Trolltunga มหัศจรรย์ขุนเขาแห่ง Norway
นับเป็นครั้งที่ 6 สำหรับการเดินทางไปเยือนนอร์เวย์ แต่เป็นครั้งแรกสำหรับการรีวิวประเทศนี้ มนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติของนอร์เวย์ ยังคงสร้างความประทับใจในทุกครั้งที่มาเยือน ช่วง Summer time ประมาณเดือน มิถุนายน – กันยายน จัดเป็นฤดูท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวที่สุดละ เพราะเราจะได้สัมผัสความตระการตาของธรรมชาติแห่งฤดูร้อน ผลไม้ที่เริ่มออกผลผลิตให้ได้ลิ้มรสชาดความอร่อย และอุณหภูมิที่อบอุ่นกำลังดีไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป อากาศกำลังพอเหมาะสำหรับมนุษย์ในเขตภูมิภาคร้อนแบบเรา ๆ
นอร์เวย์ ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน ตั้งอยู่ในยุโรปเหนือ เป็นประเทศที่มีชายฝั่งทะเลที่ยาวและเป็นที่ตั้งของฟยอร์ดที่มีชื่อเสียง คิดว่าหลายคนคงใฝ่ฝันว่าอยากจะมีโอกาสไปสัมผัสธรรมชาติที่งดงามสักครั้งในชีวิต
Trolltunga ตั้งอยู่ในหุบเขาในเขตเมือง Hadanger หรือ Odda ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศนอร์เวย์ ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วง Summer time ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินเขาเป็นอย่างยิ่ง
ผมว่าเมือง Odda อารมณ์จะคล้าย ๆ ปาย ของบ้านเรา คือเป็นเมืองเล็ก ๆ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขา มีทะเลสาบใหญ่อยู่บริเวณใจกลางเมือง ซึ่งเส้นทางในเขตเมือง Odda นี้ ในครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทางสำคัญ เพราะสมัย ร.5 ก็ได้เคยใช้เสด็จครั้งเมื่อประพาสยุโรปอีกด้วย

Latefossen หรือ Twin waterfall น้ำตกแฝดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของนอร์เวย์ ก็อยู่ในเขตเมือง Odda แห่งนี้ด้วย

Trolltunga จัดเป็นหน้าผาที่หวาดเสียวที่สุดของฟยอร์ดในนอร์เวย์ โดย Trolltonga ในภาษานอร์เวย์ Troll หมายถึงยักษ์ในตำนานของประเทศนอร์เวย์ และคำว่า Tunga มาจาก tonge ในภาษาอังกฤษ ที่แปลว่าลิ้น ดังนั้น Trolltunga แปลตรงๆ คือ " ลิ้นของยักษ์ โทรลล์" เป็นลักษณะของแผ่นหินบางยาวๆ ที่ยื่นออกมาจากหน้าผาสูงนั่นเอง ภาพที่หลายคนคุ้นเคยคือคนนั่งห้อยขาตรงฉง้อนหินปลายแหลม ที่ยื่นออกไปในเหวลึก นั่นแหละครับคือ Signature ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศนอร์เวย์ ที่นักเดินเขาทั่วโลกต่างใฝ่ฝันว่าจะได้ไปเยือนให้ได้อย่างน้อยสักครั้งในชีวิต

การเตรียมสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง จากคำขู่...เอ๊ย !!! คำบอกเล่าของไกด์เจ้าถิ่นถึงความหฤโหดในการเดินเท้า ว่าเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เช่น สภาวะความกดอากาศ อุณหภูมิบนยอดเขาถึงแม้จะเป็นช่วง Summer ก็ยังรู้สึกเย็นเอาเรื่องอยู่นะสำหรับคนที่มาจากประเทศในเขตร้อน อีกทั้งภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นเขาสูง ทำให้ก่อนการเดินทางในครั้งนี้จะต้องวางแผนให้ดี ทั้งในเรื่องอาหารต้องให้เพียงพอสำหรับการเดินทาง ส่วนน้ำดื่มสามารถไปรองจากธารน้ำที่มาจากเขา ตลอดเส้นทางเดินได้ เสื้อผ้านอกจากต้องให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายแล้วยังต้องเตรียมตามพยากรณ์อากาศในวันเดินเขา สามารถกันลมกันหนาว กันฝน รองเท้าเดินเขาที่ต้องมีความพอดีไม่คับหรือหลวมเกินไป สามารถลุยน้ำลุยโคลน ล้วนมีความสำคัญอย่างมาก ที่จะนำพาเราไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย
มีข้อมูลแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาเดินเขา Trolltunga ดังนี้
ถ้าระหว่าง 16 ตุลาคม – 18 มีนาคม จะเป็นช่วงที่อันตราย ห้ามปีนเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เริ่มมีหิมะตก และท้องฟ้าจะมืดเร็วขึ้น เขาเตือนว่าอันตรายถึงชีวิตเลยนะคุณ !!!
ระหว่าง 19 มีนาคม – 15 มิถุนายน และ 15 กันยายน – 15 ตุลาคม สามารถปีนเขาได้ แต่ต้องจะต้องมีไกด์นำทางที่มีความชำนาญ
และระหว่าง 15 มิถุนายน – 15 กันยายน เป็นช่วงที่ดีที่สุดในการมาปีนเขาแห่งนี้ แต่การจะไปวันไหนนั้น ควรตรวจเช็คสภาพอากาศให้ดี เพราะถึงจะเป็นช่วง Summer ก็มีโอกาสเจอลมฝนได้เหมือนกัน แต่อย่าวิตกกังวลจนเกินไป ถ้าคุณพร้อมก็ลุยไปเลยละกัน
เส้นทาง 11 กิโลเมตร แห่งความหฤหรรษ์กำลังรอเราอยู่
จากตีนเขาจนถึง Trolltunga มีระยะทาง 11 กม. ไปกลับรวม 22 กม. การเดินเขาจะใช้เวลาประมาณ 8 – 12 ชม. ดังนั้นเราต้องคำนวนเวลาให้ดี ๆ ควรเริ่ม start ตั้งแต่เช้า ๆ และควรเริ่มก่อน 10.00 น. จะเหมาะสุด แต่ถ้ามาเดินในช่วงฤดู Summer นี้ ท้องฟ้าจะสว่างไปจนถึงประมาณ 5 ทุ่มเลยทีเดียว

แล้ววันแห่งการเดินทางก็มาถึง จากรายงานสภาพอากาศบอกเราว่า วันนี้แดดดีแต่อาจเจอฝนบ้างในบางช่วง พวกเรามาถึงบริเวณทางขึ้น ซึ่งเป็นจุดนัดหมายของทีมเวลาประมาณ 7 โมงเช้า เพราะได้คำนวนเวลาาการเดินทางเอาไว้เผื่อผมซึ่งเป็นมือสมัคร ซึ่งเมื่อทุกคนพร้อมเราจึงเริ่มออกเดิน

ในช่วง กม.ที่ 1 ผมตั้งชื่อว่าช่วงวัดใจ ถ้าใครเคยเดินขึ้นภูกระดึง ก็จะคล้าย ๆ ซัมแฮก มีการต้องปีนป่ายไต่เชือกเป็นบางช่วง มีความสูงชันไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าใครคิดว่าไม่ไหวผมว่าก็ควรหยุดแล้วหันหลังกลับลงไปเลยจะดีกว่า เพราะถือว่าลำบากพอสมควรกันเลย เรียกเหงื่อได้เป็นปี๊บตั้งแต่ กม.แรกนี่แหละ
จะมีป้ายบอกระยะทางทุกๆ 1 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเป็นลักษณะหินภูเขา สลับกับพื้นดิน มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน บางช่วงยังมีหิมะที่ละลายไม่หมด ย้ำว่ารองเท้าเดินเขาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการลุยในทุกสภาวะการณ์
เราจะเห็นนักเดินเขาทั้งมืออาชีพ ดูจากการเตรียมพร้อมของอุปกรณ์ที่ครบครัน และนักเดินเขามือสมัครเล่นใส่รองเท้าแตะก็ยังคงมีให้เห็น

นักท่องเที่ยวบางกลุ่มจะเตรียมอุปกรณ์เพื่อไปค้างแรมบนเขา เพื่อที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ โดยไม่ต้องเร่งรีบเดินทางไปกลับภายในวันเดียว
จากคำบอกเล่าของคนที่เคยมาเดินเขาแห่งนี้ เล่าว่าในแต่ละปีเส้นทางการเดินเขาจะไม่เหมือนกัน เช่นปีก่อนหิมะยังละลายไม่หมด ทางเดินส่วนใหญ่จึงจะยังถูกปลกคุมด้วยหิมะ ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษจากการลื่นล้ม
ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี 2015
ส่วนภาพนี้ถ่ายปีล่าสุด 2016 เปรียบเที่ยบกันครับ

เค้าบอกว่าน้ำในลำธารสามารถใช้ดื่มได้เลย เป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ธรรมชาติของแท้ซะด้วย
มีวิวให้เราชื่นชมตลอดเส้นทาง ช่างงดงามเหมือนภาพฝัน
ความเหนื่อยล้าจางหายไป เมื่อได้เห็นความงามของธรรมชาติ
ป้ายกิโลเมตรที่ 11 บอกเราว่า เราได้มาถึงที่หมายปลายทางแล้ว
นักท่องเที่ยวกำลังรอคิวเพื่อลงไปเก็บภาพความประทับใจที่ Trolltunga โชคดีวันที่เราไปนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก เราจึงรอคิวไม่นานนัก
แผ่นหินที่ยื่นตัวออกไปในหุบเหว เป็น Hilight ที่นักปีนเขาต่างปรารถนาจะเอาตัวเองไปยืนอยู่ตรงนั้น บางคู่ไปขอแต่งงาน บางคนยอมแก้ผ้าเพื่อจดบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ให้แก่ชีวิตตัวเองก็มี ผมได้เจอทุกเหตุการณ์พร้อมๆ กันเลยครับในวันนั้น
Moment สำคัญในชีวิตผม วินาทีแห่งความตื่นเต้นระคนตื้นตัน หลากหลายอารมณ์เกิดขึ้นพร้อมๆกันในเวลาที่ได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น
ที่ระลึกร่วมกับทีมงานคุณภาพ ผู้ช่วยสานฝันของผมให้เป็นจริง
คงเคยได้ยินใครบอกว่า ถ้าอยากไปให้เร็ว ให้ไปคนเดียว แต่ถ้าอยากไปให้ไกล ให้ไปหลายๆคน ..... คุณอยากให้การเดินทางของคุณเป็นแบบไหน คุณสามารถเลือกและออกแบบได้ เช่นเดียวกับการใช้ชีวิตเหมือนกัน ว่าคุณอยากทำชีวิตให้เป็นแบบไหน คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกมันได้ขึ้นอยู่กับใจของคุณเอง
การเดินทางได้สอนอะไรหลายๆ อย่างให้แก่ผม ไม่ว่าจะต้องเจออุปสรรคใดๆ ถ้าใจเราพร้อม ผมเชื่อเสมอว่าเราจะผ่านมันไปได้ คำว่าฟ้าหลังฝนยังคงใช้ได้เสมอ ขอบคุณเพื่อนผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน จนกว่าเราจะพบกันใหม่ครับ
[SR] Once upon a time in Norway กาลครั้งหนึ่งเมื่อฉันไปพิชิต Trolltunga
นับเป็นครั้งที่ 6 สำหรับการเดินทางไปเยือนนอร์เวย์ แต่เป็นครั้งแรกสำหรับการรีวิวประเทศนี้ มนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติของนอร์เวย์ ยังคงสร้างความประทับใจในทุกครั้งที่มาเยือน ช่วง Summer time ประมาณเดือน มิถุนายน – กันยายน จัดเป็นฤดูท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวที่สุดละ เพราะเราจะได้สัมผัสความตระการตาของธรรมชาติแห่งฤดูร้อน ผลไม้ที่เริ่มออกผลผลิตให้ได้ลิ้มรสชาดความอร่อย และอุณหภูมิที่อบอุ่นกำลังดีไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป อากาศกำลังพอเหมาะสำหรับมนุษย์ในเขตภูมิภาคร้อนแบบเรา ๆ
นอร์เวย์ ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน ตั้งอยู่ในยุโรปเหนือ เป็นประเทศที่มีชายฝั่งทะเลที่ยาวและเป็นที่ตั้งของฟยอร์ดที่มีชื่อเสียง คิดว่าหลายคนคงใฝ่ฝันว่าอยากจะมีโอกาสไปสัมผัสธรรมชาติที่งดงามสักครั้งในชีวิต
Trolltunga ตั้งอยู่ในหุบเขาในเขตเมือง Hadanger หรือ Odda ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศนอร์เวย์ ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วง Summer time ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินเขาเป็นอย่างยิ่ง
ผมว่าเมือง Odda อารมณ์จะคล้าย ๆ ปาย ของบ้านเรา คือเป็นเมืองเล็ก ๆ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขา มีทะเลสาบใหญ่อยู่บริเวณใจกลางเมือง ซึ่งเส้นทางในเขตเมือง Odda นี้ ในครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทางสำคัญ เพราะสมัย ร.5 ก็ได้เคยใช้เสด็จครั้งเมื่อประพาสยุโรปอีกด้วย
Latefossen หรือ Twin waterfall น้ำตกแฝดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของนอร์เวย์ ก็อยู่ในเขตเมือง Odda แห่งนี้ด้วย
Trolltunga จัดเป็นหน้าผาที่หวาดเสียวที่สุดของฟยอร์ดในนอร์เวย์ โดย Trolltonga ในภาษานอร์เวย์ Troll หมายถึงยักษ์ในตำนานของประเทศนอร์เวย์ และคำว่า Tunga มาจาก tonge ในภาษาอังกฤษ ที่แปลว่าลิ้น ดังนั้น Trolltunga แปลตรงๆ คือ " ลิ้นของยักษ์ โทรลล์" เป็นลักษณะของแผ่นหินบางยาวๆ ที่ยื่นออกมาจากหน้าผาสูงนั่นเอง ภาพที่หลายคนคุ้นเคยคือคนนั่งห้อยขาตรงฉง้อนหินปลายแหลม ที่ยื่นออกไปในเหวลึก นั่นแหละครับคือ Signature ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศนอร์เวย์ ที่นักเดินเขาทั่วโลกต่างใฝ่ฝันว่าจะได้ไปเยือนให้ได้อย่างน้อยสักครั้งในชีวิต
การเตรียมสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง จากคำขู่...เอ๊ย !!! คำบอกเล่าของไกด์เจ้าถิ่นถึงความหฤโหดในการเดินเท้า ว่าเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เช่น สภาวะความกดอากาศ อุณหภูมิบนยอดเขาถึงแม้จะเป็นช่วง Summer ก็ยังรู้สึกเย็นเอาเรื่องอยู่นะสำหรับคนที่มาจากประเทศในเขตร้อน อีกทั้งภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นเขาสูง ทำให้ก่อนการเดินทางในครั้งนี้จะต้องวางแผนให้ดี ทั้งในเรื่องอาหารต้องให้เพียงพอสำหรับการเดินทาง ส่วนน้ำดื่มสามารถไปรองจากธารน้ำที่มาจากเขา ตลอดเส้นทางเดินได้ เสื้อผ้านอกจากต้องให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายแล้วยังต้องเตรียมตามพยากรณ์อากาศในวันเดินเขา สามารถกันลมกันหนาว กันฝน รองเท้าเดินเขาที่ต้องมีความพอดีไม่คับหรือหลวมเกินไป สามารถลุยน้ำลุยโคลน ล้วนมีความสำคัญอย่างมาก ที่จะนำพาเราไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย
มีข้อมูลแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาเดินเขา Trolltunga ดังนี้
ถ้าระหว่าง 16 ตุลาคม – 18 มีนาคม จะเป็นช่วงที่อันตราย ห้ามปีนเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เริ่มมีหิมะตก และท้องฟ้าจะมืดเร็วขึ้น เขาเตือนว่าอันตรายถึงชีวิตเลยนะคุณ !!!
ระหว่าง 19 มีนาคม – 15 มิถุนายน และ 15 กันยายน – 15 ตุลาคม สามารถปีนเขาได้ แต่ต้องจะต้องมีไกด์นำทางที่มีความชำนาญ
และระหว่าง 15 มิถุนายน – 15 กันยายน เป็นช่วงที่ดีที่สุดในการมาปีนเขาแห่งนี้ แต่การจะไปวันไหนนั้น ควรตรวจเช็คสภาพอากาศให้ดี เพราะถึงจะเป็นช่วง Summer ก็มีโอกาสเจอลมฝนได้เหมือนกัน แต่อย่าวิตกกังวลจนเกินไป ถ้าคุณพร้อมก็ลุยไปเลยละกัน
เส้นทาง 11 กิโลเมตร แห่งความหฤหรรษ์กำลังรอเราอยู่
จากตีนเขาจนถึง Trolltunga มีระยะทาง 11 กม. ไปกลับรวม 22 กม. การเดินเขาจะใช้เวลาประมาณ 8 – 12 ชม. ดังนั้นเราต้องคำนวนเวลาให้ดี ๆ ควรเริ่ม start ตั้งแต่เช้า ๆ และควรเริ่มก่อน 10.00 น. จะเหมาะสุด แต่ถ้ามาเดินในช่วงฤดู Summer นี้ ท้องฟ้าจะสว่างไปจนถึงประมาณ 5 ทุ่มเลยทีเดียว
แล้ววันแห่งการเดินทางก็มาถึง จากรายงานสภาพอากาศบอกเราว่า วันนี้แดดดีแต่อาจเจอฝนบ้างในบางช่วง พวกเรามาถึงบริเวณทางขึ้น ซึ่งเป็นจุดนัดหมายของทีมเวลาประมาณ 7 โมงเช้า เพราะได้คำนวนเวลาาการเดินทางเอาไว้เผื่อผมซึ่งเป็นมือสมัคร ซึ่งเมื่อทุกคนพร้อมเราจึงเริ่มออกเดิน
ในช่วง กม.ที่ 1 ผมตั้งชื่อว่าช่วงวัดใจ ถ้าใครเคยเดินขึ้นภูกระดึง ก็จะคล้าย ๆ ซัมแฮก มีการต้องปีนป่ายไต่เชือกเป็นบางช่วง มีความสูงชันไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าใครคิดว่าไม่ไหวผมว่าก็ควรหยุดแล้วหันหลังกลับลงไปเลยจะดีกว่า เพราะถือว่าลำบากพอสมควรกันเลย เรียกเหงื่อได้เป็นปี๊บตั้งแต่ กม.แรกนี่แหละ
จะมีป้ายบอกระยะทางทุกๆ 1 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเป็นลักษณะหินภูเขา สลับกับพื้นดิน มีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน บางช่วงยังมีหิมะที่ละลายไม่หมด ย้ำว่ารองเท้าเดินเขาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการลุยในทุกสภาวะการณ์
เราจะเห็นนักเดินเขาทั้งมืออาชีพ ดูจากการเตรียมพร้อมของอุปกรณ์ที่ครบครัน และนักเดินเขามือสมัครเล่นใส่รองเท้าแตะก็ยังคงมีให้เห็น
นักท่องเที่ยวบางกลุ่มจะเตรียมอุปกรณ์เพื่อไปค้างแรมบนเขา เพื่อที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ โดยไม่ต้องเร่งรีบเดินทางไปกลับภายในวันเดียว
จากคำบอกเล่าของคนที่เคยมาเดินเขาแห่งนี้ เล่าว่าในแต่ละปีเส้นทางการเดินเขาจะไม่เหมือนกัน เช่นปีก่อนหิมะยังละลายไม่หมด ทางเดินส่วนใหญ่จึงจะยังถูกปลกคุมด้วยหิมะ ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษจากการลื่นล้ม
เค้าบอกว่าน้ำในลำธารสามารถใช้ดื่มได้เลย เป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ธรรมชาติของแท้ซะด้วย
มีวิวให้เราชื่นชมตลอดเส้นทาง ช่างงดงามเหมือนภาพฝัน
ความเหนื่อยล้าจางหายไป เมื่อได้เห็นความงามของธรรมชาติ
นักท่องเที่ยวกำลังรอคิวเพื่อลงไปเก็บภาพความประทับใจที่ Trolltunga โชคดีวันที่เราไปนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก เราจึงรอคิวไม่นานนัก
แผ่นหินที่ยื่นตัวออกไปในหุบเหว เป็น Hilight ที่นักปีนเขาต่างปรารถนาจะเอาตัวเองไปยืนอยู่ตรงนั้น บางคู่ไปขอแต่งงาน บางคนยอมแก้ผ้าเพื่อจดบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ให้แก่ชีวิตตัวเองก็มี ผมได้เจอทุกเหตุการณ์พร้อมๆ กันเลยครับในวันนั้น
Moment สำคัญในชีวิตผม วินาทีแห่งความตื่นเต้นระคนตื้นตัน หลากหลายอารมณ์เกิดขึ้นพร้อมๆกันในเวลาที่ได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น
คงเคยได้ยินใครบอกว่า ถ้าอยากไปให้เร็ว ให้ไปคนเดียว แต่ถ้าอยากไปให้ไกล ให้ไปหลายๆคน ..... คุณอยากให้การเดินทางของคุณเป็นแบบไหน คุณสามารถเลือกและออกแบบได้ เช่นเดียวกับการใช้ชีวิตเหมือนกัน ว่าคุณอยากทำชีวิตให้เป็นแบบไหน คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกมันได้ขึ้นอยู่กับใจของคุณเอง
การเดินทางได้สอนอะไรหลายๆ อย่างให้แก่ผม ไม่ว่าจะต้องเจออุปสรรคใดๆ ถ้าใจเราพร้อม ผมเชื่อเสมอว่าเราจะผ่านมันไปได้ คำว่าฟ้าหลังฝนยังคงใช้ได้เสมอ ขอบคุณเพื่อนผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน จนกว่าเราจะพบกันใหม่ครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น