หลายๆคนคงจะรู้จักกิจกรรมรับน้องของไทยเป็นอย่างดี ซึ่งมีข่าวออกมากันให้เห็นกันทุกๆปี แม้จะมีกฏหมายออกมาควบคุมการรับน้องแต่ก็ยังมีการจัดการรับน้องที่ละเมิดสิทธิ์กนอยู่ดี ถึงปากจะบอกว่าเข้าก็ได้ไม่เข้าก็ได้ แต่สุดท้ายคนที่ไม่เข้าก็จะไม่มีที่ยืนในสังคม โดนกดดันต่างๆนาๆทั้งจากเพื่อนและพวกรุ่นพี่ปีต่างๆ ซึ่งบางมหาลัยก็ยังมีการสนับสนุนระบบพวกนี้อยู่โดยบอกว่าเป็นการแสดงความสามัคคี และเชิดชูสถาบัน เวลามีกิจกรรมก็จะให้รุ่นพี่จัดการบอกต่อกับรุ่นน้องไม่มีกำหนดการแจ้งอย่าชัดเจน ต้องรวมกลุ่มในรุ่นนั้นก่อนแล้วค่อยไป ซึ่งมันลำบากมากสำหรับคนไม่เอารุ่น ทางมหาลัยไม่ระบบและมาตรการป้องกันการรับน้องหรือช่วยเหลือคนที่ไม่เอารุ่น (โดนมากับตัว)
มาก่อนเป็นพี่ มาพร้อมกันเป็นเพื่อน มาทีหลังเป็นน้อง ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นการปลูกฝังระบบอาวุโส คนที่เป็นน้องก็เป็นน้องอยู่อย่างงั้นไม่มีทางที่จะมีสิทธิ์เหนือพวกที่มาก่อน แล้วก็เกิดการกดขี่ข่มแหงลงมากันเป็นทอดๆ ต้องมาคอยไหว้ใครก็ไม่รู้ที่แค่มาเรียนก่อน ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เราสอบเข้ามาได้ ไม่ได้ให้เงินเราเรียน ทำกิจกรรมซ้อมเชียร์ทั้งเช้าทั้งเย็น ตะโกนจนเสียงหาย ปวดล้าร่างกาย ทำใมไม่เอาเวลาไปเรียน ติว ทำงานที่มันเกิดประโยชน์มากกว่าการซ้อมเชียร์ นี้เราเข้ามหาลัยเพื่อมาหาความรู้ ความสารถ นั้นอาจเป็นการที่ทำให้สังคมไทยย่ำอยู่กับที่ มีการปลูกฝังอะไรที่มันแปลกๆ เป็นหน่ออ่อนของการบ้าอำนาจ ใช้ระบบอาวุโส คนที่มีความสามารถไม่มีโอกาศได้ลืมตาอ้าปาก
จากตัวผมการใช้ชีวิตในมหาลัยลำบากมาก รู้สึกท้อแท้ รู้สึกผิดหวังมากกับการที่เราตั้งใจเรียนเพื่อที่สอบเข้ามหาลัยได้คณะที่ชอบแต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ในมหาลัย ใครหลายๆคนที่ต้องทนยอมทำตามระบบพวกนี้เพื่อให้อยู่ได้ในสังคมที่ตั้งกันขึ้นมาเอง ผมคิดจะลาออกหลายครั่งมาก แต่ก็สงสารพ่อแม่ เสียดายเงิน และก็อนาคตตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำใมพวกรุ่นพี่ถึงยังทำกับแบบนี้อยู่ การที่สามัคคีหรือรู้จักเพื่อนมันจำเป็นต้องว็าก ต้องเชียร์กันด้วยหรือ วิธีอื่นดีๆมีตั้งมากมายทำใมไม่ทำกัน
สุดท้ายนี้ผมอยากส่งข้อความนี้ถึงคนที่มีหน้าที่การงานที่สามารถแก้ปัญหาพวกนี้ได้เข้ามาจัดการระบบสังคมในมหาลัยให้มันเด็ดขาด ลงมือทำจริงๆให้เห็นผลชัดเจน ไม่ไช่สักแต่พูด (ทำเหมือนตอนเลิกทาส ร.5 ก็ได้ค่อยเป็นค่อยไป) นี้เป็นหนึ่งเสียงจากคนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาพวกนี้และผมหวังว่าระบบการศึกษา และสังคมไทยจะถูกพัฒนาไปในทางที่ถูกต้องในอนาคตเพื่อคนรุ่นต่อๆไป (ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง ก็ข้ออภัย ณ ที่นี้ด้วย)
สถาบัน รุ่น และกิจกรรมเชียร์มันอยู่กับเราแค่ตอนอยู่ในมหาลัย
แต่ความรู้และความสามารถจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต
อยากจะเปลี่ยนกิจกรรมรับน้อง และสังคมในมหาลัย
มาก่อนเป็นพี่ มาพร้อมกันเป็นเพื่อน มาทีหลังเป็นน้อง ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นการปลูกฝังระบบอาวุโส คนที่เป็นน้องก็เป็นน้องอยู่อย่างงั้นไม่มีทางที่จะมีสิทธิ์เหนือพวกที่มาก่อน แล้วก็เกิดการกดขี่ข่มแหงลงมากันเป็นทอดๆ ต้องมาคอยไหว้ใครก็ไม่รู้ที่แค่มาเรียนก่อน ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เราสอบเข้ามาได้ ไม่ได้ให้เงินเราเรียน ทำกิจกรรมซ้อมเชียร์ทั้งเช้าทั้งเย็น ตะโกนจนเสียงหาย ปวดล้าร่างกาย ทำใมไม่เอาเวลาไปเรียน ติว ทำงานที่มันเกิดประโยชน์มากกว่าการซ้อมเชียร์ นี้เราเข้ามหาลัยเพื่อมาหาความรู้ ความสารถ นั้นอาจเป็นการที่ทำให้สังคมไทยย่ำอยู่กับที่ มีการปลูกฝังอะไรที่มันแปลกๆ เป็นหน่ออ่อนของการบ้าอำนาจ ใช้ระบบอาวุโส คนที่มีความสามารถไม่มีโอกาศได้ลืมตาอ้าปาก
จากตัวผมการใช้ชีวิตในมหาลัยลำบากมาก รู้สึกท้อแท้ รู้สึกผิดหวังมากกับการที่เราตั้งใจเรียนเพื่อที่สอบเข้ามหาลัยได้คณะที่ชอบแต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ในมหาลัย ใครหลายๆคนที่ต้องทนยอมทำตามระบบพวกนี้เพื่อให้อยู่ได้ในสังคมที่ตั้งกันขึ้นมาเอง ผมคิดจะลาออกหลายครั่งมาก แต่ก็สงสารพ่อแม่ เสียดายเงิน และก็อนาคตตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำใมพวกรุ่นพี่ถึงยังทำกับแบบนี้อยู่ การที่สามัคคีหรือรู้จักเพื่อนมันจำเป็นต้องว็าก ต้องเชียร์กันด้วยหรือ วิธีอื่นดีๆมีตั้งมากมายทำใมไม่ทำกัน
สุดท้ายนี้ผมอยากส่งข้อความนี้ถึงคนที่มีหน้าที่การงานที่สามารถแก้ปัญหาพวกนี้ได้เข้ามาจัดการระบบสังคมในมหาลัยให้มันเด็ดขาด ลงมือทำจริงๆให้เห็นผลชัดเจน ไม่ไช่สักแต่พูด (ทำเหมือนตอนเลิกทาส ร.5 ก็ได้ค่อยเป็นค่อยไป) นี้เป็นหนึ่งเสียงจากคนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาพวกนี้และผมหวังว่าระบบการศึกษา และสังคมไทยจะถูกพัฒนาไปในทางที่ถูกต้องในอนาคตเพื่อคนรุ่นต่อๆไป (ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง ก็ข้ออภัย ณ ที่นี้ด้วย)