และแล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องมานั่งตั้งกระทู้กันนะฮะ ตั้งมันทีเดียว 2 เรื่องควบจะได้ไม่เปลืองพื้นที่กระทู้ใน บขพ. เอากาลครั้งหนึ่งในหัวใจมาปะฉะดะขมิ้นกับปูนเลยซะทีเดียว
คำเตือนกระทู้นี้อาจจะอวยเว่อร์ต้องขออภัยคนที่เข้ามาอ่าน เรื่องติเห็นด้วยกับหลาย ๆ กระทู้จะไม่ขอพูดถึงในกระทู้นี้ สาระอาจจะไม่มี แต่มันชอบจนแน่นอก ต้องยกออก มาระบายลงกระทู้นี้
ขอเขียนถึงทีละเรื่องนะคะ เริ่ม!!!!
มาจะกล่าวบทถึง กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ ตอนนี้ทำสั่นไหว หัวใจเต้นรัวๆๆๆ
ต้องบอกไว้ก่อนว่าเป็นคนชอบอ่านนิยาย และแนวนี้ก็เป็นแนวที่ชอบเหมือนสาว ๆ ทั่วไป(คือตัวเราก็ยังสาวอยู่เข้าใจตรงกันนะ!! ทำเสียงแบบฟ้าใสด้วยแหละ) ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเราต้องชอบและฟินมากในตอนที่อ่านเรื่องนี้ เริ่มจากดูภาพฟิตติ้ง และภาพต่าง ๆ ที่ค่ายปล่อยมา เห็นแววลาง ๆ ว่าต้องทำออกมาดีแต่คิดเผื่อใจไว้แล้วว่าอาจจะไม่ฟินอะไรมากมาย แต่ๆๆๆๆ พอออนแอร์วันแรก แม่เจ้า!!!!!!! ชั้นอยากไปกระโดดที่ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ทำไม ทำไม ทำไม มันถึงได้ดีงามสมอกสมใจขนาดนี้ มงคลการละครสามารถถอดฉากต่าง ๆ ออกมาจากในนิยายที่เราจินตนาการไว้ได้ยังไง ทำออกมาได้แทบจะเรียกว่าควักออกมาจากสมองของเราเลย ปรบมือ รัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เรื่องปรับบทละคร แน่นอนอีกเหมือนกันว่าทำออกมาได้ดีมากกกกกกกก จนคนที่อ่านนิยายมาแล้วอย่างเราไม่รู้สึกเบื่อที่จะดูละครในทุก ๆ ตอน เป็นเพราะบทพูดนี่แหละ ที่มันตรงใจ มันฟังง่าย มันไม่เลี่ยน แต่มันอบอุ่น ฟังแล้วละมุน ต้องใช้คำว่า”ดีต่อใจ”อย่างที่หลาย ๆ คนบอก
การดีไซน์ฉากคุณคะพ่อเจ้าพระคุณรุนช่องช่างคิดมากเลยค่ะ อย่างตอนเมื่อคืนที่ฟ้าใสเปิดสมุดปกดำแล้วบอสมาเจอ คืออะไรกันมันเกร๋มากกกกกกกกกก ฟ้าใสนั่งคุกเข่ากำลังเปิดสมุดดู บอสมาเรียกฟ้าใสก็สะดุ้งตกใจเหมือนเด็กทำผิดแล้วโดนจับได้ สมุดเปิดค้างไว้แล้วกระดาษก็ปลิวไปกับลมที่สำคัญปลิวไปทางที่บอสยืนอยู่ เพลงขึ้น จังหวะมันช่างสวยงามพระราม 7 อะไรเช่นนี้ มีคนกล่าวว่ากระดาษปลิวหายไปพร้อมกับใจของบอส ดูละคร อ่านทวิต เราฟินและปวดใจเหลือเกิน แอร๊ยยยยยยยยยย
รายละเอียดเล็ก ๆ เช่นรอยดินสอที่เปื้อนหน้าเฉินหมิงตอนวาดรูป เสื้อกล้ามเด็กน้อยที่บ้านเด็กกำพร้าก็เป็นเสื้อกล้ามแบบมีรูตาข่ายราคาไม่แพงที่หาซื้อได้ตามตลาดนัด เฉินเปียวที่ต้องเล่นกับเด็กไม่ถึงกับยิ้มกว้าง แต่เป็นอาการเผลอยิ้มเพราะเอ็นดูเด็ก ๆ มันดูเล็กน้อยแต่เก็บรายละเอียดของอารมณ์ได้ดีจริง ๆ
เวิ่นต่อด้วยฉากเมื่อคืน คืออะไรกันคะ เราไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงหลายใจ มันไม่งามเอามาก ๆ แต่เราต้องเชียร์ทั้งบอสและเฉินหมิง เพราะตัวบทมันทำให้เราไม่สามารถที่จะเกลียดทั้งบอสและเฉินหมิงได้(ไม่เคยโทษตัวเองค่ะ5555) บอสมีความดุดัน(ถึงแม้เสียงจะไม่เข้มพอ)เพราะเป็นหัวหน้าแก๊งค์ แต่พออยู่กับฟ้าใสก็ดูอบอุ่นจนอยากละลายกองอยู่ตรงนั้น เฉินหมิงก็เป็นศิลปิน มีอารมณ์รักที่แสดงออกมาแบบดูอบอุ่นละมุนละไมอีกเหมือนกัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ดีกับใจทั้งสองคน ตายๆๆๆๆ ดิฉันเป็นฟ้าใสนะขอไม่เลือก จะเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน (ถามสามีที่บ้านเธอยังยะหล่อน)
ฉากบนเตียงที่ตื่นมาตอนเช้า ภาพ แสง สี การแสดงของทั้งสองคนคืออยากหวีดมากฮ่ะ เป็นฉากบอกรักที่อบอุ๊นนนนอบอุ่นจบด้วยการเอาจมูกมาชนกัน โอ๊ยยยยยยยยยยย มันใช่ที่เคยจินตนาการเอาไว้มันต้องแบบนี้ ดีงามสยามประเทศจริง ๆ
ฉากที่ทะเลากัน บอสคะตอนฟ้าใสขอโทษทำไมบอสไม่ยกโทษให้ บอสจะมาว่าฟ้าใสไม่ได้ที่ไปสนิทกับเฉินหมิง เพราะบอสเป็นคนเปิดโอกาสนี้ให้กับพี่หมิงเองนะ ฟ้าใสอุตส่าห์วิ่งไปกอดก็แล้ว บอกว่ารักก็แล้ว แต่บอสค่อย ๆ ปลดมือฟ้าใสออกจากเอว หันมามองด้วยสายตาที่แสนจะเจ็บปวดแล้วตอบกลับมาว่า “ผมก็รักคุณฟ้าใส แต่เราคงรักกันไม่ได้” น้ำตาหยด เพลงมา โอ๊ยยยยยยยยยย นี่คิดว่าตัวเองเป็นฟ้าใสนะ ช่างฟินและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน ฉันเจ็บแทนฟ้าใสมากแต่ก็ไม่โกรธบอสนะคะ
ส่วนพี่หมิงคะ จีบสาวน่ะปล่อยหมัดตรงตลอด ขอจีบก็พูดตรง มาหาเพราะคิดถึงก็พูดตรง หวงห่วงก็พูดตรง สงสารคนดูบ้างเถอะค่ะ จะดิ้นตายเพราะคำพูดพี่หมิงนี่แหละน่ารักอะไรเบอร์นั้นคะ พูดขนาดนี้ฟ้าใสยังไม่หวั่นไหว ใจแข็งมากเลยค่ะลูก ถ้าเป็นเรานะกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว 555555 ผู้ชายแบบนี้จะไปหาได้จากซอกหลืบไหนของโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
มากันที่ความเงิบของตัวร้าย และนางร้าย เรานี่สะใจมากตอนที่เห็นหน้ายัยหมอขวัญมันเหวอ นางเหวอเพราะเห็นฟ้าใสวิ่งเสื้อขาดออกมาตะโกนหาเฉินหมิง 5555555555 อยากไปหัวเราะใส่หน้านาง ใคร ๆ เห็นก็ต้องรู้ว่าฟ้าใสถูกบอสรังแกด้วยความหึงหวง หึงโหด โปรดทำอีกครั้งหนึ่งค่ะบอส คนดูอยากได้บทเรียนแบบนี้บ้าง ต้องไปที่มงคลการละครอะคาเดมี่ใช่มั้ยคะ โดยมีบอสเป็นผู้สอนตลอดครอส สอนทั้งเทคนิค ทั้งทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ออกข้อสอบมาให้นักเรียนทำ นักเรียนทำไม่เป็นสอบตก บอสก็เปิดครอสสอนใหม่ ออกข้อสอบใหม่ นักเรียนก็สอบตกอีก วนไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนนักเรียนปากเปื่อยไปเลยฮ่ะ 5555
อิหมออิฐก็อีกคน ฟ้าใสแค่เป็นห่วงกลัวจะฆ่าตัวตายเพราะถูกทิ้ง ก็มโนไปว่าฟ้าใสยังรักตัวเองอยู่ “พี่อิฐไปเอาความมั่นใจ(มั่นหน้า อันนี้ด่าเอง 555) มาจากไหนคะ การที่ฟ้าเป็นห่วงพี่อิฐไม่ได้หมายความว่าฟ้ายังรักพี่อิฐอยู่ เข้าใจตรงกันนะคะ” 55555 เข้าใจตรงกันนะก็มาจบป่ะ อิพี่อิฐเชิญรับนกไป 10 ฝูงค่ะ ถ้าไม่พอไปกระโดดผาเงิบตายเถอะแกร
นั่งดูคลิป ดูย้อนหลัง อ่านทวิต อ่านพันทิป วนไป จากที่คิดว่าตัวเองอาจจะดูเรื่องนี้แล้วฟินในระดับหนึ่ง แต่ ณ เพลานี้ต้องบอกเลยว่าเสียอาการ เสียจริตไปหลายอย่างกับละครเรื่องนี้จริง ๆ
ในฐานะคนอ่านนิยาย ต้องชื่นชมเป็นพิเศษสำหรับผู้ผลิตละครช่อง 7 ในหลาย ๆ ค่ายที่ทำบทโทรทัศน์ออกมาได้ดีจนเรายอมรับว่าถ้าบทประพันธ์มาที่ช่อง 7 เราสามารถวางใจได้ในระดับ 70-80% ว่าจะทำออกมาดี และเคารพบทประพันธ์ไม่ปรับเปลี่ยนจนเสียอรรถรส คงไว้ซึ่งแก่นของเส้นเรื่อง คงไว้ซึ่งคาแรคเตอร์ตัวละคร ที่เราอ่านแล้วเห็นว่าช่องทำออกมาได้ดีบางเรื่องสนุกว่าในนิยายด้วยซ้ำ เช่น ลูกตาลลอยแก้ว(เวอร์ชั่นกบ-บรู๊ค) ดั่งสวรรค์สาป(เวอร์ชั่นกบ-ป๋อ) คีตโลกา ปิ่นอนงค์ ใยกัลยา ฟ้าจรดทราย รักเร่ และเรื่องนี้เลยคือกาลครั้งหนึ่งในหัวใจ
ทิ้งท้ายของเรื่องนี้คือ ช่อง 7 คะ อนุมัติให้ทำตราบสิ้นดินฟ้าฯเถอะค่ะ กราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ได้โปรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ข้อร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
อ้อนวอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ขอให้อนุมัติเรื่องนี้ออกมาเถอค่ะ ล่าสุดที่จีนดังกระหึ่มไปแล้ว ส่งออกไปเอากำไรคืนมาหาคนดูด้วยการทำตราบสิ้นดินฟ้าเถิดนะเจ้าคะ
ถึงคิวขมิ้นกันปูน ละครเรื่องนี้เป็นจานด่วนเหรอคะ สาบาน 7 วัด มั้ยว่าเป็นจานด่วน แต่ทำไมถึงทำละครออกมาได้สุดอารมณ์ขนาดนี้ เรื่ององค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ถึงกับเพอร์เฟค แต่เราให้คะแนนบทโทรทัศน์กับนักแสดงเกินร้อยค่ะ เล่นกันแต่ละตอนใส่ของกันไม่ยั้ง ดูไปก็ยิ่งอิน ยิ่งดูก็ยิ่งอิน 2-3 ตอนแรกที่ดูกะว่าจะเลิกดูแล้วนะ (ส่วนหนึ่งเพราะรู้เนื้อเรื่องแล้วขี้เกียจดูซ้ำ) มันเครียด มันไม่ชอบ ทะเลาะกันอยู่นั่นแหละ จะกัดกันหาพระแสงอะไรฟร๊ะ เหตุผลน่ะมีมั้ยเกลียดกันอยู่ 2 คนแต่ลากลูกลากหลานให้ต้องมาเกลียดเหมือนตัวเอง
แต่พอเนื้อเรื่องเดินทางมาจนถึงตอนล่าสุดที่ปัทมาอยู่โรงพยาบาล ทำให้เรานึกขอบคุณตัวเองที่ไม่เลิกดูละครเรื่องนี้ไปซะก่อน เหตุผลคือละครมันแรง แต่แง่คิดที่ได้รับจากละครมันก็มาแรงเหมือนกัน ฉากที่ทำให้เราถึงกับต้องกลั้นหายใจดูคือตั้งแต่ตอนที่ปัทมาปะทะกับพระวิจิตร แล้วลงท้ายด้วยคำว่า”ค่ะ” คำเดียวสั้น ๆ แต่กระแทกถึงใจตรง ๆ คุณเอ้ยยยยยยยย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนไม่ได้นั่งอยู่หน้าจอ แต่เรากำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง ๆ นี่สินะที่เขาเรียกว่าปล่อยของ
ตัวบทถึงจะแรง แต่มีคู่น่ารักอย่างทันพันธ์กับปารมีมาทำให้อมยิ้มได้เสมอ ยิ่งเวลาเห็นคู่นี้แล้วอารมณ์อินที่กำลังปรี๊ดดดดด เมื่อฉากก่อนหน้าลดวูบลงมาที่ระดับปกติ เหมือนโดนน้ำเย็นชโลมใจ เสียงน้องมุกดา ทั้งหวาน ทั้งเย็นเหมือนน้ำที่รินรดจิตใจจริง ๆ รูปร่าง หน้าตา กิริยาท่าทาง ต้องใช้คำว่าหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว ขอพาดพิงเรื่องข้างบนเลยละกัน ขอเถอะค่ะ ให้น้องมุกดาเป็นบัวบูชาของพี่หมิงเถอะนะ บุคลิก รูปร่าง หน้าตาของน้องถ้าใครอ่านนิยายจะจินตนาการได้เลยว่าน้องมุกดานี่แหละเป๊ะมากกกก
ใครดูเรื่องนี้ถ้าได้คิดตามคำพูดและการกระทำของตัวละคร จะได้รับแง่มุมใหม่ๆ มาสอนใจตัวเองในอีกหลาย ๆ เรื่อง อย่างที่เขียนไว้ในหลายกระทู้เช่น มุมมอง เรื่องความรักในครอบครัว การเลี้ยงดูลูกหลานในหลายๆแง่มุม เห็นความต่างได้จากตัวละครรุ่นหลานทุกคน ความรักระหว่างหนุ่มสาว ทั้งแบบธนาปัทมา หรือคุณทำนองกับคุณปีป ซึ่งเลือกทางเดินคนละแบบและส่งผลให้เกิดผลลัพธ์คนละแบบด้วย แง่คิดเกี่ยวกับธรรมะที่สอดแทรกมาอย่างฉลาดจากบทพูดของปารมี แง่คิดและมุมมองเรื่องการเมืองการปกครองที่เสียดสีแต่พองาม แต่กลับทำให้คิดได้ในหลาย ๆ ประเด็น เช่นความเป็นประชาธิปไตยของบ้านเราที่มีเพียงพอหรือไม่ ทุกวันนี้ เรามีหัวใจที่เป็นประชาธิปไตยกันดีพอหรือยัง
บทพูดในเรื่องนี้ใช้ภาษาที่คมคาย ฟังแล้วสะอีก ยิ่งตอนที่พระยาอภิบาลพูดถึงเรื่องวิถีดัดจริต เรารู้สึกชอบนะ เออคนเรามันเป็นอย่างนี้กันจริง ๆ นะ ดัดจริตให้เป็นเหมือนคนอื่นทำแบบคนอื่นสมัยนี้เห็นกันเยอะมาก คำพูดอา ๆ ทั้ง 3 คนอีกสอนใจได้ดีจริง ๆ ถึงจะโกรธพ่อและพี่ แต่ไม่เคยแสดงความก้าวร้าวออกมา ซึ่งแทบจะหาไม่ได้แล้วสำหรับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ที่ตั้งหน้าตั้งตาเถียงพ่อแม่คอเป็นเอ็น แต่บทของอาทั้ง 3 ทำให้เราเห็นความดีงามของการเคารพผู้ใหญ่ในบ้านที่ควรอนุรักษ์ไว้
ย่อหน้าสุดท้ายขอพูดถึงฉากประทับใจตอนที่พระยาอภิบาลเข้าไปเจอปัทมากรีดข้อมือในห้องนอนแล้วพระยาฯถึงกับทรุดแล้วพูดประโยคเดียวสั้น ๆ ว่า “รีบพาหลานกูไปโรงหมอ” แล้วตัวพระยาก็น้ำตาคลอออกมาเพราะกลัวหลานตาย นี่สินะที่เขาเรียกว่าเลือดข้นกว่าน้ำตัดกันไม่ตายขายกันไม่ขาด ลูกหลานไม่ว่าจะชั่วดีถี่ห่างยังไง คนเป็นพ่อแม่ ปู่ยาตายายก็ยังรักและห่วงอยู่เสมอ เพียงแต่เราอาจจะมองไม่เห็นเองเพราะพวกท่านไม่ได้แสดงมันออกมา
ผ่านมา 3 หน้ากระดาษ A4 อยากจะเขียนอยากจะเวิ่นให้ยาวกว่านี้นะคะ แต่เกรงใจคนอ่านเหลื๊อออออออเกิน (นี่คือเกรงใจแล้ว)
สรุปแบบจบประเด็นย้ำกันอีกรอบละครสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันเราจึงตั้งกระทู้รวม เพราะอยากเห็นน้องมุกดาแสดงเป็นบัวบูชาของคุณไมค์ เฉิน ในเรื่องตราบดินสิ้นฟ้าฯ เรื่องทั้งหมดก็เอวังด้วยประการฉะนี้ (ใครคิดว่าเกี่ยวไม่เป็นไร แต่เราว่าเกี่ยววววววววว 5555555)
สุดท้ายจริง ๆ ขอขอบคุณช่อง 7 ผู้ประพันธ์ ผู้เขียนบท ทีมผู้จัด ทีมนักแสดง และทีมงานเบื้อหลังของละครทั้งสองเรื่อง ที่ทำให้เราได้รับความสุขครบรสจากละครทั้งสองเรื่องสมกับสโลแกนของช่องจริง ๆ


ขอได้รับความขอบคุณจากทีมงานผู้อินละครถอนตัวไม่ได้


///***/// กระทู้เดียว กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ ปะ ฉะ ดะ ขมิ้นกับปูน
คำเตือนกระทู้นี้อาจจะอวยเว่อร์ต้องขออภัยคนที่เข้ามาอ่าน เรื่องติเห็นด้วยกับหลาย ๆ กระทู้จะไม่ขอพูดถึงในกระทู้นี้ สาระอาจจะไม่มี แต่มันชอบจนแน่นอก ต้องยกออก มาระบายลงกระทู้นี้
ขอเขียนถึงทีละเรื่องนะคะ เริ่ม!!!!
มาจะกล่าวบทถึง กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ ตอนนี้ทำสั่นไหว หัวใจเต้นรัวๆๆๆ
ต้องบอกไว้ก่อนว่าเป็นคนชอบอ่านนิยาย และแนวนี้ก็เป็นแนวที่ชอบเหมือนสาว ๆ ทั่วไป(คือตัวเราก็ยังสาวอยู่เข้าใจตรงกันนะ!! ทำเสียงแบบฟ้าใสด้วยแหละ) ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเราต้องชอบและฟินมากในตอนที่อ่านเรื่องนี้ เริ่มจากดูภาพฟิตติ้ง และภาพต่าง ๆ ที่ค่ายปล่อยมา เห็นแววลาง ๆ ว่าต้องทำออกมาดีแต่คิดเผื่อใจไว้แล้วว่าอาจจะไม่ฟินอะไรมากมาย แต่ๆๆๆๆ พอออนแอร์วันแรก แม่เจ้า!!!!!!! ชั้นอยากไปกระโดดที่ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ทำไม ทำไม ทำไม มันถึงได้ดีงามสมอกสมใจขนาดนี้ มงคลการละครสามารถถอดฉากต่าง ๆ ออกมาจากในนิยายที่เราจินตนาการไว้ได้ยังไง ทำออกมาได้แทบจะเรียกว่าควักออกมาจากสมองของเราเลย ปรบมือ รัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เรื่องปรับบทละคร แน่นอนอีกเหมือนกันว่าทำออกมาได้ดีมากกกกกกกก จนคนที่อ่านนิยายมาแล้วอย่างเราไม่รู้สึกเบื่อที่จะดูละครในทุก ๆ ตอน เป็นเพราะบทพูดนี่แหละ ที่มันตรงใจ มันฟังง่าย มันไม่เลี่ยน แต่มันอบอุ่น ฟังแล้วละมุน ต้องใช้คำว่า”ดีต่อใจ”อย่างที่หลาย ๆ คนบอก
การดีไซน์ฉากคุณคะพ่อเจ้าพระคุณรุนช่องช่างคิดมากเลยค่ะ อย่างตอนเมื่อคืนที่ฟ้าใสเปิดสมุดปกดำแล้วบอสมาเจอ คืออะไรกันมันเกร๋มากกกกกกกกกก ฟ้าใสนั่งคุกเข่ากำลังเปิดสมุดดู บอสมาเรียกฟ้าใสก็สะดุ้งตกใจเหมือนเด็กทำผิดแล้วโดนจับได้ สมุดเปิดค้างไว้แล้วกระดาษก็ปลิวไปกับลมที่สำคัญปลิวไปทางที่บอสยืนอยู่ เพลงขึ้น จังหวะมันช่างสวยงามพระราม 7 อะไรเช่นนี้ มีคนกล่าวว่ากระดาษปลิวหายไปพร้อมกับใจของบอส ดูละคร อ่านทวิต เราฟินและปวดใจเหลือเกิน แอร๊ยยยยยยยยยย
รายละเอียดเล็ก ๆ เช่นรอยดินสอที่เปื้อนหน้าเฉินหมิงตอนวาดรูป เสื้อกล้ามเด็กน้อยที่บ้านเด็กกำพร้าก็เป็นเสื้อกล้ามแบบมีรูตาข่ายราคาไม่แพงที่หาซื้อได้ตามตลาดนัด เฉินเปียวที่ต้องเล่นกับเด็กไม่ถึงกับยิ้มกว้าง แต่เป็นอาการเผลอยิ้มเพราะเอ็นดูเด็ก ๆ มันดูเล็กน้อยแต่เก็บรายละเอียดของอารมณ์ได้ดีจริง ๆ
เวิ่นต่อด้วยฉากเมื่อคืน คืออะไรกันคะ เราไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงหลายใจ มันไม่งามเอามาก ๆ แต่เราต้องเชียร์ทั้งบอสและเฉินหมิง เพราะตัวบทมันทำให้เราไม่สามารถที่จะเกลียดทั้งบอสและเฉินหมิงได้(ไม่เคยโทษตัวเองค่ะ5555) บอสมีความดุดัน(ถึงแม้เสียงจะไม่เข้มพอ)เพราะเป็นหัวหน้าแก๊งค์ แต่พออยู่กับฟ้าใสก็ดูอบอุ่นจนอยากละลายกองอยู่ตรงนั้น เฉินหมิงก็เป็นศิลปิน มีอารมณ์รักที่แสดงออกมาแบบดูอบอุ่นละมุนละไมอีกเหมือนกัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ดีกับใจทั้งสองคน ตายๆๆๆๆ ดิฉันเป็นฟ้าใสนะขอไม่เลือก จะเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน (ถามสามีที่บ้านเธอยังยะหล่อน)
ฉากบนเตียงที่ตื่นมาตอนเช้า ภาพ แสง สี การแสดงของทั้งสองคนคืออยากหวีดมากฮ่ะ เป็นฉากบอกรักที่อบอุ๊นนนนอบอุ่นจบด้วยการเอาจมูกมาชนกัน โอ๊ยยยยยยยยยยย มันใช่ที่เคยจินตนาการเอาไว้มันต้องแบบนี้ ดีงามสยามประเทศจริง ๆ
ฉากที่ทะเลากัน บอสคะตอนฟ้าใสขอโทษทำไมบอสไม่ยกโทษให้ บอสจะมาว่าฟ้าใสไม่ได้ที่ไปสนิทกับเฉินหมิง เพราะบอสเป็นคนเปิดโอกาสนี้ให้กับพี่หมิงเองนะ ฟ้าใสอุตส่าห์วิ่งไปกอดก็แล้ว บอกว่ารักก็แล้ว แต่บอสค่อย ๆ ปลดมือฟ้าใสออกจากเอว หันมามองด้วยสายตาที่แสนจะเจ็บปวดแล้วตอบกลับมาว่า “ผมก็รักคุณฟ้าใส แต่เราคงรักกันไม่ได้” น้ำตาหยด เพลงมา โอ๊ยยยยยยยยยย นี่คิดว่าตัวเองเป็นฟ้าใสนะ ช่างฟินและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน ฉันเจ็บแทนฟ้าใสมากแต่ก็ไม่โกรธบอสนะคะ
ส่วนพี่หมิงคะ จีบสาวน่ะปล่อยหมัดตรงตลอด ขอจีบก็พูดตรง มาหาเพราะคิดถึงก็พูดตรง หวงห่วงก็พูดตรง สงสารคนดูบ้างเถอะค่ะ จะดิ้นตายเพราะคำพูดพี่หมิงนี่แหละน่ารักอะไรเบอร์นั้นคะ พูดขนาดนี้ฟ้าใสยังไม่หวั่นไหว ใจแข็งมากเลยค่ะลูก ถ้าเป็นเรานะกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว 555555 ผู้ชายแบบนี้จะไปหาได้จากซอกหลืบไหนของโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
มากันที่ความเงิบของตัวร้าย และนางร้าย เรานี่สะใจมากตอนที่เห็นหน้ายัยหมอขวัญมันเหวอ นางเหวอเพราะเห็นฟ้าใสวิ่งเสื้อขาดออกมาตะโกนหาเฉินหมิง 5555555555 อยากไปหัวเราะใส่หน้านาง ใคร ๆ เห็นก็ต้องรู้ว่าฟ้าใสถูกบอสรังแกด้วยความหึงหวง หึงโหด โปรดทำอีกครั้งหนึ่งค่ะบอส คนดูอยากได้บทเรียนแบบนี้บ้าง ต้องไปที่มงคลการละครอะคาเดมี่ใช่มั้ยคะ โดยมีบอสเป็นผู้สอนตลอดครอส สอนทั้งเทคนิค ทั้งทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ออกข้อสอบมาให้นักเรียนทำ นักเรียนทำไม่เป็นสอบตก บอสก็เปิดครอสสอนใหม่ ออกข้อสอบใหม่ นักเรียนก็สอบตกอีก วนไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนนักเรียนปากเปื่อยไปเลยฮ่ะ 5555
อิหมออิฐก็อีกคน ฟ้าใสแค่เป็นห่วงกลัวจะฆ่าตัวตายเพราะถูกทิ้ง ก็มโนไปว่าฟ้าใสยังรักตัวเองอยู่ “พี่อิฐไปเอาความมั่นใจ(มั่นหน้า อันนี้ด่าเอง 555) มาจากไหนคะ การที่ฟ้าเป็นห่วงพี่อิฐไม่ได้หมายความว่าฟ้ายังรักพี่อิฐอยู่ เข้าใจตรงกันนะคะ” 55555 เข้าใจตรงกันนะก็มาจบป่ะ อิพี่อิฐเชิญรับนกไป 10 ฝูงค่ะ ถ้าไม่พอไปกระโดดผาเงิบตายเถอะแกร
นั่งดูคลิป ดูย้อนหลัง อ่านทวิต อ่านพันทิป วนไป จากที่คิดว่าตัวเองอาจจะดูเรื่องนี้แล้วฟินในระดับหนึ่ง แต่ ณ เพลานี้ต้องบอกเลยว่าเสียอาการ เสียจริตไปหลายอย่างกับละครเรื่องนี้จริง ๆ
ในฐานะคนอ่านนิยาย ต้องชื่นชมเป็นพิเศษสำหรับผู้ผลิตละครช่อง 7 ในหลาย ๆ ค่ายที่ทำบทโทรทัศน์ออกมาได้ดีจนเรายอมรับว่าถ้าบทประพันธ์มาที่ช่อง 7 เราสามารถวางใจได้ในระดับ 70-80% ว่าจะทำออกมาดี และเคารพบทประพันธ์ไม่ปรับเปลี่ยนจนเสียอรรถรส คงไว้ซึ่งแก่นของเส้นเรื่อง คงไว้ซึ่งคาแรคเตอร์ตัวละคร ที่เราอ่านแล้วเห็นว่าช่องทำออกมาได้ดีบางเรื่องสนุกว่าในนิยายด้วยซ้ำ เช่น ลูกตาลลอยแก้ว(เวอร์ชั่นกบ-บรู๊ค) ดั่งสวรรค์สาป(เวอร์ชั่นกบ-ป๋อ) คีตโลกา ปิ่นอนงค์ ใยกัลยา ฟ้าจรดทราย รักเร่ และเรื่องนี้เลยคือกาลครั้งหนึ่งในหัวใจ
ได้โปรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ข้อร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
อ้อนวอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ขอให้อนุมัติเรื่องนี้ออกมาเถอค่ะ ล่าสุดที่จีนดังกระหึ่มไปแล้ว ส่งออกไปเอากำไรคืนมาหาคนดูด้วยการทำตราบสิ้นดินฟ้าเถิดนะเจ้าคะ
ถึงคิวขมิ้นกันปูน ละครเรื่องนี้เป็นจานด่วนเหรอคะ สาบาน 7 วัด มั้ยว่าเป็นจานด่วน แต่ทำไมถึงทำละครออกมาได้สุดอารมณ์ขนาดนี้ เรื่ององค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ถึงกับเพอร์เฟค แต่เราให้คะแนนบทโทรทัศน์กับนักแสดงเกินร้อยค่ะ เล่นกันแต่ละตอนใส่ของกันไม่ยั้ง ดูไปก็ยิ่งอิน ยิ่งดูก็ยิ่งอิน 2-3 ตอนแรกที่ดูกะว่าจะเลิกดูแล้วนะ (ส่วนหนึ่งเพราะรู้เนื้อเรื่องแล้วขี้เกียจดูซ้ำ) มันเครียด มันไม่ชอบ ทะเลาะกันอยู่นั่นแหละ จะกัดกันหาพระแสงอะไรฟร๊ะ เหตุผลน่ะมีมั้ยเกลียดกันอยู่ 2 คนแต่ลากลูกลากหลานให้ต้องมาเกลียดเหมือนตัวเอง
แต่พอเนื้อเรื่องเดินทางมาจนถึงตอนล่าสุดที่ปัทมาอยู่โรงพยาบาล ทำให้เรานึกขอบคุณตัวเองที่ไม่เลิกดูละครเรื่องนี้ไปซะก่อน เหตุผลคือละครมันแรง แต่แง่คิดที่ได้รับจากละครมันก็มาแรงเหมือนกัน ฉากที่ทำให้เราถึงกับต้องกลั้นหายใจดูคือตั้งแต่ตอนที่ปัทมาปะทะกับพระวิจิตร แล้วลงท้ายด้วยคำว่า”ค่ะ” คำเดียวสั้น ๆ แต่กระแทกถึงใจตรง ๆ คุณเอ้ยยยยยยยย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนไม่ได้นั่งอยู่หน้าจอ แต่เรากำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง ๆ นี่สินะที่เขาเรียกว่าปล่อยของ
ตัวบทถึงจะแรง แต่มีคู่น่ารักอย่างทันพันธ์กับปารมีมาทำให้อมยิ้มได้เสมอ ยิ่งเวลาเห็นคู่นี้แล้วอารมณ์อินที่กำลังปรี๊ดดดดด เมื่อฉากก่อนหน้าลดวูบลงมาที่ระดับปกติ เหมือนโดนน้ำเย็นชโลมใจ เสียงน้องมุกดา ทั้งหวาน ทั้งเย็นเหมือนน้ำที่รินรดจิตใจจริง ๆ รูปร่าง หน้าตา กิริยาท่าทาง ต้องใช้คำว่าหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว ขอพาดพิงเรื่องข้างบนเลยละกัน ขอเถอะค่ะ ให้น้องมุกดาเป็นบัวบูชาของพี่หมิงเถอะนะ บุคลิก รูปร่าง หน้าตาของน้องถ้าใครอ่านนิยายจะจินตนาการได้เลยว่าน้องมุกดานี่แหละเป๊ะมากกกก
ใครดูเรื่องนี้ถ้าได้คิดตามคำพูดและการกระทำของตัวละคร จะได้รับแง่มุมใหม่ๆ มาสอนใจตัวเองในอีกหลาย ๆ เรื่อง อย่างที่เขียนไว้ในหลายกระทู้เช่น มุมมอง เรื่องความรักในครอบครัว การเลี้ยงดูลูกหลานในหลายๆแง่มุม เห็นความต่างได้จากตัวละครรุ่นหลานทุกคน ความรักระหว่างหนุ่มสาว ทั้งแบบธนาปัทมา หรือคุณทำนองกับคุณปีป ซึ่งเลือกทางเดินคนละแบบและส่งผลให้เกิดผลลัพธ์คนละแบบด้วย แง่คิดเกี่ยวกับธรรมะที่สอดแทรกมาอย่างฉลาดจากบทพูดของปารมี แง่คิดและมุมมองเรื่องการเมืองการปกครองที่เสียดสีแต่พองาม แต่กลับทำให้คิดได้ในหลาย ๆ ประเด็น เช่นความเป็นประชาธิปไตยของบ้านเราที่มีเพียงพอหรือไม่ ทุกวันนี้ เรามีหัวใจที่เป็นประชาธิปไตยกันดีพอหรือยัง
บทพูดในเรื่องนี้ใช้ภาษาที่คมคาย ฟังแล้วสะอีก ยิ่งตอนที่พระยาอภิบาลพูดถึงเรื่องวิถีดัดจริต เรารู้สึกชอบนะ เออคนเรามันเป็นอย่างนี้กันจริง ๆ นะ ดัดจริตให้เป็นเหมือนคนอื่นทำแบบคนอื่นสมัยนี้เห็นกันเยอะมาก คำพูดอา ๆ ทั้ง 3 คนอีกสอนใจได้ดีจริง ๆ ถึงจะโกรธพ่อและพี่ แต่ไม่เคยแสดงความก้าวร้าวออกมา ซึ่งแทบจะหาไม่ได้แล้วสำหรับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ที่ตั้งหน้าตั้งตาเถียงพ่อแม่คอเป็นเอ็น แต่บทของอาทั้ง 3 ทำให้เราเห็นความดีงามของการเคารพผู้ใหญ่ในบ้านที่ควรอนุรักษ์ไว้
ย่อหน้าสุดท้ายขอพูดถึงฉากประทับใจตอนที่พระยาอภิบาลเข้าไปเจอปัทมากรีดข้อมือในห้องนอนแล้วพระยาฯถึงกับทรุดแล้วพูดประโยคเดียวสั้น ๆ ว่า “รีบพาหลานกูไปโรงหมอ” แล้วตัวพระยาก็น้ำตาคลอออกมาเพราะกลัวหลานตาย นี่สินะที่เขาเรียกว่าเลือดข้นกว่าน้ำตัดกันไม่ตายขายกันไม่ขาด ลูกหลานไม่ว่าจะชั่วดีถี่ห่างยังไง คนเป็นพ่อแม่ ปู่ยาตายายก็ยังรักและห่วงอยู่เสมอ เพียงแต่เราอาจจะมองไม่เห็นเองเพราะพวกท่านไม่ได้แสดงมันออกมา
ผ่านมา 3 หน้ากระดาษ A4 อยากจะเขียนอยากจะเวิ่นให้ยาวกว่านี้นะคะ แต่เกรงใจคนอ่านเหลื๊อออออออเกิน (นี่คือเกรงใจแล้ว)
สุดท้ายจริง ๆ ขอขอบคุณช่อง 7 ผู้ประพันธ์ ผู้เขียนบท ทีมผู้จัด ทีมนักแสดง และทีมงานเบื้อหลังของละครทั้งสองเรื่อง ที่ทำให้เราได้รับความสุขครบรสจากละครทั้งสองเรื่องสมกับสโลแกนของช่องจริง ๆ
ขอได้รับความขอบคุณจากทีมงานผู้อินละครถอนตัวไม่ได้