+++โอลิมปิก 2016 คราวนี้ มีเรื่องพลิกล็อค พลิกผันมากมาย ทั้งนักกีฬาระดับโลก หรือแม้แต่นักกีฬาของไทยเอง
++++ ในส่วนของนักกีฬาไทยเราถือว่ามีดีกรีลำดับต้นๆ ของโลกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นยิงเป้าบิน มวยสากลสมัครเล่น เทควันโด ยกน้ำหนัก กอล์ฟ แบดมินตัน ยิงปืน หลายคนโดยเแพาะสื่อมองว่าบางกีฬาของเราตกรอบอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ หรือพูดง่ายๆ คือ "พลิกล็อค" นั่นเอง ...ทีนี้พอเกิดการพลิกล็อคของนักกีฬาทั้งที่ผลงานควรจะเป็นไปตามที่คาดหวังมากกว่านี้ ก็เกิดทั้งกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หรือแม้แต่แสดงความคิดเห็นทั้งในเชิงสร้างารรค์และไม่สร้างสรรค์ ทั้งจากกองเชียร์ สื่อมวลชน นักวิชาการ หรือแม้แต่นักจิตวิทยาเอง ใจความรวมๆ สามารถสรุปได้ว่า นักกีฬาไทยมีความกดดัน จากหลายๆ ปัจจัย เช่น ความคาดหวังจากกองเชียร์ การนำเสนอข่าวบนความคาดหวังของสื่อมวลชน
++++ สำหรับความเห็นของผมน่ะ ผมมองว่าการที่นักกีฬาของเราทำผลงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ความจริงไม่ใช่การพลิกล็อคอะไรเลย นักกีฬาที่ไปแข่งโอลิมปิกทุกคนทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมืออันดับท้ายสุดของการแข่งขันก็คือระดับโลกอ่ะครับ เขาก็เป็น 1 คน ใน 10,000 คน จากคนทั่วโลก 3 พันกว่าล้านคนมาแข่งในโอลิมปิกครั้งนี้ เพราะฉนั้นทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นได้หมดเพราะฝีมือใกล้เคียงกัน เพียงแต่มีเงื่อไขของคำว่า "จิตใจ" มาเกี่ยวข้อง
++++ ส่วนในเรื่องของผลงานนักกีฬาของเราที่ออกมาไม่เป็นดังที่คาดหวัง ที่มีการวิเคราะห์สาเหตุกันว่าน่าจะเกี่ยวกับสภาพของจิตใจของนักกีฬา โดยมีความกดดันจาก ความคาดหวังจากกองเชียร์ และการนำเสนอข่าวบนความคาดหวังของสื่อมวลชน ตรงนี้ผมมองว่าเป็นปลายทางแล้วครับ กองเชียร์และสื่อมวลชนเป็นกลไกชิ้นสุดท้ายที่จะส่งผลไปถึงนักกีฬา แต่ปัจจัยสำคัญที่ผมวิเคราะห์ออกมาคือ "ช่องว่างระหว่างคำแพ้และชนะ" ของประเทศเราต่างหากล่ะครับที่เป็นสาเหตุสำคัญ นั่นก็คือ ผู้ชนะจะได้รับการยกย่องแบบขั้นสูง ได้รับเงินอัดฉีดมากมาย มีความสนใจจากสื่อมวลชนและคนทั้งประเทศ ได้รับคำชมจากคนทั้งประเทศ สามารถเป็นคนดังได้ภายในพริบตา สามารถทำให้ครอบครัวลืมตาอ้าปากได้ มีโอกาสได้เข้ามำงานดีๆ และอีกมากมายก่ายกองแล้วแต่ว่านักกีฬาคนนั้นจะเป็นผู้ชนะระดับไหน ทอง เงิน หรือ ทองแดง ส่วนผู้แพ้แม้ว่าจะได้ที่ 4 เฉียดเหรียญทองแดงแค่นิดเดียว แต่ความหมายเปลี่ยนเลยครับ นอกจากจะได้รับคำวิจารณ์แล้ว ทุกสิ่งอย่างที่ผู้ชนะพึงจะได้คือหายไปในพริบตา ไม่มีการมาวิเคราะห์กันหรอกว่าที่เขาแพ้เนี่ย เมื่อเทียบกับผลงานเทียบกับสถิติที่ผ่านมาของตัวเขาเองมันดีขึ้นหรือปล่าว แพ้แล้วได้ลำดับหรือทำผลงานแบบก้าวกระโดดขึ้นจากเดิมมั้ย
น้อยคนเลยครับที่ไม่ใช่คอกีฬา ไม่มีใครมองแบบนั้นแน่นอน บางทีถึงขั้นอาจจะถูกตัดงบไม่สนับสนุนกีฬาชนิดนั้นๆ ก็ได้ ..ในเมื่อช่องว่างมันห่างกันขนาดนี้ มันจะไม่ทำให้นักกีฬากดดันได้ไงล่ะครับ
อยากลองแสดงความคิดเห็น
++++ ในส่วนของนักกีฬาไทยเราถือว่ามีดีกรีลำดับต้นๆ ของโลกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นยิงเป้าบิน มวยสากลสมัครเล่น เทควันโด ยกน้ำหนัก กอล์ฟ แบดมินตัน ยิงปืน หลายคนโดยเแพาะสื่อมองว่าบางกีฬาของเราตกรอบอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ หรือพูดง่ายๆ คือ "พลิกล็อค" นั่นเอง ...ทีนี้พอเกิดการพลิกล็อคของนักกีฬาทั้งที่ผลงานควรจะเป็นไปตามที่คาดหวังมากกว่านี้ ก็เกิดทั้งกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หรือแม้แต่แสดงความคิดเห็นทั้งในเชิงสร้างารรค์และไม่สร้างสรรค์ ทั้งจากกองเชียร์ สื่อมวลชน นักวิชาการ หรือแม้แต่นักจิตวิทยาเอง ใจความรวมๆ สามารถสรุปได้ว่า นักกีฬาไทยมีความกดดัน จากหลายๆ ปัจจัย เช่น ความคาดหวังจากกองเชียร์ การนำเสนอข่าวบนความคาดหวังของสื่อมวลชน
++++ สำหรับความเห็นของผมน่ะ ผมมองว่าการที่นักกีฬาของเราทำผลงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ความจริงไม่ใช่การพลิกล็อคอะไรเลย นักกีฬาที่ไปแข่งโอลิมปิกทุกคนทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมืออันดับท้ายสุดของการแข่งขันก็คือระดับโลกอ่ะครับ เขาก็เป็น 1 คน ใน 10,000 คน จากคนทั่วโลก 3 พันกว่าล้านคนมาแข่งในโอลิมปิกครั้งนี้ เพราะฉนั้นทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นได้หมดเพราะฝีมือใกล้เคียงกัน เพียงแต่มีเงื่อไขของคำว่า "จิตใจ" มาเกี่ยวข้อง
++++ ส่วนในเรื่องของผลงานนักกีฬาของเราที่ออกมาไม่เป็นดังที่คาดหวัง ที่มีการวิเคราะห์สาเหตุกันว่าน่าจะเกี่ยวกับสภาพของจิตใจของนักกีฬา โดยมีความกดดันจาก ความคาดหวังจากกองเชียร์ และการนำเสนอข่าวบนความคาดหวังของสื่อมวลชน ตรงนี้ผมมองว่าเป็นปลายทางแล้วครับ กองเชียร์และสื่อมวลชนเป็นกลไกชิ้นสุดท้ายที่จะส่งผลไปถึงนักกีฬา แต่ปัจจัยสำคัญที่ผมวิเคราะห์ออกมาคือ "ช่องว่างระหว่างคำแพ้และชนะ" ของประเทศเราต่างหากล่ะครับที่เป็นสาเหตุสำคัญ นั่นก็คือ ผู้ชนะจะได้รับการยกย่องแบบขั้นสูง ได้รับเงินอัดฉีดมากมาย มีความสนใจจากสื่อมวลชนและคนทั้งประเทศ ได้รับคำชมจากคนทั้งประเทศ สามารถเป็นคนดังได้ภายในพริบตา สามารถทำให้ครอบครัวลืมตาอ้าปากได้ มีโอกาสได้เข้ามำงานดีๆ และอีกมากมายก่ายกองแล้วแต่ว่านักกีฬาคนนั้นจะเป็นผู้ชนะระดับไหน ทอง เงิน หรือ ทองแดง ส่วนผู้แพ้แม้ว่าจะได้ที่ 4 เฉียดเหรียญทองแดงแค่นิดเดียว แต่ความหมายเปลี่ยนเลยครับ นอกจากจะได้รับคำวิจารณ์แล้ว ทุกสิ่งอย่างที่ผู้ชนะพึงจะได้คือหายไปในพริบตา ไม่มีการมาวิเคราะห์กันหรอกว่าที่เขาแพ้เนี่ย เมื่อเทียบกับผลงานเทียบกับสถิติที่ผ่านมาของตัวเขาเองมันดีขึ้นหรือปล่าว แพ้แล้วได้ลำดับหรือทำผลงานแบบก้าวกระโดดขึ้นจากเดิมมั้ย น้อยคนเลยครับที่ไม่ใช่คอกีฬา ไม่มีใครมองแบบนั้นแน่นอน บางทีถึงขั้นอาจจะถูกตัดงบไม่สนับสนุนกีฬาชนิดนั้นๆ ก็ได้ ..ในเมื่อช่องว่างมันห่างกันขนาดนี้ มันจะไม่ทำให้นักกีฬากดดันได้ไงล่ะครับ