ผมขอตั้งกระทู้นี้ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการสมัครใช้บัตรเดบิตธนาคารกรุงเทพ ประเภท Be1st Smart Rabbit นะครับ
เป็นธรรมดาก่อนการสมัครบัตรประเภทใดๆ ทางธนาคารจะต้องให้ข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจที่เพียงพอ
หรือมีข้อมูลให้ผู้ที่ต้องการสมัครบัตรได้ศึกษา ชั่งน้ำหนัก ความคุ้มค่า ความสะดวก ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายที่ตามมา จากการใช้บัตรประเภทนั้นๆ
ด้วยปัจจุบันบัตรที่มีคนใช้จำนวนมาก และ บางคนอาจจะถูกชักชวนให้เปิด มีการโฆษณาว่ามีความสะดวกจากการใชบัตร
แต่ยังไม่มีข้อมูลอีกด้านหนึ่งเมื่อเจ้าบัตรตัวดีที่ว่า เกิดปัญหาขึ้นมาจะมีอะไรตามมาบ้าง
ผมจึงอยากเพิ่มเติมข้อมูลส่วนนี้ให้กับผู้ที่กำลังจะตัดสินใจสมัครบัตรประเภทนี้
ข้อมูลเบื้องต้น บัตรเดบิตธนาคารกรุงเทพ Be1st Smart Rabbit
เป็นบัตรเดบิตประเภท Chip EMV ซึ่งสามารถปกป้องการคัดลอกข้อมูลของบัตรได้ดีกว่าบัตรแถบแม่เหล็กรุ่นเก่าจึงได้รับความนิยมใชัมากขึ้น และ Co-Brand ของบัตรใบนี้ซึ่งเป็นบัตร Rabbit ก็มาเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ถือบัตรประเภทนี้ ให้สามารถใช้ขึ้นรถไฟฟ้า ซื้อสินค้าและบริการ ที่รับบัตร Rabbit ได้โดยพกเพียงบัตรแต่ใบเดียว
ข้อดี
1.ด้วยความที่เป็นบัตร Chip EMV จึงมีความปลอดภัยต่อการคัดลอกข้อมูลบัตรที่ยากกว่า (Skimming)
2.เป็นบัตร Co-Brand ซึ่งสามารถใช้โดยสารรถไฟฟ้า และซื้อสินค้าจากร้านค้าที่รับบัตร Rabbit โดยไม่จำเป็นต้องพกบัตรหลายใบ
3.หากบัตรประเภทนี้สูญหายสามารถขอคืนยอดเงินในบัตรได้
4.สามารถใช้ซื้อสินค้าบนอินเตอร์เน็ตได้เสมือนบัตรเครดิต
ข้อเสีย
1.ต้องใชักับตู้เอทีเอ็มที่รองรับการอ่านบัตรประเภท Chip EMV นี้ ซึ่งในประเทศไทย มีเพียงตู้เอทีเอ็มธนาคารเดียวเท่านั้น นั่นคือธนาคารกรุงเทพ
สิ่งที่อยากเตือนให้ทราบเมื่อถือบัตรใบนี้
1.หากว่าบัตรของคุณชำรุด ไม่ว่าจะชำรุดในส่วนของบัตร Rabbit หรือ ในส่วนของบัตรเดบิต ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการออกบัตรใหม่ 100 บาท
2.การขอคืนยอดเงินในบัตรจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการการดำเนินการ 50 บาท ทุกครั้งที่บัตรเกิดสูญหาย หรือ ชำรุดในส่วนของบัตร Rabbit
*3.หากว่าในส่วนของบัตรเดบิตชำรุด แต่บัตร Rabbit ไม่ชำรุด ยังสามารถใช้เดินทางในระบบรถไฟฟ้า บีทีเอส ได้ แต่หากต้องการออกบัตรใหม่
เพื่อให้ใช้ได้ทั้งสองอย่างก็ต้องเสียค่าธรรมเนียม 100 และ 50 บาทสำหรับค่าดำเนินการคืนเงินเข้าบัญชีเท่านั้น
*4.หากบัตรถูกยึด อายัด ลืมรหัส หรือ บัตรหมดอายุ ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมทั้งสองส่วนเช่นกัน
วันนี้ผมได้มาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงเทพ ทางเจ้าหน้าที่ได้แก้ปัญหาด้วยการตอบคำถามว่า
ถ้าเกิดบัตรชำรุดอีกผมก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก 150 บาททุกครั้งใช่หรือไม่
ทางเจ้าหน้าที่ก็ตอบว่า "ใช่"
ถ้าและถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไรให้ไม่มีค่าธรรมเนียมการออกบัตร เจ้าหน้าที่ก็เสนอว่า อยากใช้บัตรได้ก็พกบัตรนั้นดีกว่า
"บัตรเดบิตก็ใช้บัตรเดบิตธรรมดา หรือ Be1st Smart ธรรมดาไป บัตรแรบบิทก็ใช้แรบบิทไป แยกกันไปเลย"
คุณตอบแบบนี้ ก็ไม่ต้องขายหรอกครับผลิตภัณฑ์บัตรประเภทนี้ ยกเลิกไปเลยครับ
และให้เขียนจดหมายเพื่อร้องเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้บอกว่า เงินที่คืนให้ ต้องหัก 50 บาทด้วยนะ เป็นค่าดำเนินการ
อยากให้ทางผู้บริหารได้รับทราบตรงจุดนี้ และ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยที่ลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดครับ
[CR] [CR] ข้อควรรู้เมื่อคุณมีปัญหากับ บัตรเดบิตธนาคารกรุงเทพ Smart Rabbit
เป็นธรรมดาก่อนการสมัครบัตรประเภทใดๆ ทางธนาคารจะต้องให้ข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจที่เพียงพอ
หรือมีข้อมูลให้ผู้ที่ต้องการสมัครบัตรได้ศึกษา ชั่งน้ำหนัก ความคุ้มค่า ความสะดวก ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายที่ตามมา จากการใช้บัตรประเภทนั้นๆ
ด้วยปัจจุบันบัตรที่มีคนใช้จำนวนมาก และ บางคนอาจจะถูกชักชวนให้เปิด มีการโฆษณาว่ามีความสะดวกจากการใชบัตร
แต่ยังไม่มีข้อมูลอีกด้านหนึ่งเมื่อเจ้าบัตรตัวดีที่ว่า เกิดปัญหาขึ้นมาจะมีอะไรตามมาบ้าง
ผมจึงอยากเพิ่มเติมข้อมูลส่วนนี้ให้กับผู้ที่กำลังจะตัดสินใจสมัครบัตรประเภทนี้
ข้อมูลเบื้องต้น บัตรเดบิตธนาคารกรุงเทพ Be1st Smart Rabbit
เป็นบัตรเดบิตประเภท Chip EMV ซึ่งสามารถปกป้องการคัดลอกข้อมูลของบัตรได้ดีกว่าบัตรแถบแม่เหล็กรุ่นเก่าจึงได้รับความนิยมใชัมากขึ้น และ Co-Brand ของบัตรใบนี้ซึ่งเป็นบัตร Rabbit ก็มาเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ถือบัตรประเภทนี้ ให้สามารถใช้ขึ้นรถไฟฟ้า ซื้อสินค้าและบริการ ที่รับบัตร Rabbit ได้โดยพกเพียงบัตรแต่ใบเดียว
ข้อดี
1.ด้วยความที่เป็นบัตร Chip EMV จึงมีความปลอดภัยต่อการคัดลอกข้อมูลบัตรที่ยากกว่า (Skimming)
2.เป็นบัตร Co-Brand ซึ่งสามารถใช้โดยสารรถไฟฟ้า และซื้อสินค้าจากร้านค้าที่รับบัตร Rabbit โดยไม่จำเป็นต้องพกบัตรหลายใบ
3.หากบัตรประเภทนี้สูญหายสามารถขอคืนยอดเงินในบัตรได้
4.สามารถใช้ซื้อสินค้าบนอินเตอร์เน็ตได้เสมือนบัตรเครดิต
ข้อเสีย
1.ต้องใชักับตู้เอทีเอ็มที่รองรับการอ่านบัตรประเภท Chip EMV นี้ ซึ่งในประเทศไทย มีเพียงตู้เอทีเอ็มธนาคารเดียวเท่านั้น นั่นคือธนาคารกรุงเทพ
สิ่งที่อยากเตือนให้ทราบเมื่อถือบัตรใบนี้
1.หากว่าบัตรของคุณชำรุด ไม่ว่าจะชำรุดในส่วนของบัตร Rabbit หรือ ในส่วนของบัตรเดบิต ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการออกบัตรใหม่ 100 บาท
2.การขอคืนยอดเงินในบัตรจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการการดำเนินการ 50 บาท ทุกครั้งที่บัตรเกิดสูญหาย หรือ ชำรุดในส่วนของบัตร Rabbit
*3.หากว่าในส่วนของบัตรเดบิตชำรุด แต่บัตร Rabbit ไม่ชำรุด ยังสามารถใช้เดินทางในระบบรถไฟฟ้า บีทีเอส ได้ แต่หากต้องการออกบัตรใหม่
เพื่อให้ใช้ได้ทั้งสองอย่างก็ต้องเสียค่าธรรมเนียม 100 และ 50 บาทสำหรับค่าดำเนินการคืนเงินเข้าบัญชีเท่านั้น
*4.หากบัตรถูกยึด อายัด ลืมรหัส หรือ บัตรหมดอายุ ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมทั้งสองส่วนเช่นกัน
วันนี้ผมได้มาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงเทพ ทางเจ้าหน้าที่ได้แก้ปัญหาด้วยการตอบคำถามว่า
ถ้าเกิดบัตรชำรุดอีกผมก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก 150 บาททุกครั้งใช่หรือไม่
ทางเจ้าหน้าที่ก็ตอบว่า "ใช่"
ถ้าและถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไรให้ไม่มีค่าธรรมเนียมการออกบัตร เจ้าหน้าที่ก็เสนอว่า อยากใช้บัตรได้ก็พกบัตรนั้นดีกว่า
"บัตรเดบิตก็ใช้บัตรเดบิตธรรมดา หรือ Be1st Smart ธรรมดาไป บัตรแรบบิทก็ใช้แรบบิทไป แยกกันไปเลย"
คุณตอบแบบนี้ ก็ไม่ต้องขายหรอกครับผลิตภัณฑ์บัตรประเภทนี้ ยกเลิกไปเลยครับ
และให้เขียนจดหมายเพื่อร้องเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้บอกว่า เงินที่คืนให้ ต้องหัก 50 บาทด้วยนะ เป็นค่าดำเนินการ
อยากให้ทางผู้บริหารได้รับทราบตรงจุดนี้ และ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยที่ลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุดครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น