สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
สวัสดียามเย็นค่ะ เพื่อนๆ ห้องเพลง
มาแล้วค่ะ ข่าวบันเทิง ข่าวแปะห้องเพลง
วันนี้เช่นเคยค่ะ พี่สาวขอนำชีวิตและผลงานของ
พิธีกรคนดัง มาเสนอ ค่ะ มารู้จัก คุณเธอกันก่อน ....
สุริวิภา กุลตังวัฒนา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สุริวิภา กุลตังวัฒนา

สุริวิภา กุลตังวัฒนา ในรายการสุริวิภา
ชื่อเกิด สุริวิภา กุลตังวัฒนา
ชื่อเล่น แหม่ม
เกิด 20 เมษายน พ.ศ. 2510 (48 ปี)
ประเทศไทย
คู่สมรส โรเบิร์ต พูนพิพัฒน์
อาชีพ นักแสดง, พิธีกร
สุริวิภา กุลตังวัฒนา หรือชื่อเล่น แหม่ม หรือเรียกว่า พี่หนูแหม่ม นักแสดงและพิธีกรชาวไทย
ที่มีรูปร่างอวบอ้วนแต่อารมณ์ดีเป็นลักษณะเด่น เป็นรู้จักที่รู้จักมากเมื่อเป็นพิธีกร รายการ
"ยุทธการขยับเหงือก" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก
ประวัติ
เกิดเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2510 เกิดที่นครพนม เป็นพี่สาวคนโตของน้อง 2 คนในครอบครัว
คนชั้นกลาง คุณพ่อรับราชการ คุณแม่เป็นแม่บ้าน ศึกษาที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟท่าแร่สกลนคร
อายุ 10 ขวบ ย้ายมากรุงเทพฯ ศึกษาที่โรงเรียนกุนนทีรุทธารามวิทยาคม เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3
แล้วเลือกเรียนสายอาชีพ ระยะแรกเข้าเรียนพาณิชย์ที่โรงเรียนดรุณพิทยา สาขาการตลาด
อายุ 16 ปี เรียนปี 1 ได้ส่งรูปหมู่ไปสมัครเป็นดารากับ "เปี๊ยก โปสเตอร์" ได้ยกทีมเล่นภาพยนตร์
เรื่อง "วัยระเริง" เป็นเรื่องแรก รับค่าตัว 7,000 บาท แต่เนื่องจากไปถ่ายหนังจึงไม่ได้ไปสอบ ต้อง
ลาออกจากโรงเรียน แล้วก็เลยเอาเงินค่าตัวไปสมัครเข้าเรียน โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัยจนเรียนจบ
เข้าวงการเต็มตัว ระยะนั้นได้ชื่อเป็นดาราประกอบวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จ แสดงภาพยนตร์กว่า
10 เรื่อง มีคนรู้จักมากขึ้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ จนกระทั่งมาโด่งดังจากรายการ "ยุทธการขยับเหงือก"
เปิดประตูสู่อาชีพพิธีกรทันที
สุริวิภามีผลงานการเป็นพิธีกรอย่าง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ศึก 12 ราศี, วีวีไอพี, สมาคมเมียจ๋า ทางด้านธุรกิจอื่น
แหม่มยังเป็นเจ้าของร้านทำเล็บ 20 NAIL STUDIO สาขาที่ 1, 2, 3 และ คาร์แคร์ AUTO GYM
ที่มีอยู่ 2 สาขา
ชีวิตส่วนตัว สุริวิภาสมรสกับ บ๊อบบี้ - โรเบิร์ต พูนพิพัฒน์ และได้พยายามมีบุตร โดยไปทำกิฟท์
ทำ ICSI (อิ๊กซี่) หมดเงินไปกว่าล้านบาท แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จโดยได้แท้งติดต่อกันถึง 4 ครั้ง
วันนี้ คุณเธอเป็นข่าวค่ะ .... พี่สาวเลยเอามาแปะให้ดูกัน เป็นคู่ที่น่ารัก
จำได้ เมื่อวันเปิดตัว บ๊อบบี้ ครั้งแรก บ๊อบบี้เล่าว่า คุณแม่ถามบ๊อบบี้ว่า
แน่ใจหรือ ว่า หนูแหม่มจะยอมรับ บ๊อบบี้ เขาเป็น ดารานะ....ผ่านมาหลายปี
ก็ยังเป็นคู่ ที่น่ารัก ช่วยกันทำงาน เหมือน หนูแหม่มจะเป็นผู้นำนะคะ ครอบครัวนี้
ลืมบอกไป บ๊อบบี้น่ะ อาชีพเดิม เป็นวิศวกรเชียว นะคะ
อ้อ ดูข่าวนี้ ก็จะเห็นว่า หนูแหม่มเป็นลูกกตัญญู ด้วยค่ะ ว่าปุ๊ปจัดคิวเยี่ยม
คุณแม่เลยด้วย
น่ารักอ่ะ! "หนูเเหม่ม สุริวิภา" อวดภาพวัยเด็กหน้าม้ามัดแกละยันวัยรุ่นให้กดไลค์!
ควงสามีสุดเลิฟ บ๊อบบี้ โรเบิร์ต เเว้บกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อไปเยี่ยมคุณเเม่ทันที
ที่มีเวลาว่าง สำหรับพิธีกรสาวอารมณ์ดี หนูแหม่ม สุริวิภา เเน่นอนว่าเป็นคู่รักตะลอนทัวร์
กลับบ้านคราวนี้เลยได้เห็นภาพของทั้งคู่ตระเวนเที่ยวนู่นนี่นั่นหลายที่ เเต่ที่เด็ดที่สุดก็เห็น
จะเป็นภาพวัยเด็กที่เจ้าตัวไปค้นเจอที่บ้าน สมัยยังเป็นเด็กหน้าม้า มัดผมเเกละ จนถึงวัยสาว
สะพรั่งเเตกเนื้อสาวใหม่ๆให้ได้เห็นผ่านทางอินสตาเเกรม บอกเลยว่าน่ารักน่าชังไม่น้อย





ภาพประกอบจากอินสตาเเกรม
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1445419925
เมื่อเธอเป็นเจ้าของรายการ "คู่รักตะลอนทัวร์" เพลงประกอบข่าวนี้ เป็นเพลงอะไรดีล่ะ ?
เอา 2 เพลงนี้ก็แล้วกันนะคะ แต่ตะลอนทัวร์ ของคู่รักคู้นี้ หนักไปทาง
ตะลอน "หม่ำ" ซะมากกว่าค่ะ
]สัญญารัก : สุทธิพงษ์ / จุฑามาศ [Official MV]

https://www.youtube.com/watch?v=IdfXLXaNBvQ
เที่ยวละไม - เฉลียง

https://www.youtube.com/watch?v=kKK0KP_8CXQ
มาแล้วค่ะ ข่าวบันเทิง ข่าวแปะห้องเพลง
วันนี้เช่นเคยค่ะ พี่สาวขอนำชีวิตและผลงานของ
พิธีกรคนดัง มาเสนอ ค่ะ มารู้จัก คุณเธอกันก่อน ....
สุริวิภา กุลตังวัฒนา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สุริวิภา กุลตังวัฒนา

สุริวิภา กุลตังวัฒนา ในรายการสุริวิภา
ชื่อเกิด สุริวิภา กุลตังวัฒนา
ชื่อเล่น แหม่ม
เกิด 20 เมษายน พ.ศ. 2510 (48 ปี)
ประเทศไทย
คู่สมรส โรเบิร์ต พูนพิพัฒน์
อาชีพ นักแสดง, พิธีกร
สุริวิภา กุลตังวัฒนา หรือชื่อเล่น แหม่ม หรือเรียกว่า พี่หนูแหม่ม นักแสดงและพิธีกรชาวไทย
ที่มีรูปร่างอวบอ้วนแต่อารมณ์ดีเป็นลักษณะเด่น เป็นรู้จักที่รู้จักมากเมื่อเป็นพิธีกร รายการ
"ยุทธการขยับเหงือก" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก
ประวัติ
เกิดเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2510 เกิดที่นครพนม เป็นพี่สาวคนโตของน้อง 2 คนในครอบครัว
คนชั้นกลาง คุณพ่อรับราชการ คุณแม่เป็นแม่บ้าน ศึกษาที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟท่าแร่สกลนคร
อายุ 10 ขวบ ย้ายมากรุงเทพฯ ศึกษาที่โรงเรียนกุนนทีรุทธารามวิทยาคม เรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3
แล้วเลือกเรียนสายอาชีพ ระยะแรกเข้าเรียนพาณิชย์ที่โรงเรียนดรุณพิทยา สาขาการตลาด
อายุ 16 ปี เรียนปี 1 ได้ส่งรูปหมู่ไปสมัครเป็นดารากับ "เปี๊ยก โปสเตอร์" ได้ยกทีมเล่นภาพยนตร์
เรื่อง "วัยระเริง" เป็นเรื่องแรก รับค่าตัว 7,000 บาท แต่เนื่องจากไปถ่ายหนังจึงไม่ได้ไปสอบ ต้อง
ลาออกจากโรงเรียน แล้วก็เลยเอาเงินค่าตัวไปสมัครเข้าเรียน โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัยจนเรียนจบ
เข้าวงการเต็มตัว ระยะนั้นได้ชื่อเป็นดาราประกอบวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จ แสดงภาพยนตร์กว่า
10 เรื่อง มีคนรู้จักมากขึ้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ จนกระทั่งมาโด่งดังจากรายการ "ยุทธการขยับเหงือก"
เปิดประตูสู่อาชีพพิธีกรทันที
สุริวิภามีผลงานการเป็นพิธีกรอย่าง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ศึก 12 ราศี, วีวีไอพี, สมาคมเมียจ๋า ทางด้านธุรกิจอื่น
แหม่มยังเป็นเจ้าของร้านทำเล็บ 20 NAIL STUDIO สาขาที่ 1, 2, 3 และ คาร์แคร์ AUTO GYM
ที่มีอยู่ 2 สาขา
ชีวิตส่วนตัว สุริวิภาสมรสกับ บ๊อบบี้ - โรเบิร์ต พูนพิพัฒน์ และได้พยายามมีบุตร โดยไปทำกิฟท์
ทำ ICSI (อิ๊กซี่) หมดเงินไปกว่าล้านบาท แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จโดยได้แท้งติดต่อกันถึง 4 ครั้ง
วันนี้ คุณเธอเป็นข่าวค่ะ .... พี่สาวเลยเอามาแปะให้ดูกัน เป็นคู่ที่น่ารัก
จำได้ เมื่อวันเปิดตัว บ๊อบบี้ ครั้งแรก บ๊อบบี้เล่าว่า คุณแม่ถามบ๊อบบี้ว่า
แน่ใจหรือ ว่า หนูแหม่มจะยอมรับ บ๊อบบี้ เขาเป็น ดารานะ....ผ่านมาหลายปี
ก็ยังเป็นคู่ ที่น่ารัก ช่วยกันทำงาน เหมือน หนูแหม่มจะเป็นผู้นำนะคะ ครอบครัวนี้
ลืมบอกไป บ๊อบบี้น่ะ อาชีพเดิม เป็นวิศวกรเชียว นะคะ
อ้อ ดูข่าวนี้ ก็จะเห็นว่า หนูแหม่มเป็นลูกกตัญญู ด้วยค่ะ ว่าปุ๊ปจัดคิวเยี่ยม
คุณแม่เลยด้วย

น่ารักอ่ะ! "หนูเเหม่ม สุริวิภา" อวดภาพวัยเด็กหน้าม้ามัดแกละยันวัยรุ่นให้กดไลค์!
ควงสามีสุดเลิฟ บ๊อบบี้ โรเบิร์ต เเว้บกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อไปเยี่ยมคุณเเม่ทันที
ที่มีเวลาว่าง สำหรับพิธีกรสาวอารมณ์ดี หนูแหม่ม สุริวิภา เเน่นอนว่าเป็นคู่รักตะลอนทัวร์
กลับบ้านคราวนี้เลยได้เห็นภาพของทั้งคู่ตระเวนเที่ยวนู่นนี่นั่นหลายที่ เเต่ที่เด็ดที่สุดก็เห็น
จะเป็นภาพวัยเด็กที่เจ้าตัวไปค้นเจอที่บ้าน สมัยยังเป็นเด็กหน้าม้า มัดผมเเกละ จนถึงวัยสาว
สะพรั่งเเตกเนื้อสาวใหม่ๆให้ได้เห็นผ่านทางอินสตาเเกรม บอกเลยว่าน่ารักน่าชังไม่น้อย






ภาพประกอบจากอินสตาเเกรม
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1445419925
เมื่อเธอเป็นเจ้าของรายการ "คู่รักตะลอนทัวร์" เพลงประกอบข่าวนี้ เป็นเพลงอะไรดีล่ะ ?

ตะลอน "หม่ำ" ซะมากกว่าค่ะ

]สัญญารัก : สุทธิพงษ์ / จุฑามาศ [Official MV]

https://www.youtube.com/watch?v=IdfXLXaNBvQ
เที่ยวละไม - เฉลียง

https://www.youtube.com/watch?v=kKK0KP_8CXQ

ความคิดเห็นที่ 2

Braveheart (1995) วีรบุรุษหัวใจมหากาฬ
หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่เต็มไปด้วยข้อคิดในความจริงของมนุษย์ที่ต้องพึ่งพาความอยู่รอดของตัวเอง ถึงแม้จะเต็มไปด้วยความเห็นแก่โดยไม่สนใจใยดีในความเห็นแก่ตัวให้กับคนอื่นกลับเป็นที่รู้และเข้าใจถึงสถานะความรับผิดชอบที่กดขี่ภายใต้อำนาจความยิ่งใหญ่ อารมณ์ของหนังแสดงถึงความเป็นศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ที่จะอยู่อย่างเท่าเทียมและสันติสุขภายใต้ระบอบเผด็จ ที่ต้องใช้สงครามเข้าแลกด้วยเลือดและความมุ้งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมโดยไม่คำนึงถึงชีวิตเพื่อเอกราชหนึ่งเดียวที่ค้นหาท่ามกลางสงคราม
ไม่มีอะไรที่ดูชัดเจนเท่าความเข็มแข็งของเหล่าชาวสกอตแลนด์ที่ได้ขวัญกำลังแบบสุดกล้าหาญจากวิลเลียม ที่ส่งตรงถึงใจอย่างแท้จริง เป็นฉากที่ดูมีพลังและเต็มด้วยอุดมการณ์ของการรักษาชาติอย่างเหนี่ยวแน่น ถึงแม้ในเนื้อเรื่องจะอิงมาจากประวัติศาสตร์จนกลายเป็นเรื่องแต่งเพราะการใส่พลังที่ทำคนดูเร้าอารมณ์ก็ตาม แต่ยังได้รับความนิยมจากคนดูเพราะเนื้อเรื่องที่ตรงตามคติของมนุษย์ที่แบ่งชนชั้นระหว่างกษัตริย์ที่ตามใจกับคนธรรมดาที่ต้องการในเอกราช เป็นความซื่อสัตย์ ความรัก ความสามัคคี และการไว้ใจซึ่งกันและกันที่ผูกผันอยู่ในเรื่องราวต่างๆที่พบได้ทั้งความผิดหวังและสมหวัง เพราะการใช้เรื่องราวประวัติศาสตร์มาแทรกบวกเนื้อหาที่ดูฝังใจคนดูทำให้มีคำวิจารณ์ในทางลบ เช่นความรุนแรง ความยาวของภาพยนตร์ และเนื้อหาที่บิดเบือนไปจากความจริง แต่ถึงกระนั้นหลังออกฉายกลับพร้อมเสียงชื่นชมและคำวิจารณ์ในทางบวกที่ล้นลาม
หนังเรื่องนี้ค่อนข้างยาว ก็เพราะบางครั้งการที่หนังดูยาวนานนั้นผู้สร้างต้องการสื่อเพื่อให้คนดูจะได้เข้าใจถึงวิลเลียม ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นมีความหมายและเหตุผลที่ลึกซึ้งพอจะค้ำจุนให้ผูกผันประหนึ่งผู้ร่วมรบจนเรียกว่าว่าวีรกรรมอันกล้าหาญ มีการใช้ดนตรีประกอบที่ชวนน่าหลงใหลตามแบบฉบับชาวสกอตแลนด์ที่เร้าอารมณ์คนดูแบบติดตาจนประทับใจ แต่ตัวหนังมีการแต่งเติมที่ดูมากเกินไปจนมีที่ผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ไม่น้อย แต่นั้นไม่ใช่เครื่องหมายแสดงว่าหนังไม่ดี แต่เป็นการก้าวข้ามความจริงให้ย้ำถึงความเปลี่ยนแปลงให้ดูมีมุมมองที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าถึงความนิยมคือตัวหนังลงทุนไป 72 ล้าน แต่ได้เงินมา 210 ล้าน นับว่าคุ้มค่าพอดู
Braveheart สามารถคว้ารางวัลออสการ์ 5 รางวัลมาครอง คือ
-สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
-สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
-สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม
-สาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม
-สาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยม

สิ่งหนึ่งของเรื่องนี่คือการความรู้สึกที่ยิ่งดูยิ่งซาบซึ่งและประทับใจหลายคนอย่างมหาศาลเป็นอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การจดจำ ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถในเอกราชเพื่อทุกคนเพื่ออุดมการณ์ความคิดอันยิ่งใหญ่ในอิสระภาพ
Braveheartในทางเนื้อเรื่องให้ข้อคิดดีมากเกี่ยวกับมิตรสหายร่วมตาย ถึงแม้ตัวหนังจะดูเจ็บปวดเพราะการหักหลังที่ทำคนดูต้องเกิดการเกลียดขึ้นทันควัน แต่นั้นแสดงถึงความพยายามถึงที่สุดในอำนาจ ไม่ใช่เพราะตั้งใจแต่เป็นการถูกบังคับให้ทำ คนเรายอมรับชะตากรรมเพราะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แต่เลือกเผชิญสู้กับสิ่งนั้นได้อย่างสุดกำลัง ถึงแม้จะสิ้นความหวังสุดท้ายอันริบรี่ และพร้อมตะโกนดังๆว่า"เอกราช"
อยากเพิ่มความเห็นทางการเมืองเข้าไปในโพสต์นี้ด้วย แต่นึกขึ้นได้ว่าห้องเพลง "พักยกเรื่องการเมือง"
หนังเรื่องนี้สุดยอดมาก จัดเป็นหนังดีหนึ่งในร้อยเรื่องที่สมควรจะดูก่อนตายของผม แนะนำเพื่อนๆให้ดูกันสักครั้งครับ แล้วคุณจะรู้ว่า "เอกราช" และ "อิสระภาพ" มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน (แต่ก็แอบพาดพิงการเมืองจนได้เน๊าะ...ไอ้รอง)
ขอบคุณครับ

Braveheart (1995) วีรบุรุษหัวใจมหากาฬ
หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่เต็มไปด้วยข้อคิดในความจริงของมนุษย์ที่ต้องพึ่งพาความอยู่รอดของตัวเอง ถึงแม้จะเต็มไปด้วยความเห็นแก่โดยไม่สนใจใยดีในความเห็นแก่ตัวให้กับคนอื่นกลับเป็นที่รู้และเข้าใจถึงสถานะความรับผิดชอบที่กดขี่ภายใต้อำนาจความยิ่งใหญ่ อารมณ์ของหนังแสดงถึงความเป็นศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ที่จะอยู่อย่างเท่าเทียมและสันติสุขภายใต้ระบอบเผด็จ ที่ต้องใช้สงครามเข้าแลกด้วยเลือดและความมุ้งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมโดยไม่คำนึงถึงชีวิตเพื่อเอกราชหนึ่งเดียวที่ค้นหาท่ามกลางสงคราม
ไม่มีอะไรที่ดูชัดเจนเท่าความเข็มแข็งของเหล่าชาวสกอตแลนด์ที่ได้ขวัญกำลังแบบสุดกล้าหาญจากวิลเลียม ที่ส่งตรงถึงใจอย่างแท้จริง เป็นฉากที่ดูมีพลังและเต็มด้วยอุดมการณ์ของการรักษาชาติอย่างเหนี่ยวแน่น ถึงแม้ในเนื้อเรื่องจะอิงมาจากประวัติศาสตร์จนกลายเป็นเรื่องแต่งเพราะการใส่พลังที่ทำคนดูเร้าอารมณ์ก็ตาม แต่ยังได้รับความนิยมจากคนดูเพราะเนื้อเรื่องที่ตรงตามคติของมนุษย์ที่แบ่งชนชั้นระหว่างกษัตริย์ที่ตามใจกับคนธรรมดาที่ต้องการในเอกราช เป็นความซื่อสัตย์ ความรัก ความสามัคคี และการไว้ใจซึ่งกันและกันที่ผูกผันอยู่ในเรื่องราวต่างๆที่พบได้ทั้งความผิดหวังและสมหวัง เพราะการใช้เรื่องราวประวัติศาสตร์มาแทรกบวกเนื้อหาที่ดูฝังใจคนดูทำให้มีคำวิจารณ์ในทางลบ เช่นความรุนแรง ความยาวของภาพยนตร์ และเนื้อหาที่บิดเบือนไปจากความจริง แต่ถึงกระนั้นหลังออกฉายกลับพร้อมเสียงชื่นชมและคำวิจารณ์ในทางบวกที่ล้นลาม
หนังเรื่องนี้ค่อนข้างยาว ก็เพราะบางครั้งการที่หนังดูยาวนานนั้นผู้สร้างต้องการสื่อเพื่อให้คนดูจะได้เข้าใจถึงวิลเลียม ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นมีความหมายและเหตุผลที่ลึกซึ้งพอจะค้ำจุนให้ผูกผันประหนึ่งผู้ร่วมรบจนเรียกว่าว่าวีรกรรมอันกล้าหาญ มีการใช้ดนตรีประกอบที่ชวนน่าหลงใหลตามแบบฉบับชาวสกอตแลนด์ที่เร้าอารมณ์คนดูแบบติดตาจนประทับใจ แต่ตัวหนังมีการแต่งเติมที่ดูมากเกินไปจนมีที่ผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ไม่น้อย แต่นั้นไม่ใช่เครื่องหมายแสดงว่าหนังไม่ดี แต่เป็นการก้าวข้ามความจริงให้ย้ำถึงความเปลี่ยนแปลงให้ดูมีมุมมองที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าถึงความนิยมคือตัวหนังลงทุนไป 72 ล้าน แต่ได้เงินมา 210 ล้าน นับว่าคุ้มค่าพอดู
Braveheart สามารถคว้ารางวัลออสการ์ 5 รางวัลมาครอง คือ
-สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
-สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
-สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยม
-สาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม
-สาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยม

สิ่งหนึ่งของเรื่องนี่คือการความรู้สึกที่ยิ่งดูยิ่งซาบซึ่งและประทับใจหลายคนอย่างมหาศาลเป็นอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การจดจำ ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถในเอกราชเพื่อทุกคนเพื่ออุดมการณ์ความคิดอันยิ่งใหญ่ในอิสระภาพ
Braveheartในทางเนื้อเรื่องให้ข้อคิดดีมากเกี่ยวกับมิตรสหายร่วมตาย ถึงแม้ตัวหนังจะดูเจ็บปวดเพราะการหักหลังที่ทำคนดูต้องเกิดการเกลียดขึ้นทันควัน แต่นั้นแสดงถึงความพยายามถึงที่สุดในอำนาจ ไม่ใช่เพราะตั้งใจแต่เป็นการถูกบังคับให้ทำ คนเรายอมรับชะตากรรมเพราะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แต่เลือกเผชิญสู้กับสิ่งนั้นได้อย่างสุดกำลัง ถึงแม้จะสิ้นความหวังสุดท้ายอันริบรี่ และพร้อมตะโกนดังๆว่า"เอกราช"
อยากเพิ่มความเห็นทางการเมืองเข้าไปในโพสต์นี้ด้วย แต่นึกขึ้นได้ว่าห้องเพลง "พักยกเรื่องการเมือง"
หนังเรื่องนี้สุดยอดมาก จัดเป็นหนังดีหนึ่งในร้อยเรื่องที่สมควรจะดูก่อนตายของผม แนะนำเพื่อนๆให้ดูกันสักครั้งครับ แล้วคุณจะรู้ว่า "เอกราช" และ "อิสระภาพ" มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน (แต่ก็แอบพาดพิงการเมืองจนได้เน๊าะ...ไอ้รอง)
ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 7
วันนี้ขอร่วมแจมด้วยเพลงเพราะๆจาก Danyel Gerard ครับ
เนื้อหาเพลงกล่าวถึงความรักที่เขามีต่อหญิงสาว ที่สวยและน่ารัก
ขนานนามเธอว่า แม่ผีเสื้อน้อย แต่ด้วยเหตุที่ชายหนุ่มต้องออก
เดินทางไปไกล เขาจึงครวญเพลงให้หญิงสาวเฝ้ารอเขา
ดังผีเสื้อน้อยที่พับปีกนิ่ง เพื่อรอการกลับมาของชายหนุ่ม

แจมด้วยภาพผีเสื้อจากสวนรถไฟละครับ
แต่ไม่มีภาพผีเสื้อพับปีกนะครับ แต่ละตัวกางปีก พร้อมจะบินออกไป
หากหญิงสาวเป็นแบบนี้ ชายหนุ่มคงไม่กล้าทิ้งปล่อยเธอไว้แน่


เนื้อหาเพลงกล่าวถึงความรักที่เขามีต่อหญิงสาว ที่สวยและน่ารัก
ขนานนามเธอว่า แม่ผีเสื้อน้อย แต่ด้วยเหตุที่ชายหนุ่มต้องออก
เดินทางไปไกล เขาจึงครวญเพลงให้หญิงสาวเฝ้ารอเขา
ดังผีเสื้อน้อยที่พับปีกนิ่ง เพื่อรอการกลับมาของชายหนุ่ม
" Butterfly "
Fell in love in the wink of an eye.
With a girl who was called Butterfly.
She said she loved me so, she could not let me go.
But still I had to say goodbye.
Butterfly, my butterfly I'll come home to you one day
Butterfly, my butterfly wait for me don't fly away.
Never fly in the heat of the sun
Fold the wings when the long day is done.
Stay home and wait for me till I get back and then
Counting the minutes one by one.
(Chorus)
When a man has a yearn to be free.
He will sail to the end of the sea.
I won't be gone too long but while I travel on
Just fold your wings and wait for me.
Fell in love in the wink of an eye.
With a girl who was called Butterfly.
She said she loved me so, she could not let me go.
But still I had to say goodbye.
Butterfly, my butterfly I'll come home to you one day
Butterfly, my butterfly wait for me don't fly away.
Never fly in the heat of the sun
Fold the wings when the long day is done.
Stay home and wait for me till I get back and then
Counting the minutes one by one.
(Chorus)
When a man has a yearn to be free.
He will sail to the end of the sea.
I won't be gone too long but while I travel on
Just fold your wings and wait for me.

แจมด้วยภาพผีเสื้อจากสวนรถไฟละครับ
แต่ไม่มีภาพผีเสื้อพับปีกนะครับ แต่ละตัวกางปีก พร้อมจะบินออกไป
หากหญิงสาวเป็นแบบนี้ ชายหนุ่มคงไม่กล้าทิ้งปล่อยเธอไว้แน่



แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 22/10/2015
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
KFC กับ หลวงพ่อ
หลังจากเฝ้าดูยอดขายที่ตกต่ำลงมา 3 เดือน ของไก่ทอดเคนตั๊กกี้ ผู้พันแซนเดอร์ส (คนคิดสูตร KFC) ได้โทรศัพท์หาพระสันตปาปาเพื่อขอความช่วยเหลือ
พระสันตปาปากล่าว : "พ่อจะช่วยอะไรลูกได้บ้าง"
ผู้พันตอบ : "ผมอยากให้คุณพ่อช่วยเปลี่ยนบทสวดประจำวันจาก ขอบคุณพระเจ้า ที่ประทานขนมปังให้แก่เรา เป็นขอบคุณพระเจ้าที่ประทานไก่ทอดให้แก่เรา" "ถ้าหากคุณพ่อทำได้นะ ผมจะบริจาคให้วาติกัน 10 ล้านดอลลาร์"
พระสันตปาปาตอบ : "พ่อเสียใจนะลูก นั่นเป็นบทสวดของพระผู้เป็นเจ้า พ่อเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก"
หลังจากนั้นอีกเดือนหนึ่ง ยอดขายก็ตกต่ำลงกว่าเก่าอีก
ผู้พันเริ่มเครียด จึงโทรหาพระสันตปาปาอีกครั้ง
ผู้พัน : "ฟังนะครับคุณพ่อ ผมต้องการความช่วยเหลือของท่านมาก ผมจะบริจาค 50 ล้านดอลลาร์ถ้าท่านเปลี่ยน คาถาในบทสวดจาก "ขนมปัง" เป็น "ไก่ทอด" เท่านั้นเอง "
พระสันตปาปาตอบกลับมาว่า : "ลูกเริ่มทำให้พ่อลังเลแล้วนะ ผู้พันแซนเดอร์ส โบสถ์สามารถใช้เงินที่ลูกบริจาค ทำประโยชน์แก่สาธารณชนได้มากมาย
แต่พ่อคงต้องขอยืนกราน นั่นเป็นบทสวดของพระผู้เป็นเจ้า พ่อคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้"
ผู้พันแซนเดอร์สต้องผิดหวังกลับไปอีกครั้ง แต่เมื่อสองเดือนผ่านไปพร้อมกับยอดขายที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด
ผู้พัน : "คุณพ่อครับ นี่เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้าย ถ้าพ่อเปลี่ยนคำในบทสวดจาก "ขนมปัง" เป็น "ไก่ทอด" ผมจะบริจาคให้สำนักวาติกัน 100 ล้านดอลลาร์"
พระสันตปาปาตอบ : "ขอเวลาพ่อคิดก่อนนะ แล้วพ่อจะติดต่อกลับไป"
วันต่อมา พระสันตปาปาเรียกประชุมบิชอปทั้งหมดในคณะและเริ่มแถลงว่า "พ่อมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายนะ ข่าวดีคือ KFC กำลังจะบริจาคเงิน ให้สำนักวาติกันของเรา 100 ล้านดอลลาร์"
เหล่าบิชอปต่างพากันปลาบปลื้มกับข่าวดีนี้
บิชอปท่านหนึ่งจึงถามถึงข่าวร้ายบ้าง พระสันตปาปาตอบ :
"ข่าวร้ายก็คือ เราคงต้องยกเลิกสัญญากับ บริษัทขนมปังฟาร์มเฮาส์แล้วน่ะสิ
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
ปล. กระทู้นี้ พักยกการเมือง นะจ๊ะ