- แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (1) - (4) ....ผู้จัดการออนไลน์ .../sao..เหลือ..noi

กระทู้คำถาม
แกะรอยป่วน 7 จ.ใต้ (4)...สันติบาลมาเลย์ยกนิ้ว “มือพระกาฬ” เบื้องหน้าดูเหมือน ตร.จะปิดจ๊อบแล้ว แต่เบื้องลึกยังลุยต่อ
            
19 สิงหาคม 2559 23:49 น. (แก้ไขล่าสุด 19 สิงหาคม 2559 23:57 น.)

        ในที่สุดความพยามยามที่จะ “ปิดจ๊อบ” การก่อวินาศกรรมในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นเรื่องของ
“ความขัดแย้งทางการเมือง” ตามที่มีการฟันธงตั้งแต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงระเบิด และกรุ่นควันไฟจากการวางเพลิงยังจางหาย ซึ่งเวลานี้ดูเหมือนจะทำได้สำเร็จเสร็จสิ้นตามที่ได้เป้าประสงค์ที่วางไว้
        
       อันเป็นไปตามวิถีการปฏิบัติงานในหน้าที่รับผิดชอบของ “ตำรวจไทย” นั่นเอง
        
       เมื่อมีการควบคุมตัว “กลุ่มคนเหล่านั้น” และสามารถทำให้เป็นผู้ต้องหาได้แล้วก็น่าจะจบ เพราะถ้าปล่อยออกไปโดย
ไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา ก็อาจจะถูกฟ้องกลับระเนระนาด ซึ่งคนที่ถูกจับกุมทั้งหมดต่างไม่ใช่ตาสี ตาสา ยายมาหรือยายมี
        
       แต่ล้วนเป็น “คนเสื้อแดง” ที่ต้องจัดว่ามี “พิษสง” และมี “แบ็กอัพ” เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทีมฝ่ายกฎหมายก็ล้วนมือดี
ที่ค่อยสนับสนุนอยู่
        
       ข้อหาที่ถูกใช้ในการกล่าวหาจึงแปรเป็น “อั้งยี่ซ่องโจร” ซึ่งเป็นข้อหาหนักพอควร ซึ่งหลักฐานมีหรือไม่มีก็ตาม แต่การที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากกระบวนการยุติธรรมนั้นจัดว่ายากยิ่ง
        
       ส่วนจะผิดจริงหรือจะเป็นแค่ “แพระ” หรือจะเป็นเพียง “แกะ” ก็ตาม เรื่องเหล่านี้สามารถที่จะส่งต่อไปยังกระบวนการ
พิจารราของชั้น “อัยการ” และ “ศาล” เป็นผู้ชี้ขาดได้ และการใช้ข้อหา “อั้งยี่ ซ่องโจร” ครั้งนี้ก็มีแต่จะทำให้การเคลื่อนไหว
ต่อไปของ “คนเสื้อแดง” ใจหายใจคว่ำมากยิ่งขึ้น
        
       แหล่งข่าวที่เป็นชุดจับกุมผู้ต้องหาชุดพลพรรคปฏิวัติประชาธิปไตย บอกเล่าว่า ในวันที่มีคำสั่งให้เข้าตรวจค้นและ
ควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ไม่มีหลักฐานอะไรอยู่ในมือมาก่อนเลย แต่เป็นการเข้าควบคุมตัวตามคำสั่งก่อนที่ชุดสืบสวนสอบสวน
จะทำการต่อ “จิ๊กซอว์” จนได้หลักฐานและตั้งข้อกล่าวหาได้
        
       ในขณะที่วันนี้คนไทยทั้งประเทศมีความต้องการที่จะทราบว่า “มือระเบิดคือใคร” มากกว่าที่จะรู้ว่า “ใครเป็นอั้งยี่” และมีการประชุมเพื่อตั้งขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะเวลานี้การทำคดีวินาสกรรมป่วน 7 จังหวัดภาคใต้ผ่านไป
กว่า 7 วันแล้ว ตำรวจยังไม่สามารถออก “หมายจับมือระเบิด” ได้แม้แต่คนเดียว
        
       สำหรับที่พยายามให้ข่าวว่า มีการออกหมายจับคนร้ายไปแล้ว 2-3 คนนั้น แท้จริงเวลานี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าคนที่จะจับชื่ออะไร
อยู่ที่ไหน หรือเป็นการจะออกหมายจับชายไม่ทราบชื่อ เพียงแต่มีรูปปรากฏให้เห็นทางกล้องวงจรปิดเท่านั้น
        
       แหล่งข่าวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นชุดสืบสวนหาเบาะแสกลุ่มคนร้ายที่เดินทางไปจาก จ.นราธิวาส ให้ข้อมูลว่า ได้ตรวจสอบหลักฐานและกล้องวงจรปิดจากจุดต่างๆ ของสถานีรถไฟและคิวรถโดยสาร ทั้งรถทัวร์และรถตู้โดยสารแล้ว ทั้งในพื้นที่
อ.เมือง อ.สุไหงโก-ลก และในอำเภออื่นๆ เพื่อหาหลักฐาน โดยเฉพาะชื่อผู้ตั๋วโดยสาร แต่ยังไม่สามารถที่จะได้หลักฐานที่ใช้ใน
การระบุตัวบุคคลได้ชัดเจน
        
       เนื่องจากตั๋วรถตู้ไม่ต้องระบุชื่อผู้โดยสาร ขณะที่ในตั๋วรถทัวร์หรือรถ บขส. แม้จะมีหลักฐานที่เป็นก็อปปีก็จริง แต่ก็ไม่สามารถ
ที่จะระบุชี้ชัดไปได้ว่า เป็นคนๆ เดียวกันกับในรูปที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ทั้งที่ย่านบางเนียง จ.พังงา ที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ที่ห้างโลตัสใน จ.นครศรีธรรมราช และที่ จ.สุราษฎร์ธานี
        
       อีกทั้งก็อปปีตั๋วโดยสารที่ตรวจสอบก็มีความไม่สมบูรณ์ และข้อสำคัญคือ ตั๋วรถโดยสารเหล่านี้ใช้ชื่อคนอื่นซื้อ แล้วให้อีกคน
โดยสารก็สามารถทำได้ ไม่เหมือนตั๋วเครื่องบินที่ต้องแสดงบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนของผู้โดยสารชัดเจน
        
       แต่อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนที่กระจายลงหาข่าวตามเส้นทางเดินที่เชื่อว่า กลุ่มผู้ลงมือปฏิบัติการวางระเบิดและวางเพลิง
ใช้เดินทาง พบว่า มือระเบิดเดินทางเป็นกลุ่มๆ แต่ไม่ใช่ใช้เส้นทางเดียวกันทั้งหมด โดยมีการกระจายกันเดินทางเป็นชุดๆ และ
พยายามสร้างจุดเด่นอะไรๆ จนเป็นที่สังเกต อันถือเป็นการสร้างความ สับสนในการติดตามสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่อย่างมาก
        
       เพราะพบว่า มือระเบิดไม่ได้เดินทางไปและกลับที่สถานีขนส่งตลาดเกษตรในย่านหาดใหญ่ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
เพียงสถานที่เดียว แต่มีการใช้สถานีขนส่งใน อ เมืองสงขลาในการเดินทางด้วย เช่นเดียวกับการเดินทางหลบหนีหลังปฏิบัติการ
ยังที่ต่างๆ แล้ว กลุ่มคนร้ายยังมีการเปลี่ยนรถโดยสารเป็นทอดๆ กว่าจะถึง สถานีขนส่งใน อ.หาดใหญ่
        
       และที่สำคัญกลุ่มคนร้ายได้เตรียมเสื้อผ้าสำรองใส่ในเป้ที่ใช้ใส่ระเบิดไปด้วย เพื่อใช้เปลี่ยนก่อนที่จะขึ้นรถหลบหนีกลับ
ไปยังจังหวัดชายแดนภาคใต้
        
       ทั้งหมดทั้งปวงจึงถือไส้ว่าปฏิบัติการครั้งนี้มีการวางแผน “ขั้นเทพ” ทั้งในด้านปฏิบัติการขั้น “อำพรางรุก” และ “อำพรางถอย”
        
       ล่าสุดในความพยายามของชุดสืบสวนที่มี พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าชุด ได้เปิดปฏิบัติการให้ตำรวจชุดแรกนำตัว “แนวร่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส” จำนวน 2-3 คนไปทำการสอบสวนหารายละเอียด โดยเชื่อว่าผู้ที่ถูกนำตัวไปแม้จะไม่อยู่ในแผนปฏิบัติการก่อเหตุวินาศกรรมป่วน 7 จังหวัดภาคใต้ครั้งนี้ แต่ถือเป็นผู้ที่ต้องมีส่วนรู้เห็น
หรือรู้เรื่อง และรู้ว่าในกลุ่มของฝ่ายปฏิบัติการครั้งนี้มีใครบ้าง
        
       ในขณะที่ตำรวจชุดที่ 2 ได้นำตัว “แนวร่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี” จำนวน 1 คนไปทำการสืบสวนเช่นกัน เพราะมีเบาะแสว่าเป็นผู้ที่ขับรถยนต์กระบะไปส่งคนร้ายที่เป็นมือปฏิบัติการ 3 คนไปยังหมู่บ้านริมทะเลแห่งหนึ่งใน ต.เกาะแต้ว
อ.เมือง จ.สงขลา เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา อันเป็นช่วงก่อนที่คนกลุ่มนี้จะเดินทางต่อไปไปยัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วย
รถโดยสารจากในพื้นที่ อ.เมืองสงขลา
        
       ในขณะที่แหล่งข่าวจากตำรวจสันติบาลฟากฝั่งประเทศมาเลเซีย ให้ข้อมูลว่า มือระเบิดชุดนี้ถือเป็น “มือพระกาฬ” ของขบวนการก่อการร้ายในประเทศไทยเลยทีเดียว และเป็น “บุคคล 2 สัญชาติ” ที่ผ่านการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วหลบไปอยู่ในประเทศมาเลเซียมาอย่างต่อเนื่อง
        
       อย่างไรก็ตาม ตำรวจสันติบาลดินแดนเสือเหลืองเชื่อว่า ระเบิดที่ใช้ไม่ได้ประกอบในประเทศมาเลเซีย โดยน่าจะเป็นไปได้ที่จะมีการประกอบขึ้นตั้งแต่ใน จ.นราธิวาส แล้วจากนั้นส่งให้กลุ่มผู้ปฏิบัติการหอบหิวกัน
โดยสารรถยนต์และรถไปเพื่อนำไปวางในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั่นเอง

http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9590000083242

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่