ความเป็นมาการผสมยาพิษลงในเครื่องดื่มแอลกฮอล์



เหล้าเถื่อนกับเมทานอลถือเป็นของคู่กัน

ทั้งสองอย่างนี้ทำให้เกิดการเสียชีวิตจากการดื่มได้ ซึ่งเห็นได้จากข่าวต่างๆ เมื่อมีผู้คนหลายคนเสียชีวิตจากการดื่มที่มีความเป็นไปได้สูงว่ามีการวางยาพิษในเบียร์ในโมแซมบิก และมีหลายคนที่เสียชีวิตจากการดื่มเหล้าคุณภาพต่ำในอินเดีย แนวคิดเกี่ยวกับการวางยาพิษหรือใส่สิ่งเจือปนเข้าไปโดยที่ไม่ได้รับการอนุญาตนั้นอาจจะทำให้ผู้อ่านชาวอเมริกันวิตกกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้นในโลก แต่จริงๆแล้วประเทศอเมริกาก็มีประวัติอันยาวนานเกี่ยวกับการเสียชีวิตจากการวางยาพิษในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่จำเป็นต้องพูดถึงการเสียชีวิตมากกว่า 1 พันคนต่อปี แม้แต่ในวันนี้เองก็มีวี่แววในการวางยาพิษในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีการรับรองจากอย.

ไม่ว่าการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นในปี 2012 ที่ปรากหรือในเมืองนิวยอร์กปี 1922 นั้น ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับการวางยาพิษในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีแนวโน้มว่ามาจากเหล้าเถื่อนที่มีการใส่เมทานอล ซึ่งเมทานอลก็มีการใช้ในสินค้าการผลิตในตามอุตสาหกรรมต่างๆเช่น ฟอร์มาลดีไฮต์กับเชื้อเพลิง ซึ่งมีราคาถูกกว่าและแรงกว่าเอทานอล (แอลกอฮอล์ที่เราใช้ดื่ม) ซึ่งจริงๆแล้วก็ถือเป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะมีการวางขายให้กับนักดื่มที่มองหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีราคาถูกหรือเจาะผู้บริโภครายนั้นๆก็ตาม แต่เหล้าเถื่อนผู้คนกลับไม่ตระหนักถึง การดื่มสารที่มีเมทานอลเข้าไปจะทำให้สูญเสียภาวะการมองเห็น ระบบหายใจ อัมพาตหรือถึงตายได้ ซึ่งเป็นความจริงที่ทั่วโลกทราบกันดีมาตลอดหลายสิบปีมานี้

แต่มีช่วงหนึ่งที่มีการออกคำสั่งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มสุรา ซึ่งผิดแปลกไปจากทุกวันนี้ ตอนนั้นในปี 1920 ทางรัฐบาลอเมริกามีส่วนรับผิดชอบในเรื่องการใส่ยาพิษ

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีคำสั่งห้ามนำเข้าในปี 1920 แม้ว่าจะเป็นการออกกฎหมายฉบับใหม่ ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงดื่มต่อไป ทั้งร้านขายเหล้าผิดกฎหมายกับเหล้าใต้ดินก็มียอดขายถล่มทลาย ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มที่จะดื่มมากขึ้น ในกรณีตัวอย่างส่วนใหญ่นั้นยิ่งดื่มมาก ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ว่า มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแม้ว่าจะมีการนำเข้าน้อยลงตามข้อบังคับทางกฎหมาย คนที่ต้องการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มีวิธีการกลั่นเคลื่อนดื่มเพื่อที่จะวางขายในประเทศอเมริกาได้

ในแต่ละปีอุตสาหกรรมเครื่องดื่มมึนเมามีการปรับเปลี่ยนวิธีโดยใส่สารเคมีเพิ่มมากขึ้นหรือเป็นสารเคมีที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ แนวคิดเริ่มมาจากผู้คนไม่สามารถเลี่ยงภาษีเครื่องดื่มมึนเมาได้จากการซื้อขาย แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการฟอกเครื่องดื่มมึนเมาใหม่เพื่อให้เจาะเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง

ในช่วงนั้นนิตยสาร Time วันที่ 10 มกราคม ปี 1927 ก็ได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการต่อต้านเครื่องดื่มมึนเมาของรัฐบาล ในปีนั้นว่า มีการใช้สูตรผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นการใส่ยาพิษเพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่า สูตรใหม่ก็คือ ใส่เมทานอลไป 4 อัตราส่วน ใส่ไพริดีน 2.25 อัตราส่วน ใส่เบนซินไปที่ 0.5 อัตราส่วน ใส่เอทิลแอลกอฮอล์อีก 100 อัตราส่วน และ Time ก็ได้บันทึกเอาไว้ว่า “สารทั้ง 3 อย่างนี้ทำให้สูญเสียภาวการณ์มองเห็น” (ในกรณีตัวอย่างคุณคงไม่เคยรู้เลยว่า การดื่มนั้นไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องพวกนี้)

ไม่ใช่ทุกๆคนที่คิดว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่อันตราย เมื่อมีการทำในรูปแบบผิดกฎหมายด้วยแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่หยุดยั้งเหล่านักดื่มได้ และทางวุฒิสภาของนิวเจอร์ซี่อย่าง Edward I.Edward ก็ได้เรียกว่าเป็น “การฆาตกรรมทางกฎหมาย” อย่างไรก็ตามสมาคมต่อต้านร้านเหล้าก็ได้โต้แย้งว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ถูกกฎหมายได้ฆ่าคนจำนวนมากในแต่ละวันมากกว่าเครื่องดื่มที่มีการใส่สารเคมีในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างที่มีการรณรงค์งดเหล้า “ทางรัฐบาลไม่ได้ออกกฎหมายกับผู้คนที่ดื่มว่า ดื่มได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายบังคับห้ามนำเข้า” กล่าวโดยผู้ให้การสนับสนุน Wayne B.Wheeler “คนที่ดื่มเหล้าตามอุตสาหกรรมนั้นมีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตาย...ทั้งสร้างปัญหาโดยเพิ่มค่าครองชีพโดยใช่เหตุและประสบกับความลำบากหลายปี”

ทางด้านรัฐบาลไม่ได้พยายามที่จะแก้ตัวว่า การปรับเปลี่ยนสูตรใหม่จะไม่นำไปสู่การเสียชีวิต ในปีต่อมาทางด้าน Seymour M.Lowman รัฐมนตรีช่วยคลังได้ทำหน้าที่ในการห้ามนำเข้า แม้ว่าจะบอกกับผู้คนในสังคมนักดื่มว่า “เหล้าเถื่อนมีการผสมยาพิษเอาไว้” และหากว่าประเทศอเมริกาเลิกดื่มเหล้าได้จริง “ก็ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงเลยทีเดียว”

และเมื่อมีอัตราการเสียชีวิตเกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายนี้ ทางด้านเจ้าหน้าที่ควบคุมการนำเข้าก็จะถูกไล่ออก จากการที่ Time ได้รายงานหลังจากปี 1928 เมื่อมีผู้คน 33 คนในแมตฮัตตันเสียชีวิตใน 3 วัน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการดื่มที่มีการใส่สารเคมีเอาไว้ว่า

“ทุกๆคนคาดหวังว่าจะให้ทางฝ่ายดำเนินกฎหมายเข้ามาแทรกแซงและช่วยเหลือ แต่ก็สายไปในแมตฮัตตัน แต่ก็ไม่มีคาดหวังว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ทางด้านองค์กรก็ได้ประกาศว่าทางรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย จากการแถลงการณ์ของคณะลูกขุนก็ได้กล่าวว่า ‘เนื่องจากสารเคมีไม่ได้อยู่ในเหล้า แต่เข้าใจว่าเป็นยาพิษ (คล้ายๆกับไซยาไนด์หรือไอโอดีน) และมีการใช้หรือวางขายที่ไม่มีการตรวจสอบโดยฝ่ายกฎหมาย พวกเราให้ความสำคัญกับรายงานว่า ในกรณีปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจะต้องมีการพิจารณาจากรัฐที่มีอำนาจมากกว่าฝ่ายดำเนินกฎหมาย กฎหมายรัฐแต่ละแห่งก็มีการควบคุมจำหน่ายยาพิษและมีมาตรการในการลงโทษผู้ใช้และผู้ขายอยู่แล้ว’

การห้ามนำเข้าก็ยกเลิกในปี 1933 และก็ไม่มีชาวอเมริกันคนไหนอยากที่จะเสี่ยงชีวิตจากการดื่มจากสารเมทานอล แต่ข่าวต่างๆก็มีการแสดงให้เห็นว่า เหล้าเถื่อนยังมีการใช้ส่วนผสมแบบนี้อยู่

ผู้แปล : Mr.lawrence10

ที่มา : Time.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่