บทสัมภาษณ์แดงดา ในเว็บฟีฟ่า

บทสัมภาษณ์ธีรศิลป์ แดงดา ในเว็บไซต์ฟีฟ่า

เว็บไซต์ทางการของฟีฟ่าได้ลงบทสัมภาษณ์ของ “ธีรศิลป์ แดงดา” กองหน้าทีมชาติไทย จากสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และกลายเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมในวงการฟุตบอลเอเชียขณะนี้

http://www.fifa.com/…/news=dangda-thailand-have-learnt-from…

ซึ่งในตอนท้ายบทสัมภาษณ์ ดาวยิงจอมเทคนิควัย 28 ปี ได้กล่าวอย่างเด็ดขาดและสร้างความมั่นใจให้กับแฟนบอลช้างศึกว่า

"นักฟุตบอลทุกคนย่อมอยากไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอยู่แล้ว แม้ว่าโอกาสของเราจะมีไม่มาก แต่เราจะสู้และอยู่ด้วยความหวัง เพราะถ้าเราไม่หวังอะไรเลย เราจะสู้หรือลงแข่งไปทำไม"

------------------------------------------------
ทีมชาติไทยสร้างความประหลาดใจไม่น้อยที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายโซนเอเชียได้สำเร็จ กับผลงานที่ยอดเยี่ยมหลังเสมอกับอดีตแชมป์ทวีปอย่างอิรักได้ทั้ง 2 นัด ซึ่งครั้งล่าสุดที่ทีมช้างศึกผ่านเข้าถึงรอบนี้ก็ต้องย้อนกลับไปในปี 2002 เลยทีเดียว

กับผลงานอันน่าทึ่งที่สามารถฝ่าด่านเป็นหนึ่งใน 12 ชาติ สุดท้ายได้สำเร็จ ต้องยกความดีความชอบให้กับ ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าดาวซัลโวของทีมที่ทำไป 3 ประตู ในรอบคัดเลือกรอบที่สอง

หัวหอกวัย 28 ปี จาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นเพียงความหวังสูงสุดของประเทศ แต่เขายังเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำสกอร์ให้ทีมชาติไทยมากที่สุด กับสถิติ 73 นัด 34 ประตู

ในวันที่ 1 กันยายน ที่จะถึงนี้ ทีมชาติไทยมีคิวลงสนามนัดแรกพบกับ ซาอุดิอาระเบีย ชาติที่มีอันดับสูงกว่าถึง 59 อันดับ ในฟีฟ่าแรงกิ้ง เป็นเหตุให้เกจิหลากสำนักกาชื่อช้างศึกออกจากทีมที่น่าจะได้ลุ้นผ่านสู่รอบสุดท้าย

ทว่า ธีรศิลป์ ไม่ได้คิดเช่นนั้น "เราไม่กลัวคู่แข่งของเราหรอก" ดาวยิงหมายเลขหนึ่งทีมชาติไทยเผยกับเว็บไซต์ FIFA.COM

"เราไม่ได้ผ่านเข้ามาถึงตรงนี้เพื่อจะตกรอบ เราเตรียมพร้อมมาดี เราฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงจนเข้ามาถึงรอบ 12 ทีม สุดท้าย แม้มันจะเป็นเพียงครั้งที่สองที่เคยมาถึงรอบนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเรามาได้เพราะโชคช่วยหรอกนะ ผมและเพื่อนๆ จะแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมที่จะสู้กับทุกทีม"

"เราเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ในอดีต เราพยายามแก้ไขจุดด้อยทั้งหมดที่มี เราเตรียมการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากาศ, อาหาร, การซ้อม หรือแม้กระทั่งการปรับตัวในสถานที่ใหม่เมื่อต้องออกไปเยือน เรามุ่งมั่นในทุกๆ เกมที่ลงสนาม มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่เราสามารถผ่านเข้ามาถึงจุดนี้ได้"

----------------------
เติบโตพร้อมกับขวัญใจ

แม้ว่า ธีรศิลป์ จะเป็นนักเตะหมายเลขหนึ่งของประเทศในปัจจุบันและยังเป็นคีย์แมนที่จะนำทีมต่อกรกับคู่ต่อสู้ ทว่าอีกคนหนึ่งที่จะไม่พูดถึงคงเป็นไปไม่ได้ เขาคนนั้นคือ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทยวัย 43 ปี ซึ่งอดีตเป็นถึงนักเตะระดับตำนานที่ติดทีมชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์กับจำนวน 134 เกม

นับตั้งแต่ เกียรติศักดิ์ เข้ามานั่งตำแหน่งแม่ทัพช้างศึก เขาสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจด้วยการนำทีมชาติไทยคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซซูกิ คัพ 2014 พร้อมกับพาทีมทะยานสู่ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายโซนเอเชีย

"เมื่อคุณเป็นนักฟุตบอล คุณจะเป็นมันไปตลอดชีวิต" ธีรศิลป์ เอ่ยยกย่องเทรนเนอร์ทีมชาติไทยคนปัจจุบัน

"เขารู้จักวิถีวัฒนธรรมและความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทัศนะคติหรือมุมมองของฟุตบอล คุณลองดูทีมชาติชุดปัจจุบันดูก็ได้ ในแต่ละตำแหน่งอาจจะไม่ใช่นักเตะที่ดีที่สุดของประเทศ แต่ทำไมเมื่อรวมกันแล้วกลับกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง?"

"นั่นก็เพราะเราแข็งแกร่งเมื่อเราเล่นเป็นทีม โค้ชรู้ดีว่าจะพูดอย่างไรหรือให้นักเตะเล่นแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดในความคิดของผมที่ทำให้เราพัฒนาขึ้นคือทีมเวิร์ก"

ก่อนหน้านี้ในฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก ทีมชาติไทยทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง หลังจบในอันดับ 4 ของกลุ่ม ตกรอบสองไปแบบไม่มีลุ้น ทว่าในยุคของ เกียรติศักดิ์ นั้นกลับกันโดยสิ้นเชิง เขาทำให้ช้างศึกที่ตามหลังอิรักอยู่ 2-0 กลับมาเสมอที่ 2-2 ได้อย่างเหลือเชื่อ

"เขา (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) เปลี่ยนรูปแบบการเล่นของทีมชาติไทย" อดีตแข้ง อัลเมเรีย พูดถึงเฮดโค้ช

"เขาทำให้เราเล่นแบบรู้ตัวเอง อะไรคือจุดเด่นหรือจุดด้อยของทีม อย่างเรื่องของลูกกลางอากาศที่เป็นจุดอ่อน เราก็จะใส่ใจและเล่นอย่างรัดกุมมากขึ้น ไม่ใช่แค่รายละเอียดในภาพกว้างของทั้งทีม แต่เขายังสามารถดึงศักยภาพนักเตะในแต่ละบุคคลออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม"

"เราเล่นตามแท็กติกของโค้ชอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าเราจะมีสกอร์ตามหลัง เพราะบางครั้งคุณจะเห็นได้ว่านักเตะสำรองก็สามารถลงมาเปลี่ยนเกมได้ มันคือการแก้เกมของโค้ช แน่นอนต้องขอบคุณผู้เล่นทุกคนด้วยที่ทำตามแท็กติกที่ซ้อมกันมา"

-------------------------
ตามรอยความฝัน

ธีรศิลป์ มีน้องสาวเป็นนักฟุตบอลหญิงเช่นกัน แต่น้องของเขากลับได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้วพร้อมกับทีมชาติไทย ในเมื่อ แดงดา คนเล็กได้ลุยศึก เวิลด์ คัพ แล้ว ทำไมคนพี่จะคิดเช่นนั้นไม่ได้ แน่นอนว่าเจ้าตัวก็มีความฝันนั้นเช่นกัน

ดาวยิงจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวต่อไปว่า "ผมหวังว่าฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะมีชื่อของทีมชาติไทย ถ้าเราไม่หวัง เราจะสู้ทำไม ถ้าไม่มีเป้าหมาย เราจะทำเพื่ออะไร"

"มันอาจจะเป็นเรื่องยากมากๆ แต่เราต้องสู้และเรียนรู้กับการเล่นกับทีมชั้นนำของเอเชีย เพื่อให้นักเตะในรุ่นต่อๆ ไปของไทยได้เห็นว่าเราเล่นอย่างไร สู้กับชาติใหญ่ๆ ได้ขนาดไหน มันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด ทว่าเราก็ยังทำงานอย่างหนัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต"

"นักฟุตบอลทุกคนย่อมอยากไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอยู่แล้ว แม้ว่าโอกาสของเราจะมีไม่มาก แต่เราจะสู้และอยู่ด้วยความหวัง เพราะถ้าเราไม่หวังอะไรเลย เราจะสู้หรือลงแข่งไปทำไม"

cr fifa, เพจ Muangthong United FC.
cr MTUTD.TV OFFICIAL

คนไทยทุกคนพร้อมเป็นกำลังใจให้นักฟุตบอลทีมชาติไทยและซิโก้พาทีมสู้ศึกในครั้งนี้ครับ

ไทยแลนด์ รวมใจเป็นหนึ่ง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่