เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1,000 เมกะวัตต์ในอนาคต เพื่อผลักดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานขึ้นเป็นมากกว่า 50% ด้วยการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าขยะและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่อยู่ในประเทศเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ยังมีโอกาสการลงทุนอีกมากจากปัจจุบันที่บริษัทเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าขยะที่แพรกษาขนาด 9.9 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 1 โรงที่ลาดกระบัง ขนาด 120 เมกะวัตต์
สำหรับโรงไฟฟ้าขยะของบริษัท ราชบุรี-อีอีพี รีนิวเอเบิ้ล เอนเนอจี้ จำกัด (R-EEP) ที่แพรกษา บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนราว 20% คาดว่าเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในเดือน ธ.ค.นี้ และจะเริ่มรับรู้รายได้ปี 60 ซึ่งในบริเวณดังกล่าวยังมีศักยภาพที่จะสร้างโรงไฟฟ้าขยะได้อีกมาก เนื่องจากมีปริมาณขยะมากกว่า 4 พันตัน/วัน และมีระบบบริหารจัดการผลประโยชน์ที่ค่อนข้างลงตัว จึงมองโอกาสที่จะร่วมทุนกับพันธมิตรรายเดิมเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพิ่มขึ้นอีก
ด้านโอกาสในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต แผนการลงทุนจะเป็นการเข้าไปซื้อโครงการที่พัฒนาแล้วมาขาย ซึ่งจะเน้นไปที่การซื้อโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน และจะต้องมี IRR ไม่ต่ำกว่า 10% เช่นกัน โดยปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปซื้อสนามกอล์ฟที่หัวหิน ขนาด 27 หลุมในปัจจุบัน บนที่ดิน 1,400 ไร่ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทปีละ 50 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปีนี้ธุรกิจสนามกอล์ฟดังกล่าวเริ่มเป็นกำไรเป็นครั้งแรกแล้ว หลังจากช่วงที่ผ่านมายังขาดทุน
ส่วนธุรกิจค้าเหล็กที่ปัจจุบันสร้างรายได้ให้กับบริษัทน้อยมาก ในอนาคตบริษัทจะค่อย ๆ ทยอยลดบทบาทลงลง ซึ่งธุรกิจเหล็กเป็นธุรกิจที่ยังสร้างผลขาดทุนให้กับบริษัทในปัจจุบัน และมีรายได้เข้ามาไม่มากนัก และการที่ลดสัดส่วนธุรกิจเหล็กให้น้อยลงบริษัทไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพราะไม่มีสินทรัพย์ใด ๆ เป็นเพียงธุรกิจซื้อมาขายไปเท่านั้นสำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานนั้น นายอิทธิชัย ยอมรับว่า ในปีนี้บริษัทจะยังคงมีผลขาดทุนอยู่ เนื่องจากรายได้จากธุรกิจไฟฟ้ายังเข้ามาไม่มาก แต่จะเริ่มเข้ามามากอย่างมีนัยสำคัญขึ้นตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไร หลังจากสิ้นปี 59 บริษัทคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นเกือบ 300 เมกะวัตต์
ขณะที่ภาระขาดทุนสะสมที่มีอยู่ในปัจจุบัน 390 ล้านบาทนั้น บริษัทเตรียมแผนล้างขาดทุนสะสมให้หมดในปี 60 ด้วยการปรับลดมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ของหุ้น MAX เหลือ 0.50 บาท จาก 1 บาทในปัจจุบัน เพื่อนำมาล้างขาดทุนสะสม และหลังจากนั้นบริษัทก็เตรียมจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งหากงวดปี 60 มีกำไรตามที่วางเป้าหมายไว้ ก็จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในปี 61
MAX ลุยพลังงาน-อสังหาฯลดบทบาทค้าเหล็กเล็งเปลี่ยนชื่อ-ย้ายกลุ่มเทรด เชื่อพลิกกำไร-ล้างขาดทุนฯในปี 60
สำหรับโรงไฟฟ้าขยะของบริษัท ราชบุรี-อีอีพี รีนิวเอเบิ้ล เอนเนอจี้ จำกัด (R-EEP) ที่แพรกษา บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนราว 20% คาดว่าเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในเดือน ธ.ค.นี้ และจะเริ่มรับรู้รายได้ปี 60 ซึ่งในบริเวณดังกล่าวยังมีศักยภาพที่จะสร้างโรงไฟฟ้าขยะได้อีกมาก เนื่องจากมีปริมาณขยะมากกว่า 4 พันตัน/วัน และมีระบบบริหารจัดการผลประโยชน์ที่ค่อนข้างลงตัว จึงมองโอกาสที่จะร่วมทุนกับพันธมิตรรายเดิมเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพิ่มขึ้นอีก
ด้านโอกาสในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต แผนการลงทุนจะเป็นการเข้าไปซื้อโครงการที่พัฒนาแล้วมาขาย ซึ่งจะเน้นไปที่การซื้อโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน และจะต้องมี IRR ไม่ต่ำกว่า 10% เช่นกัน โดยปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปซื้อสนามกอล์ฟที่หัวหิน ขนาด 27 หลุมในปัจจุบัน บนที่ดิน 1,400 ไร่ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทปีละ 50 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปีนี้ธุรกิจสนามกอล์ฟดังกล่าวเริ่มเป็นกำไรเป็นครั้งแรกแล้ว หลังจากช่วงที่ผ่านมายังขาดทุน
ส่วนธุรกิจค้าเหล็กที่ปัจจุบันสร้างรายได้ให้กับบริษัทน้อยมาก ในอนาคตบริษัทจะค่อย ๆ ทยอยลดบทบาทลงลง ซึ่งธุรกิจเหล็กเป็นธุรกิจที่ยังสร้างผลขาดทุนให้กับบริษัทในปัจจุบัน และมีรายได้เข้ามาไม่มากนัก และการที่ลดสัดส่วนธุรกิจเหล็กให้น้อยลงบริษัทไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพราะไม่มีสินทรัพย์ใด ๆ เป็นเพียงธุรกิจซื้อมาขายไปเท่านั้นสำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานนั้น นายอิทธิชัย ยอมรับว่า ในปีนี้บริษัทจะยังคงมีผลขาดทุนอยู่ เนื่องจากรายได้จากธุรกิจไฟฟ้ายังเข้ามาไม่มาก แต่จะเริ่มเข้ามามากอย่างมีนัยสำคัญขึ้นตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไร หลังจากสิ้นปี 59 บริษัทคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นเกือบ 300 เมกะวัตต์
ขณะที่ภาระขาดทุนสะสมที่มีอยู่ในปัจจุบัน 390 ล้านบาทนั้น บริษัทเตรียมแผนล้างขาดทุนสะสมให้หมดในปี 60 ด้วยการปรับลดมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ของหุ้น MAX เหลือ 0.50 บาท จาก 1 บาทในปัจจุบัน เพื่อนำมาล้างขาดทุนสะสม และหลังจากนั้นบริษัทก็เตรียมจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งหากงวดปี 60 มีกำไรตามที่วางเป้าหมายไว้ ก็จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในปี 61