***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งที่เกี่ยวกับการเลิกทาสค่ะ หลายคนงงแน่ๆ ตกลงทำไมมีหลายวันจัง คือ เป็นแบบนี้
วันที่ 1 เมษายน เป็น "วันเลิกทาสของไทย" เพราะ รัชกาลที่ 5 ทรงประกาศ พรบ.เลิกทาส รศ. 124 เมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2435
วันที่ 23 สิงหาคม ยูเนสโกประกาศให้เป็น "วันสากลเพื่อการระลึกถึงการค้าและการเลิกทาส" เพราะเกิดการลุกฮือในซานโตโดมิงโก (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐโดมินิกันและเฮติ) เพื่อให้เลิกการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2344
วันที่ 23 ตุลาคม เป็น "วันปิยมหาราช" คือวันเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญแก่พสกนิกรหลายประการ โดยเฉพาะ การเลิกทาส เมื่อถึงวันปิยมหาราชเราจึงระลึกถึงการเลิกทาสด้วย แต่หลายๆ คนเข้าใจผิด สับสนคิดว่าเป็นวันเลิกทาส
วันนี้เลยเป็น "วันสากลเพื่อการระลึกถึงการค้าและการเลิกทาส" อย่างนั้นจะฉายหนังในดวงใจเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับ "การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ" ค่ะ ปูเสื่อถือป๊อบคอร์นมาจองที่ได้เลย
Braveheart วีรบุรุษหัวใจมหากาฬ
ภาพยนตร์ที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงเรื่องหนึ่งของ เมล กิ๊บสัน ที่คว้ารางวัลออสการ์ถึง 5 ตัวมาครอง เรื่องราวของนักรบกู้ชาติสกอตแลนด์ในศตวรรษที่ 13 หนังที่ให้อารมณ์การต่อสู้เพื่อ "เอกราช" หรืออิสรภาพที่ทุกคนต้องการ การสู้รบกับมิตรสหายร่วมตาย การทรยศหักหลัง และการยอมตายแต่ไม่ยอมทิ้งอุดมการณ์
หนังเรื่องนี้มีการใช้ดนตรีประกอบที่ชวนน่าหลงใหลกลิ่นอายของชาวสกอตแลนด์ที่เร้าอารมณ์คนดูแบบติดตาจนประทับใจ รู้สึกว่าละครไทยหลายๆ เรื่องก็นำธีมเพลงประกอบมาใช้ด้วยค่ะ
วิลเลียม วอลเลซ (เมล กิ๊บสัน) เด็กน้อยชาวสกอตแลนด์ผู้รอดชีวิตจากการที่กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดแห่งอังกฤษลวงชาวสกอตกลุ่มต่างๆ มาสังหารหมู่ เขากลายเป็นกำพร้าต้องหนีไปอยู่นอกอาณาจักรอังกฤษ โดยเรียนวิชาการต่างๆ ภาษา และการรบ
หนูน้อยเมอร์รอนมอบดอกไม้ให้วอลเลซ ในยามสิ้นหวังและไม่มีใคร ความสวยงามเล็กๆ ที่มาพร้อมน้ำใจคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ประมาณยี่สิบปีต่อมา วิลเลียม วอลเลซ กลับแผ่นดินเกิดอีกครั้ง เขาตกหลุมรักกับเมอร์รอนเพื่อนวัยเด็ก (ที่มอบดอกไม้ให้นั่นแหละค่ะ) ทั้งสองแต่งงานกันลับๆ เพราะเป็นกฎของอังกฤษในเวลานั้นให้ขุนนางอังกฤษที่มาตั้งรกรากในสกอตแลนด์ได้รับสิทธิพิเศษที่เรียกว่า Primae Noctis คือให้หลับนอนกับเจ้าสาวทุกคนในเขตนั้นในคืนแรกของพิธีวิวาห์ จุดประสงค์เพื่อทำให้สายเลือดสกอตเจือจางลงจนสลายไป!
วันหนึ่งทหารอังกฤษคนหนึ่งพยายามจะข่มขืนเมอร์รอน เกิดการต่อสู้กัน เมอร์รอนถูกประหาร วิลเลียมแค้นมากจึงพาพวกบุกโจมตีป้อมของทหารอังกฤษ สังหารทุกคนในนั้น และเชือดคอขุนนางอังกฤษแบบตาต่อตา นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ของชาวสกอตแลนด์กับกองทัพอังกฤษที่กินเวลานานหลายปี
หลังจากที่เขาทำลายป้อมทหารนั้นแล้ว ชาวสกอตกลุ่มต่างๆ ก็มาเข้าร่วมวงไพบูลย์กับ วิลเลียม วอลเลซ เป้าหมายคือร่วมกันต่อสู้ขับไล่กองทัพอังกฤษออกไป เมื่อนั้นเองที่วิลเลียมรู้ว่า เขามีหน้าที่ที่สำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว เขาต้องกู้ชาติสกอตแลนด์ให้เป็นอิสระจากอังกฤษ
หลายกลุ่มไม่เชื่อว่างานนี้จะสำเร็จ แต่เขานึกถึงคำของพ่อก่อนที่จะจากไปตายว่า “
หัวใจเจ้าเป็นอิสระ จงมีความกล้าหาญที่จะตามมันไป”
และหัวใจของเขาก็ตามความฝันแห่งอิสรภาพนั้น การรบกับอังกฤษเป็นเรื่องยาก เพราะกำลังแตกต่างกันมาก แต่พวกเขาได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า
ภายหลังวิลเลียม วอลเลซ ถูกเพื่อนทรยศ เขาค้นพบความจริงด้วยความขมขื่นว่า
การต่อกรกับศัตรู ยากเย็นน้อยกว่าการรวมคนชาติเดียวกันเข้าด้วยกันเสียอีก คนแต่ละกลุ่มเห็นแก่ประโยชน์ตัวตนมาก่อน ความแตกสามัคคีและผลประโยชน์ส่วนตัวทำให้ชาติล้มตั้งแต่ยังไม่ตั้งขึ้น
วิลเลียมตามฆ่าคนทรยศทีละคน แต่ในที่สุดเขาก็ถูกพวกเดียวกันลวงไปจับส่งให้พวกอังกฤษ เขาถูกคุมขังในหอคอยแห่งลอนดอน ตามมาด้วยคำสั่งประหารชีวิต
แต่นักรบเพื่ออิสรภาพไม่กลัวตาย เขากล่าวว่า “ทุกคนล้วนต้องตาย แต่ไม่ทุกคนที่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง”
วิลเลียม วอลเลซ ถูกตัดสินประหารในที่สาธารณะเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนที่คิดก่อกบฏ ก่อนการประหาร เขาถูกทรมานโดยการแขวนคอและผ่าท้อง ผู้คุมการประหารขอให้เขาเอ่ยคำขอความเมตตา เพื่อจะได้ยุติการทรมานและประหารโดยเร็ว
“แค่เอ่ยคำว่า ‘กรุณาเถอะ’ ความเจ็บปวดทั้งหลายของเจ้าก็จะมลายไป”
แต่เขาปฏิเสธ ถึงจุดหนึ่งเมื่อความเจ็บปวดจากการทรมานถึงขีดสุด วิลเลียม วอลเลซ ก็ตะโกนคำหนึ่งออกมา แต่ไม่ใช่คำว่า ‘กรุณาเถอะ’ มันกลับเป็นคำว่า “อิสรภาพ” ผู้คุมจึงรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทรมานคนหัวใจเหล็กผู้นี้อีกต่อไป คมขวานถูกฟาดลงมา
ฉากนี้เป็นฉากที่ตราตรึงมากๆ หลายคนเสียน้ำตาให้วอลเลซในขณะที่เขาตะโกนว่า Freedommmmmm !!! (น้ำตาท่วมบ้านตามเคย)
จวบจนขณะลมหายใจสุดท้ายของชีวิต หัวใจของเขาปราศจากความกลัว มิใช่เพราะเขาเป็นยอดมนุษย์ แต่เพราะเขารู้ว่าเขากำลังทำเรื่องเพื่อส่วนรวมของแผ่นดินเกิดของเขา...
เก้าปีถัดมา ทัพสกอตแลนด์ก็ประจันหน้ากับอังกฤษ ณ ทุ่ง แบนนอคเบิร์น กองทัพสกอตเปล่งนาม “วอลเลซ” กึกก้องทั่วทุ่ง ขณะเข้าโรมรันทัพอังกฤษ
สกอตแลนด์เป็นอิสระจากอังกฤษในที่สุด
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนและภาพประกอบจาก
คุณอุบลแมน ผู้เผยแพร่บทความของ วินทร์ เลียววาริณ
http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/05/M12149354/M12149354.html
พี่พระรอง
http://pantip.com/topic/34346901/comment2
https://www.mygenerationweb.it/articoli/biblioteca/fotografia-grafica/Page-14
...........................................................
โบราณมีคำกล่าวว่า...
"ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั้นมีการต่อสู้"
“คนกล้าตายครั้งเดียว คนขลาดตายหลายครั้ง”
ชาวสกอตถึงแม้จะมีกำลังพลน้อยกว่ากองทัพของอังกฤษ แต่ด้วยหัวใจที่รักอิสระ ความกล้าหาญ การไม่ยอมแพ้
สุดท้ายพวกเขาก็ได้รับเอกราช
ผู้คนมากมายพร้อมสละชีวิตแลกมาซึ่งอิสรภาพ แต่ใยบางคนกลับยินดีในการหยิบยื่นอิสรภาพตนเองให้ผู้อื่น
Braveheart Theme Song James Horner
https://www.youtube.com/watch?v=9AN04imFDK8
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 23/8/2016
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งที่เกี่ยวกับการเลิกทาสค่ะ หลายคนงงแน่ๆ ตกลงทำไมมีหลายวันจัง คือ เป็นแบบนี้
วันที่ 1 เมษายน เป็น "วันเลิกทาสของไทย" เพราะ รัชกาลที่ 5 ทรงประกาศ พรบ.เลิกทาส รศ. 124 เมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2435
วันที่ 23 สิงหาคม ยูเนสโกประกาศให้เป็น "วันสากลเพื่อการระลึกถึงการค้าและการเลิกทาส" เพราะเกิดการลุกฮือในซานโตโดมิงโก (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐโดมินิกันและเฮติ) เพื่อให้เลิกการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2344
วันที่ 23 ตุลาคม เป็น "วันปิยมหาราช" คือวันเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญแก่พสกนิกรหลายประการ โดยเฉพาะ การเลิกทาส เมื่อถึงวันปิยมหาราชเราจึงระลึกถึงการเลิกทาสด้วย แต่หลายๆ คนเข้าใจผิด สับสนคิดว่าเป็นวันเลิกทาส
วันนี้เลยเป็น "วันสากลเพื่อการระลึกถึงการค้าและการเลิกทาส" อย่างนั้นจะฉายหนังในดวงใจเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับ "การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ" ค่ะ ปูเสื่อถือป๊อบคอร์นมาจองที่ได้เลย
Braveheart วีรบุรุษหัวใจมหากาฬ
ภาพยนตร์ที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงเรื่องหนึ่งของ เมล กิ๊บสัน ที่คว้ารางวัลออสการ์ถึง 5 ตัวมาครอง เรื่องราวของนักรบกู้ชาติสกอตแลนด์ในศตวรรษที่ 13 หนังที่ให้อารมณ์การต่อสู้เพื่อ "เอกราช" หรืออิสรภาพที่ทุกคนต้องการ การสู้รบกับมิตรสหายร่วมตาย การทรยศหักหลัง และการยอมตายแต่ไม่ยอมทิ้งอุดมการณ์
หนังเรื่องนี้มีการใช้ดนตรีประกอบที่ชวนน่าหลงใหลกลิ่นอายของชาวสกอตแลนด์ที่เร้าอารมณ์คนดูแบบติดตาจนประทับใจ รู้สึกว่าละครไทยหลายๆ เรื่องก็นำธีมเพลงประกอบมาใช้ด้วยค่ะ
วิลเลียม วอลเลซ (เมล กิ๊บสัน) เด็กน้อยชาวสกอตแลนด์ผู้รอดชีวิตจากการที่กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดแห่งอังกฤษลวงชาวสกอตกลุ่มต่างๆ มาสังหารหมู่ เขากลายเป็นกำพร้าต้องหนีไปอยู่นอกอาณาจักรอังกฤษ โดยเรียนวิชาการต่างๆ ภาษา และการรบ
หนูน้อยเมอร์รอนมอบดอกไม้ให้วอลเลซ ในยามสิ้นหวังและไม่มีใคร ความสวยงามเล็กๆ ที่มาพร้อมน้ำใจคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ประมาณยี่สิบปีต่อมา วิลเลียม วอลเลซ กลับแผ่นดินเกิดอีกครั้ง เขาตกหลุมรักกับเมอร์รอนเพื่อนวัยเด็ก (ที่มอบดอกไม้ให้นั่นแหละค่ะ) ทั้งสองแต่งงานกันลับๆ เพราะเป็นกฎของอังกฤษในเวลานั้นให้ขุนนางอังกฤษที่มาตั้งรกรากในสกอตแลนด์ได้รับสิทธิพิเศษที่เรียกว่า Primae Noctis คือให้หลับนอนกับเจ้าสาวทุกคนในเขตนั้นในคืนแรกของพิธีวิวาห์ จุดประสงค์เพื่อทำให้สายเลือดสกอตเจือจางลงจนสลายไป!
วันหนึ่งทหารอังกฤษคนหนึ่งพยายามจะข่มขืนเมอร์รอน เกิดการต่อสู้กัน เมอร์รอนถูกประหาร วิลเลียมแค้นมากจึงพาพวกบุกโจมตีป้อมของทหารอังกฤษ สังหารทุกคนในนั้น และเชือดคอขุนนางอังกฤษแบบตาต่อตา นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ของชาวสกอตแลนด์กับกองทัพอังกฤษที่กินเวลานานหลายปี
หลังจากที่เขาทำลายป้อมทหารนั้นแล้ว ชาวสกอตกลุ่มต่างๆ ก็มาเข้าร่วมวงไพบูลย์กับ วิลเลียม วอลเลซ เป้าหมายคือร่วมกันต่อสู้ขับไล่กองทัพอังกฤษออกไป เมื่อนั้นเองที่วิลเลียมรู้ว่า เขามีหน้าที่ที่สำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว เขาต้องกู้ชาติสกอตแลนด์ให้เป็นอิสระจากอังกฤษ
หลายกลุ่มไม่เชื่อว่างานนี้จะสำเร็จ แต่เขานึกถึงคำของพ่อก่อนที่จะจากไปตายว่า “หัวใจเจ้าเป็นอิสระ จงมีความกล้าหาญที่จะตามมันไป”
และหัวใจของเขาก็ตามความฝันแห่งอิสรภาพนั้น การรบกับอังกฤษเป็นเรื่องยาก เพราะกำลังแตกต่างกันมาก แต่พวกเขาได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า
ภายหลังวิลเลียม วอลเลซ ถูกเพื่อนทรยศ เขาค้นพบความจริงด้วยความขมขื่นว่า การต่อกรกับศัตรู ยากเย็นน้อยกว่าการรวมคนชาติเดียวกันเข้าด้วยกันเสียอีก คนแต่ละกลุ่มเห็นแก่ประโยชน์ตัวตนมาก่อน ความแตกสามัคคีและผลประโยชน์ส่วนตัวทำให้ชาติล้มตั้งแต่ยังไม่ตั้งขึ้น
วิลเลียมตามฆ่าคนทรยศทีละคน แต่ในที่สุดเขาก็ถูกพวกเดียวกันลวงไปจับส่งให้พวกอังกฤษ เขาถูกคุมขังในหอคอยแห่งลอนดอน ตามมาด้วยคำสั่งประหารชีวิต
แต่นักรบเพื่ออิสรภาพไม่กลัวตาย เขากล่าวว่า “ทุกคนล้วนต้องตาย แต่ไม่ทุกคนที่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง”
วิลเลียม วอลเลซ ถูกตัดสินประหารในที่สาธารณะเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนที่คิดก่อกบฏ ก่อนการประหาร เขาถูกทรมานโดยการแขวนคอและผ่าท้อง ผู้คุมการประหารขอให้เขาเอ่ยคำขอความเมตตา เพื่อจะได้ยุติการทรมานและประหารโดยเร็ว
“แค่เอ่ยคำว่า ‘กรุณาเถอะ’ ความเจ็บปวดทั้งหลายของเจ้าก็จะมลายไป”
แต่เขาปฏิเสธ ถึงจุดหนึ่งเมื่อความเจ็บปวดจากการทรมานถึงขีดสุด วิลเลียม วอลเลซ ก็ตะโกนคำหนึ่งออกมา แต่ไม่ใช่คำว่า ‘กรุณาเถอะ’ มันกลับเป็นคำว่า “อิสรภาพ” ผู้คุมจึงรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทรมานคนหัวใจเหล็กผู้นี้อีกต่อไป คมขวานถูกฟาดลงมา
ฉากนี้เป็นฉากที่ตราตรึงมากๆ หลายคนเสียน้ำตาให้วอลเลซในขณะที่เขาตะโกนว่า Freedommmmmm !!! (น้ำตาท่วมบ้านตามเคย)
จวบจนขณะลมหายใจสุดท้ายของชีวิต หัวใจของเขาปราศจากความกลัว มิใช่เพราะเขาเป็นยอดมนุษย์ แต่เพราะเขารู้ว่าเขากำลังทำเรื่องเพื่อส่วนรวมของแผ่นดินเกิดของเขา...
เก้าปีถัดมา ทัพสกอตแลนด์ก็ประจันหน้ากับอังกฤษ ณ ทุ่ง แบนนอคเบิร์น กองทัพสกอตเปล่งนาม “วอลเลซ” กึกก้องทั่วทุ่ง ขณะเข้าโรมรันทัพอังกฤษ
สกอตแลนด์เป็นอิสระจากอังกฤษในที่สุด
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนและภาพประกอบจาก
คุณอุบลแมน ผู้เผยแพร่บทความของ วินทร์ เลียววาริณ
http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2012/05/M12149354/M12149354.html
พี่พระรอง http://pantip.com/topic/34346901/comment2
https://www.mygenerationweb.it/articoli/biblioteca/fotografia-grafica/Page-14
...........................................................
โบราณมีคำกล่าวว่า...
"ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั้นมีการต่อสู้"
“คนกล้าตายครั้งเดียว คนขลาดตายหลายครั้ง”
ชาวสกอตถึงแม้จะมีกำลังพลน้อยกว่ากองทัพของอังกฤษ แต่ด้วยหัวใจที่รักอิสระ ความกล้าหาญ การไม่ยอมแพ้
สุดท้ายพวกเขาก็ได้รับเอกราช
ผู้คนมากมายพร้อมสละชีวิตแลกมาซึ่งอิสรภาพ แต่ใยบางคนกลับยินดีในการหยิบยื่นอิสรภาพตนเองให้ผู้อื่น
Braveheart Theme Song James Horner
https://www.youtube.com/watch?v=9AN04imFDK8