...      


**********
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่