เดือดร้อนในการกดเงินจากตู้ ATM ที่ US ไม่ได้ เนื่องจากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพให้ทำบัตร Be1st Smart+ประกัน ซึ่งใช้กับตู้ ATM นี่นู่นไม่ได้เลยครับ และเจ้าหน้าที่ Call center ให้คำแนะนำไม่ได้เลย ถามคำตอบคำ ต้องให้จี้ถามจากข้อมูลที่หาเองเกือบทั้งหมด
ไม่รู้มีใครเดือดร้อนกับคำแนะนำแบบนี้ไปแล้วบ้าง
เนื่องจากแฟนผมต้องเดินทางไปเรียนต่างประเทศเป็นเวลา 1 ปี ที่ USA แล้วไม่ต้องการถือเงินสดจำนวนมากติดตัวไป
ผมจึงแนะนำให้เค้าไปสอบถามทางธนาคารกรุงเทพ ว่าการโอนเงินข้ามประเทศไปยัง US ทำอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเค้ามีบัญชีอยู่แล้ว และผมเคยใช้บริการที่สาขาบางกะปิ ก็พบว่าเจ้าหน้าที่รู้เรื่องธุรกรรมต่างประเทศเป็นอย่างดี และให้คำแนะนำดีมาก
ซึ่งตัวผมเองได้แนะนำว่า มันมีอยู่ 2 ทางหลักๆ คือ โอนตรงไปยังบัญชีที่ US เลย หรือ ทำบัตรเดบิตแล้วไปกดเงินเอาที่นู่น
ด้วยความที่ผมเคยทำทั้งสองวิธีมาก่อน และพบว่าการทำบัตรเดบิตไปกดนั้น ค่อนข้างจะคล่องตัวกว่าในช่วงแรกๆ ที่ไปถึงและรอเปิดบัญชี
(ผมเคยใช้บัตรเดบิตของ SCB เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว)
ประมาณวันที่ 4-5 สิงหาคม 2559 แฟนผมจึงไปดำเนินการทำบัตรเดบิตที่ สาขาโลตัส หนองคาย โดยได้สอบถามข้อมูลของทั้งสองวิธี และพบว่า ค่าธรรมเนียมในการโอนตรงผ่าน swift code หรือ routing number นั้นคือ 1150 บาท ไม่รวมค่าธรรมเนียมธนาคารปลายทาง ส่วนการกดเงินด้วยบัตรเดบิตนั้น ทางธนาคารจะคิดเงิน 100 บาท และจะเสียทางปลายทางอีกประมาณ 2-3 $ บวกกับส่วนต่างค่าเงินอีกเล็กน้อย รวมๆ ก็ประมาณไม่เกิน 400 บาท
เค้าก็ปรึกษาผมผ่านแชท และผมก็เลยแนะนำว่าทำบัตรดีกว่า ช่วงแรกจะได้กดเงินมาใช้ได้ด้วยเผื่อฉุกเฉิน
ที่นี้เรื่องมีอยู่ว่า ทางธนาคารก็แนะนำให้ทำบัตร
Be1st Smart + ประกันจาก รพ. ศิริราช และนั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเจ้าหน้าที่ธนาคารทั้งสาขา
ผมไม่ขอระบุชื่อของเจ้าหน้าที่ที่ทำธุรกรรมให้ เนื่องจาก คำแนะนำในการทำบัตรนี้มาจากเจ้าหน้าที่หลายคนที่ช่วยแนะนำกัน
ข้อผิดพลาดที่ 1. เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ ทุกคนควรจะรู้ว่า บัตร Be1st smart ทุกประเภท เป็นบัตรแบบมีชิพรุ่นใหม่ ซึ่งตู้ธนาคารใน us ไม่รองรับในขณะนี้ ต้องรอถึงปี 2560 ซึ่ง ณ ตอนนั้นผมและแฟนไม่ทราบข้อมูลนี้ แต่ก็ได้ถามย้ำหลายครั้งว่า กดเงินจากตู้ ATM ได้แน่ใช่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่า "กดได้ทุกตู้ที่มีสัญลักษณ์ VISA"
ข้อผิดพลาดที่ 2. คือเหมือนทางสาขาอยากจะขายบัตรพ่วงประกันมาก จึงพยายามดึงดันให้ทำบัตรตัวนี้ ซึ่งแฟนผมก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในด้านบัตรเดบิตเหล่านี้มาก่อน จึงยอมทำตาม ซึ่งถ้าผมอยู่ด้วยคงเจรจาให้ได้ทำบัตรธรรมดามากกว่า เพราะประกันสุขภาพก็ใช้ไม่ได้ เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ จะทำไปทำไม?
ที่นี้ขอเล่าต่อ เมื่อแฟนผมค้นพบว่าบัตรมันใช้ไม่ได้ ก็สายเสียแล้ว คือ เค้าได้ไปถึงอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย และช่วงแรกก็ยังไม่ได้ใช้บัตรด้วย เพราะมีเงินติดตัวไปบ้าง ทีนี้พอเค้าตัดสินซื้อรถมือ 2 เพื่อใช้เดินทางระหว่างอยู่ที่นั่น ต้องการกดเงินก้อนแรกมาใช้ จึงได้พบว่า "ไม่มี" ตู้ไหนเลยที่รองรับบัตรที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า "กดได้ทุกตู้ที่มีสัญลักษณ์ VISA" ซึ่งบอกเลยว่า เค้าตกใจมากๆ เพราะเงินทั้งหมดที่คิดว่าจะนำมาใช้จ่าย ซึ่งเป็นเงินหลักพันเหรียญไม่สามารถกดออกมาได้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนธนาคาร ลดจำนวนเงิน หรือเข้าไปปรึกษาที่ธนาคารทางนั้นก็ตาม
จากนั้นเค้าจึงทักมาคุยและปรึกษาผมอีกครั้ง เพราะว่า โทรศัพท์ติดต่อธนาคารกรุงเทพโดยตรงไม่ได้ เนื่องจากไม่มีเบอร์ไทยแล้ว ผมก็ได้ติดต่อสอบถามและขอคำปรึกษาให้ แต่ก็พบว่า เจ้าหน้าที่ Call Center 1333 ให้คำแนะนำได้น้อยมาก คือ ถ้าเราไม่คิด หาข้อมูล และจดความเป็นไปได้ไว้ก่อน คงต้องโทรคุยกันหลายรอบแน่ๆ พอโทรไป ถามเจ้าหน้าที่ว่าต้องทำยังไง เพราะบัตรมันกดไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาแบบส่งๆว่า ต้องไป กดตู้ที่มีชิพ เท่านั้น คือ ไม่มีการรับผิดชอบอะไร บอกแค่ว่าถ้าอยากทำบัตรใหม่ก็ต้องเดินทางมาทำด้วยตัวเองที่ธนาคารเท่านั้น
ส่วนคำถามที่ผมได้หาข้อมูลมาแล้วถามไปคือ 1. มีบัตรใดบ้างของธนาคารกรุงเทพ ที่กดเงินต่างประเทศได้ (ไม่มีเลย ณ ปัจจุบัน)
2. จะต้องทำยังไงถึงจะโอนเงินได้ (ตอนแรกเค้าบอกให้ทำใบมอบอำนาจมาขอเบิกเงิน แล้วก็โอน)
3. มีวิธีออนไลน์ไหม (เค้าก็ตอบว่ามี ซึ่งทำไมไม่บอกแต่แรก เพราะจำมอบอำนาจกันยังไง อยู่คนละประเทศ)
4. แล้วต้องทำยังไงบ้าง มีค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ (ใช้ Swift code ผ่าน iBanking ได้เลย!! ค่าธรรมเนียมเปิดเว็ปไซต์ดูได้ค่ะ!!!)
แม้แต่เรื่อง swift code ก็ยังให้ข้อมูลไม่ได้
ทีนี้แฟนก็ลองทำตามที่เค้าว่ามา ปรากฏว่า การสมัคร swift code แบบนี้ต้องมีการยืนยันตัวตนผ่าน OTP !! แล้วยังไงล่ะ จะส่ง sms ไปทางไหนต่อให้มีเบอร์ที่เคยผูกไว้ก็ส่งข้ามประเทศไม่ได้
ขอร้องเรียนการให้บริการและคำแนะนำของทางเจ้าหน้าที่ว่า ไม่ได้คุณภาพเลย ไม่รู้มีใครเดือดร้อนกับคำแนะนำแบบนี้ไปแล้วกี่คน
แถมยังสร้างความเดือดร้อนให้คนที่เชื่อ คำแนะนำของคุณเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ยังคงหาทางอยู่ ที่จะพาเงินก้อนนี้ข้ามประเทศไป คงต้องหาเวลาไปที่สาขาที่กรุงเทพที่มีความน่าเชื่อถือและเชี่ยวชาญ ซึ่งยังไม่รู้จะได้ไปตอนไหน เพราะทำงานทุกวัน และถ้ามีข้อมูลอะไรต้องสอบถามแฟนซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีก็อาจจะไม่ได้ข้อมูล ณ เวลานั้น เพราะ timezone มันต่างกันมาก
ถ้าสมาชิกท่านไหนมีคำแนะนำ โปรดชี้แนะด้วยครับ ไม่รู้จะหวังพึ่งคำปรึกษาทางโทรศัพท์ของธนาคารได้อย่างไรแล้วตอนนี้
ขอบคุณครับ
ขอร้องเรียนการบริการของ ธ.กรุงเทพ ครับ
ไม่รู้มีใครเดือดร้อนกับคำแนะนำแบบนี้ไปแล้วบ้าง
เนื่องจากแฟนผมต้องเดินทางไปเรียนต่างประเทศเป็นเวลา 1 ปี ที่ USA แล้วไม่ต้องการถือเงินสดจำนวนมากติดตัวไป
ผมจึงแนะนำให้เค้าไปสอบถามทางธนาคารกรุงเทพ ว่าการโอนเงินข้ามประเทศไปยัง US ทำอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเค้ามีบัญชีอยู่แล้ว และผมเคยใช้บริการที่สาขาบางกะปิ ก็พบว่าเจ้าหน้าที่รู้เรื่องธุรกรรมต่างประเทศเป็นอย่างดี และให้คำแนะนำดีมาก
ซึ่งตัวผมเองได้แนะนำว่า มันมีอยู่ 2 ทางหลักๆ คือ โอนตรงไปยังบัญชีที่ US เลย หรือ ทำบัตรเดบิตแล้วไปกดเงินเอาที่นู่น
ด้วยความที่ผมเคยทำทั้งสองวิธีมาก่อน และพบว่าการทำบัตรเดบิตไปกดนั้น ค่อนข้างจะคล่องตัวกว่าในช่วงแรกๆ ที่ไปถึงและรอเปิดบัญชี
(ผมเคยใช้บัตรเดบิตของ SCB เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว)
ประมาณวันที่ 4-5 สิงหาคม 2559 แฟนผมจึงไปดำเนินการทำบัตรเดบิตที่ สาขาโลตัส หนองคาย โดยได้สอบถามข้อมูลของทั้งสองวิธี และพบว่า ค่าธรรมเนียมในการโอนตรงผ่าน swift code หรือ routing number นั้นคือ 1150 บาท ไม่รวมค่าธรรมเนียมธนาคารปลายทาง ส่วนการกดเงินด้วยบัตรเดบิตนั้น ทางธนาคารจะคิดเงิน 100 บาท และจะเสียทางปลายทางอีกประมาณ 2-3 $ บวกกับส่วนต่างค่าเงินอีกเล็กน้อย รวมๆ ก็ประมาณไม่เกิน 400 บาท
เค้าก็ปรึกษาผมผ่านแชท และผมก็เลยแนะนำว่าทำบัตรดีกว่า ช่วงแรกจะได้กดเงินมาใช้ได้ด้วยเผื่อฉุกเฉิน
ที่นี้เรื่องมีอยู่ว่า ทางธนาคารก็แนะนำให้ทำบัตร Be1st Smart + ประกันจาก รพ. ศิริราช และนั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเจ้าหน้าที่ธนาคารทั้งสาขา
ผมไม่ขอระบุชื่อของเจ้าหน้าที่ที่ทำธุรกรรมให้ เนื่องจาก คำแนะนำในการทำบัตรนี้มาจากเจ้าหน้าที่หลายคนที่ช่วยแนะนำกัน
ข้อผิดพลาดที่ 1. เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ ทุกคนควรจะรู้ว่า บัตร Be1st smart ทุกประเภท เป็นบัตรแบบมีชิพรุ่นใหม่ ซึ่งตู้ธนาคารใน us ไม่รองรับในขณะนี้ ต้องรอถึงปี 2560 ซึ่ง ณ ตอนนั้นผมและแฟนไม่ทราบข้อมูลนี้ แต่ก็ได้ถามย้ำหลายครั้งว่า กดเงินจากตู้ ATM ได้แน่ใช่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่า "กดได้ทุกตู้ที่มีสัญลักษณ์ VISA"
ข้อผิดพลาดที่ 2. คือเหมือนทางสาขาอยากจะขายบัตรพ่วงประกันมาก จึงพยายามดึงดันให้ทำบัตรตัวนี้ ซึ่งแฟนผมก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในด้านบัตรเดบิตเหล่านี้มาก่อน จึงยอมทำตาม ซึ่งถ้าผมอยู่ด้วยคงเจรจาให้ได้ทำบัตรธรรมดามากกว่า เพราะประกันสุขภาพก็ใช้ไม่ได้ เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ จะทำไปทำไม?
ที่นี้ขอเล่าต่อ เมื่อแฟนผมค้นพบว่าบัตรมันใช้ไม่ได้ ก็สายเสียแล้ว คือ เค้าได้ไปถึงอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย และช่วงแรกก็ยังไม่ได้ใช้บัตรด้วย เพราะมีเงินติดตัวไปบ้าง ทีนี้พอเค้าตัดสินซื้อรถมือ 2 เพื่อใช้เดินทางระหว่างอยู่ที่นั่น ต้องการกดเงินก้อนแรกมาใช้ จึงได้พบว่า "ไม่มี" ตู้ไหนเลยที่รองรับบัตรที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า "กดได้ทุกตู้ที่มีสัญลักษณ์ VISA" ซึ่งบอกเลยว่า เค้าตกใจมากๆ เพราะเงินทั้งหมดที่คิดว่าจะนำมาใช้จ่าย ซึ่งเป็นเงินหลักพันเหรียญไม่สามารถกดออกมาได้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนธนาคาร ลดจำนวนเงิน หรือเข้าไปปรึกษาที่ธนาคารทางนั้นก็ตาม
จากนั้นเค้าจึงทักมาคุยและปรึกษาผมอีกครั้ง เพราะว่า โทรศัพท์ติดต่อธนาคารกรุงเทพโดยตรงไม่ได้ เนื่องจากไม่มีเบอร์ไทยแล้ว ผมก็ได้ติดต่อสอบถามและขอคำปรึกษาให้ แต่ก็พบว่า เจ้าหน้าที่ Call Center 1333 ให้คำแนะนำได้น้อยมาก คือ ถ้าเราไม่คิด หาข้อมูล และจดความเป็นไปได้ไว้ก่อน คงต้องโทรคุยกันหลายรอบแน่ๆ พอโทรไป ถามเจ้าหน้าที่ว่าต้องทำยังไง เพราะบัตรมันกดไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาแบบส่งๆว่า ต้องไป กดตู้ที่มีชิพ เท่านั้น คือ ไม่มีการรับผิดชอบอะไร บอกแค่ว่าถ้าอยากทำบัตรใหม่ก็ต้องเดินทางมาทำด้วยตัวเองที่ธนาคารเท่านั้น
ส่วนคำถามที่ผมได้หาข้อมูลมาแล้วถามไปคือ 1. มีบัตรใดบ้างของธนาคารกรุงเทพ ที่กดเงินต่างประเทศได้ (ไม่มีเลย ณ ปัจจุบัน)
2. จะต้องทำยังไงถึงจะโอนเงินได้ (ตอนแรกเค้าบอกให้ทำใบมอบอำนาจมาขอเบิกเงิน แล้วก็โอน)
3. มีวิธีออนไลน์ไหม (เค้าก็ตอบว่ามี ซึ่งทำไมไม่บอกแต่แรก เพราะจำมอบอำนาจกันยังไง อยู่คนละประเทศ)
4. แล้วต้องทำยังไงบ้าง มีค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ (ใช้ Swift code ผ่าน iBanking ได้เลย!! ค่าธรรมเนียมเปิดเว็ปไซต์ดูได้ค่ะ!!!)
แม้แต่เรื่อง swift code ก็ยังให้ข้อมูลไม่ได้
ทีนี้แฟนก็ลองทำตามที่เค้าว่ามา ปรากฏว่า การสมัคร swift code แบบนี้ต้องมีการยืนยันตัวตนผ่าน OTP !! แล้วยังไงล่ะ จะส่ง sms ไปทางไหนต่อให้มีเบอร์ที่เคยผูกไว้ก็ส่งข้ามประเทศไม่ได้
ขอร้องเรียนการให้บริการและคำแนะนำของทางเจ้าหน้าที่ว่า ไม่ได้คุณภาพเลย ไม่รู้มีใครเดือดร้อนกับคำแนะนำแบบนี้ไปแล้วกี่คน
แถมยังสร้างความเดือดร้อนให้คนที่เชื่อ คำแนะนำของคุณเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ยังคงหาทางอยู่ ที่จะพาเงินก้อนนี้ข้ามประเทศไป คงต้องหาเวลาไปที่สาขาที่กรุงเทพที่มีความน่าเชื่อถือและเชี่ยวชาญ ซึ่งยังไม่รู้จะได้ไปตอนไหน เพราะทำงานทุกวัน และถ้ามีข้อมูลอะไรต้องสอบถามแฟนซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีก็อาจจะไม่ได้ข้อมูล ณ เวลานั้น เพราะ timezone มันต่างกันมาก
ถ้าสมาชิกท่านไหนมีคำแนะนำ โปรดชี้แนะด้วยครับ ไม่รู้จะหวังพึ่งคำปรึกษาทางโทรศัพท์ของธนาคารได้อย่างไรแล้วตอนนี้
ขอบคุณครับ