ใครเคยตกงานแล้วเครียดมาก....จนกระทั่งกลายเป็นคนซึมเศร้าบ้างคะ ?

ขอเกริ่นก่อนนะคะ.......... เรื่องทั้งหมดที่จะเล่า มันเกิดจากความผิดพลาดของชีวิตอย่างมากถึงมากที่สุด !!
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อประมาณ 4 เดือนที่แล้วเราได้ออกจากที่ทำงาน(ที่ทำงานแรก) โดยการออกแบบ walk out ไม่ได้ทำการเขียนใบลาออกใดๆทั้งสิ้น
สาเหตุมีอยู่หลายๆเรื่อง เช่น การทำงานที่ไม่ได้เปลี่ยนกะเลย,ขอลายาก,หัวหน้าไม่ค่อยยุติธรรม
ยกตัวอย่าง 1 เราทำงานที่นี่มา 2 ปี อยู่บ่ายตลอด ขออยู่เช้าหัวหน้าก็ไม่ย้ายให้สักที ย้ายให้แต่เด็กใหม่ คนของทีมเค้า
ยกตัวอย่าง 2 ขอลายากมาก เราจะลาไปไหนแต่ละที ต้องขัด ทั้งๆทีคนอื่นง่ายมากๆ ไม่ต้องต่อความอะไร
ยกตัวอย่าง 3 หัวหน้าไม่ค่อยแฟร์ เอาแต่ลูกน้องตัวเอง ให้สิทธิพิเศษลูกน้องที่เคยทำงานร่วมงานกันมาก่อนเสมอ
อ่อลืมบอกไปค่ะเราทำงานเป็นเชฟที่รร. แห่งหนึ่ง อยู่ครัวร้อน งานหนักมากแต่ทำได้ค่ะ สบายๆ
ปกติครัวร้อนจะไม่ค่อยมีผญ. เพราะงานค่อนข้างอยู่หน้าเตา ร้อน ยกของหนัก ขึ้นซอสนั่นนี่นู้น ทำเป็นหมด
เราเป็นผญ.คนเดียวที่อยู่ในครัวร้อน ในครัวมีผช.6 คน ซึ่งการทำงานโดยรวมหัวหน้าไว้ใจเรามากสุด (อันนี้เค้าบอกไม่รู้เค้าหลอกรึเปล่า)
เราเป็นคนที่หัวหน้าใช้อะไรทำให้หมด ตามใจไม่ขัด ผลงานออกมาดีทุกครั้ง เค้าเลยคาดหวังกับเราไว้มาก
ความกดดันหลายๆเรื่องที่สะสมมานาน กับเพื่อนร่วมงานโอเคมากๆๆๆค่ะ สนุกสนานในครัว แต่กับหัวหน้าไม่ค่อยโอเคค่ะ ซึ่งเราก็คิดว่า
ไม่เป็นทนๆไป แต่มีไรเราก็เป็นคนพูดตรงๆ แต่เหมือนหัวหน้าเราไม่ชอบค่ะ ไม่ชอบคนพูดตรงๆ เรื่องการทำงานหลายๆอย่าง

จนกระทั่ง เหตุผลล่าสุดที่ตัดสินใจบินออกมา คือ

เราได้โปรโมทตำแหน่ง คือรู้ค่ะว่าโปรโมทตำแหน่งด้วยอายุงานที่ทำมา 2 ปีก็ได้เลื่อนขึ้นมา 1 ตำแหน่ง
ซึ่งหัวหน้าก็ได้เรียกเราไปคุยแค่ว่า จะโปรโมทให้นะ เลี้ยงเบียร์ด้วย อันนี้คือพูดอำๆติดตลกๆ
เราก็โอเคค่ะ ซื้อเบียร์เลี้ยง 1 ลัง แต่ไม่ได้ไปกินกับพวกเค้านะคะ จนพอมาถึงวันโปรโมท ติดป้าย
พอวันเงินเดือนออก เราก็มานั่งบวกลบดู อือเงินเดือนขึ้นมา 200+ ตอนนั้นอารมณ์แบบว่าไม่โอเคมากๆทำไมน้อยจัง
เลยไปถามหัวหน้า....หัวหน้าบอกไม่ทราบเรื่องเงินเดือนเลย
ไม่เคยรู้มาก่อน ให้ไปถามฝ่ายบุคคล หัวหน้ามีหน้าที่แค่โปรโมทให้ !!!


ตอนนั้นเราแบบเซ็งมาก ใช่หรอหัวหน้าไม่รู้เรื่อง? จนวันรุ่งขึ้นเราก็ไปถามฝ่ายบุคคล ไปคุยกับ director เลยจ้า

แต่กลับโดนเหวี่ยงกลับมาว่า ...มันไม่ใช่เรื่องของเค้า ทำไมไม่ไปถามหัวหน้าเธอ
ตอนเค้าเรียกเธอไปโปรโมทเค้าไม่ได้บอกเธอหรือไง?
หรือแค่เซ็นต์ๆไป เราช็อคมาก


ก็ได้เล่าให้ที่บ้านฟัง ซึ่งที่บ้านเริ่มไม่โอเคแล้วตอนนั้น ปรึกษากับเพื่อนร่วมงานคนที่ได้โปรโมทเหมือนกัน แต่เงินเข้าขึ้นเยอะกว่า
ทั้งๆที่เริ่มงานในปีเดียวกัน ไร่เรี่ยกัน ส่วนเรื่องการประเมินเราได้ดีมาตลอด เราก็เลยงานว่าคำพูดกับการกระทำมันเหมือนสวนทางกัน
ตอนนั้นไม่ได้ติดที่ตัวเงินล่ะค่ะ ติดใจที่หัวหน้าทำไมไม่ช่วยเลย แถมยังโดนว่าจากแผนกบุคคลอีก
วันรุ่งขึ้นก็เล่าให้หัวหน้ารองฟังว่าเรื่องเป็นแบบนี้ไปคุยมาหมดแล้ว เค้าก็ไม่ยอมขึ้นไปเคลียร์ให้ (หัวหน้าใหญ่ไม่อยู่ลาพักร้อนยาวจ้า)
ผ่านมาอีกวันหัวหน้าแผนกบุคคลเรียกเราไปคุยไปขอโทษที่พูดไม่ดีด้วย ก็คุยเรื่องเงินใหม่ เค้าบอกมันสมควรแล้วค่ะที่เงินขึ้นเท่านี้
สมควร??????????

เราออกจากห้องมาด้วยความรู้สึกที่ไม่โอเค รู้สึกแย่มากตอนนั้น

ตอนนั้นที่บ้านบอกว่าออกเลยไม่ต้องรอไรแล้ว เปลี่ยนสายงานเลย ทำไมเรื่องแบบนี้หัวหน้าไม่ช่วยเราล่ะ
ทำไมเราต้องขึ้นไปคุยเอง? ไปตามเรื่องเอง พ่อแม่เราตัดสินใจให้เราว่าออกเลยคืนนี้ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานแล้ว
นี่แหละค่ะจุดพลาด เราก็เชื่อพ่อแม่ค่ะ ในใจตอนนั้นสับสนทุกๆอย่างมืด 8 ด้าน เหมือนกดดันหลายๆอย่าง
แต่บอกกับเพื่อนร่วมงานไว้แล้วว่าจะไม่อยู่แล้ว ไม่เอาแล้ว เล่าให้เค้าฟังหมด
ซึ่งเพื่อนร่วมงานก็เห็นด้วยโอเค เชื่อพ่อแม่
อีกวันไม่ไปทำงานเลยค่ะ หัวหน้าโทมาตาม สักพักเรื่องก็เงียบไป
ที่บ้านบอกว่าให้พักสมองสัก 1-2 เดือนก่อน ค่อยไปทำงานกับบริษัทของแม่
เพราะตอนนั้นเครียดมาก วันแรกที่ออกจากงานกินไม่ได้นอนไม่หลับ ขนาดนอนอยู่จิตยังหลอนว่า หัวหน้าจะตามมาว่าที่บ้าน
นอนไม่หลับคิดมาก กลายเป็นคนเงียบๆซึมๆ เศร้า เวลาว่างก็ไปเที่ยวกับเพื่อน แต่พออยู่คนเดียวก็กลับมาเศร้า

เรื่องยังไม่จบแค่นี้ค่ะ จนวันนึงจากที่เราถอดใจว่าจะไม่เป็นเชฟและจะเปลี่ยนมาเดินสายออฟฟิศ
แต่เราโชคดี มีพี่ที่รู้จักแนะนำให้มาสมัครโรงแรม 5 ดาวที่หนึ่งย่านสาธร เป็นโรงแรมที่ใฝ่ฝันมากๆๆๆ
อยากทำมากๆ เราก็ไปสมัคร สัมภาษณ์ด่านแรกกับเชฟ โอเคผ่านไปด้วยดี แต่เรื่องเงียบค่ะเราคิดว่าไม่ได้แน่ๆเลย
แต่ ผ่านไป 3 อาทิตย์ เค้าโทรมาเรียกเราไปเทสอาหาร เราเตรียมตัว ฝึกฝนทุกวัน 2 อาทิตย์ ทำทุกวัน
พอมาถึงวันที่ไปเทสอาหาร วันแรกไปทดลองงาน เหมือนในครัวยุ่งมากเชฟเลยยังไม่ให้เทส เสียเวลาไป 1 วันเต็มๆ
ซึ่งเราก็โอเค มองในแง่บวก เหมือนเรียนรู้งานไปในตัว พี่ๆในครัวโอเคมาก
พออีกวันเทสจริง ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี สัมภาษณ์กับเชฟเป็นคนเกาหลี จะอยู่โรงแรมนี้ภาษาอังกฤษต้องแน่นค่ะ
แต่เราก็สบายๆๆ เตรียมตัวมาดีทุกอย่าง เชฟชอบเรามาก ชอบอาหารที่เราทำมากๆ ตอนนั้นที่บ้านแฮ๊ปปี้มาก
พี่ๆที่ทำงานเก่าก็ดีใจมาก

แต่จุดพีคมากๆที่สุดคือ ทำให้สภาพจิตใจตอนนี้เราเปลี่ยนไปเลย

ถึงวันที่สัมภาษณ์ด่านสุดท้ายกับฝ่ายบุคคล.....เค้าโทรไปเช็คประวัติเรากับโรงแรมเก่า !!!!


ตอนนั้นพูดความจริงหมดทุกอย่าง พี่คนที่ฝากให้ก็บอกให้พูดความจริงไปเลย
เราไม่ได้ทำผิดอะไรประวัติทุกอย่างดีหมด แค่ออกแบบไม่เขียนใบลาออก
เราเข้าใจค่ะ ว่ามันผิดกฎระเบียบมาก แต่เค้าก็น่าจะให้โอกาสเราบ้าง
คือเค้าให้คำตอบกลับมาว่า ขอปรึกษาเชฟก่อน นี่รอมา 3 อาทิตย์ล่ะคะ
เราไม่รู้ว่าแผนกบุคคลที่โรงแรมเก่าเราใส่ร้ายป้ายสีอะไรเราบ้าง เค้าคงจะเกลียดเราไม่น้อยที่เราทำแบบนั้น
ออกแบบ walk out แถมหัวหน้าเราก็ไปว่าที่ทำให้ลูกน้องเค้าหนีออกไป กลายเป็นว่าโยนกันไปโยนกันมาค่ะ
เครียดมากกกกกกกกกกกกก ที่ใหม่ก็ไม่รับ เศร้ามากกกกก แต่ไม่อยากให้ที่บ้านรู้กลัวเค้าจะเครียดหนักกว่า
เหมือนเค้าตัดสินใจให้เราออกงาน แต่ลูกกลับไม่ได้งานทำ ไม่มีงานทำตอนนี้
ส่วนงานออฟฟิสของที่บริษัทแม่เราก็รออยู่ตอนนี้ เหมือนเศรษฐกิจมันไม่ดีด้วย เลย hold ไว้ก่อน
เราก็ได้แต่หางาน หาแล้วหาอีก เจอแต่ขายตรงอะไรแบบนั้น ทุกวันนี้ตื่นมาก็คิดแต่เรื่องงานค่ะ
เหมือนเป็นคนบ้าไปแล้ว เพื่อนๆคนอื่นมีงานทำเราไม่มีงานทำ จากที่เคยทำงานให้ตังค์พ่อแม่
กลายเป็นว่าพ่อแม่ต้องกลับมาเลี้ยงเราอีกรอบ แต่พ่อแม่เราเข้าใจเราค่ะ คอยให้กำลังใจเราตลอด
ตอนแรกเคยทะเลาะกับพ่อแม่เหมือนกัน เรื่องที่เค้าตัดสินใจให้เราออกงานนี้ ทำให้ชีวิตเราเป็นแบบนี้
หลังๆไม่โทษใครล่ะค่ะ โทษตัวเอง ผิดเองที่โตแล้วไม่คิดเอง เข้าใจว่าพ่อแม่ก็อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด
แต่บางเรื่องก็ไม่ควรมาตัดสินและคิดแทน ทุกวันนี้เงินมีใช้ตลอด พ่อแม่ให้เงินใช้เดือนละ 10000
ยกเลิกจ้างแม่บ้านชั่วคราว มาจ้างเราแทนค่าทำงานบ้าน ทำอาหารเย็นให้เค้าทาน
แต่เราไม่อยากเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เหนื่อยและท้อ ไม่ได้งานใหม่สักที หลายเดือนแล้ว
อยากทำไงก็ได้ให้พ่อแม่สบาย
สิ่งที่ทำทั้งหมดเหมือนตัดอนาคตจากสายงานที่ตัวเองรักเลยค่ะ
แต่เราย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วได้แต่เดินหน้าสู้ต่อไป
ร้องไห้แทบทุกวันหลายเดือนแล้ว นอนหลับๆตื่นๆตลอด ใครมีวิธีแก้ไขบอกได้นะคะ

ขอระบายนิดนึงนะคะ ด่าได้แต่อย่าแรงเป็นคนอ่อนไหวค่ะ
ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่